“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ….กับคำว่า “หนี””
หนี เป็นคำที่ทุกคนคุ้นเคย ในสังคมปัจจุบันมีค่านิยมให้เราหนีในสิ่งที่เราไม่ควรจะหนี และไม่หนีในสิ่งที่ควรจะหนี ถ้าเป็นครอบครัวที่บ้านแตก ลูกก็จะหนีจากพ่อแม่ บางคนแต่งงานเพราะต้องการหนี บางคนติดยาเสพติดเพราะต้องการจะหนีความเครียด สามีภรรยาหนีจากกันและกันเพราะไม่ปรับตัวเข้าหากัน คนมากมายต่างหนีเพราะความเข้ากันไม่ได้ บางคนไม่มาโบสถ์เพราะไม่อยากเผชิญหน้า เรียกว่า หนีหน้า คำไทยมีคำว่าหนีเหมือนกัน คือหนีเสือปะจระเข้ คือ ยิ่งหนี ยิ่งเจอสิ่งที่เลวร้ายกว่า มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งชื่อปาปิญอง ปาปิญอง =Butterflyแปลว่า ผีเสื้อ ในบางประเทศใช้เป็น สัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าพระเอกติดคุกตลอดชีวิตเพราะต้องชดใช้การกระทำอะไรบางอย่าง และถูกนำไปขังไว้ในคุกที่อยู่บนเกาะที่ห่างไกลจากแผ่นดินมาก และคุกนี้มีชื่อเสียงว่าไม่มีใครสามารถหนีออกไปจากคุกนี้สำเร็จสักราย แต่เนื้อเรื่องหนังเรื่องนี้ฉายให้เห็นว่า พระเอกพยายามหนีออกจากคุกตลอดเวลา และหนีทั้งมีโอกาสและไม่มีโอกาส และก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หนีจนแก่มากๆ ก็ยังพยายามหนีอยู่ เพราะคำว่าเสรีภาพที่อยู่ในใจของพระเอก หนังเรื่องนี้ได้สร้างขึ้นด้วยการดำเนินเนื้อเรื่องให้คนดูเชียร์ให้พระเอกหนีสำเร็จ คนสร้างหนังพยายามเข้าไปนั่งในใจคนดูทุกคน นั่นคือ ความปรารถนาเสรีภาพแต่ในความเป็นจริง เรามีเสรีภาพขนาดไหน พระคัมภีร์ใช้คำสำหรับคนที่ไม่มีเสรีภาพ ด้วยคำว่า “ทาส” 2เปโตร2:18-19 18 เพราะว่าพวกเขาพูดโอ้อวดอย่างเลื่อนลอย และใช้กิเลสตัณหาของเนื้อหนัง ดักจับคนทั้งหลายที่กำลังหนีไปจากพวกที่ดำเนินชีวิตในความหลงผิด 19 พวกเขาสัญญาว่าจะให้เสรีภาพกับคนเหล่านั้น แต่ตัวเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะว่าผู้ใดพ่ายแพ้แก่สิ่งใด เขาก็เป็นทาสของสิ่งนั้น (2011) ความพ่ายแพ้แก่สิ่งใดทำให้เป็นทาสของสิ่งนั้น อันนี้เรียกว่าเป็นทาสของกิเลศตัณหาของตนเอง อีกสภาพทาสที่เกิดจากกิเลศตัณหาของคนอื่น ปรากฏใน กาลาเทีย 2:44 ตามคำแนะนำของพี่น้องจอมปลอม ที่ได้ลอบเข้ามา เพื่อจะสอดแนมดูเสรีภาพซึ่งเรามีเพราะพระเยซูคริสต์ พวกเขาหวังจะเอาเราไปเป็นทาส ข้าพเจ้าได้มีโอกาสพูดคุยกับเด็กสาวคนหนึ่งที่แต่งงานเมื่ออายุยังน้อย และก็มีปัญหาการเข้ากันไม่ได้กับสามีที่มีอายุมากกว่า สิ่งที่เด็กสาวคนนี้แบ่งปันคือ เพื่อนๆของเด็กสาวคนนี้เชียร์ให้เขาเลิกกัน โดยคำพูดที่ว่า ถ้าเป็นคนอื่นป่านนี้เลิกไปนานแล้ว ทนอยู่ได้อย่างไร ค่านิยมของคนที่ไม่มีพระเจ้ากำลังเชียร์ให้คนหนีจากสภาพความเป็นจริงที่เขาต้องเรียนรู้ มีคำพูดหนึ่ง กล่าวว่า ปัญหามีไว้ให้แก้ การทดลองมีไว้ให้หนี การแก้ปัญหาคือการเรียนรู้ ชีวิตของคนเราต้องเรียนไม่สิ้นสุด
