“ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ”

ลา เป็นสัตว์ใช้งานตั้งแต่ยุคโบราณ หลายพันปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในดินแดนทะเลทราย นับว่ามีความอึดน่าดู นอกจากจะทนต่ออากาศที่ร้อน ยังต้องแบกน้ำหนักคนนั่งบนหลังลา ลาแตกต่างจากอูฐที่มีถุงเก็บน้ำในบริเวณลำคอของมัน ในขณะที่ลาไม่มี แต่ต้องเดินทางในดินแดนทะเลทรายอย่างเดียวกัน ลามีความคล่องตัวกว่าอูฐ เพราะตัวเล็ก กว่าอูฐ และเป็นสัตว์ที่นิยมใช้สำหรับคนนั่งเป็นพาหนะที่ดีทีเดียว แต่ก็มีความเปราะบาง ในการรับน้ำหนักตัวคน และมีลาไม่น้อยที่หลังหักบาดเจ็บ   และที่สำคัญ ยังเป็นสัตว์สัญลักษณ์ สำหรับนักรบ กษัตริย์ ที่ใช้ในวาระพิเศษ เช่น  กลับจากสงคราม เข้าเมืองอย่างผู้มีชัยชนะ  และในพระคัมภีร์เดิม ลาถูกกล่าวถึง ในคำพยากรณ์ถึงพระเมสสิยาห์ ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ ให้เป็นผู้ช่วยให้รอดของชนชาติอิสราเอล จะทรงลามา….

เศคาริยาห์ 9:9  9 ธิดา​แห่งศิ​โยน​เอ๋ย จง​ร่า​เริง​อย่าง​ยิ่ง​เถิด โอ บุตรี​แห่ง​เยรูซาเล็ม​เอ๋ย จง​โห่​ร้อง ดู​เถิด กษัตริย์​ของ​เธอ​เสด็จ​มา​หา​เธอ ทรง​ความ​ยุติธรรม​และ​ความ​รอด ​พระ​องค์​ทรง​อ่อน​สุภาพ​และ​ทรง​ลา ทรง​ลูก​ลา

และมัทธิว หนึ่งในสาวกสิบสองคน ได้นำคำพยากรณ์นี้มาบันทึกในหนังสือมัทธิว ถึงเหตุการณ์การเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูคริสต์ โดยทรงลา สำเร็จตามคำพยากรณ์ที่เล็งถึง การเป็นพระเมสสิยาห์ตามที่พระเจ้าทรงสัญญา….

มัทธิว 21:4-5 4 เหตุการณ์​นี้​เกิดขึ้น เพื่อ​จะ​ให้​เป็นไป​ตาม​พระ​วจนะ​ที่​ตรัส​โดย​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ว่า 5 จง​บอก​ชาวศิ​โยน​ว่า กษัตริย์​ของ​ท่าน​เสด็จ​มา​หา​ท่าน โดย​พระ​ทัย​อ่อน​สุภาพ ทรง​ลา ทรง​ลูก​ลา

พระกิตติคุณสามเล๋มได้บันทึกเหตุการณ์ครั้งนั้น เหมือนกัน แต่แตกต่างกันในรายละเอียด  ความจริง พระเยซูทรงเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มีนัยยะสำคัญ เพราะตรงกับคำพยากรณ์ในเศคาริยาห์ และประชาชนในกรุงเยรูซาเล็มต่างต้อนรับการเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มของพระเยซูในครั้งนี้  เพราะได้เห็น ได้ประสบกับพันธกิจที่พระเยซูทรงทำกับคนตั้งแต่การหายโรค การอัศจรรย์ต่างๆ จนถึงคนตายฟื้นจากความตาย และคำสอนที่เปิดเผยความจริงของพระเจ้า  พระกิตติคุณสามเล่มบันทึกเหตุการณ์สำคัญครั้งนั้น และที่ไม่พลาดหรือตกหล่น ที่เป็นตัวประกอบสำคัญก็คือ ลา…พาหนะที่พระเยซูขี่เข้ากรุงเยรูซาเล็ม อย่างกษัตริย์ ที่ประชาชนร้องคำว่า โฮซันนา On save! ที่วันนี้ ข้าพเจ้าได้เขียนสูจิบัตรถึงความหมายของคำๆนี้

