“ฝ่าให้พ้น…..ผ่านไปให้ได้” Break through…Get through
เรื่องราวของพระเยซูคริสต์ที่นำมาสร้างเป็นภาพยนต์ตอนนี้ ได้ตัดคำพูดของพระเยซูที่บันทึกในหนังสือลูกา โดยเฉพาะเรื่องที่พระเยซูทรงตรัสถึงการไม่ได้รับการยอมรับ และทรงยกตัวอย่างสองเรื่อง ที่เป็นเหตุให้คนยิวในธรรมศาลาโกรธและลุกฮือ หวังจะทำร้ายพระเยซูให้ถึงตาย แต่เนื่องจากในวันนั้น เป็นวันสะบาโต และพวกยิวก็อยู่ในธรรมศาลา จึงผิดกฏธรรมบัญญัติด้วยวิธีฆ่าคน ของยิว มีสี่วิธี คือ ขว้างด้วยก้อนหิน รัดคอ เผา และด้วยดาบ พระคัมภีร์ลูกาจึงบันทึกด้วยคำว่า ผลักให้ออกจากธรรมศาลา และผลักไปถึงหน้าผา เพื่อจะผลักให้พระเยซูตกลงจากหน้าผา ให้ตายด้วยการตกหน้าผา
ลูกา 4:28-30 28 เมื่อคนทั้งปวงในธรรมศาลาได้ยินดังนั้นก็โกรธยิ่งนัก29 จึงลุกขึ้นผลักพระองค์ออกจากเมือง พาไปยังแง่ของเงื้อมเขาที่เมืองของเขาซึ่งตั้งอยู่บนเนินนั้น หมายจะผลักพระองค์ลงไป30 แต่พระองค์ทรงดำเนินผ่านท่ามกลางเขาพ้นไป
ฝ่าให้พ้น….ผ่านไปให้ได้ พระเยซูคริสต์สามารถฝ่าฝูงชนที่กำลังโกรธและลุกฮือ พระองค์ไม่ยอมให้คนเหล่านั้นผลักพระองค์ตกหน้าผา ให้เราสังเกตว่า การผลักของคน ดันและผลัก มุ่งเป้าหมายให้พระเยซูคริสต์ตกหน้าผาเอง เพราะไม่มีที่จะยืน สุดทางที่จะถอย พูดตามภาษาชาวบ้านก็คือ ข้างหน้าก็การไม่ยอมรับ ข้างหลังก็เหว ภาพยนต์ตอนนี้ สร้างได้ดี คือการที่พระเยซูทรงไม่เผชิญหน้า และเลี่ยงออกไปอีกทางหนึ่ง
อะไรที่ทำให้ชาวนาซาเร็ธโกรธ โมโหต่อพระเยซู นั่นมาจากตัวอย่างที่พระเยซูทรงยกขึ้นตอบโต้คนที่พูดว่า พระเยซูเป็นบุตรโยเซฟ ช่างไม้ จะเป็นพระคริสต์ได้อย่างไร ก่อนหน้านั้น….คนพวกนี้ชื่นชมข้อพระคัมภีร์ที่พระเยซูทรงอ่านให้ฟัง ฟังแล้วถูกใจ เหมือนฟังเทศน์ และการตีความ แต่กลไกความคิดของคนในเวลานั้น คิดถึงคนอ่านว่าเป็นใคร คิดถึงแต่ความเป็นมนุษย์ของพระเยซู ไม่ได้คิดถึงว่า พระเจ้าทรงใช้พระเยซูมา ไม่ได้คิดว่า คำที่พระเยซูตรัสตีความมาจากพระเจ้า และไม่ได้คิดถึงการเจิมที่พระเจ้าทรงเจิมพระองค์ พวกเขาคิดแต่ว่า สิ่งที่ได้ยิน ไม่ถูกหู ไม่ถูกใจ
ในคำพยากรณ์ที่กล่าวถึง การมาของเมสสิยาห์ ที่แปลว่า ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิม (แต่งตั้งไว้) ไม่ว่าจะให้เป็นปุโรหิต กษัตริย์ หรือ ผู้เผยพระวจนะ พระเจ้าเป็นผู้กำหนด ไม่ใช่มนุษย์ และส่วนใหญ่ ก็เป็นบุคคลธรรมดา และดูจะด้อย ต่ำต้อยทางสังคมด้วยซ้ำ
1โครินธ์ 1:26 26 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย จงพิจารณาดูว่า พวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน มีน้อยคนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง
ชาวนาซาเร็ธ ที่อยู่ในธรรมศาลา กำลังหลงเข้าใจผิด คิดว่า พระเมสสิยาห์ ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมต้องมาจากชนชั้น หรือเป็นอย่างที่ตนเองคิด แต่เมื่อพระเยซูคริสต์ไม่เป็นอย่างที่ตนเองคิด และขัดแย้งกับที่ตนเองคิด ก็ไม่พอใจ และโกรธ โดยเฉพาะเรื่องที่พระเยซูสวนกลับสองเรื่อง คือ