ถ้าเราไม่ยอมเรียนรู้ เรากำลังหนีบทเรียนของชีวิต พระคัมภีร์ว่า เรากำลังเป็นคนโง่ สุภาษิต 1:22“คนเขลาเอ๋ย เจ้าจะรักความเขลาไปนานสักเท่าใด คนมักเยาะเย้ยจะปีติยินดีในการเยาะเย้ยนานเท่าใด และคนโง่จะเกลียดความรู้นานเท่าใด
ถ้าเราไม่ยอมเผชิญความจริง เรากำลังหนีความจริง พระคัมภีร์ว่า เรากำลังหลอกตนเอง ยากอบ 1:22 แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง
ถ้าเราไม่ยอมจำนน เรากำลังหนีสิทธิอำนาจ พระคัมภีร์ว่า เรากำลังเย่อหยิ่ง 2โครินธ์ 10:4-5 4 เพราะว่าอาวุธของเราที่ใช้สู้รบไม่ใช่แบบมนุษย์ แต่เป็นฤทธานุภาพจากพระเจ้าที่จะทำลายป้อมปราการได้ คือทำลายเหตุผลปลอมทั้งหลายและความเย่อหยิ่งทุกรูปแบบที่ตั้งตัวขึ้นขัดขวางความรู้ของพระเจ้า และจะยึดกุมความคิดทุกประการให้มาเชื่อฟังพระคริสต์
คำถามก็คือว่า เรากำลังใช้คำว่า “หนี” กับการเรียนรู้ กับความจริง และกับสิทธิอำนาจอยู่หรือไม่ แท้จริงนี่ไม่ใช่น้ำพระทัยพระเจ้าเพื่อให้เราใช้คำว่า “หนี”
ในสันชาตญาณของมนุษย์เเรื่อง “หนี” เกิดขึ้นเมื่อรู้สึก กลัวและไม่ปลอดภัย “หนี”เพื่อเอาชีวิตรอด และ “หนี” เพื่อละทิ้งความรับผิดชอบ แต่คนที่ดำเนินชีวิตที่ปราศจากที่ติ จะรู้จักใช้คำว่า “หนี” อย่างถูกต้องและถูกจังหวะของชีวิต ดังนี้
1.จงหนี : สิ่งที่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
ปฐมกาล 39:7-12 7 โยเซฟนั้นเป็นคนสวยหน้าตาคมคาย อยู่มาภายหลังภรรยาของนายมองดูโยเซฟด้วยความปฏิพัทธ์ และชวนว่า “มานอนกับฉันเถิด8 แต่โยเซฟไม่ยอม จึงตอบแก่ภรรยาของนายว่า “คิดดูเถิด เมื่อมีข้าพเจ้า นายก็มิได้ห่วงสิ่งใดซึ่งอยู่ในบ้านเรือน ได้มอบของทุกอย่างที่มีอยู่ไว้ในมือข้าพเจ้า9 ในบ้านนี้นายก็ไม่ใหญ่กว่าข้าพเจ้า นายมิได้หวงสิ่งใดจากข้าพเจ้า ยกเสียแต่ตัวท่านเพราะเป็นภรรยาของนาย ข้าพเจ้าจะทำความผิดใหญ่หลวงนี้อันเป็นบาปต่อพระเจ้าอย่างไรได้10 แม้นางชวนโยเซฟวันแล้ววันเล่า โยเซฟก็ไม่ยอมนอนกับนางหรืออยู่ด้วยกัน11 วันหนึ่งโยเซฟเข้าไปในบ้านเพื่อทำธุระการงานของเขา ไม่มีชายประจำบ้านคนใดอยู่ในนั้น12 นางก็คว้าเสื้อผ้าโยเซฟเหนี่ยวรั้งไว้ แล้วพูดว่า “มานอนอยู่กับฉันเถิด”แต่โยเซฟทิ้งเสื้อผ้าไว้ในมือนางหนีไปข้างนอก โยเซฟหนีเพราะไม่ต้องการทำผิดต่อนายของตน และต่อพระเจ้า โยเซฟได้หนีการยั่วยวนทางเพศ ของภรรยาเจ้านาย ที่ไม่ได้มีไว้เพื่อเขา โยเซฟยอมหมดอิสรภาพเข้าไปอยู่ในคุกเพราะหนีการทำบาป หญิงหรือชายมีโอกาสทำผิดเรื่องนี้ได้ หากละเลยและหลอกตัวเองว่าสิ่งนี้เพื่อตัวเขาเอง หากคิดจะเดินเข้าไปในการทดลองเรื่องนี้ บางคนก็เปรียบเหมือนการเล่นกับไฟ มีแต่จะร้อนและบาดเจ็บ จงอยู่ห่างๆจะปลอดภัยกว่า ทำไมเราถึงห้ามเด็กไม่ให้เล่นไฟ เพราะเรารู้ว่าเด็กไม่เหมาะกับไฟ ไฟไม่ได้มีเพื่อเด็ก สภาพของเรากับการทดลอง ก็ไม่ต่างกับเด็กกับไฟ ไม่ใช่เพื่อกันและกันเลย ในพระคัมภีร์ใหม่มีคำว่าหนี ที่บ่งบอกว่าให้หนีสิ่งที่ไม่ดีสิ่งที่เป็นบาป สิ่งที่ขัดกับน้ำพระทัยพระเจ้า หรือสิ่งที่มาทดแทนพระเจ้า
