“พระเยซูคริสต์…พันธกิจส่องสว่าง”
https://www.youtube.com/watch?v=iuwrGGxniF8
ในวีดีโอตอนนี้ อยู่ในบันทึกของหนังสือลูกา การรักษาคนตาบอดให้มองเห็นได้ กลายเป็นเรื่องปกติ ธรรมดา ที่ใครตาบอด เพื่อได้พบกับพระเยซู พระองค์จะทำให้ให้คนนั้นมองเห็นได้ พระเยซูคริสต์ทรงทำการอัศจรรย์มากมายหลายอย่าง ทั้งทรงรักษาคนเจ็บป่วย ขับผีออกจากคน คนตายให้ฟื้น การรักษาที่ถูกพูดถึงและถูกนำมาสอนในพันธกิจของพระเยซูบ่อยที่สุด ก็คือ การทำให้คนตาบอดเห็นได้จริงๆ ทั้งคนที่ตาบอดตั้งแต่กำเนิด และที่เคยตาดี บอดเอาภายหลัง ก็หายดีได้อีกครั้ง พระเยซูทรงใช้เรื่องคนตาบอดมาสอนในคำสอนของพระองค์ ในหนังสือลูกาเดียวกันนี้
ลูกา 11:33-36 33 “ไม่มีใครเมื่อจุดตะเกียงแล้วจะตั้งไว้ในที่ลี้ลับหรือเอาถังครอบไว้ แต่จะตั้งไว้บนเชิงตะเกียง เพื่อคนที่เข้ามาจะเห็นแสงสว่าง34 ตาเป็นประทีปของร่างกาย ถ้าตาของท่านปกติ ทั้งตัวก็พลอยสว่างไปด้วย แต่ถ้าตาของท่านผิดปกติ ทั้งตัวก็พลอยมืดไปด้วย 35 ระวังให้ดี อย่าให้ความสว่างที่อยู่ในตัวท่านกลายเป็นความมืด36 ถ้าทั้งตัวของท่านเต็มไปด้วยความสว่างไม่มีความมืดเลย มันก็จะสว่างไสวไปหมดเหมือนอย่างความสว่างของตะเกียงที่ส่องมายังท่าน”
พระเยซูคริสต์…พันธกิจส่องสว่าง มีเป้าหมายที่สำคัญ เพื่อเปลี่ยนมนุษย์ที่อยู่ในความมืดเป็นดั่งตะเกียงส่องแสงสว่าง ไม่ใช่แค่พึ่งพาแสงสว่างนำทาง อย่างคนตาบอดที่ต้องพึ่งพาไม้เท้า หรือคนจูงนำทาง
ลูกา 6:39 39 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายเป็นคำอุปมาด้วย ว่า “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งสองจะไม่ตกลงไปในบ่อหรือ
นั่นแปลว่า โชคร้ายของคนตาบอดก็คือเจอคนนำทางตาบอดพาไปผิดทิศผิดทาง และอันตรายได้
พระเยซูคริสต์…พันธกิจส่องสว่าง คือการเปลี่ยนคนที่มืดบอด ให้เป็นตะเกียงส่องสว่างให้กับตนเอง คือรู้ว่า ตนเองกำลังจะไปทางไหน ไปอย่างไร และสามารถส่องนำทางคนอื่นๆอีกมากมายได้ด้วย คำที่พระเยซูคริสต์ทรงสอนในลูกาบทที่ 11 ตอนนี้ พระองค์ใช้คำว่า
ลูกา 6:34 34 ตาเป็นประทีปของร่างกาย ถ้าตาของท่านปกติ ทั้งตัวก็พลอยสว่างไปด้วย แต่ถ้าตาของท่านผิดปกติ ทั้งตัวก็พลอยมืดไปด้วย
คำว่า ตาปกติ พระเยซูทรงใช้คำกรีก ที่แปลว่า พับเข้าด้วยกัน น่าจะหมายถึง เปลือกตา กับดวงตา ไปด้วยกัน คือเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ลูกา 6:34 ตาเป็นประทีปของร่างกาย ถ้าตาของท่านปกติ ทั้งตัวก็พลอยสว่างไปด้วย…..
