“เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์”
เริ่มต้นปีใหม่ ปีนี้ ด้วยหัวข้อใหม่ ชื่อว่า ผู้รับใช้ของพระคริสต์ จากปีที่แล้ว หัวข้อสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ ยังคงมีความต่อเนื่องในชีวิตการเป็นคริสเตียนของเราทุกคน เรากำลังมุ่งหน้าสู่ความสมบูรณ์แบบของพระคริสต์ ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบของโลกนี้ และในหัวข้อปีนี้ที่ชื่อว่า เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ เป็นสิ่งที่สนับสนุนสอดคล้องให้เราสามารถดำเนินชีวิตอย่างตลอดรอดฝั่งจนไปถึงความไพบูลย์ของพระคริสต์ พระคัมภีร์ที่ใช้สำหรับหัวข้อประจำปี 2017 นี้ มาจากหนังสือยอห์น
ยอห์น 12:26 ถ้าผู้ใดจะรับใช้เรา ผู้นั้นก็ต้องตามเรามา และเราอยู่ที่ไหนผู้รับใช้ของเราจะอยู่ที่นั่นด้วย ถ้าผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาก็จะทรงประทานเกียรติแก่ผู้นั้น
คำว่า ผู้รับใช้ หมายถึง การมีนายที่ต้องปรนนิบัติ พระเยซูตรัสว่า เราอยู่ที่ไหน ผู้รับใช้ของเราอยู่ที่นั่น สำนวนหมายถึง มีพฤติกรรมอย่างเดียวกันกับพระองค์ ทำเหมือนพระองค์ทำ ตอบสนองต่อเป้าหมายอย่างเดียวกันกับที่พระองค์มี คือการดำเนินชีวิตด้วยพระคุณ ด้วยความรัก ความถ่อมใจ อดทน ปฏิเสธตนเอง จากความปรารถนาของตนเองเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ในทุกบทบาททุกหน้าที่ ดำเนินชีวิตอย่างที่พระองค์ดำเนิน แม้กระทั่งในการทนทุกข์ พระเยซูเป็นเหมือนหัวหน้าผู้รับใช้ ไม่ใช่เจ้านาย ที่ลูกน้องต้องเชื่อฟัง (ก็คือการปฏิบัติหัวหน้า) ผู้ที่เป็นนายคือพระบิดาบนฟ้าสวรรค์ พระเยซูทรงใช้คำว่า เจ้านาย สำหรับมนุษย์ มีอยู่สองเจ้านายเท่านั้น ถ้าไม่ให้พระเจ้าเป็นนาย ก็มีเงินทองเป็นนาย
มัทธิว 6:24 24 “ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่ง และรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้
สำนวนคำว่า เงินไม่เข้าใครออกใคร หมายความว่า เงินไม่จำหน้าเจ้าของ อยู่ที่ใครเป็นของคนนั้น…ไว้ใจไม่ได้ ใครเห็นก็อยากได้ อยากมี หรือ ผิดใจเรื่องเงินๆทองๆ กันได้ง่ายๆ หรือแบบ ใช้ง่าย เสียง่าย
ในยุคโบราณกับยุคปัจจุบันของเรา ไม่ต่างกันเลย จะต่างกันก็คือ ความการตกเป็นทาส หรือผู้รับใช้เงินทอง ในยุคของเรานั้นมีวิธีที่หลากหลายมากมายขึ้นจนนับไม่ถ้วน เราอยู่ในยุคที่จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีสติสัมปชัญญะ โดยเฉพาะในยุคสมัยของเราที่เงินเป็นนาย เงินมีอิทธิพลสูงมาก คนรับใช้เงินทองจนทำให้ทำอะไรก็ได้ เพื่อให้ได้เงินมา (เป็นนาย) เรียกว่า ถูกเงินใช้ ไม่ใช่ใช้เงิน
