“ความเป็นผู้หญิง กับพระประสงค์ของพระเจ้า”
แม้วันนี้ จะเป็นวันแรกของการเปลี่ยนแปลงที่คริสตจักรของเราไม่จัดวันแม่ แต่คำเทศนาในวันนี้ ก็อยากจะยกย่องความเป็นผู้หญิง ซึ่งคุณแม่ทั้งหลายมี พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงการสร้างความเป็นผู้หญิง เกิดขึ้นที่สวนเอเดน พระเจ้าทรงสร้างผู้หญิง ก็เพื่อจะเป็นผู้อุปถัมภ์ให้กับผู้ชาย
ปฐมกาล 2:20 20 ชายนั้นจึงตั้งชื่อบรรดาสัตว์ใช้งานและนกในอากาศและบรรดาสัตว์ป่า แต่ชายนั้นยังหามีคู่อุปถัมภ์ที่สมกับตนไม่
รากศัพท์ฮีบรู คำว่า คู่อุปถัมภ์ แปลว่า ความช่วยเหลือ มาจากคำดั้งเดิมแปลว่า ผู้ที่อยู่รอบๆ ผู้ปกป้อง
ผลจากวัตถุปรสงค์ในการทรงสร้างผู้หญิง จึงทำให้ ความเป็นครอบครัวเกิดขึ้น
ปฐมกาล 2:24 24 เพราะเหตุนั้นผู้ชายจึงจากบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน
ผู้หญิงถูกสร้างออกมาจากผู้ชาย เป็นไปได้ว่า นี่คือสาเหตุผู้หญิงอ่อนแอกว่าผู้ชาย หากวิเคราะห์ตามหลักของพันธุกรรม ต้นแบบมักจะแข็งแรงกว่าเสมอ
ปฐมกาล 2:23 23 ชายจึงว่า “นี่แหละ กระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกว่าหญิง เพราะหญิงนี้ออกมาจากชาย”
น่าสนใจที่พระประสงค์ของพระเจ้าในการสร้างผู้หญิง ให้เป็นคู่อุปถัมภ์ เพื่อทำหน้าที่ปกป้อง ช่วยเหลือผู้ชาย แต่กลับสร้างผู้หญิงอ่อนแอกว่าผู้ชาย แสดงว่า การปกป้อง การช่วยเหลือของผู้หญิง ไม่ใช่ที่แรงหรือกำลัง เทียบเท่าผู้ชาย ในความอ่อนแอกว่านี้เอง คือความเป็นผู้หญิง ที่ทำให้การทรงสร้างของพระเจ้าออกมาสวยงาม มีทั้งหญิงและชาย ที่ให้กำเนิดเกิดลูกเกิดหลานเป็นครอบครัวที่ขยายอยู่เต็มโลกใบนี้
ปฐมกาล 1:27-28 27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง 28 พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน”
พระคัมภีร์บันทึกว่า งูที่เป็นซาตานได้เข้ามาล่อลวงให้มนุษย์ทำบาป โดยเข้ามาทางผู้หญิง ความเป็นผู้หญิงได้กลายเป็นเหยื่อการโกหกของซาตาน หากพินิจพิจารณาความเป็นผู้หญิงในอีกมุมที่คนมักตำหนิที่เป็นเหตุให้ผู้ชายล้มลงในความบาปด้วย ก็คือ ความห่วงใย และการแบ่งปันสิ่งที่ตนคิดว่าดี ให้กับผู้ชาย
ปฐมกาล 3:6 6 เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นน่ากิน และน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีกินด้วย เขาก็กิน
แม้ความเป็นผู้หญิงจะเป็นเหยื่อครั้งแรกให้กับซาตาน นำการล้มลงในความบาปให้เกิดขึ้น พระเจ้าก็ทรงนำความเป็นผู้หญิงมาเพื่อการแก้ปัญหาเรื่องบาป ผ่านทางความเป็นผู้หญิง
