“ใครคือ…ผู้รับพร”
พระพร เป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายปรารถนา พระพร ตรงกันข้ามกับคำแช่งสาป พระพร นำมาซึ่งความสุข พระพร ในภาษากรีก ใช้คำว่า blessed แปลว่า ผู้รับพร ผู้มีความสุข ผู้ที่พระเจ้าอวยพร
คำแช่งสาปมาจากศัตรู คือมารซาตาน ที่ต้องการทำลาย แต่พระพรคือการเสริมสร้าง พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่คนของพระองค์ มารซาตาน ไม่มีพร มีแต่คำแช่งสาป และมันจะดีใจที่คนถูกแช่งสาป สิ่งที่มารซาตานทำได้ คือ ทำให้คนตกอยู่ในคำแช่งสาป การมาตายบนไม้กางเขนของพระเยซูคือ การมารับคำแช่งสาปแทน พระคัมภีร์กล่าวว่า ผู้ที่ถูกแขวนบนต้นไม้ คือผู้ที่รับคำแช่งสาป กางเขนจึงเป็นสัญญลักษณ์ของการทำลายคำแช่งสาปที่อยู่ในมนุษย์อย่างหมดสิ้นแล้ว เพราะฉะนั้น มารซาตานแพ้แล้วที่ไม้กางเขน สิ่งที่มารซาตานทำได้ คือทำให้จิตใจภายในของคนทำให้คนพ่ายแพ้
มีคนบางคนที่พยายามเอาตัวรอด จากคำแช่งสาป ชีวิตที่เป็นลบ และมาสอนคนอื่นได้ในเรื่องนี้ จึงนำสโลแกนหนึ่งมาใช้
ปลวกพลังบุก………ปลุกพลังบวก เป็นสโลแกนที่นำมาใช้ สำหรับการปลุกพลังชีวิตภายในของมนุษย์ขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับกลยุทธทำลายของมารซาตาน คนไทยมีคำว่า “ชีวิตคือ การต่อสู้ ศัตรูคือยากำลัง” กลยุทธของการต่อสู้ในสงครามที่ต่างฝ่ายต่างจะเอาชนะกันก็คือ การทำลายชวัญกำลังใจของอีกฝ่าย
นวนิยายดัง เรื่องสามก๊ก ที่แต่งเป็นนิทานในสมัยโบราณโช้โครงเรื่องจากพงศาวดารจีน เป็นตำราสำหรับศึกษาอุบายการเมือง และการสงคราม จนมีคำพูดที่ว่า ใครอ่านสามก๊กจบ คบไม่ได้ มีตัวละครหนึ่งที่ชื่อขงเบ้ง ใช้พลังที่ซ่อนอยู่ภายในของฝ่ายศัตรู เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ตนเองเป็นรอง (มีจำนวคนเพียงพัน กับกองทัพนับแสนของสุมาอี้)
ขงเบ้งรู้ว่าขืนยกทัพสู้มีแต่แพ้ แพ้ แล้วก็แพ้* จึงใช้อุบายเมืองร้าง และเป็นที่มาของ สำนวนคำว่า นั่งตีขิม….บนกำแพงเมือง เปิดประตูเมือง ทำทีว่าเป็นเมืองร้าง…. (ฉายภาพยนต์ตอนนี้)
“กองทัพหน้าสุมาอี้เคลื่อนมาถึงแล้วเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็ชะงักอยู่ในระยะห่างประตูเมือง สุมาอี้ขี่ม้ามาถึงกองหน้าแล้วออกไปยืนพินิจพิเคราะห์ดู เห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็รำลึกถึงกลในพิชัยสงครามที่ว่า น้อยแกล้งทำเป็นมาก มากแกล้งทำเป็นน้อย ไม่มีแสร้งทำเป็นมี มีแสร้งทำเป็นไม่มี แล้ว ก็คิดว่าขงเบ้งคงซุ่มทหารแล้วลวงให้รุกตีเข้าไปในเมือง จึงแสร้งทำเป็นไม่มีทหาร “
สุมาอี้ นอกจากเก่งการรบแล้ว ยังเป็นหนึ่งในเรื่องดนตรี และเมื่อฟังเสียงพิณที่ขงเบ้งเล่น ..สุมาอี้ถึงกับสะดุ้ง เพราะแม่ทัพแคว้นเว่ยใช้สมาธิฟังเสียงขิมที่ขงเบ้งบรรเลงเพื่อพิเคราะห์จิตใจของผู้เล่นขิมแล้วพบว่า