ความสว่าง มักจะเปรียบเทียบกับความดี พระเยซูคริสต์…พันธกิจส่องสว่าง เพื่อให้คนทำความดีเป็นธรรมชาติ เกิดในการเป็นคนดี
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า การทำดีเป็นเรื่องยาก ต้องพยายามถึงจะทำดีได้ แต่การทำชั่วไม่ต้องพยายาม ก็ทำชั่วโดยอัตโนมัติได้ทันที พระคัมภีร์มีคำตอบเรื่องนี้ ก็คือ เพราะมนุษย์เป็นคนบาป จึงง่ายต่อการทำชั่ว และยากต่อการทำดี
พันธกิจส่องสว่าง…ของพระเยซูคริสต์ เปลี่ยนคนให้มีธรรมชาติของการทำดี โดยไม่ต้องฝืนใจ เหมือนลมหายใจที่ไม่ต้องฝืน แต่มันคือส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต คนทำดี จะไม่สามารถอยู่กับการฝืนให้ทำดี และการทำชั่วก็เป็นสิ่งที่ผิดธรรมชาติของชีวิตที่ส่องสว่าง เหมือนปลาที่อยู่ผิดน้ำ ถ้าให้ต้องทำชั่ว ก็จะตายเอา ความสว่างไปด้วยกันกับความมืดไม่ได้อย่างไร การทำดี กับทำชั่ว ไม่สามารถไปด้วยกันได้
มัทธิว 3:19-20 19 หลักการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะกิจการของเขาเลวทราม20 เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาถึงความสว่าง ด้วยกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ
มีเฟสบุ้คหนึ่งชื่อว่า จิตวิทยากับสมอง ได้พูดว่า “คนเราโกหกตลอดเวลา แต่มันขึ้นอยู่กับสกิลความสามารถของแต่ละคนที่จะเนียนรึเปล่า มันอาจจะยากมากๆสำหรับจะจับพิรุธคนโกหกบางคน คุณรู้รึเปล่าว่ามันมีวิธีที่จะจับพิรุธคนที่กำลังโกหกอยู่นะ บางอย่างเราไม่ต้องสังเกตุมากเราก็รู้ บางอย่างต้องใช้การสังเกตุรายละเอียดเล็กๆที่เค้ากำลังทำออกมาเราถึงรู้ อันนี้จะเป็น 10 อันง่ายๆที่เราจะสามารถสังเกตุและรับรู้ได้ว่าใครกำลังโกหกคุณอยู่ และหนึ่งในนั้น คือ อาการกระพริบตาถี่ๆ ตามองพื้น ไม่กล้าสบตา หรือสบตาบ่อยเกินไป การขยับตาไปมา ขึ้นลง ซ้ายขวา แปลว่า คนที่กำลังโกหก จะมีตาที่ผิดปกติ
ลูกา 6:34.…แต่ถ้าตาของท่านผิดปกติ ทั้งตัวก็พลอยมืดไปด้วย
พระองค์ทรงใช้คำกรีกแปลว่า ตาที่มุ่งร้าย น่าจะหมายถึง มาจากใจที่มุ่งร้าย ไม่ปรารถนาจะทำดีแน่นอน ตาเป็นประทีปของชีวิต ตาที่มุ่งร้าย ย่อมนำพาชีวิตไปสู่ความมืด ซึ่งคือการทำชั่ว พระเยซูทรงใช้คำว่า ทั้งตัว คือทั้งชีวิต เข้าสู่อันตราย บทเรียนจากพระธรรมตอนนี้ได้แก่…
1.ระวัง….อย่าให้ความสว่างกลายเป็นความมืด
ลูกา 6:35 35 ระวังให้ดี อย่าให้ความสว่างที่อยู่ในตัวท่านกลายเป็นความมืด
แปลว่า อย่าให้ความสว่างในตัวเองดับไป เป็นเหมือนตะเกียงที่ถูกถึงครอบ หรือขาดน้ำมันหล่อเลี้ยงให้ไฟของตะเกียงที่ถูกจุดขึ้นส่องสว่าง
พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง การต่อสู้กันระหว่างความต้องการของเนื้อหนัง และพระวิญญาณ เมื่อใดที่เราให้อาหารกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ฝ่ายนั้นก็จะมีกำลังเอาชนะฝ่ายที่อ่อนแอ เพราะขาดอาหาร ขาดกำลัง ถ้าเราบำรุงบำเรอเนื้อหนังของตนเอง เราก็จะละเลย การเลี้ยงดูฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งจะทำให้ไม่ตอบสนองต่อการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์อ่อนแอ แต่เพราะจิตใจจิตวิญญาณของเราเอง ไม่มีแรงที่จะตอบสนองต่อพระวิญญาณ (ก็คือ เราไม่ร่วมมือ ไม่ฟังคำเตือนของพระองค์ ) เราก็จะพ่ายแพ้ต่อความต้องการของกิเลศตัณหาของตนเอง ระวัง… รากศัพท์กรีก แปลว่า เล็งไปที่ ด้วยการฟัง ด้วยการมอง ฉบับคิงส์เจมส์แปลว่า เป้าหมาย
พระเยซูคริสต์กำลังสอนถึงการระวังมิให้ความสว่างในตัวเรา กลายเป็นความมืด ด้วยการระวัง คือการฟัง และมองไปยังเป้าหมาย ซึ่งมีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปสร้างขึ้นใหม่ นิยามคำว่า บาป แปลว่า พลาดไปจากเป้าหมาย (อย่างที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ไว้ตั้งแต่แรก แต่เมื่อมนุษย์ล้มลงในความบาป ก็คือการไม่เชื่อฟัง
พระเยซูคริสต์ พันธกิจส่องสว่าง คือการนำทางให้มนุษย์กลับมาเป็นมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างไว้ตั้งแต่แรก คือ ก่อนที่จะล้มลงในความบาป มนุษย์ล้มลง ก็ด้วยการฟังคำล่อลวงของงู คือมารซาตาน มนุษย์จะหันกลับมายังเป้าหมายของพระเจ้า ก็ด้วยการฟังเช่นกัน ระวัง คือการฟัง และเล็งเป้าหมายไปยังพระเจ้า
พระเยซูคริสต์..พันธกิจส่องสว่าง ได้เปลี่ยนผู้ที่เชื่อในพระองค์ให้เป็นตะเกียงที่ถูกจุดขึ้นแล้ว ตะเกียงที่ถูกจุดจะดับมืดไปเพราะการเอาถังมาครอบ สำนวนไทย มีคำว่า อุดหูปิดตา ก็คล้ายๆคำว่า เอาถังครอบ ไม่ฟัง ไม่มอง ไม่เห็น ไม่รับรู้ ซึ่งสำนวนของพระเยซูก็คือ การไม่รับฟัง ไม่สนใจน้ำพระทัยพระเจ้าในชีวิตของตนเอง เอาแต่ใจของตนเองว่า อยากจะทำตามใจตนเอง
ข้าพเจ้าเคยห้ามคนหนุ่มบางคน ในบางเรื่อง เขาตอบข้าพเจ้าว่า ก็เขาอยาก อยากมี อยากได้ แถมย้อนข้าพเจ้าอีกว่า ตอนข้าพเจ้าอายุเท่าเขา เคยอยากมีอยากได้ไม๊ ข้าพเจ้าตอบเขาว่า เคย แต่ข้าพเจ้า ฟังคำห้าม ฟังคำเตือน และรู้ตัวเองว่า ยังไม่ถึงเวลาและรู้ว่า ยังไม่มีปัญญา ข้าพเจ้าดับความอยากของตนเองก่อนดีกว่า ดีกว่า การไปสร้างหนี้สิน สร้างข้อผูกพันที่ผูกมัดตนเอง
โดยเฉพาะในยามนี้ ด้วยแล้ว ขอเตือนว่า ระวัง…ชีวิตที่สว่างอยู่ของท่าน อาจจะมืดบอดไป เพราะอารมณ์ ความคิดชั่ววูบกับกิเลศความอยากบางอย่าง…..
พระเยซูคริสต์…พันธกิจส่องสว่าง ทำให้เรามองเห็นตัวเราเองว่า เราเป็นใคร ทำให้เรามองเห็นเวลา ความเหมาะสม กาละและเทศะ และทำให้เราเอาชนะกิเลศตัณหาของตนเองได้ ด้วยความจริงที่เห็นตัวเราเองในเวลานั้น และที่สำคัญ คือการเห็นน้ำพระทัยพระเจ้าสำหรับเราในแต่ละช่วงเวลาที่เราเป็น และถูกกำหนดไว้ในบทเรียนต่างๆ
ระวัง…อย่าให้ความสว่างกลายเป็นความมืด จนมุมจนหนทางด้วยตัวเองเป็นผู้ทำมันเอง
2.ไม่มีความมืดเลย
ลูกา 6:36 36 ถ้าทั้งตัวของท่านเต็มไปด้วยความสว่างไม่มีความมืดเลย มันก็จะสว่างไสวไปหมด….