ลูกา 19:29-40 28 เมื่อ​พระ​องค์​ตรัส​คำ​เหล่า​นั้น​แล้ว ​พระ​องค์​ทรง​ดำเนิน​นำหน้า​เขา​ไป จะ​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม​29 เมื่อ​พระ​องค์​เสด็จ​มา​ใกล้​หมู่​บ้าน​เบธ​ฟา​ยี​และ​หมู่​บ้าน​เบธานี บน​ภูเขา​ซึ่ง​เรียก​ว่า มะกอก​เทศ ​พระ​องค์​ทรง​ใช้​สาวก​สอง​คน​30 สั่ง​ว่า “จง​เข้า​ไป​ใน​หมู่​บ้าน​ที่​อยู่​ตรงหน้า เมื่อ​เข้า​ไป​แล้ว​จะ​พบ​ลูก​ลา​ตัว​หนึ่ง​ผูก​อยู่ ที่​ยัง​ไม่​มี​ใคร​ขึ้น​ขี่​เลย จง​แก้​มัน​จูง​มา​เถิด​31 ถ้า​มี​ผู้ใด​ถาม​ว่า ‘ท่าน​แก้​มัน​ทำไม’ จง​บอก​เขา​ว่า ‘พระ​องค์​ต้อง​ประสงค์​ลูก​ลา​นี้’ ”32 สาวก​ที่​รับ​ใช้​นั้น​ได้​ไป​พบ​เหมือน​ที่​พระ​องค์​ตรัส​แก่​เขา​แล้ว​33 เมื่อ​เขา​กำลัง​แก้​ลูก​ลา​นั้น พวก​เจ้า​ของ​ก็​ถาม​เขา​ว่า “ท่าน​แก้​ลูก​ลา​ทำไม”34 ฝ่าย​เขา​ตอบ​ว่า “​พระ​องค์​ต้อง​ประสงค์​ลูก​ลา​นี้”35 แล้ว​เขา​ก็​จูง​ลูก​ลา​มาถึง​พระ​เยซู และ​เอา​เสื้อ​ของ​ตน​ปู​ลง​บน​หลัง​ลา และ​เชิญ​พระ​เยซู​ขึ้น​ทรง​ลา​นั้น​36 เมื่อ​พระ​องค์​เสด็จ​ไป เขา​ทั้ง​หลาย​ก็​เอา​เสื้อผ้า​ของ​ตน​ปู​ลง​ตาม​หนทาง​37 เมื่อ​พระ​องค์​เสด็จ​มา​ใกล้​ที่​ซึ่ง​จะ​ลง​ไป​จาก​ภูเขา​มะกอก​เทศ​แล้ว เหล่า​สาวก​ทุก​คน​มี​ความ​เปรม​ปรีดิ์ เพราะ​บรรดามห​กิจ​ซึ่ง​เขา​ได้​เห็น​นั้น จึง​เริ่ม​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​เสียง​ดัง​38 ว่า “ขอ​ให้ ​พระ​มหา​กษัตริย์​ผู้​ที่​เสด็จ​มา​ใน​พระ​นาม​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ทรง​พระ​เจริญ  จง​มี​สันติ​สุข​ใน​สวรรค์ และ​พระ​สิริ​ใน​ที่​สูงสุด”39 ฝ่ายฟาริสี​บาง​คน​ใน​หมู่​ประชาชน​นั้น​ทูล​พระ​องค์​ว่า “อาจารย์​เจ้า​ข้า จง​ห้าม​เหล่า​สาวก​ของ​ท่าน”40 ​พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ถึง​คน​เหล่า​นี้​จะ​นิ่ง​เสีย ศิลา​ทั้ง​หลาย​ก็​ยัง​จะ​ส่ง​เสียง​ร้อง”

คุณสมบัติของลาที่จะให้พระเยซูคริสต์ขี่ สำเร็จตามคำพยากรณ์

1.ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ได้รับใช้เพราะเครดิตของพระเยซู   