ปฐมกาล 3:15-16 15 เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้าและพงศ์พันธุ์ของเขาด้วย พงศ์พันธุ์ของหญิงจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ 16 พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า “เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากขึ้นมากมาย ในเมื่อเจ้ามีครรภ์และคลอดบุตร ถึงกระนั้นเจ้ายังปรารถนาสามี และเขาจะปกครองตัวเจ้า”
ขณะรอคอยเวลาการไถ่บาป ความเป็นผู้หญิงจะต้องรับผลแห่งบาป ที่เจ็บปวด เริ่มต้นที่ความเป็นแม่ เจ็บปวดในการตั้งครรภ์และการคลอดลูก และต้องถูกปกครองโดยผู้ชาย(ในตอนแรก ผู้ชายและผู้หญิงน่าจะมีความเท่าเทียมกันในการปกครอง)
ส่วนผู้ชายต้องรับผลจากบาป เป็นเรื่องของการใช้แรงงาน
ปฐมกาล 3:17-19 17 พระองค์จึงตรัสแก่อาดัมว่า “เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยา และกินผลไม้ที่เราห้าม แผ่นดินจึงต้องถูกสาปเพราะตัวเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากจนตลอดชีวิต 18 แผ่นดินจะให้ต้นไม้และพืชที่มีหนามแก่เจ้า และเจ้าจะกินพืชต่างๆ ของทุ่งนา 19 เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับเป็นดินไป เพราะเราสร้างเจ้ามาจากดิน เจ้าเป็นผงคลีดิน และจะต้องกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม” 20 ชายนั้นเรียกภรรยาของตนว่า เอวาเพราะนางเป็นมารดาของปวงชนที่มีชีวิต
คำว่า มารดา (แม่) เกิดขึ้นที่ตรงนี้ และดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะความบาป ทำให้ความเป็นผู้หญิงจึงถูกลดบทบาทลงมาเป็นเพียงแม่และเมีย และอยู่แต่ในบ้าน ใช้ความเป็นผู้หญิง ทำหน้าที่แม่บ้าน จัดหาอาหาร คอยบริการสามีและลูก
ความบาปในมนุษย์ได้ทวีความชั่วร้ายในมนุษย์มากยิ่งขึ้น ความบริสุทธิ์ในความสัมพันธ์เรื่องเพศที่ถูกต้องระหว่างหญิงกับชาย ถูกทำลายและเสื่อมลง จนความสัมพันธ์เรื่องนี้ ออกนอกน้ำพระทัยพระเจ้า ไม่ได้ถูกใช้เพื่อเป็นแม่ของลูก หรือเมียของชายเดียว หรือสามีของหญิงเดียว
ผู้หญิงจึงไม่ค่อยจะถูกพระคัมภีร์เดิมกล่าวถึงมากนัก แต่น่าสนใจว่า มีพระคัมภีร์ตอนหนึ่ง ได้กล่าวถึงแต่ผู้หญิงมากจนเกินปกติ เรามาดูว่าวันนี้ พระเจ้าจะสื่อสารอะไรกับเราจากพระคัมภีร์ตอนนี้
ผู้วินิจฉัย 5:24 24 “หญิงที่น่าสรรเสริญที่สุดก็คือยาเอล ภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์ ในพวกผู้หญิงที่อยู่ในเต็นท์ นางน่าสรรเสริญที่สุด