1 โครินธ์ 6:18 จงหลีกเลี่ยงเสียจากการล่วงประเวณี บาปอย่างอื่นที่มนุษย์กระทำนั้นเป็นบาปนอกกาย แต่คนที่ล่วงประเวณีนั้น ทำผิดต่อร่างกายของตนเอง
1 โครินธ์ 10:14 ดูก่อนท่านที่รัก เหตุฉะนั้นท่านจงหลีกเลี่ยงเสียจากการนับถือรูปเคารพ
1 ทิโมธี 6:10-11 10 ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวล และเพราะความโลภนี่แหละ จึงทำให้บางคนห่างไกลจากความเชื่อ และตรอมตรมด้วยความทุกข์11 แต่ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกหนีเสียจากสิ่งเหล่านี้ จงมุ่งมั่นในความชอบธรรม ในทางของพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความอดทน และความอ่อนสุภาพ
2 ทิโมธี 2:22“ดังนั้นท่านจงหลีกหนีเสียจากราคะตัณหาของคนหนุ่ม”
นั่นหมายความว่า ถ้าจะใช้คำว่า หนี สำหรับตนเอง ให้หนีการทดลอง และใช้คำว่า หนีกับมาร ในบริบทของการต่อสู้เพื่อให้มันหนีเราไป ยากอบ4:7 “จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป” ผู้ที่จะดำเนินชีวิตที่ปราศจากที่ติ จงหนีสิ่งที่ควรหนี ทุกคนต้องมีสิ่งที่ต้องหนี เพียงแต่ว่า คุณไปหนีอย่างอื่นที่มีเพื่อให้เผชิญอยู่หรือไม่
2.อย่าหนี : สิ่งที่มีเพื่อชีวิตที่ครบบริบูรณ์
มีคนมากมายพลาดโอกาสที่ดี เพราะการหนีสิ่งที่มีเพื่อชีวิตของเขา คนเรามักจะมีแนวโน้มในทางบาป ซึ่งตรงกันข้ามกับเป้าหมายของพระเจ้า พระเยซูเสด็จมาเพื่อจะให้ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ แต่เรามักจะนิยามคำว่า ครบบริบูรณ์แบบค่านิยมอย่างโลกตามอย่างผู้คนในโลกที่กำลังพยายามแสวงหาชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่หาเท่าไรก็ไม่รู้จักพอ และถมเท่าไรก็ไม่รู้จักเต็ม คริสเตียนคนหนึ่งเมื่อสองพันปีที่แล้ว ได้กล่าวอย่างนี้ ฟิลิปปี 4:11-13 11 ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น12 ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า อ.เปาโลใช้คำว่า 13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า นั่นคือไม่หนี ทำให้อ.เปาโลรู้จักเคล็ดลับในการเผชิญกับทั้งสิ่งที่เป็นบวก และสิ่งที่เป็นลบ เกิดจากการเรียนรู้ เกิดเป็นความพอใจได้ คำว่า พอใจ นั่นคือตรงกับคำที่พระเยซูใช้คำว่า ครบบริบูรณ์ ในยอห์น 10:10 10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์ ความหมายของคำว่า ชีวิตที่ครบบริบูรณ์ของพระเยซู ในภาษากรีกแปลว่า Super abundantly in Quantity and Superior in Quality แปลว่า มีมากเกินพอ และมีคุณภาพสุดยอด พระเยซูทรงสามารถทำให้ผู้ที่เชื่อนพระองค์ไปถึงความพอใจของชีวิต และมองเห็นชีวิตที่มีคุณภาพแท้จริงไม่ได้อยู่ที่มีหรือไม่มี เป็นหรือไม่เป็น มัทธิว 7:7-11 7 “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน8 เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ ทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา9 ในพวกท่านมีใครบ้างที่จะเอาก้อนหินให้บุตร เมื่อเขาขอขนมปัง10 