“นกดีต้องรู้จักเลือกกิ่งไม้เกาะ คนฉลาดต้องรู้จักเลือกนายดี” (คำพูดของกวนอูพูดกับเล่าปี่ก่อนที่จะสาบานเป็นพี่น้อง)
“นกทำรังให้ดูร่มไม้ ชายเลือกนายให้ดูน้ำใจ” (คำพูดลิอิ๋นพูดกับเล่าปี่ เมื่อตัวเค้าเข้ามาขอรับใช้เล่าปี่แทนเล่าเจี้ยง)
สำนวนคำว่า เงินไม่เข้าใครออกใคร ยังอาจจะบอกว่า เงินไม่เมตตาปรานีใคร ไม่มีน้ำใจของความเป็นนายที่ดีต่อใคร
เพราะฉะนั้น ระวังให้ดี ในปีใหม่นี้ เราเริ่มต้นใหม่ ด้วยการเป็นผู้รับใช้ใคร
คำตรัสของพระเยซูทุกถ้อยคำ มีความหมาย และมีน้ำหนัก มีเป้าหมายที่ดีต่อผู้ที่ประพฤติตามเสมอ พระเยซูจึงตรัสว่า
มัทธิว 7:24-25 24 “เหตุฉะนั้นผู้ใดที่ได้ยินคำเหล่านี้ของเรา และประพฤติตาม เขาก็เปรียบเสมือนผู้ที่มีสติปัญญาสร้างเรือนของตนไว้บนศิลา
25 ฝนก็ตกและน้ำก็ไหลเชี่ยว ลมก็พัดปะทะเรือนนั้น แต่เรือนมิได้พังลง เพราะว่ารากตั้งอยู่บนศิลา
ยอห์น 8:51 51 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดประพฤติตามคำของเรา ผู้นั้นจะไม่ประสบความตายเลย”
พระเยซูทรงเป็นหัวหน้าการรับใช้ ถ้าเราทำตามพระองค์ทุกคำ เราจะไม่เสียหาย ไม่ล้มเหลว และไม่ตาย การเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ ไม่ใช่พระองค์เป็นนาย แต่พระองค์เป็นหัวหน้าผู้รับใช้ คือเป็นผู้รับใช้เหมือนกับเรา การเป็นหัวหน้าผู้รับใช้ นั่นหมายความว่า พระองค์จะสอนเราว่า การเป็นผู้รับใช้ ผู้ปรนนิบัติพระเจ้า ให้พระบิดในฟ้าสวรรค์เป็นนายนั้น ต้องทำอย่างไร จึงจะถูกใจพระเจ้า เราคงเคยได้ยินคำว่า ไม่ได้อย่างใจ นั่นคือ ไม่รู้ใจนาย จะทำให้นายพอใจได้อย่างไร
บางคนคิดเองว่า มาหาพระเจ้า ก็ทำเหมือนอย่างหาพระอื่น คือ เอาหัวหมู เครื่องเซ่นมาถวายพระเจ้า อันนี้ พระเจ้าไม่ต้องการ พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า สิ่งที่เรานำมาถวายก็เป็นของพระเจ้าทั้งหมด สัตว์ในป่าก็เป็นของพระเจ้า แล้วพระเจ้าอยากได้อะไร นั่นคือ เราต้องรู้ข้อมูลจริง และคนที่ให้ข้อมูลจริง คือพระเยซูคริสต์ เพราะพระองค์ตรัสว่า พระองค์เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงใช้มา
พระเยซูจึงไม่ได้ยกสถานะของพระองค์เป็นเจ้านายต่อเราเลย แต่พระองค์ต้องการให้เราเป็นผู้รับใช้ร่วมกับพระองค์
ยอห์น 12:26 ถ้าผู้ใดจะรับใช้เรา ผู้นั้นก็ต้องตามเรามา และเราอยู่ที่ไหนผู้รับใช้ของเราจะอยู่ที่นั่นด้วย ถ้าผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาก็จะทรงประทานเกียรติแก่ผู้นั้น
1.พระเยซูเป็นหัวหน้าทีม ยอห์น 12:26ก
ถ้าผู้ใดจะรับใช้เรา ผู้นั้นก็ต้องตามเรามา…
