“พระเยซูคริสต์….พันธกิจของการให้ชีวิต”
พระเยซูคริสต์ทรงล้างเท้าให้กับศิษย์ของพระองค์ เพื่อให้สาวกได้ตระหนักว่า ภารกิจของพวกเขากำลังถูกมอบ ส่งต่อคือการปรนนิบัติ รับใช้ และสุดท้าย การสถาปนาพิธีปัสกาของคนยิว ให้เป็นพิธีมหาสนิท สำหรับวิถีชีวิตใหม่ ของผู้ที่ติดตามเป็นศิษย์ของพระเยซู การกินขนมปังไร้เชื้อ และน้ำองุ่น ที่บรรพบุรุษของยิวทำมาตลอดตั้งแต่โมเสสได้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ ในคืนที่เพชรฆาตที่ถูกมอบหมายให้มาประหารบุตรหัวปีของคนในแผ่นดินอียิปต์ ได้ผ่านเว้น บ้านครัวเรือนของคนอิสราเอล เพราะมีเลือดแกะทาที่วงกลประตู เป็นสัญญลักษณ์ของการไถ่ให้รอดชีวิต ขณะอยู่ในบ้าน ก็รวมตัวกัน กินขนมปังไร้เชื้อที่ไม่มีเวลาจะหมัก เพราะเป็นเวลาที่เร่งด่วน แต่งตัวเตรียมพร้อม รอคอยสัญญาณของคำสั่งให้เดินทางออกจากอียิปต์ ออกไปเพื่อนมัสการพระเจ้า เป้าหมายคือ ได้รับการช่วยกู้ให้รอดพ้นจากความเป็นทาส และพระเจ้าทรงสั่งโมเสสว่า หลังจากนี้เป็นต้นไป ให้ลูกหลานของคนอิสราเอล ทำพิธีปัสกา เพื่อระลึกถึงการไถ่นี้ และเล่าต่อๆกันต่อไปว่า พระเจ้าทรงทำอะไรให้กับบรรพบุรุษของพวกเขา จนกาลเวลาได้ผ่านเลยมานับพันกว่าปี คนอิสราเอลก็ยังคงทำพิธีปัสกา จนมาถึงยุคของพระเยซูคริสต์กับสาวกของพระองค์ ทั้งหมดเป็นคนอิสราเอล ที่มีความเข้าใจเรื่องการไถ่ของพระเจ้า….
แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้น คนอิสราเอลในยุคของโมเสสนำเดินทางในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาจะต้องเรียนรู้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การเลี้ยงดูของพระเจ้า ด้วยการกินอาหารของพระเจ้าที่ตกจากฟ้า และดื่มน้ำที่ออกมาจากหิน (ศิลา) บางครั้งน้ำมีรสขม ไม่สามารถดื่มได้ พระเจ้าก็ทรงเปลี่ยนน้ำขมให้ดื่มได้ นั่นหมายความว่า เขาต้องได้ลิ้มรสชาติความขมของน้ำก่อนที่จะถูกเปลี่ยนให้เป็นน้ำที่ดื่มได้ อาหารที่ต้องเก็บกิน(ทุกเช้า) สายก็หายไป นั่นคือต้องขยัน และเชื่อฟัง เก็บข้ามคืนก็ไม่ได้ มันจะเน่าบูด นั่นคือการสอนให้อยู่กับความสดใหม่ อยู่กับอาหารประจำวัน ด้วยความเชื่อมั่นในการเลี้ยงดูของพระเจ้า ไว้วางใจในพระเจ้าอย่างเดียว