มัทธิว 21:1-2,6-7  1 ครั้น​พระ​องค์​กับ​พวก​สาวก​มา​ใกล้​กรุง​เยรูซาเล็ม ถึง​หมู่​บ้าน​เบธ​ฟา​ยี เชิง​ภูเขา​มะกอก​เทศ แล้ว​พระ​เยซู​ทรง​ใช้​สาวก​สอง​คน​2 สั่ง​เขา​ว่า “จง​เข้า​ไป​ใน​หมู่​บ้าน​ที่​อยู่​ตรงหน้า​ท่าน ท่าน​จะ​พบ​แม่​ลา​ตัว​หนึ่ง​ผูก​อยู่​กับ​ลูก​ของ​มัน จง​แก้​จูง​มา​ให้​เรา​…. 6 สาวก​ทั้ง​สอง​คน​นั้น ​ก็​ไป​ทำ​ตาม​พระ​เยซู​ตรัส​สั่ง​7 จึง​จูง​แม่​ลา​กับ​ลูก​ของ​มัน​มา และ​เอา​เสื้อผ้า​ของ​ตน​ปู​บน​หลัง แล้ว​พระ​องค์​ได้​ทรง​ลา​นั้น​

ลูกลาตัวนี้ ถูกผูกไว้กับแม่ของมันที่ถนนข้างทาง มันพร้อมแล้วสำหรับการรับใช้ ความจริงมีคนถามสาวกว่า เอาลูกลาไปทำไม   และพระเยซูสั่งกับสาวกแล้วว่า ให้ตอบคำถามนี้ ด้วยคำว่า พระองค์ต้องประสงค์

มัทธิว 21:3 ถ้า​มี​ผู้ใด​ว่า​อะไร​แก่​ท่าน ท่าน​จง​ว่า ‘พระ​องค์​ต้อง​ประสงค์’ แล้ว​เขา​จะ​ปล่อย​ให้​มา​ทันที”

เป็นไปได้ว่า  เจ้าของลา หรือคนที่ดูแลลา รู้จักว่าเจ้านายของสาวกคือพระเยซู และน่าจะเป็นการขอยืมใช้งานชั่วคราว เครดิตของสาวกในเวลานั้น น่าจะเกิดจากการรับใช้ร่วมกับพระเยซูบ่อยๆ จนคนในเยรูซาเล็มอย่างเจ้าของลารู้จัก และไว้ใจ  การขอยืมลา ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีราคาแพง เป็นสัตว์ใช้งาน แต่เครดิตของพระเยซูมีมากเพียงพอที่การขอใช้ลาจึงสำเร็จ

2.ลา….ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ได้อัพเกรด อัพราคาเพราะพระเยซู

มาระโก 11:3  3 ถ้า​มี​ใคร​ถาม​ว่า ‘พวก​ท่าน​ทำ​อย่าง​นี้​ทำไม?’ จง​บอก​เขา​ว่า ‘องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ต้อง​พระ​ประ​สงค์ แล้ว​จะ​ส่ง​กลับ​มา​ที่นี่​โดย​เร็ว’ ”

การใช้งานของลาในครั้งนี้ ไม่ต้องเสียสตังค์ใดๆ เพราะเป็นการขอยืม ใช้งานเสร็จ พระเยซูส่งคืน หมายถึง การให้พระเยซูยืม โดยไม่คิดมูลค่า ไม่หวังผลตอบแทน

สภาพเศรษฐกิจในเวลานั้น ฝืดเคืองอยู่แล้ว การว่าจ้างก็น่าจะน้อย (ดูจากการผูกลาเอาไว้ ทั้งแม่ลูก อาจเป็นไปได้ว่า นี่คือภาพของการลดราคา จ้างหนึ่งได้สอง ได้นั่งได้บันทุกของไปด้วย) แล้วพระเยซูยังใช้สาวกมาเอาลาไปทั้งแม่ทั้งลูกแบบขอยืมใช้ฟรีๆ  เป็นคุณๆจะยอมไม๊ พลาดโอกาสได้เงิน แล้วยังเสียเวลา เท่ากับเสียเงิน แต่…ข้าพเจ้าคิดว่า หลังจากใช้งานเสร็จ ลาแม่ลูกสองตัวนี้ น่าจะมีราคา เพราะพระเยซูนั่งมาแล้ว ใครๆก็คงอยากจะว่าจ้างลาสองแม่ลูกนี้

3.ลา….ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ให้พระเยซูมีสิทธิ์เลือกก่อน