“เป็นท่วงทำนองที่สะท้อนถึงจิตใจของผู้เล่นพิณว่ามีความเบิกบานมั่นอกมั่นใจ อย่างเต็มเปี่ยม ทำนองเพลงรื่นไหลดุจดังกระแสน้ำ ไม่มีติดขัด จังหวะเบาไร้ร่องรอยดุจดังสายลมพัด จังหวะหนักก็หนักหน่วงดุจขุนเขาถล่มทลาย หาใช่จิตใจของผู้ที่มีความหวั่นเกรงหรือสะทกสะท้านแต่ประการใดไม่ ”
บทเพลงขิมที่ขงเบ้งเล่นนั้น เนื้อเพลงกล่าวว่า….มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ไหนเลยจะไร้คลื่นลม ท้องน้ำอันยากหยั่ง ไหนเลยจะมีแต่ปลาน้อย
จึงน่าจะมีมฤตยูใต้ห้วงน้ำลึกแอบแฝงอยู่ ในพงพฤกษา ไหนเลยจะมีแค่ผีเสื้อหลากสีสัน หากแต่ย่อมต้องมีฝูงนกป่านานาพันธุ์
สุมาอี้ยินเสียงเพลงจากขิมของผู้หยั่งรู้ดินฟ้ามหาสมุทร ก็ตีความว่าเป็นกลอุบายของขงเบ้งที่ต้องการลวงให้ตนบุกเข้าไปในเมืองแล้วใช้ทหารซุ่มโจมตี และอาจจะมีทหารรุกตีกระหนาบเข้ามาอีกหลายทิศทาง “ก็ตกใจด้วยความประหวั่นครั่นคร้าม เม็ดเหงื่อขนาดใหญ่ไหลลงโทรมหน้าโดยไม่รู้ตัว” นั่นคืออาการของสุมาอี้
กลยุทธของขงเบ้งตอนนี้ คือการ ปลุกพลังความกลัว ความกลัว คือพลังลบ ที่ทำลายได้แม้แต่ตัวของเจ้าตัวเอง พระคัมภีร์ได้ต่อต้านการปลุกพลังลบนี้ ด้วยคำว่า
2ทิโมธี 2:7 7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา
ทำนองเดียวกัน พระเจ้าต้องการปลุกพลังบวก ในคนของพระองค์ และให้คนของพระองค์ปลุกพลังบวกต่อกันและกัน
ฟิลิปปี 4:4 4 จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด
1เธสะโลนิกา 5:16-18 16 จงชื่นบานอยู่เสมอ17 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย
นี่คือคุณลักษณะของ ผู้รับพร ผู้มีความสุข ผู้ที่พระเจ้าอวยพร มีคริสเตียนไม่น้อย ที่ข้าพเจ้าเคยเทศนาว่า เป็นพวกชอบของแถม (ผลพลอยได้จากการได้รับความรอด คือพระพร) และเรียงลำดับความสำคัญให้พระพรมาก่อน ความรอด ข้าพเจ้าเทศนาเรื่องนี้ ไม่ได้ต่อต้านการรับพระพร หรือการเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าเรื่องนี้ พระพรเป็นพระสัญญาของพระเจ้า และวันนี้ ข้าพเจ้าจะนำให้พี่น้องไปให้ถึงพระสัญญาของพระเจ้า ในฐานะที่เรามาถึงความรอดขององค์พระเยซูคริสตเจ้าแล้ว (อย่าลืมว่า การเรียงลำดับความสำคัญ เป็นกุญแจสำคัญของการรับพระพร) และนี่คือ คำตอบคำว่า ทำไม…
ทำไม คริสเตียนจึงถูกเรียกว่า ผู้รับพร
เฉลยธรรมบัญญัติ 28:1-14
1 “ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และระวังที่จะกระทำตามพระบัญญัติของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจะทรงตั้งท่านไว้ให้สูงกว่าบรรดาประชาชาติทั้งหลายทั่วโลก2 พระพรเหล่านี้จะตามมาทันท่าน ถ้าท่านทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน3 ท่านทั้งหลายจะรับพระพรในเมือง ท่านทั้งหลายจะรับพระพรในทุ่งนา4 พงศ์พันธุ์ของตัวท่านเอง ผลแห่งพื้นดินของท่านและพันธุ์แห่งสัตว์ของท่านจะรับพระพร คือฝูงวัวของท่านที่เพิ่มขึ้น