พิธีปัสกาที่ผ่านมานับพันกว่าปี ดูเหมือนในความรู้สึกของคนอิสราเอลบางคน ได้กลายเป็นเหมือนตำนานการช่วยกู้ของพระเจ้าสำหรับคนอิสราเอลในยุคของพระเยซู เพราะคนอิสราเอลในเวลานั้น ตกเป็นทาสของอาณาจักรโรม คนอิสราเอลรุ่นใหม่ในยุคนั้น อาจไม่อยากจะเชื่อในการช่วยกู้ของพระเจ้าแบบปาฏิหารย์แบบนี้แล้ว เพราะดูจะไม่มีความหวังเอาเสียเลย คำทำนายว่า พระผู้ช่วยให้รอดที่พระเจ้าทรงเจิมไว้ ที่เรียกว่า พระเมสสิยาห์ มีจริงหรือเปล่า พระองค์อยู่ที่ไหน? และคนอิสราเอลบางกลุ่มต่างคิดเอาเองว่า ตัวเขาเองนั่นแหล่ะจะเป็นคนช่วยกู้เอง ด้วยการใช้กำลัง (ของตนเอง) เพื่อให้หลุดพ้นจากมือของทหารโรม และจักรพรรดิ์โรม จึงมีกบฏคนยิว เช่น กบฏมัคคบี กบฏกลุ่มต่างๆ เกิดขึ้นเป็นระยะๆ แต่ผลก็คือ ตายเกลี้ยง ไม่สำเร็จสักราย คนเหล่านั้น คงลืมคิดถึงคำพยากรณ์ในอีกมุมหนึ่งด้วยเช่นกันว่า ชะตาของโลกนี้ได้ถูกกำหนดไว้แล้วให้ต้องตกอยู่ภายใต้อาณาจักรต่างๆ และคนอิสราเอลก็เป็นส่วนหนึ่งของการตกอยู่ภายใต้อาณาจักรเหล่านั้นด้วย พระคัมภีร์ได้บันทึกในหนังสือดาเนียล ได้กล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรบาบิโลน ในยุคของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาห์ ที่ฝันถึงปฏิมากรใหญ่ที่ผสมไปด้วยแร่ทองคำ เงิน สัมฤทธิ์ เหล็ก เหล็กปนดิน และดิน นั่นหมายถึง อาณาจักรต่างๆที่ครอบครองโลกนี้ เรียงลำดับเรียกว่า ยุคทองคำ ยุคเงิน สัมฤทธิ์ และยุคเหล็ก อันได้แก่ บาบิโลน มีเดียนเปอร์เชีย กรีก โรม จนมาถึงใกล้เรา ก็คือ กลายพันธุ์จากโรมมาเป็น ยุโรป และ อาณาจักรปัจจุบัน (เดี๋ยวเราจะได้รู้ว่า มันคืออาณาจักรอะไร) คนยิวได้ตกเป็นทาสของอาณาจักรเหล่านั้นมาตลอด และถูกข่มเหงมากที่สุดในยุคของฮิตเล่อร์ ที่เรียกตนเองว่า อาณาจักรไรซ์ มาจากเหล็กปนดิน …..พิธีปัสกาที่พระเจ้าสั่งให้โมเสสกำชับคนยิวให้สอนส่งต่อไปยังลูกหลาน เพื่อให้เชื่อในการช่วยกู้ของพระเจ้า ตลอดจนถึงยุคสุดท้าย อาณาจักรที่พระเจ้าจะส่งมาทำลายทุกอาณาจักร คือ หิน ที่ตัดจากยอดภูเขา มากระทบกระแทกปฏิมากรในฝันของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ และพระเยซูคริสต์ทรงมีพระนามเรียกว่า พระศิลา ทรงเป็นศิลามุมเอก เป็นหินก้อนใหญ่ พระเยซูคริสต์ทรงตรัสว่า พระองค์จะสร้างอาณาจักรของพระองค์ ก็คือ คริสตจักร ที่จะเป็นเหมือนศิลาก้อนใหญ่ที่ถูกตัดจากยอดเขา ไปกระทบปฏิมากรที่ในหนังสือของดาเนียลได้แปลความฝันให้กับกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์