เศคาริยาห์ 9:9…ทรง​ลา ทรง​ลูก​ลา 

พระเยซูคริสต์ทรงเลือกที่จะขี่ตัวไหน ที่ดีที่สุด  บ่อยครั้งที่เรามักจะแย่งสิทธิ์การเลือกมาเป็นของเรา ว่าเราจะให้พระเยซูใช้เราได้เมื่อไหร่ เมื่อเรารู้สึกว่า เราอยากจะรับใช้ หรือไม่อยาก ในขณะที่พระเยซูทรงต้องการให้เรารับใช้เดี๋ยวนี้ เราก็จะบอกพระองค์ว่า รอไปก่อน หรือไม่มีทางเลือกแล้วถึงจะมารับให้พระองค์ใช้

มีพ่อแม่คริสเตียนไม่น้อย ที่อยากให้ลูกไปรับใช้โลกข้างนอก เรียนเพื่อหาเงินทอง เพื่อความสำเร็จ แต่ไม่อยากให้เรียนเพื่อรับใช้พระเจ้า อย่างเรียนพระคัมภีร์ ลูกที่เรียนหนังสือไม่เก่ง หรือคนที่ไปไหนไม่รอด ถึงจะมาเรียนพระคัมภีร์ หรือจะมารับใช้พระเจ้า (เพราะไม่มีทางเลือกแล้ว) ทางดีคนอื่นเลือกไปหมด ลา….ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ  ให้พระเยซูมีสิทธิ์เลือกก่อน

4.ลา….ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ รับใช้อย่างคนสุขภาพจิตวิญญาณที่หายดี

มาระโก 11:2 2 สั่ง​เขา​ว่า “จง​เข้า​ไป​ใน​หมู่​บ้าน​ที่​อยู่​ตรงหน้า​ท่าน ครั้น​เข้า​ไป​แล้ว​ใน​ทันใด​นั้น​จะ​พบ​ลูก​ลา​ตัว​หนึ่ง​ผูก​อยู่ ที่​ยัง​ไม่​มี​ใคร​ขึ้น​ขี่​เลย จง​แก้​มัน​จูง​มา​เถิด​

ลูกลา เป็นลาที่ไม่เคยให้ใครขี่มาก่อน ความหมายถึง เป็นลาที่หลังไม่หัก ไม่บาดเจ็บ  การรับใช้ของมันจึงให้พระเยซูขี่อย่างนิ่งสงบ

การบำบัดภายในโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า จะทำให้เราหายดี และสามารถรับใช้เหมือนคนที่ไม่เคยบาดเจ็บ ไม่เคยหลังหักมาก่อน สามารถรับน้ำหนักแรงกดดันจากการรับใช้ได้ อย่างสงบนิ่ง

5.และเมื่อลาเป็นไปตามพระประสงค์ของพระเยซูคริสต์เจ้า

เสียงโห่ร้องว่า โฮซันนา  Oh save เกิดขึ้น ผู้คนร้องตะโกนด้วยความรัก ยกย่องพระเยซูทรงงามสง่าบนหลังของมัน  รวมทั้งแม่ของลาที่เดินเคียงคู่ได้รับการโห่ร้องไปด้วย

ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ก็เป็นเหมือนกับแม่ลาที่ยอมให้พระเยซูขี่ลูกของมัน และมันเดินเคียงข้างลูกของมันเหมือนพระเยซูทรงขี่มันด้วย  มันไม่พยศ ไม่หวงลูกของมัน ส่วนลูกลาที่เป็นครั้งแรกของการถูกขี่ ก็ไม่พยศ ไม่ทำให้พระเยซูตกจากหลังของมัน มันไม่ดื้อ ไม่ตกใจกับเสียงร้องของผู้คน และไม่ใส่ใจว่า คนจะสนใจแต่พระเยซู ไม่สนใจมัน มันทำหน้าที่เดินและเดิน พาพระเยซูไปจนถึงที่หมาย สำเร็จด้วยดี ตามที่พระคัมภีร์ได้บันทึกว่า พระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างกษัตริย์ (สง่างาม) อย่างผู้พิชิต ที่ได้รับการต้อนรับจากชาวกรุงเยรูซาเล็มด้วยดี แม้ว่าจะมีการห้ามจากพวกฟาริสี แต่พระเยซูก็ทรงเป็นผู้ตอบโต้คนที่ห้ามเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง

39 ฝ่ายฟาริสี​บาง​คน​ใน​หมู่​ประชาชน​นั้น​ทูล​พระ​องค์​ว่า “อาจารย์​เจ้า​ข้า จง​ห้าม​เหล่า​สาวก​ของ​ท่าน”40 ​พระ​องค์​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ถึง​คน​เหล่า​นี้​จะ​นิ่ง​เสีย ศิลา​ทั้ง​หลาย​ก็​ยัง​จะ​ส่ง​เสียง​ร้อง”

ลา….ที่เป็นภาพของผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ แทบไม่ต้องทำอะไร แค่ให้พระเยซูขี่เท่านั้น  มันก็เป็นลาที่ถูกบันทึกในพระคัมภีร์ตอนนี้ เป็นที่พูดถึงนานนับพันปี จนถึงทุกวันนี้  ลาตัวนี้ก็ยังอยู่ในเรื่องราวการรับใช้พระเยซูตลอดไป

นอกจากลาที่ทำหน้าที่ให้พระเยซูขี่แล้ว ยังมีลาที่ทำหน้าที่ให้คนอื่นขี่  ในพระคัมภีร์เดิม ลา..ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ  แม้จะต้องเจอกับเจ้านายที่ทำให้มันบาดเจ็บ มันก็ยังสัตย์ซื่อ เรามาดูบทเรียนนี้อีกมุมหนึ่งด้วยกัน เรื่องราวนี้ ปรากฏในหนังสือกันดารวิถี….

กันดารวิถี 22:21-33 21 ดังนั้น​รุ่ง​เช้า​บา​ลา​อัม​ก็​ลุก​ขึ้น​ผูก​อาน​ลา ไป​กับ​เจ้านาย​แห่ง​โม​อับ​22 แต่​พระ​เจ้า​ทรง​กริ้ว​ต่อ​บา​ลา​อัม​เพราะ​เขา​ไป ดังนั้น​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​มา​ยืน​เป็น​ผู้​สกัด​ทาง​บา​ลา​อัม​ไว้ ฝ่าย​บา​ลา​อัม​ขี่​ลา​มี​คน​ใช้​สอง​คน​ไป​กับ​เขา​23 เมื่อ​ลา​นั้น​เห็น​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​ถือ​ดาบ​ยืน​อยู่​ใน​หนทาง ลา​ก็​เลี้ยว​ออก​นอก​ทาง เข้า​ไป​ใน​ทุ่ง​นา บา​ลา​อัม​จึง​ตี​ลา​ให้​กลับไป​ทาง​เดิม​24 แล้ว​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​มา​ยืน​อยู่​ใน​ทาง​แคบ​ระหว่าง​สวน​องุ่น​มี​กำแพง​ทั้ง​สอง​ข้าง​ทาง​25 เมื่อ​ลา​เห็น​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​มัน​ก็​ดัน​ไป​ติด​กำแพง หนีบ​เท้า​ของ​บา​ลา​อัม​เข้า​กับ​กำแพง บา​ลา​อัม​ก็​ตี​ลา​อีก​