หรือให้งูเมื่อบุตรขอปลา11 เหตุฉะนั้น ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนบาป ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะประทานของดีแก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์ คำว่า “ของดี” แปลว่า มีประโยชน์ และดีต่อผู้รับ เมื่อเรามาเชื่อในพระเยซูคริสต์ ฐานะของเราเปลี่ยนจากทาสมาเป็นบุตรของพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา ในฐานะที่พระองค์เป็นพ่อของเรา หัวใจของพ่อก็คือต้องการให้ลูกได้รับประโยชน์และสิ่งที่ดีสำหรับตัวลูกเอง พ่อที่ดีจะสอนลูกให้เรียนรู้ ยอมรับความจริง และไม่เย่อหยิ่ง ไม่หนีบทเรียนชีวิต ไม่หลอกตัวเอง และรู้จักยอมจำนนต่อสิทธิอำนาจ พระเยซูทรงเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ พระองค์จึงเป็นผู้ที่สามารถนำชีวิตที่ครบบริบูรณ์มาสู่คนทั้งปวงได้ นี่คือเสรีภาพที่แท้จริง ที่ในใจของมนุษย์กำลังโหยหา กาลาเทีย 5:1 1 เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย ความหมายของพระคัมภีร์ตอนนี้ก็คืออย่าหนีสิ่งที่มีเพื่อชีวิตที่ครบบริบูรณ์ บทเรียนชีวิต ความจริง และการยอมจำนนต่อสิทธิอำนาจ ซึ่งบางคนอาจต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพ่อแม่ บางคนต้องมีผู้นำที่ไม่ Perfect บางคนต้องยอมรับว่าตนเองมีข้อบกพร่องที่ต้องแก้ไขปรับปรุง และบางคนต้องเรียนรู้จากคนอื่น คนรอบข้าง อย่าหนี…..
3.อย่าใช้สันชาตญาณในการหนี ยอห์น 10:12
12 ผู้ที่รับจ้างมิได้เป็นผู้เลี้ยงแกะ และฝูงแกะไม่เป็นของเขา เมื่อเห็นสุนัขป่ามาเขาจึงละทิ้งฝูงแกะหนีไป สุนัขป่าก็ชิงเอาแกะไปเสีย และทำให้ฝูงแกะกระจัดกระจายไป นี่เป็นการหนีเพื่อเอาตัวรอด การหนีเพื่อเอาตัวรอด เป็นสันชาตญาณของคนที่มีความกลัว กษัตริย์ดาวิดในครั้งที่เป็นเด็กหนุ่ม เขามีหน้าที่ดูแลฝูงแพะแกะของพ่อ และเมื่อกองทัพฟิลิสเตียมาท้ารบด้วยสงครามตัวแทน ดาวิดถูกพ่อใช้ให้ไปหาพี่ชายในสนามรบ ดาวิดมองเห็นการท้าทายของโกลิอัท ทหารฝ่ายฟิลิสเตียที่ออกมาเยาะเย้ยทหารอิสราเอล ซึ่งในเวลานั้น ซาอูลเป็นกษัตริย์ ความยักษ์ใหญ่ของโกลิอัททำให้ไม่มีทหารอิสราเอลคนไหนกล้าออกไปรบในสงครามตัวแทนนี้ แม้กระทั่งกษัตริย์ซาอูลก็ไม่กล้า แต่ดาวิดได้ขอกับซาอูลว่า เขาจะออกไปรบในสงครามตัวแทนนี้เอง ดาวิดเป็นหนุ่มน้อยในสายตาของซาอูลและพี่ๆของเขา แต่ดาวิดให้เหตุผลกับซาอูลว่า เขาไม่เคยหนีเมื่อหมี และสิงโตมาจะเอาแพะแกะที่เขาดูแล 1ซามูเอล 17:32-37 32 ดาวิดก็ทูลซาอูลว่า “อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไปเพราะชายคนนั้นเลย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้”33 และซาอูลกล่าวแก่ดาวิดว่า “เจ้าไม่สามารถที่จะไปสู้รบกับชายฟีลิสเตียคนนั้นดอก เพราะเจ้าเป็นแต่เด็กหนุ่ม และเขาเป็นทหารชำนาญศึกมาตั้งแต่หนุ่มๆ แล้ว”34 แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเคยดูแลแพะแกะของบิดา และเมื่อมีสิงห์หรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง35 ข้าพระบาทก็ไล่ตามฆ่ามัน และช่วยกู้ลูกแกะนั้นมาจากปากของมัน ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็จับหนวดเคราของมัน และทุบตีมันจนตาย36 ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้ฆ่าสิงห์และหมีนั้นมาแล้ว คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัตคนนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เหล่านั้นตัวหนึ่ง ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”37 และดาวิดทูลต่อไปว่า “พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์ และจากขยุ้มเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟีลิสเตียคนนี้” และซาอูลจึงตรัสแก่ดาวิดว่า “จงไปเถอะ และพระเจ้าจะทรงสถิตอยู่กับเจ้า”ดาวิดเป็นตัวอย่างของการไม่หนีด้วยสันชาตญาณ แต่เผชิญหน้าด้วยการต่อสู้กับสิ่งที่มีกำลังมากกว่า เพราะเขาไว้วางใจในพระเจ้า เขามีสติเพราะเขารู้ว่า พระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเขามีกำลังมากกว่าศัตรูของอิสราเอลในเวลานั้น พี่น้องกำลังเผชิญกับอะไรที่เป็นเหมือนกับยักษ์ในชีวิตของท่าน ดูเหมือนมีกำลังมากกว่า ดูเหมือนยากที่จะต่อสู้ สิ่งเหล่านั้น กำลังปลุกสันชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดขึ้นมา ทำให้เกิดความกลัว จงระวังความกลัว อาจทำให้เราขาดเหตุผลและตอบสนองอย่างคนขาดสติได้ และนั่นคือที่มาของการอ้างเหตุผลต่างๆนาๆเพื่อปิดบังความกลัว สิบห้าปีที่แล้ว ข้าพเจ้าเคยเรียนดำน้ำกับครูคนไทย เขาสอนข้าพเจ้าให้ถอดหน้ากากดำน้ำออก และดำน้ำโดยปราศจากหน้ากาก ข้าพเจ้าสำรักน้ำ พุ่งหรวดขึ้นสู่ผิวน้ำ นั่นคือบทเรียนในสระว่ายน้ำ ข้าพเจ้าถูกตำหนิว่าอย่าใช้สันชาตญาณให้ใช้เหตุผล ปัจจุบันข้าพเจ้าได้เรียนดำน้ำอีกครั้งกับครูฝรั่ง เขาไม่ยอมให้ข้าพเจ้าแก้ปัญหาด้วยสันชาตญาณ แต่เขาอยู่เคียงข้างข้าพเจ้าในสระน้ำ และในทะเลลึก เพื่อแก้ปัญหาเดิม ข้าพเจ้าได้รับการหนุนใจและทำได้ดี แม้กระทั่งกับปัญหาใหม่ คือปวดหูในทะเลลึก ข้าพเจ้าจะขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างเดียว แต่ครูฝรั่งไม่ยอมปล่อยให้ข้าพเจ้าขึ้นผิวน้ำ เขาให้ข้าพเจ้าแก้ปัญหาใต้น้ำ และก็สามารถแก้ได้อย่างดี หายปวดหู เวลานี้ พระเยซูคริสต์อยู่เคียงข้างเราในการแก้ปัญหา ในการเผชิญกับทุกอย่าง จงมองดูพระองค์ เหมือนที่ข้าพเจ้าได้มองดูครูฝรั่งที่ไม่ยอมให้ข้าพเจ้าขึ้นผิวน้ำ พระเยซูก็กำลังอยู่เคียงข้างเราเพื่อให้เราใช้ความเชื่อ ในการแก้ปัญหาบางอย่างที่กำลังเขย่าสันชาตญาณการตัวรอดของเราอยู่ สิ่งนั้นอาจจะเป็นสุขภาพ สิ่งนั้นอาจจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สิ่งนั้นอาจจะเป็นงานที่กำลังทำ บทบาทที่ต้องรับผิดชอบ เรากำลังมีวิธีคิดแบบหนีอยู่หรือเปล่า วิธีคิดแบบหนี คือ ไม่อยากอยู่ต่อไป ไม่อยากทำหน้าที่ต่อไป ไม่อยาก และไม่อยาก….
