“แด่พระเจ้าที่เรารู้จัก….พระเยซู”
อพยพ 3:13-14 13 ฝ่ายโมเสสทูลพระเจ้าว่า “เมื่อข้าพระองค์ไปหาชนชาติอิสราเอล และบอกพวกเขาว่า ‘พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่านทั้งหลาย ทรงสั่งข้าพเจ้ามาหาท่าน’ และเขาจะถามข้าพระองค์ว่า ‘พระองค์ทรงพระนามว่ากระไร’ ข้าพระองค์จะตอบเขาอย่างไร”14 พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า “เราเป็นผู้ซึ่งเราเป็น” แล้วพระองค์ตรัสว่า “ไปบอกชนชาติอิสราเอลว่า ‘พระองค์ผู้ทรงพระนามว่าเราเป็น ทรงใช้ข้าพเจ้ามาหาท่านทั้งหลาย’ ” ชื่อคือสิ่งที่บ่งบอกความเป็นตัวตน ความเป็นบุคคล และการเป็นอยู่ หากตายไป ชื่อเป็นเพียงสิ่งที่บ่งบอกว่าคนๆนั้นเคยเป็น เคยอยู่ แต่ปัจจุบันไม่อยู่แล้ว อนาคตก็ไม่มีแล้ว แต่เมื่อโมเสสถามพระเจ้าว่าพระองค์ชื่ออะไร พระเจ้าทรงตอบโมเสสว่า ชื่อของพระองค์ คือ “เราเป็นซึ่งเราเป็น” ภาษาฮีบรูใช้คำว่า ฮายาห์ haw yaw พระองค์ทรงดำรงอยู่โดยพระองค์ ทรงนิรันดร์ ไม่เปลี่ยนแปลง มีความซื่อสัตย์และเสมอต้นเสมอเปลาย ดังนั้นพระองค์จึงทรงสามารถทำให้พระสัญญาของพระองค์สำเร็จทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต พระองค์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เราเคยเป็น แต่เรายังเป็นอยู่ในปัจจุบัน และเราจะเป็นอยู่ในอนาคตด้วย พระคัมภีร์ใหม่ได้กล่าวถึงความเป็นตัวตน ความเป็นบุคคลของพระเจ้านี้ปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เจ้าในหนังสือฮีบรู13:8 พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆ ไปเป็นนิจกาล นั่นหมายความว่า ความเป็นพระเจ้าได้มาปรากฏเป็นมนุษย์ผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้า พระเจ้าได้เสด็จมาตายบนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปคนเป็นอันมาก หนังสือฮีบรูกล่าวถึงความเป็นพระเจ้าของพระเยซูว่า พระเยซูไม่เปลี่ยนแปลง พระองค์ยังเหมือนเดิม พระเยซูมีตัวตัว มีความเป็นบุคคลอย่างพระเจ้า พระนามของพระเยซู คือพระนามที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้มนุษย์ได้รู้จักพระองค์ในสภาพที่สามารถมองเห็นได้จับต้องได้สัมผัสได้ เราสามารถรู้จักพระเยซูได้จนถึงปัจจุบันนี้ และในอนาคตที่จะมาถึง เมื่อสองพันปีที่แล้ว มีคนที่นมัสการพระเจ้าที่พวกเขาไม่รู้จัก และคนที่รู้จักพระเยซูคือเปาโลได้เข้าไปในเมืองนั้น จึงได้แนะนำให้คนเหล่านั้นรู้จักพระเยซู กิจการ 17:22-23 22 ฝ่ายเปาโลจึงยืนขึ้นกลางสภาอาเรโอปากัสแล้วกล่าวว่า “ดูก่อนท่านชาวกรุงเอเธนส์ โดยประการต่างๆ ข้าพเจ้าเห็นได้ว่า ท่านทั้งหลายเป็นนักศาสนา23 เพราะว่าเมื่อข้าพเจ้าเดินทางมาสังเกตดูสิ่งที่ท่านนมัสการนั้น ข้าพเจ้าได้พบแท่นแท่นหนึ่ง มีคำจารึกไว้ว่า ‘แด่พระเจ้าที่ไม่รู้จัก’ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าจึงมาประกาศ และแสดงให้ท่านทั้งหลายทราบ ถึงพระเจ้าที่ท่านไม่รู้จักแต่ยังนมัสการอยู่ ลักษณะของคนในกรุงเอเธนส์เป็นคนที่ไม่สนใจอะไรนอกจากการกล่าวถึงและฟังสิ่งใหม่ มีความรู้มากมายเกิดขึ้นในเวลานั้น (ปรัชญาเมธี) ความรู้ไม่ได้ทำให้คนเหล่านั้นรู้จักพระเจ้าเลย คนในยุคของเราในวันนี้ก็เหมือนกับคนในกรุงเอเธนส์ แม้กาลเวลาจะผ่านไปนับพันๆปี พระเยซู พระนามที่คงความเป็นบุคคลของพระองคยังดำรงอยู่ กิจการ4:12 12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”