26 แล้ว​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​ก็​เดิน​ไป​ข้างหน้า ยืน​อยู่​ใน​ที่​แคบ ไม่​มี​ทาง​ที่​จะ​หลีก​ไป​ข้าง​ขวา​หรือ​ข้าง​ซ้าย​27 เมื่อ​ลา​เห็น​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​มัน​ก็​หมอบ​ลง บา​ลา​อัม​ยัง​คง​นั่ง​อยู่​บน​หลัง บา​ลา​อัม​ก็​โกรธ จึง​เอา​ไม้​เท้า​ของ​เขา​ตี​ลา​28 แล้ว​พระ​เจ้า​เปิด​ปาก​ลา มัน​จึง​พูด​กับ​บา​ลา​อัม​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​กระทำ​อะไร​แก่​ท่าน ท่าน​จึง​ได้​ตี​ข้าพเจ้า​ถึง​สาม​ครั้ง”29 บา​ลา​อัม​พูด​กับ​ลา​ว่า “เพราะ​เจ้า​ได้​แกล้ง​เรา เรา​อยากจะ​มี​ดาบ​อยู่​ใน​มือ​เดี๋ยวนี้ เรา​จะ​ได้​ฆ่า​เจ้า​เสีย”30 ลา​ก็​พูด​กับ​บา​ลา​อัม​ว่า “ข้าพเจ้า​ไม่ใช่​ลา​ของ​ท่าน ที่​ท่าน​ขับ​ขี่​อยู่​ทุก​วัน​ตลอด​ชีวิต​จน​บัดนี้​ดอก​หรือ ข้าพเจ้า​ได้​เคย​กระทำ​เช่นนี้​แก่​ท่าน​หรือ” บา​ลา​อัม​ก็​บอก​ว่า “ไม่​เคย” 31 แล้ว​พระ​เจ้า​ทรง​เบิก​ตา​บา​ลา​อัม เขา​จึง​เห็น​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า ถือ​ดาบ​ยืน​อยู่​ใน​หนทาง บา​ลา​อัม​ก็​ก้ม​ศีรษะ​ซบ​หน้า​ลง​กราบ​32 และ​ทูตสวรรค์​แห่ง​พระ​เจ้า พูด​กับ​บา​ลา​อัม​ว่า “ทำไม​เจ้า​จึง​ตี​ลา​ของ​เจ้า​ถึง​สาม​ครั้ง ดู​เถิด เรา​มา​ห้าม​เจ้า เพราะ​เจ้า​ขัด​ขืน​เรา​33 ลา​ได้​เห็น​เรา และ​หลีก​ไป​ต่อ​หน้า​เรา​ถึง​สาม​ครั้ง ถ้า​มัน​มิได้​หลีก​ไป​จาก​เรา เรา​จะ​ได้​ฆ่า​เจ้า​เสีย​แล้ว​เมื่อ​ตะ​กี้​นี้​แน่ และ​ให้​ลา​รอด​ตาย​ไป”

ลาในเรื่องราวตอนนี้ เป็นลาพิเศษ ที่มองเห็นสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็น แถมพูดภาษาคนได้ด้วย  เพราะพระเจ้าทรงทำให้ลาพูดได้ มองเห็นได้

 

1.ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ  ปกป้องผู้ที่มันปรนนิบัติ

23 เมื่อลานั้นเห็นทูตสวรรค์ของพระเจ้าถือดาบยืนอยู่ในหนทาง ลาก็เลี้ยวออกนอกทาง เข้าไปในทุ่งนา บาลาอัมจึงตีลาให้กลับไปทางเดิม

เห็นอันตรายที่จะเกิดกับคนที่ขี่มัน จึงพาออกจากอันตรายนั้น แต่…บาลาอัมกลับไม่พอใจ และตีลา

2.ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ อาจต้องเจ็บ

​24 แล้ว​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​มา​ยืน​อยู่​ใน​ทาง​แคบ​ระหว่าง​สวน​องุ่น​มี​กำแพง​ทั้ง​สอง​ข้าง​ทาง​25 เมื่อ​ลา​เห็น​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​มัน​ก็​ดัน​ไป​ติด​กำแพง หนีบ​เท้า​ของ​บา​ลา​อัม​เข้า​กับ​กำแพง บา​ลา​อัม​ก็​ตี​ลา​อีก​

ลาได้ทำผู้ที่มันรับใช้ ต้องเจ็บ เพราะการช่วยครั้งนั้น  การดันให้เท้าของผู้ขี่ลาติดกับกำแพง  เพื่อส่งสัญญาณว่า ไปต่อในทางที่ต้องการจะไปไม่ได้ เพราะลามองเห็นทูตสวรรค์มาขวาง (ทางที่กำลังไปไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้า)

บางครั้งศิษยาภิบาล หรือผู้รับใช้ ผู้นำไม่ตามใจสมาชิก หรืออาจขัดใจทีมงาน ก็เพราะการมองเห็นที่แตกต่าง จากการสำแดงของพระเจ้าก็เป็นไปได้  ความขัดใจ อาจทำให้เจ็บ  และการไม่ยอม ดื้อ ยังฝืน ก็ยิ่งทำให้เจ็บมากขึ้น อาจเหมือนบาลาอัมที่ตีลา เพราะไม่รู้ว่าลากกำลังปรนนิบัตินายของมันด้วยการหยุดการทำผิด ไปทางผิดของบาลาอัม