พระเยซูคริสต์….พันธกิจส่องสว่าง จุดสังเกตที่สำคัญ คือ ไม่มีความมืดเลย มันจะสว่างไสวไปหมด แปลว่า ไม่มีสีเทา ไม่มีการพยายามจะเปลี่ยนจากผิดให้กลายเป็นถูก เปลี่ยนดำให้กลายเป็นขาว เปลี่ยนความไม่เหมาะสม ให้เป็นความเหมาะสม เปลี่ยนสิ่งที่ไม่ใช่ให้กลายเป็นใช่ กระแสของโลกทุกวันนี้ กำลังทำให้ความคิดของคนเปลี่ยนไปยอมรับได้ ถ้ามันจะผิดเพี้ยน ไปบ้าง หรือบางทีก็เพี้ยน ผิดไปมาก แต่ชอบ รัก ใครจะทำไม
พระเยซูคริสต์…พันธกิจส่องสว่าง ไม่มีความมืดเลย คือไม่อะลุ้มอะล่วยให้กับความบาปใดๆ ทั้งสิ้น
มัทธิว 5:37 37 จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ พูดแต่เพียงนี้ก็พอ คำพูดเกินนี้ไป มาจากความชั่ว
1ยอห์น 1:5-6 5 นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกแก่ท่านทั้งหลาย คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย6 ถ้าเราจะว่าเราร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์และยังดำเนินอยู่ในความมืด เราก็พูดมุสา และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง
3.ส่องสว่างอย่างเดียวกัน
ลูกา 6:36 36….เหมือนอย่างความสว่างของตะเกียงที่ส่องมายังท่าน”
รับมาอย่างไร ก็จะส่งต่อไปอย่างนั้น ไม่บิดเบือนผิดเพี้ยน ไปจากต้นแบบ ต้นแบบของเราคือพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นเจ้าของพันธกิจส่องสว่าง
มนุษย์ในยุคของเรามีความฉลาด ในการสร้างความสว่างเทียมด้วยอุปกรณ์มากมาย ประเทศจีนในขณะนี้ มีความพยายามจะสร้างดวงอาทิตย์เทียม เพื่อจะส่องสว่างได้ตลอดเวลา ไม่ต้องรอดวงอาทิตย์ขึ้นหรือตก หรือเจอกับอุปสรรคของฤดูกาลที่ดวงอาทิตย์ถูกบดบังไปด้วยพายุเมฆฝน แต่ความพยายามนี้ก็ยังไม่สำเร็จ ถึงขั้นจะทำได้เหมือนต้นแบบดวงอาทิตย์จริง และเราก็ยอมรับว่า ไม่มีทางที่จะทำได้อย่างนั้น
1 ยอห์น 1:5 5 นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์ และบอกแก่ท่านทั้งหลาย คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย
เอเฟซัส 5:1 1 เหตุฉะนั้นท่านจงเลียนแบบของพระเจ้า ให้สมกับเป็นบุตรที่รัก
คำว่า บุตรที่รัก ถูกใช้กับพระเยซูคริสต์ และในตอนนี้ ถูกนำมาใช้กับคริสเตียนในหนังสือเอเฟซัส เพื่อบอกกับเราว่า พระเยซูคริสต์…พันธกิจส่องสว่างของพระองค์ถูกส่งต่อมายังเราทุกคน คำว่า เลียนแบบ รากศัพท์กรีกคำนี้แปลว่า ถอดแบบ อย่างเดียวกัน ผู้ติดตาม
มัวธิว 16:24 24 ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามาให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
คำว่า ตามเรามา คือการร่วมทางเดียวกันกับพระเยซู เป็นศิษย์ที่เลียนแบบพระอาจารย์
ลูกา 6:40 40 ศิษย์ไม่ใหญ่กว่าครู แต่ศิษย์ทุกคนที่ได้รับการฝึกสอนครบแล้ว ก็จะเป็นเหมือนครูของตน
พระเยซูคริสต์….พันธกิจส่องสว่าง อยู่ในผู้เชื่อที่ติดตามพระองค์อย่างใกล้ชิด และเป็นเหมือนพระองค์ จะให้แสงสว่างอย่างเดียวกัน เหมือนกัน ไม่ใช่แสงสะท้อนความสว่าง เป็นดวงสว่างในความมืด และทำลายความมืด
ยอห์น 1:4-5 4 พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์5 ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดหาได้ชนะความสว่างไม่
พระเยซูคริสต์…พันธกิจส่องสว่าง จะไม่มีวันยอมพ่ายแพ้แก่อิทธิพลความมืดใด และจะฝ่าทุกวิกฤต ความมืดมิดไปได้อย่างดวงสว่าง อาเมน