ดาเนียล 2:32-35 32 เศียรของพระปฏิมากรนี้เป็นทองนพคุณ อกและแขนเป็นเงิน ท้องและโคนขาเป็นทองสัมฤทธิ์33 ขาเป็นเหล็ก เท้าเป็นเหล็กปนดิน34 ขณะเมื่อพระองค์ทอดพระเนตร มีหินก้อนหนึ่งถูกตัดออกมามิใช่ด้วยมือมนุษย์ กระทบปฏิมากรที่เท้าอันเป็นเหล็กปนดิน กระทำให้แตกเป็นชิ้นๆ 35 แล้วส่วนเหล็ก ส่วนกระเบื้อง ส่วนทองสัมฤทธิ์ ส่วนเงิน และส่วนทองคำ ก็แตกเป็นชิ้นๆ พร้อมกัน กลายเป็นเหมือนแกลบจากลานนวดข้าวในฤดูร้อน ลมก็พัดพาเอาไป จึงหาร่องรอยไม่พบเสียเลย แต่ก้อนหินที่กระทบปฏิมากรนั้นกลายเป็นภูเขาใหญ่จนเต็มพิภพ
ปัจจุบัน เราได้พบความจริง ว่า อาณาจักรที่เคยยิ่งใหญ่เหล่านี้ หายสาปสูญไปจากแผนที่โลกแล้ว ไม่มีอีกต่อไป และปัจจุบัน เราได้พบว่า อาณาจักรขอใหม่ของ
อาณจักรใหม่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการมุ่งทำลาย แต่ยังคงอยู่ และขยายไปเรื่อยๆจนเต็มแผ่นดิน เป็นเหมือนกับคำแก้ความฝันของดาเนียล นั่นคือ คริสตจักรขอพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงเริ่มต้นสถาปนาคริสตจักรของพระองค์ ด้วยพิธีมหาสนิทจากรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า พันธสัญญาใหม่ ในรูปแบบใหม่ของการไถ่ของพระองค์ที่สำเร็จด้วยการตายบนไม้กางเขนของพระเยซูคริสต์ และรูปแบบใหม่ของการเลี้ยงดูผู้ที่พระองค์ช่วยออกจากความเป็นทาสของอียิปต์ฝ่ายวิญญาณ ภาษาเรียกในยุคของเรา คือ อิทธิพลอำนาจมืดทั้งหลายของโลกนี้…
ยอห์น 6:51,54-58 51 เราเป็นอาหารที่ธำรงชีวิต ซึ่งลงมาจากสวรรค์ ถ้าผู้ใดกินอาหารนี้ ผู้นั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ และอาหารที่เราจะให้เพื่อเห็นแก่ชีวิตของโลกนั้น ก็คือเลือดเนื้อของเรา”….54 ผู้ที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเรา ก็มีชีวิตนิรันดร์ และเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย55 เพราะว่าเนื้อของเราเป็นอาหารแท้ และโลหิตของเราก็เป็นของดื่มแท้56 ผู้ที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเรา ผู้นั้นก็อยู่กับเราและเราอยู่กับเขา57 พระบิดาผู้ทรงดำรงพระชนม์ได้ทรงใช้เรามา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดานั้นฉันใด ผู้ที่กินเราผู้นั้นก็จะมีชีวิตเพราะเราฉันนั้น58 นี่แหละเป็นอาหารซึ่งลงมาจากสวรรค์ ไม่เหมือนกับอาหารที่พวกบรรพบุรุษได้กินและสิ้นชีวิต ผู้ที่กินอาหารนี้จะมีชีวิตนิรันดร์”