3.ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ไม่ตอบโต้ ตั้งรับฝ่ายเดียว

26 แล้ว​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​ก็​เดิน​ไป​ข้างหน้า ยืน​อยู่​ใน​ที่​แคบ ไม่​มี​ทาง​ที่​จะ​หลีก​ไป​ข้าง​ขวา​หรือ​ข้าง​ซ้าย​27 เมื่อ​ลา​เห็น​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า​มัน​ก็​หมอบ​ลง บา​ลา​อัม​ยัง​คง​นั่ง​อยู่​บน​หลัง บา​ลา​อัม​ก็​โกรธ จึง​เอา​ไม้​เท้า​ของ​เขา​ตี​ลา

มันหยุดเดิน มันยอมถูกตีอีก มันกำลังเตือนเจ้านายของมัน ว่าอันตรายอยู่ตรงหน้า มันเห็นสิ่งที่นายมันไม่เห็น มันกล้าที่จะสวนกับความต้องการของนายมัน และมันก็ถูกตี ถูกโกรธ ขณะที่นายของมันนั่งอยู่บนหลังของมัน

ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ หยุดนิ่ง  ถูกโจมตี ไม่ตอบโต้ ตั้งรับฝ่ายเดียว   การใช้ไม้เท้าตี คือการต่อสู้อย่างอริ ไม้เท้ามีไว้ไล่สัตว์ป่า ไม่ใช่สำหรับตีสัตว์ใช้งานของตนเอง  ลา..ต้องทนเจ็บ แต่ยังสัตย์ซื่อ่ในการรับใช้

4.ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ พูดจากความจริงใจ

28 แล้ว​พระ​เจ้า​เปิด​ปาก​ลา มัน​จึง​พูด​กับ​บา​ลา​อัม​ว่า “ข้าพเจ้า​ได้​กระทำ​อะไร​แก่​ท่าน ท่าน​จึง​ได้​ตี​ข้าพเจ้า​ถึง​สาม​ครั้ง”29 บา​ลา​อัม​พูด​กับ​ลา​ว่า “เพราะ​เจ้า​ได้​แกล้ง​เรา เรา​อยากจะ​มี​ดาบ​อยู่​ใน​มือ​เดี๋ยวนี้ เรา​จะ​ได้​ฆ่า​เจ้า​เสีย”

อย่าเอาคำว่า พูดไม่ได้มาเป็นข้ออ้าง   ขนาดลาที่พูดภาษาคนไม่ได้  พระเจ้ายังทำให้พูดภาษาคนได้  ลามันมีความจริงใจ พระเจ้าเปิดปากลาให้พูดให้นายมันได้รับฟังคำพูดของมัน อย่ากลัวที่จะพูด แต่ถ้าจะพูด ก็จงพูดจากการเปิดปากโดยพระเจ้า  ไม่ใช่อย่างสำนวนไทย ที่ใช้คำว่า ผีเจาะปากให้มาพูด คือพูดสิ่งที่ไม่ควรจะพูด พูดไม่ถูกกาละเทศะ พูดแต่เรื่องร้าย ๆ หรือ พูดแต่เรื่องโกหก ให้ร้ายคนอื่น

5.ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ มีความเสมอต้นเสมอปลายในการรับใช้

30 ลา​ก็​พูด​กับ​บา​ลา​อัม​ว่า “ข้าพเจ้า​ไม่ใช่​ลา​ของ​ท่าน ที่​ท่าน​ขับ​ขี่​อยู่​ทุก​วัน​ตลอด​ชีวิต​จน​บัดนี้​ดอก​หรือ ข้าพเจ้า​ได้​เคย​กระทำ​เช่นนี้​แก่​ท่าน​หรือ” บา​ลา​อัม​ก็​บอก​ว่า “ไม่​เคย”

ลา… ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ไม่เปลี่ยนแปลง ท่าทีการรับใช้ยังเหมือนเดิม  และก็เป็นความจริง มันปรนนิบัติอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยประท้วง ไม่นัดหยุดงาน ไม่เคยขัดต่อความประสงค์เป้าหมายที่นายของมันต้องการ

ุ6.ลา….ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ รู้บทบาทของตนเอง(เล่นตามกติกา)