พระเยซูกำลังบอกกับผู้ที่เชื่อในพระองค์ว่า ถ้าจะตามพระองค์ ก็คือการตามการเป็นผู้รับใช้อย่างที่พระองค์เป็น พระเยซูทรงบอกกับเราว่า เราต้องเชื่อฟัง คำสอน คำแนะนำ จากพระองค์ จะคิดเองเออเอง ตีความตามความเข้าใจของตนเองไม่ได้ เราต้องพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงสถิตภายในเรา อ่านพระวจนะ คำสอนของพระเยซู และพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในผู้เชื่อ จะสอดคล้องกันกับผู้เชื่อคนอื่นๆ นั่นหมายความว่า เราต้องฟังคนที่มีพระวิญญาณ วิญญาณแห่งการรับใช้ของพระเจ้าในผู้อื่นด้วย เพื่อตรวจสอบว่า การฟังเสียงพระวิญญาณบริสุทธิ์ในตัวเรานั้น ถูกต้อง หรือไม่
เอเฟซัส 5:21 21 จงยอมฟังกันและกันด้วยความเคารพในพระคริสต์
ถ้าเราให้พระเยซูคริสต์เป็นหัวหน้าของเรา เราต้องฟังกันและกัน เพราะพระเยซูจะทำงานของพระองค์ผ่านพระกายของพระองค์ คือคริสตจักร เราจะอยู่อย่างเอกเทศ ไม่ฟังกันไม่ได้
เราอยู่ในครอบครัว เราต้องฟังหัวหน้าครอบครัว คือพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่ในบ้าน ใครเป็นผู้ใหญ่ในบ้าน ไม่เพียงแค่อายุ หากคนๆนั้น มีความเป็นผู้ใหญ่ในความคิด สติปัญญา และจิตวิญญาณ เราต้องฟัง คริสตจักรก็เป็นเหมือนครอบครัวที่มีผู้ใหญ่ในคริสตจักร ที่ทำหน้าที่บทบาทผู้นำ อาจจะเป็นพี่เลี้ยง หัวหน้าเซลล์ หัวหน้าหน่วย ศิษยาภิบาล คนเหล่านี้ มีความเชื่อมต่อกันเป็นกายเดียวกัน มีศีรษะเดียวคือพระคริสต์ เราต้องเชื่อฟัง อย่าให้เงินเป็นนาย
ในสังคมชาวโลก คนที่มีเงินเป็นนาย คนเชื่อฟัง เพราะคนนั้นมีเงิน คนมีเงินเสียงดัง ทำอะไรผิดก็ว่าถูก ชี้นกเป็นไม้ ชี้ไม้เป็นนก อันนี้ไม่ใช่สังคมคริสเตียน อย่าให้ค่านิยมอย่างโลกมามีอิทธิพลในคริสตจักร คนมีเงินทำผิดไม่กล้าเตือน ไม่กล้าพูด ส่วนคนไม่มีเงิน ก็ตะคอกข่มขู่ อย่าให้เกิดในสังคมคริสตจัก
อย่าใช้คนเพื่อเงิน เพื่อความสำเร็จ จงใช้เงิน ใช้ความสำเร็จ เพื่อคน จึงจะเรียกว่า ไม่มีเงินเป็นนาย แต่เป็นนายของเงิน
ถ้าผู้ใดจะรับใช้เรา ผู้นั้นก็ต้องตามเรามา พระเยซูตรัสประโยคนี้ เพื่อให้ดำเนินชีวิตตามเส้นทางเดียวกันกับพระเยซู พระองค์ไม่ได้มาเพื่อจะรับการปรนนิบัติ แต่เพื่อจะปรนนิบัติ ดังนั้นเส้นทางของเราทุกคนเหมือนพระเยซู ไม่มีใครได้รับการยกเว้น ในสังคมคริสตจักรไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก พวกเขา พวกเรา ไม่มี มีแต่เรามีกันและกัน
ยอห์น 13:35 35 ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา”