ฝูงแกะของท่านที่เพิ่มลูกขึ้น5 กระจาดของท่าน และรางนวดแป้งของท่านจะรับพระพร6 ท่านจะรับพระพรเมื่อท่านเข้ามา และท่านจะรับพระพรเมื่อท่านออกไป 7 “พระเจ้าจะทรงกระทำให้ศัตรูผู้ลุกขึ้นต่อสู้ท่านพ่ายแพ้แก่ท่าน เขาจะออกมาต่อสู้ท่านทางหนึ่ง และหนีจากท่านเจ็ดทาง8 พระเจ้าจะทรงบัญชาพระพรให้แก่ฉางของท่าน และบรรดากิจการที่ท่านกระทำ และพระองค์จะทรงอำนวยพระพรแก่ท่านในแผ่นดินซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน9 พระเจ้าจะทรงตั้งท่านให้เป็นชนชาติบริสุทธิ์แด่พระองค์ ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณแก่ท่านแล้ว ถ้าท่านรักษาพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และดำเนินในมรรคาของพระองค์10 และชนชาติทั้งหลายในโลกจะเห็นว่าเขาเรียกท่านตามพระนามพระเจ้า และเขาทั้งหลายจะเกรงกลัวท่าน11 พระเจ้าจะทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์ของตัวท่านเอง ผลของฝูงสัตว์ของท่านและผลแห่งพื้นดินของท่าน ในแผ่นดินซึ่งพระเจ้าทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษว่าจะให้ท่าน12 พระเจ้าจะเปิดคลังฟ้าอันดีของพระองค์ประทานฝนแก่ท่านตามฤดูกาล และทรงอำนวยพระพรแก่กิจการน้ำมือของท่าน และท่านจะให้ประชาชาติหลายประชาชาติขอยืม แต่ท่านจะไม่ขอยืมเขา13 ถ้าท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ และระวังที่จะกระทำตาม พระเจ้าจะทรงกระทำให้ท่านเป็นหัวไม่ใช่เป็นหาง กระทำให้สูงขึ้นทางเดียวมิใช่ให้ต่ำลง14 และถ้าท่านไม่หันเหไปจากถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ โดยหันไปทางขวามือหรือทางซ้าย ไปติดตามปรนนิบัติพระอื่น
กุญแจสำคัญคือการเชื่อฟัง และไม่ไปติดตามปรนนิบัติพระอื่น กุญแจสำคัญนี้ ทำให้ผู้ที่เชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้าเข้าสู่ประบกาณณ์ เป็นผู้รับพร
2 พระพรเหล่านี้จะตามมาทันท่าน ถ้าท่านทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน….. 14 และถ้าท่านไม่หันเหไปจากถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ โดยหันไปทางขวามือหรือทางซ้าย ไปติดตามปรนนิบัติพระอื่น
แนวทางที่เราจะเป็นผู้รับพระพร ตามพระสัญญาในหนังสือเฉลยธรรมบัญญัตินี้ มีสองประการ
1.จงฟังพระสุรเสียงเพื่อจะเชื่อฟัง
เราอยู่ในยุคที่คนเลือกฟังสิ่งที่ตนเองอยากจะฟัง เสียงมากมายที่เกิดขึ้นเพื่อจะให้คนพอใจ ถูกใจ แต่เสียงของพระเจ้า มักจะตรงกันข้าม คนที่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าจริงๆ จะรู้ว่า มักจะตรงกันข้าม มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า สิ่งที่ถูกต้อง มักจะไม่ถูกใจ เป็นความจริงกับเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มาถึงคนของพระองค์ อย่างที่อ.ประยูรได้เทศนาอยู่ครั้งเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า พระองค์ไม่ทำให้เราเสียใจ แต่พระองค์มักจะทำให้เราขัดใจ เพราะพระองค์ไม่ตามใจเรา และนี่คือสถานการณ์ที่เรียกว่า ฟังพระสุรเสียงเพื่อจะเชื่อฟัง ไม่ใช่ฟังเพื่อจะไม่เชื่อฟัง