ทุกวันนี้ ผู้คนมากมาย กำลังเสพ (ดื่มกิน) ข่าวสารผ่านโทรศัพท์มือถือ ในรูปแบบต่าง ๆเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจ และชีวิต บางคนยอมขายชีวิตของตนเองเพื่อจะได้มือถือมาเป็นเครื่องมือเสพกินดื่มข่าวสารเหล่านั้น ลูกบางคนฆ่าตัวตาย เมื่อพ่อแม่ยึดมือถือ คนมากมายติดมือถือ ขาดไม่ได้ มันกลายเป็นส่วนสำคัญยิ่งกว่าชีวิต บางคน ขับรถไป ไลน์ แชทไป บางคนทำงานไป แอบใช้มือถือ รู้ๆก็รู้อยู่ว่า ถูกจับได้ ถูกไล่ออกจากงาน รู้อยู่ว่า มันรบกวนการทำงาน ทำให้งานไม่มีประสิทธิภาพ แต่มันสำคัญกว่างานเสียอีก และยิ่งกว่าชีวิตไปแล้ว ชีวิตของคนกำลังหายไป และบางคนได้หายไปแล้ว ไม่เหลือความมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว
เราเคยสังเกตุหรือไม่ว่า รายการโปรแกรมต่างๆที่สื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือ(ที่ตอนนี้ เราพกติดตัวตลอดเวลา แม้กระทั่งนอน ยังเสียบหูฟัง หลับไปกับมัน และแอปทั้งหลาย ทั้งขายของ สั่งของ รายการบันเทิง ข่าวสาร ต่างแข่งขันกับแย่งพื้นที่ เวลาของเจ้าของโทรศัพท์ จนแทบจะเรียกว่า หายใจรดต้นคอกัน เพื่อจะได้ลูกค้า ได้ยอดขาย ยอดวิว ยอดสารพัด….และด้วยมันสมองที่ใครฉลาดกว่าใคร จึงทำให้คนตกเป็นทาสของอิทธิพล เป็น FC สุภาพหน่อย แรงหน่อย ก็คือใช้คำว่า ทาส ตรงๆเลย ทาสแมว ทาสสุนัข ทาสนก (นกของข้าพเจ้าก็เป็น FC ของคลิปนกบางคลิป)
นกที่ข้าพเจ้าได้มา ไม่ได้เลี้ยงตั้งแต่เป็นนกป้อน วิธีที่จะทำให้มันเชื่อง เรียกได้ สั่งได้ ก็โทรศัพท์มือถือนี่แหล่ะ เปิดคลิปนก มันรีบบินมาหา เดินเข้ากรงอย่างว่าง่าย ยอมทำทุกอย่าง เพื่อจะได้เล่นโทรศัพท์มือถือ อยากใช้คำว่า ยอม อย่างไม่มีการสงวนท่าทีเลย มนุษย์อย่างเราๆก็เช่นเดียวกัน คนบางคนก็ใช้โทรศัพท์มือถือนี่แหล่ะ เป็นช่องทางควบคุมคนมากมาย อะไรคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ชอบ และหลงติดได้ง่าย และนี่คือการสูญเสียชีวิตของคนๆนั้น
2 เปโตร 2:19 19 เขาสัญญาว่าจะให้คนเหล่านั้นพ้นจากการเป็นทาส แต่ตัวเขาเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะว่ามนุษย์พ่ายแพ้แก่สิ่งใด เขาก็เป็นทาสของสิ่งนั้น
พระเยซูคริสต์….พันธกิจของการให้ชีวิต พระองค์ตรัสว่า ….ผู้ที่กินเราผู้นั้นก็จะมีชีวิต….
ยอห์น 6:51 51 เราเป็นอาหารที่ธำรงชีวิต ซึ่งลงมาจากสวรรค์ ถ้าผู้ใดกินอาหารนี้ ผู้นั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ และอาหารที่เราจะให้เพื่อเห็นแก่ชีวิตของโลกนั้น ก็คือเลือดเนื้อของเรา”….