31 แล้ว​พระ​เจ้า​ทรง​เบิก​ตา​บา​ลา​อัม เขา​จึง​เห็น​ทูตสวรรค์​ของ​พระ​เจ้า ถือ​ดาบ​ยืน​อยู่​ใน​หนทาง บา​ลา​อัม​ก็​ก้ม​ศีรษะ​ซบ​หน้า​ลง​กราบ​32 และ​ทูตสวรรค์​แห่ง​พระ​เจ้า พูด​กับ​บา​ลา​อัม​ว่า “ทำไม​เจ้า​จึง​ตี​ลา​ของ​เจ้า​ถึง​สาม​ครั้ง ดู​เถิด เรา​มา​ห้าม​เจ้า เพราะ​เจ้า​ขัด​ขืน​เรา​33 ลา​ได้​เห็น​เรา และ​หลีก​ไป​ต่อ​หน้า​เรา​ถึง​สาม​ครั้ง ถ้า​มัน​มิได้​หลีก​ไป​จาก​เรา เรา​จะ​ได้​ฆ่า​เจ้า​เสีย​แล้ว​เมื่อ​ตะ​กี้​นี้​แน่ และ​ให้​ลา​รอด​ตาย​ไป”

ลาพูดส่วนที่มันต้องพูด  จบคำพูดลา พระเจ้าทำส่วนของพระองค์ เป็นผู้เปิดตาบาลาอัมให้มองเห็นความจริง ว่าลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ  ยอมให้โกรธ เกลียด ตี ก็เพราะมันกำลังช่วยชีวิตของผู้ที่มันกำลังปรนนิบัติจากมือของทูตสวรรค์ของพระเจ้า ที่ถือดาบ

วันนี้ ที่เรายังมีชีวิตอยู่ อย่างปลอดภัย หรือคลาดแคล้วจากอันตราย  เราย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า เราถูกต้องกับพระเจ้า กับคนของพระเจ้าอยู่หรือไม่ ….หรือกำลังทำบาปบางอย่างอยู่  บางที  อาจจะเป็นลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือเราอยู่ก็ได้

7.ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ ปรนนิบัติพระเยซูพร้อมกับปรนนิบัติคนอื่น

ลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อจะได้รับเกียรติร่วมกับพระเยซูขณะที่พระองค์อยู่บนหลังของมัน ในขณะเดียวกัน มันก็ต้องเจ็บปวด ยอมถูกตีเมื่อคนที่มันกำลังปรนนิบัติ เข้าใจมันผิด หรือมันจำเป็นต้องสวนทางกับความต้องการของผู้ที่มันกำลังปรนนิบัติอย่างบาลาอัม ที่ตีมันและตีมัน และอยากจะฆ่ามันให้ตาย มันก็ยังคงสัตย์ซื่อที่จะช่วยชีวิตของผู้ที่มันกำลังปรนนิบัติ

ขอให้บทเรียนของลา…ผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อ  ทำให้เราอดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก ทั้งมวลได้จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์เจ้าเสด็จมา อาเมน

มัทธิว 10:21-22,24-25 21 แม้ว่า​พี่​จะ​มอบ​น้อง​ให้​ถึง​ความ​ตาย พ่อ​จะ​มอบ​ลูก​และ​ลูก​ก็​จะ​ทรยศ​ต่อ​พ่อ​แม่​ให้​ถึง​แก่​ความ​ตาย22 คน​ทั้ง​ปวง​จะ​เกลียด​ชัง​ท่าน เพราะ​ความ​ภักดี​ที่​ท่าน​มี​ต่อ​เรา แต่​ผู้ใด​ที่​ทน​ได้​ถึง​ที่สุด ผู้​นั้น​จะ​รอด… 24 “ศิษย์​ไม่​ใหญ่​กว่า​ครูและ​ทาส​ไม่​ใหญ่​กว่า​นาย​ของ​ตน25 ซึ่ง​ศิษย์​จะ​ได้รับ​การ​รับรอง​เสมอ​ครู และ​ทาส​เสมอ​นาย​ของ​ตน​ก็​พอ​อยู่​แล้ว ถ้า​เขา​ได้​เรียก​เจ้า​บ้าน​ว่าเบ​เอล​เซบูล เขา​จะ​เรียก​ลูก​บ้าน​ของ​เขา​มาก​ยิ่ง​กว่า​นั้น​เท่าใด​

By admin