พระเยซูคริสต์ทรงยกคำอุปมาเรื่องคนสร้างบ้านที่จะเผชิญกับพายุและลมแรงดังนี้
มัทธิว 7:24-27 24 “เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา25 ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา26 แต่ผู้ที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเราและไม่ประพฤติตามเล่า เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่โง่เขลา สร้างเรือนของตนไว้บนทราย27 ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น เรือนนั้นก็พังทลายลง และการซึ่งพังทลายนั้นก็ใหญ่ยิ่ง”
คนมีปัญญาคือคนฉลาด ที่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเยซูคริสต์เจ้าเพื่อจะเชื่อฟัง เสียงที่พระเยซูคือเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์
ยอห์น 14:24,26 24 ผู้ที่ไม่รักเรา ก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำซึ่งท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นพระวจนะของพระบิดาผู้ทรงใช้เรา….26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว
พระเยซูทรงตรัสประโยคนี้กับสาวกของพระองค์ ในเวลานั้น ถึงเวลาที่พระเยซูจะไป แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะมาทำหน้าที่แทน การทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำได้กว้างไกลไปทั่วทุกคนทั่วโลก เหมือนติดเครื่องรับสัญญาณสื่อสารไปได้ทุกที่ หนังสือเอเฟซัสได้กล่าวทำนองนี้ว่า
เอเฟซัส 1:22-23 22 พระเจ้าได้ทรงปราบสิ่งสารพัดลงไว้ใต้พระบาทของพระคริสต์ และได้ทรงตั้งพระองค์ไว้เป็นประมุขเหนือสิ่งสารพัดแห่งคริสตจักร23 ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ คือซึ่งเต็มบริบูรณ์ด้วยพระองค์ ผู้ทรงอยู่เต็มทุกอย่างทุกแห่งหน
คริสตจักรที่เป็นพระกายของพระเยซูคริสต์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทุกแห่งหน สามารถรับการสื่อสารจากพระเยซูคริสต์ผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ และผู้ที่เชื่อมต่อกับพระกายของพระเยซูจริงๆ ต้องเชื่อมต่อกันด้วยการดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ ในพระวิญญาณ โดยพระวิญญาณ การได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าจะเกิดขึ้น และการเชื่อฟังก็จะตามมา เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องฝืนใจ ความรู้สึกว่าจะเชื่อดีไม่เชื่อดี นั่นยังไม่ใช่ธรรมชาติที่แท้จริงของการเป็นพระกาย เป็นส่วนหนึ่งในคริสตจักรที่แท้จริง การมาโบสถ์ อาจเป็นแค่มาสังเกตการณ์
คริสตจักรยุคแรก็เจอลักษณะคริสเตียนสังเกตุการณ์แบบเดียวกัน อย่างหนังสือยูดาได้กล่าวว่า…