สาวก แปลว่า นักเรียน ถ้าเรารักกันและกัน เราคือผู้รับใช้ที่กำลังเรียนการเป็นผู้รับใช้จากพระเยซู ผู้รับใช้ของพระเยซูต้องรักกันและกัน อย่างที่พระเยซูทรงรักลูกน้องของพระองค์ พระเยซูทำบทบาทเป็นลูกพี่ ภาษาพระคัมภีร์ใช้สำนวนคำว่า บุตรหัวปี คือคนที่เกิดมาก่อน เป็นก่อน ทำก่อน และคนที่ตามมาทีหลัง น้องๆที่ตามมาก็ทำตาม
โรม 8:28-29 28 เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์29 เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่พระองค์ได้ทรงทราบอยู่แล้ว ผู้นั้นพระองค์ได้ทรงตั้งไว้ให้เป็นตามลักษณะพระฉาย แห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพวกพี่น้องเป็นอันมาก
2.ร่วมงานกับพระเยซูคริสต์ ยอห์น 12:26ข
…และเราอยู่ที่ไหนผู้รับใช้ของเราจะอยู่ที่นั่นด้วย…
การเป็นผู้รับใช้ของพระเยซู คือต้องตัวติดกัน ไปไหนด้วยกัน จะเอาพระเยซุไปไว้นอกบ้าน นอกประตู และให้พระองค์ยืนเคาะเพื่อให้เราเปิดตูให้พระองคเข้ามาในชีวิตขอเราอีก นั่นไม่ใช่การกระทำต่อคู่หู ต่อมิตรสหายอย่างพระเยซู
ยอห์น 15:14 14 ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามที่เราสั่งท่าน ท่านก็จะเป็นมิตรสหายของเรา
เชื่อฟัง ทำตาม ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน แต่ก็มีคนไม่น้อย ที่ไม่ยอมเชื่อฟัง และทำตาม (กลัวเสียศักดิ์ศรี และบางคนก็ตั้งธงไว้เลยว่า ใครสอน ใครเตือน เป็นต้องต้านเอาไว้ก่อน ไม่รู้ว่า เลียนแบบกันมาจากไหน ระวังเถิดว่า นี่คือเชื้อที่จะทำให้เราไม่เชื่อฟัง และทำตามสิ่งที่พระเยซูทรงสอน สิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเตือน
ระวังว่า ถ้าคู่หูของเราไม่ใช่พระเยซู วิญญาณชั่วก็รอคอยโอกาสที่จะมาคนนำเรา
มัทธิว 12:43-45 43 “เมื่อผีโสโครกออกมาจากผู้ใดแล้ว มันก็ท่องเที่ยวไปในที่กันดารน้ำเพื่อแสวงหาที่หยุดพัก แต่เมื่อไม่พบ44 มันจึงกล่าวว่า ‘ข้าจะกลับไปยังเรือนของข้า ที่ข้าได้ออกมานั้น’ และเมื่อมาถึงก็เห็นเรือนนั้นว่าง กวาดและตกแต่งไว้แล้ว45 มันจึงไปรับเอาผีอื่นอีกเจ็ดผีร้ายกว่ามันเอง แล้วก็เข้าไปอาศัยที่นั่น และในที่สุดคนนั้นก็ตกที่นั่งร้ายกว่าตอนแรก คนชาติชั่วนี้ก็จะเป็นอย่างนั้น”
เมื่อพระเยซูไปไหน ผู้รับใช้ (สาวก)ของพระองค์ก็อยู่ที่นั่น พระเยซูอยู่ที่ไหน ผีไม่กล้าอยู่ด้วย
เรามักได้ยินคำว่า ผีเข้าผีออก คืออาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย (บางคนเป็นถี่) ลองเช็กดูว่า คุณยังเป็นผู้รับใชของพระเยซูอยู่หรือไม่ หรือกำลังรับใช้เงินทอง มีเงินทองเป็นเจ้านาย
เพราะที่ไหนมีพระเยซู ผีอยู่ไมได้ และเราอยู่ที่ไหนผู้รับใช้ของเราจะอยู่ที่นั่นด้วย ใครตาขวาง ก็จงรู้เถิดว่า ผีกำลังเข้า จงไปเอาผีออก ด้วยการเป็นผู้รับใช้ของพระเยซู หยุดรับใช้เงินทอง