นี่เป็นช่วงเวลาหลังยุคโมเสส และโยชูวา เมื่อผู้นำที่ยิ่งใหญ่สิ้นชีวิตทั้งสองคน คนอิสราเอล สิบสองเผ่า ต่างคนต่างอยู่ ไม่มีผู้นำที่จะนำแบบภาพรวม ในช่วงเวลานี้ อิสราเอลเข้ายึดแผ่นดินคานาอัน ตามที่แต่ละเผ่าได้แบ่งอาณาเขตกันตาม ความเหมาะสมของวิถีชีวิตของแต่ละเผ่า บางเผ่าเลี้องสัตว์ก็จะได้พื้นที่ราบเป็นทุ่งหญ้า บางเผ่าชื่นชอบวิถีชีวิตแบบภูเขาก็จะยึดตามวิถีของตนเอง แต่ก็ยังมีดินแดนบางส่วนที่ยังยึดไม่ได้สักที ความจริง เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่ต้องการให้ยังมีชนชาติในคานาอันหลงเหลือไว้ทดสอบคนอิสราเอลสองเรื่อง ได้แก่ การเชื่อฟัง และฝึกในการสงคราม
ผู้วินิจฉัย 2:22 22 เพื่อเราจะใช้ประชาชาติเหล่านั้นทั้งสิ้นทดสอบอิสราเอลว่า เขาจะรักษาพระมรรคาของพระเจ้าและดำเนินตามอย่างบรรพบุรุษของเขาหรือไม่”
ผู้วินิจฉัย 3:1-2 1 ต่อไปนี้เป็นประชาชาติที่พระเจ้าทรงให้เหลือไว้ เพื่อใช้ทดสอบบรรดาคนอิสราเอล ผู้ซึ่งยังไม่เคยประสบสงครามในคานาอัน2 แต่เพียงทรงให้ชาติพันธุ์คนอิสราเอลเข้าใจเรื่องการสงคราม เพื่ออย่างน้อยพระองค์จะได้ทรงสอนแก่ผู้ที่ยังไม่ทราบมาก่อน
แท้ที่จริง ชัยชนะในสงครามของคนอิสราเอลกับศัตรู เป็นของพระเจ้า พระเจ้ารบแทน พระเจ้าจัดการให้ศัตรูพ่ายแพ้ แตกพ่ายไปเองเสมอ งานของผู้นำอย่างโมเสสและโยชูวา คือทำตามที่พระเจ้าสั่ง นำคน ออกรบ และทำหน้าที่ยึด ริบสิ่งของ แต่เมื่อสิ้นผู้นำอย่างโมเสสและโยชูวา คนอิสราเอล ขาดผู้นำที่จะเชื่อฟัง และคอยกำกับให้คนอิสราเอลทำตามที่พระเจ้าสั่ง ผลที่เกิดขึ้นภายหลังผู้นำทั้งสอง ก็คือ คนอิสราเอล ทำตามใจตนเอง….
ผู้วินิจฉัย 2:11-15 11 คนอิสราเอลก็กระทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรพระเจ้า คือปรนนิบัติพระบาอัลทั้งหลาย12 เขาได้ละทิ้งพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา ผู้ทรงนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ และเขาทั้งหลายติดตามพระอื่นซึ่งเป็นพระของชนชาติทั้งหลายที่อยู่ล้อมรอบเขา กราบไหว้พระเหล่านั้น กระทำให้พระเจ้าทรงพิโรธ14 ดังนั้นพระพิโรธของพระเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่ออิสราเอล พระองค์จึงทรงมอบเขาไว้ในมือพวกปล้นผู้ปล้นเขา และทรงขายเขาไว้ในอำนาจของบรรดาศัตรูที่อยู่รอบเขาทั้งหลาย ดังนั้นเขาทั้งหลายจึงต่อต้านพวกศัตรูของเขาทั้งหลายต่อไปไม่ได้15 เขาทั้งหลายออกไปรบเมื่อไร พระหัตถ์ของพระเจ้าก็ต่อต้านเขา กระทำให้เขาพ่ายแพ้ดังที่พระเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว และดังที่พระเจ้าทรงปฏิญาณไว้กับเขาและเขาทั้งหลายก็มีความทุกข์ยิ่งนัก
พระเจ้าจึงทรงทำให้อิสราเอลพ่ายแพ้ต่อศัตรูรอบข้าง เพื่อเตือนคนอิสราเอลให้หันกลับมาหาพระเจ้า โดยพระเจ้าได้ตั้งผู้วินิจฉัยหลายคน