ยูดา 1:4 4 เพราะว่ามีบางคนได้แอบแฝงเข้ามา ซึ่งพระคัมภีร์ได้บ่งไว้นานแล้วว่า เขาจะถูกพิพากษาลงโทษอย่างนี้ เขาเหล่านั้นเป็นคนอธรรม ที่ถือเอาพระคุณของพระเจ้าของเราเป็นเหตุให้กระทำความชั่วช้าลามกและเขาปฏิเสธพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงเป็นเจ้านายและองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแต่องค์เดียว
หนังสือยูดาได้กล่าวถึง จะมีคริสเตียนที่เอาพระคุณของพระเจ้าไปใช้ในทางที่ผิดๆ และมีคริสเตียนที่ฟังแต่ไม่ได้ยินพระสุรเสียงของพระเยซู จึงตอบสนองแบบคนไม่เชื่อฟัง ข้าพเจ้าอยากจะย้ำกับเราว่า ถ้าเราได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าจริงๆ เราจะเชื่อฟัง
ประการที่สอง ของการเป็นผู้รับพระพร จากพระเจ้า (แต่เพียงผู้เดียว)
2.ระวังการหันไปปรนนิบัติพระอื่น
พระอื่น ไม่ใช่เพียงแค่รูปเคารพ หรือศาสนาอื่น แต่พระคัมภีร์ใหม่ได้ใช้คำว่า กระเพาะ เป็นพระอื่นด้วย
ฟิลิปปี 3:18-19 18 เพราะว่า มีคนหลายคนที่ประพฤติตัวเป็นศัตรูต่อกางเขนของพระคริสต์ ซึ่งข้าพเจ้าได้บอกท่านถึงเรื่องของเขาหลายครั้งแล้ว และบัดนี้ยังบอกท่านอีกด้วยน้ำตาไหล19 ปลายทางของคนเหล่านั้นคือความพินาศ พระของเขาคือกระเพาะ เขายกความที่น่าอับอายของเขาขึ้นมาโอ้อวด เขาสนใจในวัตถุทางโลก
เราทั้งหลายกำลังอยู่ในยุคที่เรื่องบริโภคนิยมมีความรุนแรงมากที่สุดยิ่งกว่ายุคใดๆ บริโภคแปลว่า กิน กินไปทุกอย่าง กินหิน กินเหล็ก กินสารพัด เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่น ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทุกการกิน จบลงที่ปากท้องทั้งหมด
เรื่องของปากท้อง คือ ตัวกระตุ้นความกลัวภายใน ที่เป็นกลยุทธของธุรกิจในสังคมในยุคของเราทุกวันนี้ และสุดท้าย มันคือกลยุทธของมารซาตานนั่นเอง ปลุกพลังลบ ทำให้คนกลัว และหันไปหาพระอื่น
สำหรับคริสเตียน คือผู้รับพระพร จากการได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าเพื่อจะเชื่อฟัง และพระคัมภีร์คือเสียงของพระเจ้าทรงตรัสให้ราได้ยิน…..
2ทิโมธี 2:7 7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา
ฟิลิปปี 4:4-7 4 จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด 5 จงให้จิตใจที่อ่อนสุภาพของท่านประจักษ์แก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว6 อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ7 แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์
1เธสะโลนิกา 5:16-18 16 จงชื่นบานอยู่เสมอ17 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย
มัทธิว 6:32 32 เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้
ใครคือผู้รับพร….คือคนที่มุ่ง…
1.จงฟังพระสุรเสียงเพื่อจะเชื่อฟัง
2.ระวังการหันไปปรนนิบัติพระอื่น