พระเยซูคริสต์…พันธกิจของการให้ชีวิตของพระองค์ สำเร็จแล้วที่กางเขน และต่อเนื่องด้วยการให้ชีวิตแก่ผู้เชื่อ ที่ต่อเนื่องในความเชื่อ ด้วยการร่วมในพันธกิจของการให้ชีวิตกับพระองค์ คุณติดมือถือ ไม่ยอมวางลงอย่างไร การดำเนินชีวิตการเป็นคริสเตียนก็ทำนองเดียวกัน พระเยซูคริสต์ทรงใช้คำว่า จงเข้าสนิทในเรา และเราเข้าสนิทในท่าน
ยอห์น 15:4 4 จงเข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้ นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้ นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น
คำว่า เกิดผล ที่พระเยซูคริสต์ทรงใช้ในยอห์นตอนนี้ รากศัพท์กรีกแปลว่า ผลที่เด็ดออกมาได้ ซึ่งพระองค์หมายถึง การเกิดผลจากการติดสนิทเป็นเครือเถาเดียวกันกับพระองค์ ผลที่เด็ดออกจากเถาสดๆ คือชีวิตสดใหม่ที่มอบให้ทันที ไม่ได้ปรุงแต่งด้วยอะไรบางอย่างที่ซ่อนเร้น เพื่อให้คนหลงติดกับดักของการสูญเสีย
พระเยซูคริสต์…..พันธกิจของการให้ชีวิต คือการให้ ได้อย่างครบบริบูรณ์
ยอห์น 10:10 10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์
ให้เราสำรวจชีวิตของเราในเวลานี้ว่า เรากำลังใช้เวลาไปกับสิ่งที่ปรุงแต่ง สิ่งที่กำลังขโมยความมีชีวิตของเราไปหรือไม่อย่างไร สิ่งใดที่ ยิ่งใช้เวลา เรายิ่งสูญเสีย ความมีคุณค่าของชีวิต หรือสิ่งใดยิ่งใช้เวลาด้วย เรายิ่งได้รับการเสริมสร้างชีวิต (ขอย้ำว่า ชีวิต ไม่ใช่ความรู้ทางสมอง)
แม้กระทั่ง การอ่านพระคัมภีร์ เราได้รับแต่ความรู้ หรือเราได้จิตวิญญาณ (โลกอส หรือ เรมาห์) อ่านแล้ว จิตใจเข้มแข็งขึ้น มีพลังชีวิต มีสันติสุข มีความเชื่อ มีความเข้าใจชีวิต ให้อภัย ตอบสนองด้วยการเชื่อฟัง และเติบโตขึ้น?
พระเยซูคริสต์…พันธกิจของการให้ชีวิต มีกำลังและหายเป็นปกติ
ฮีบรู 12:12-13 12 เพราะเหตุนั้นจงยกมือที่อ่อนแรงขึ้น และจงให้หัวเข่าที่อ่อนล้ามีกำลังขึ้น 13 และจงทำทางให้ตรงเพื่อให้เท้าของท่านเดินไป เพื่อว่าขาที่เขยกนั้นจะได้ไม่เคล็ด แต่จะหายเป็นปกติ
พระเยซูคริสต์…พันธกิจของการให้ชีวิต ทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจเดียวกันกับพระองค์
คริสตจักรยุคแรกได้ทำถึงระดับขีดสุงสุดของการมีส่วนร่วมกับพันธกิจของพระเยซูคริสต์
กิจการ 4:32-34 32 คนทั้งปวงที่เชื่อนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่มีใครอ้างว่าสิ่งของที่ตนมีอยู่เป็นของตน แต่ทั้งหมดเป็นของกลาง33 อัครทูตจึงประกอบด้วยฤทธิ์เดชใหญ่ยิ่ง เป็นพยานว่าพระเยซูเจ้าได้ทรงคืนพระชนม์แล้ว และพระคุณอันใหญ่ยิ่งได้อยู่กับเขาทุกคน34 เพราะว่าในพวกศิษย์ไม่มีผู้ใดขัดสน ผู้ใดมีไร่นาบ้านเรือนก็ขายเสีย35 และนำเงินค่าของที่ขายได้นั้นมาวางไว้ที่เท้าของอัครทูต อัครทูตจึงแจกจ่ายให้ทุกคนตามที่ต้องการ
คนที่ได้พบกับพันธกิจของการให้ชีวิตของพระเยซูคริสต์ทุกคน จะเป็นเหมือนกับคริสตจักรยุคแรก อยู่ด้วยกันอย่างมีชีวิตที่ให้แก่กันและกัน
ขอให้พวกเราชาวคริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 ได้ย่างก้าวเข้าสู่มิติของการฟื้นฟูใหญ่เหมือนกัน อาเมน
พระเยซูคริสต์…พันธกิจของการให้ชีวิต