ผู้วินิจฉัย 2:16-18 16 พระเจ้าทรงให้เกิดผู้วินิจฉัย ผู้ช่วยเขาทั้งหลายให้พ้นมือของผู้ที่ปล้นเขา17 แต่เขาทั้งหลายก็ยังไม่เชื่อฟังผู้วินิจฉัยทั้งหลายของเขา เพราะเขาทั้งหลายเล่นชู้กับพระอื่น และกราบไหว้พระอื่น ไม่ช้าเขาก็หันไปเสียจากทางซึ่งบรรพบุรุษของเขาได้ดำเนิน ผู้ได้เชื่อฟังพระธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่เขาทั้งหลายมิได้กระทำตาม18 พระเจ้าทรงตั้งผู้วินิจฉัยขึ้นเมื่อไร พระเจ้าก็ทรงสถิตกับผู้วินิจฉัยนั้นเมื่อนั้น และพระองค์ทรงช่วยเขาทั้งหลายให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรูตลอดชีวิตของผู้วินิจฉัย เพราะพระเจ้าทรงกลับพระทัยสงสารเขาทั้งหลาย เมื่อทรงฟังเสียงคร่ำครวญของเขาเนื่องด้วยผู้ข่มเหงและบีบบังคับ
แต่เมื่อผู้วินิจฉัยสิ้นชีวิต คนอิสราเอลก็ทำชั่วอีก เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา พระเจ้าจึงอนุญาตให้ศัตรูรอบข้างอิสราเอลมารบกวนเป็นระยะ เพื่อจะทดสอบการเชื่อฟังของอิสราเอลเป็นระยะด้วยเช่นกัน และนี่เป็นที่มาของการมีผู้วินิจฉัย และที่จะเป็นบทเรียนสำหรับเราในวันนี้ ก็คือ เรื่องราวของผู้หญิงในหนังสือผู้วินิจฉัยที่มีผู้วินิจฉัยผู้หญิงชื่อ เดโบราห์
ผู้วินิจฉัย4:1-3 1 ครั้นเอฮูดสิ้นชีวิตแล้ว คนอิสราเอลก็ประพฤติชั่วอีกในสายพระเนตรของพระเจ้า2 พระเจ้าจึงทรงขายเขาไว้ในมือของยาบินกษัตริย์เมืองคานาอัน ผู้ครอบครองอยู่ ณ กรุงฮาโซร์ แม่ทัพของท่านชื่อสิเสรา เป็นชาวเมืองฮาโรเชธฮาโกอิม3 แล้วคนอิสราเอลก็ร้องทุกข์ถึงพระเจ้า เพราะว่ากษัตริย์ยาบินมีรถรบเหล็กเก้าร้อยคัน และได้บีบบังคับคนอิสราเอลอย่างร้ายถึงยี่สิบปี
พระคัมภีร์บันทึกว่า เดโบราห์เป็นผู้วินิจฉัย เป็นผู้หญิง ในการทำหน้าที่ผู้วินิจฉัยของเดโบราห์แตกต่างจากผู้วินิจฉัยคนอื่นๆ เพราะนางเป็นผู้หญิง พระคัมภีร์บันทึกว่า นางเป็นผู้เผยพระวจนะ ที่ทำงานผลักดันบาราคให้ทำหน้าที่ผู้วินิจฉัย (ซึ่งพระคัมภีร์เดิมไม่ได้เรียกบาราคว่าผู้วินิจฉัย แต่พระคัมภีร์ใหม่ได้เอ่ยชื่อของบาราคเทียบคู่กับผู้วินิจฉัยคนอื่นๆ) เดโบราห์ได้รับการยกย่องในพระคัมภีร์เดิม ในฐานะผู้วินิจฉัย
ผู้วินิจฉัย 4:4-5 4 คราวนั้นผู้เผยพระวจนะหญิงคนหนึ่งชื่อเดโบราห์ ภรรยาของลัปปิโดทเป็นผู้วินิจฉัยคนอิสราเอลสมัยนั้น5 นางเคยนั่งอยู่ใต้ต้นอินทผลัมเดโบราห์ที่อยู่ระหว่างรามาห์ และเบธเอลในแดนเทือกเขาเอฟราอิม และคนอิสราเอลก็มาหานางที่นั่น เพื่อให้ชำระความ