4.จงหนี : เพื่อลี้ภัยในพระเจ้า
คำว่า หนี ถูกใช้ในหนังสือสดุดี143:9 9 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์จากศัตรูของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้ซ่อนตัวอยู่กับพระองค์ กษัตริย์ดาวิดเป็นทหารกล้ารบชนะมากมาย แต่ก็ยังรู้จักใช้คำว่า “หนี” ในบางจังหวะของชีวิต คำว่า ซ่อนตัว ในพระคัมภีร์ตอนนี้ ภาษาอังกฤษแปลว่า หนีเพื่อซ่อนตัว ใช้ประโยคว่า I flee unto thee to hide แปลว่า หนีเพื่อซ่อนตัว นักวิชาการพระคัมภีร์บางคนตีความคำว่า ซ่อนตัวของดาวิดในตอนนี้ว่า คือการซ่อนความอื้อฉาว ความยากลำบาก ปัญหา ความทุกข์ ความจำเป็นของตนเองจากมนุษย์ และเปิดเผยต่อพระเจ้าเพียงผู้เดียว 10 ขอทรงสอนให้ข้าพระองค์ทำตามพระทัยของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระวิญญาณประเสริฐของพระองค์ ทรงนำข้าพระองค์ไปตามวิถีราบ 11 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสงวนชีวิตข้าพระองค์ไว้ เพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์ ขอทรงนำข้าพระองค์ออกมาจากความยากลำบากตามความชอบธรรมของพระองค์ เมื่อดาวิดหนีเพื่อซ่อนตัวในพระเจ้า เขาอธิษฐานต่อพระเจ้า ด้วยท่าทีของการเรียนรู้สิ่งที่พระเจ้าสอน ขอพระเจ้านำ ขอพระเจ้าปกป้อง และพาเขาออกจากความยากลำบาก การหนีเพื่อลี้ภัยในพระเจ้า คือการยอมอยู่ภายใต้การนำของพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง มีคำที่ใช้สำหรับคริสเตียน อยู่คำหนึ่ง เพื่ออยู่ภายใต้การนำของพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ คำว่า เกียร์ว่าง คริสเตียนไม่น้อยที่ชอบหนี ด้วยการใส่เกียร์สูงสุด หนีไปจากคริสตจักร หนีหน้าผู้คน หนีปัญหา หนีทุกอย่างด้วยเกียร์ถอยหลังก็มี หรือด้วยเกียรต่ำก็มี คือไปอย่างช้าๆ ไม่อยากจะไปเร็ว เพราะต้องการจะหนี แต่ไม่หนีเพื่อลี้ภัยในพระเจ้า เกียร์ว่าง คือ การพึ่งพาพระเจ้า รอคอยพระเจ้า ลี้ภัยในพระเจ้า จงเรียนรู้การหนี ด้วยการลี้ภัยในพระเจ้า รู้จักรอคอยพระเจ้า การไม่รอคอย คือการจะไปตามการตัดสินใจของตนเอง ในความทุกข์ยาก ในความยุ่งยากที่กำลังเจอ สดด. 18:2 พระเจ้าทรงเป็นพระศิลา ป้อมปราการ และผู้ช่วยกู้ของข้าพระองค์ เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์เป็นพระศิลาซึ่งข้าพระองค์เข้าลี้ภัยอยู่ในพระองค์ เป็นโล่ เป็นพลังแห่งความรอดของข้าพระองค์ เป็นที่กำบังเข้มแข็งของข้าพระองค์
“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ….กับคำว่า “หนี”
1.จงหนี : สิ่งที่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
2. อย่าหนี : สิ่งที่มีเพื่อชีวิตที่ครบบริบูรณ์
3. อย่าใช้สันชาตญาณในการหนี
4. จงหนี : เพื่อลี้ภัยในพระเจ้า