3. รับค่าจ้างจากสวรรค์ ยอห์น 12:26ค
…ถ้าผู้ใดรับใช้เรา พระบิดาก็จะทรงประทานเกียรติแก่ผู้นั้น
โรม 6:23 23 เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
โรม 6:22 22 แต่เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายพ้นจากการเป็นทาสของบาป และกลับมาเป็นทาสของพระเจ้าแล้ว ผลสนองที่ท่านได้รับก็คือการชำระให้บริสุทธิ์ และผลสุดท้ายคือชีวิตนิรันดร์
ผู้รับใช้ของพระเยซู ไม่สนใจค่าจ้างของโลกนี้ เพราะค่าจ้างของโลกนี้คือความตาย บาป แปลว่า พลาดไปจากเป้าหมาย พลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า ค่าจ้างของการพลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้าคือความตาย การเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ คือการรับค่าจ้างสวรรค์
เวลาเราตาย คริสเตียนจึงไม่ต้องมีการเผาแบงค์ เผาบ้าน เผากระดาษ เพราะเราไม่ต้องใช้เงินของโลกนี้ เรามีค่าจ้างสวรรค์อยู่ในบัญชีสวรรค์แล้ว อ.เปาโลได้กล่าวถึงในหนังสือฟิลิปปี
ฟิลิปปี 4:17-19 17 มิใช่ว่าข้าพเจ้าปรารถนาจะได้รับของให้ แต่ว่าข้าพเจ้าอยากให้ท่านได้ผลกำไรในบัญชีของท่านมากขึ้น18 ข้าพเจ้าได้รับครบ และมากกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าก็อิ่มอยู่เพราะได้รับของจากเอปาโฟรดิทัส ซึ่งพวกท่านส่งไปให้ เป็นกลิ่นหอม เป็นเครื่องบูชาที่ทรงโปรดและพอพระทัยของพระเจ้า19 และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานสิ่งสารพัดที่พวกท่านขาดอยู่นั้น จากทรัพย์อันรุ่งเรืองของพระองค์ในพระเยซูคริสต์
อ.เปาโลหมายถึง บัญชีในสวรรค์ อันเนื่องจากการช่วยเหลือของพี่น้องคริสเตียนชาวเมืองฟิลิปปี ที่ส่งมาให้เปาโล และช่วยเหลือคนที่กำลังอยู่ในความขาดแคลน ค่าจ้างของสวรรค์ ไม่ใช่ต้องรอคอยเพื่อจะได้ใช้ตอนตาย แต่ค่าจ้างของสวรรค์ยังสามารถส่งมาเลี้ยงดูผู้รับใช้ของพระคริสต์ขณะอยู่บนโลกนี้ โดยไม่ถูกเงินใช้ แต่จะเป็นผู้ใช้เงิน
ขอให้ปีให้นี้ เราชาวใจสมานเพชรเกษม 11 ทุกคนจะเข้าสู่โหมดของการเรียนรู้เป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์ มีพระองค์ เป็นผู้นำ และเราเดินตาม พระองค์อยู่ที่ไหน เราอยู่ด้วยกับพระองค์ เพื่อจะเรียนรู้ตลอดเวลา และรับค่าจ้างแห่งสวรรค์ เพราะเราสามารถทำตามน้ำพระทัยพระบิดา มิใช่ตามอย่างโลกนี้ เพราะค่าจ้างของโลกนี้ คือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ อาเมน
“เป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์”
1.พระเยซูเป็นหัวหน้าทีม
2.ร่วมงานกับพระเยซูคริสต์
3.รับค่าจ้างจากสวรรค์