และพระเจ้าทรงใช้ให้เดโบราห์ริเริ่มการกอบกู้คนอิสราเอลออกจากมือของกษัตริย์ยาบินที่บีบบังคับคนอิสราเอลมานานถึงยี่สิบปี โดยใช้คนให้ไปตามบาราคที่เป็นผู้ชาย เป็นผู้นำของเผ่านัฟทาลี เพื่อให้เกณฑ์คนเพื่อสร้างกองทัพ ขึ้นรบกับกษัตริย์ยาบิน เดโบราห์ได้สั่งให้บาราคเกณฑ์คนจากเผ่าตัวเองแล้ว ยังให้เกณฑ์จากเผ่าใกล้ตัว คือ เศบุลูนอีก 10,000 คนด้วย
ผู้วินิจฉัย 4:8-9 8 บาราคจึงตอบนางว่า “ถ้าแม้นางไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไปถ้าแม้นางไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่ไป”9 นางจึงตอบว่า “ฉันจะไปกับท่านแน่ แต่ว่าทางที่ท่านไปนั้นจะไม่นำท่านไปถึงศักดิ์ศรี เพราะว่าพระเจ้าจะขายสิเสราไว้ในมือของหญิงคนหนึ่ง” แล้วนางเดโบราห์ก็ลุกขึ้นไปกับบาราคถึงเมืองเคเดช
ตรงนี้ เราจะเห็นความเป็นผู้หญิงของเดโบราห์ในฐานะผู้อุปถัมภ์ผู้ชายอย่างบาราค ในบทบาทของผู้วินิจฉัย ที่เข้มแข็งและเป็นที่ปรึกษาที่คอยสนับสนุนบาราคที่ยังอยู่ในความกลัว
….“พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลทรงบัญชาท่านว่า ‘จงไปรวบรวมพล 10,000 คน จากเผ่านัฟทาลีและเผ่าเศบูลุนไว้ที่ภูเขาทาโบร์7 และเราจะชักนำสิเสราแม่ทัพของยาบินให้มาพบกับเจ้าที่แม่น้ำคีโชน พร้อมกับรถรบและกองทหารของเขา และเราจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า’ ”
พระเจ้าทรงมอบศัตรูไว้ในมือบาราคแล้ว แต่…ความกลัวของบาราคทำให้ศักดิ์ศรีแห่งชัยชนะนี้ ตกไปอยู่ในมือของหญิงคนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือ ยาเอล ที่พระคัมภีรืยกย่องในบทเดียวกันว่า คือคนที่ฆ่าสิเสรา แม่ทัพของยาบิน และทำให้ยาบินขยาดจนพ่ายแพ้ต่ออิสราเอล
23 ดังนี้แหละในวันนั้น พระเจ้าทรงกระทำให้ยาบินกษัตริย์คานาอันนอบน้อมต่อคนอิสราเอล24 และมือของคนอิสราเอลก็กระทำต่อยาบินหนักขึ้นทุกที จนเขาทั้งหลายได้ทำลายยาบินกษัตริย์เมืองคานาอันเสีย
นางยาเอล ทำอะไร กับแม่ทัพสิเสรา …..
ผู้วินิจฉัย 5:24 24 “หญิงที่น่าสรรเสริญที่สุดก็คือยาเอล ภรรยาของเฮเบอร์คนเคไนต์ ในพวกผู้หญิงที่อยู่ในเต็นท์ นางน่าสรรเสริญที่สุด
เหตุการณ์สู้รบระหว่าง กองทัพของบาราคที่มีเดโบราห์เป็นผู้วินิจฉัย ทำให้บาราคกลายเป็นผู้วินิจฉัยด้วย กองทัพของแม่ทัพสิเสราแตกพ่าย และสิเสราต้องหนีไปหลบซ่อนการไล่ล่าของบาราค ในเต็นท์ของนางยาเอล และนางยาเอลได้ให้ที่พักพิงแก่สิเสรา ให้น้ำนมดื่มแทนน้ำ แทนที่สิเสราจะซ่อนตัวอย่างเดียว แต่กลับนอนหลับสนิทชนิดที่ความเป็นผู้หญิงที่อ่อนแออย่างนางยาเอลจะสามารถเอาหมุดตอกเสาเต็นท์มาปักหัวของสิเสรา และไม่ต้องมีการรบราฆ่าฟันกันภายในเต็นท์ของนาง เมื่อบาราคไล่ตามสิเสรามาถึง…..
ความเป็นผู้หญิงของยาเอล ทำให้นางและครอบครัวปลอดภัยจากสงครามที่ยังไม่จบสิ้นดี ยังมีการไล่ล่า และการหลบซ่อนเพื่อปกป้องตนเองของสิเสรา ที่พร้อมจะสู้กลับเมื่อมีกำลัง หรือโอกาส หากการหนีครั้งนี้สำเร็จ ก็จะกลับมาเอาคืนกับคนอิสราเอลแน่นอน
ผู้หญิงที่ถูกกล่าวถึงในบทผู้วินิจฉัยนี้ ผ่านไปแล้วสองคน
1.ผู้หญิงที่ปรึกษา ด้วยถ้อยคำที่มาจากพระเจ้า อย่างเดโบราห์
2. ผู้หญิงที่ปกป้องครอบครัว และรับการยกย่องจากพระเจ้า อย่าง ยาเอล
3. ผู้หญิงที่เป็นแม่ของสิเสรา การรอคอยที่ไม่มีวันกลับของลูกชาย
ผู้วินิจฉัย 5:28 28 “เธอมองออกไปตามช่องหน้าต่าง มารดาของสิเสรามองไปตามบานเกล็ด ร้องว่า ‘ทำไมหนอ รถรบของเขาจึงมาช้าเหลือเกิน ทำไมล้อรถรบของเขาจึงเนิ่นช้าอยู่’
4. ผู้หญิงในบรรดาภรรยาของสิเสรา หลอกตัวเองว่าทุกอย่างยังปกติดี
ผู้วินิจฉัย 5:29-30 29 บรรดาสตรีสูงศักดิ์และปราดเปรื่องของนางจึงตอบนาง อันที่จริง นางรำพึงตอบตัวเองว่า 30 ‘พวกเขาคงกำลังแบ่งของริบที่ได้มากัน หญิงหนึ่งหรือสองคนตกเป็นของชายหนึ่งคน ผ้าย้อมสีที่ริบมาเป็นของสิเสรา ผ้าย้อมสีที่ปักลวดลาย ผ้าย้อมสีที่ปักลวดลายสองหน้าสำหรับพันคอของข้าเป็นของที่ริบมา’
คำถามวันนี้ มาถึงทุกคนที่เป็ผู้หญิงทั้งหลาย เราอยากจะใช้ความเป็นผู้หญิงของเราในจังหวะของชีวิตแบบใด ในสี่แบบของความเป็นผู้หญิงในพระคัมภีร์ตอนนี้ และผู้ชายในวันนี้ ท่านอยากจะอยู่ตรงไหน กับความเป็นผู้หญิงของความเป็นผู้หญิงทั้งสี่แบบนี้
5. บาราค เป็นผู้วินิจฉัยแต่ชื่อ แต่ศักดิ์ศรีการเป็นผู้วินิจฉัยเป็นของยาเอล
6. สิเสรา เป็นลูกชายที่ตายไปของแม่ และสามีที่ตายไปของภรรยา
เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า ความเป็นผู้หญิง ของแม่ ภรรยา และพี่สาวน้องสาวทั้งหลาย อยู่รอบๆตัวเรา เพียงแต่เราจะอยู่อย่างไร กับความเป็นผู้หญิงเหล่านี้ ตามพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงสร้างผู้หญิงไว้ให้เป็นคู่อุปถัมภ์ เป็นผู้ช่วยเหลือ ผู้ปกป้อง และไม่ต้องมาเป็นผู้หญิงที่โศกเศร้า หลอกตัวเอง ผู้ชายก็จะไม่สูญเสียศักดิ์ศรีของตนเองให้กับความเป็นผู้หญิงเพียงแค่ความกลัว และความไม่เชื่อไว้วางใจในพระเจ้า