ลูกา 4:25-28 25 แต่เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า มีหญิงม่ายหลายคนในพวกอิสราเอล ในคราวเอลียาห์เมื่อท้องฟ้าปิดเสียถึงสามปีกับหกเดือน จึงเกิดกันดารอาหารมากทั่วแผ่นดิน26 และเอลียาห์มิได้รับใช้ให้ไปหาหญิงม่ายคนใด เว้นแต่หญิงม่ายคนหนึ่งในบ้านศาเรฟัทแขวงเมืองไซดอน27 และมีคนโรคเรื้อนหลายคนในพวกอิสราเอลในคราวเอลีชาผู้เผยพระวจนะ แต่ไม่มีผู้ใดได้รับการรักษาให้หายโรคนั้นเลย เว้นแต่นาอามานชาวซีเรีย”28 เมื่อคนทั้งปวงในธรรมศาลาได้ยินดังนั้นก็โกรธยิ่งนัก
การอัศจรรย์ที่ผู้เผยพระวจนะเอลียาห์ กระทำ คนยิวถือว่า ยิ่งใหญ่สุดคนหนึ่ง มีทั้งเรียกไฟจากฟ้า ให้ฝนหยุดตกสามปีครึ่ง หลังจากนั้น เรียกฝนมาได้อีก พระคัมภีร์ที่พระเยซูคริสต์ทรงเลือกอ่านในธรรมศาลาที่นาซาเร็ธตอนนี้ก็เลือกจากหนังสืออิสยาห์ อ่านแล้วพอใจ แต่พอพระเยซูยกตัวอย่างเอลียาห์ที่พระเจ้าใช้ให้ไปทำการอัศจรรย์กับหญิงม่ายและครอบครัวของนาง คือการเลี้ยงดูในช่วงที่เกิดการกันดารอาหารเพราะฝนไม่ตกต่อเนื่องสามปีครึ่ง ไหแป้งไหน้ำมันของนางไมเคยแห้งหรือขาดแคลนเลยตลอดสามปีครึ่ง และใช้สำหรับเลี้ยงดูผู้รับใช้คือเอลียาห์ด้วย พระเจ้าทรงเลือกให้พระพรเกิดกับคนนอก ไม่ใช่กับคนภายใน เพื่อเป็นเลี้ยงดูผู้รับใช้อย่างเอลียาห์ นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน และเป็นประวัติศาสตร์ที่เป็นจริง เรื่องคนที่พระเจ้ากำหนด ที่คนยิวไม่ยอมรับ
อีกตัวอย่าง เรื่องการหายโรคของนาอามาน แม่ทัพซีเรีย กองทัพซีเรียรุกรานอิสราเอล เป็นศัตรูกับคนอิสราเอล แต่กลับได้รับการรักษาโรคผ่านเอลีชา ผู้เผยพระวจนะที่เป็นศิษย์ของเอลียาห์ ได้รับฤทธิ์เดชจากพระเจ้ามากเป็นสองเท่า มากกว่าเอลียาห์ เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับของคนยิวในยุคของพระเยซู
สองตัวอย่างที่พระเยซูทรงยกมา คือคนต่างชาติที่คนยิวไม่ยอมรับ แต่พระเจ้าทรงกำหนดให้ได้รับพระพร รับการรักษาหายโรค รับการอัศจรรย์ผ่านคนบุคคลยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของพวกยิว
สองเรื่องนี้ พระเยซูได้ยกมาเป็นตัวอย่างเรื่องการไม่เป็นที่ยอมรับของมนุษย์ แต่พระเจ้าทรงเลือก กำหนดให้ได้รับการเลี้ยงดูในยามกันดารอาหารที่สุด และการหายโรค ที่ยากจะหาย กุญแจสำคัญ คือ พระเจ้าทรงกำหนด ไม่ใช่มนุษย์กำหนด
ความจริงในพระคัมภีร์ตอนอื่นได้ใช้คำว่า ไม่มีการอัศจรรย์ใดๆเกิดขึ้นที่นาซาเร็ธ แปลว่า พระเยซูไม่กลับไปนาซาเร็ธอีกเลย แม้นาซาเร็ธจะเป็นเหมือนคนในครอบครัวเดียวกันกับพระเยซู แต่การไม่ยอมรับพระองค์ ได้ทำให้ชาวนาซาเร็ธหลุดจากลิสต์ของการอัศจรรย์…และการฟื้นฟู
เพราะอะไร เพราะคนนาซาเร็ธ ปฏิเสธการเจิม (กำหนด)ของพระเจ้า)
ฝ่าให้พ้น…ผ่านไปให้ได้ สำหรับพระเยซู พระองค์ตระหนักว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเรียก แต่งตั้งให้ทำภาระกิจสำคัญ แม้พระองค์รู้ว่า พระองค์มาเพื่อจะตายเพื่อไถ่บาป พระองค์ต้องตาย แต่การตายด้วยการถูกผลักให้ตกลงจากหน้าผา ไม่ใช่เป้าหมาย หรือกำหนดของพระเจ้า พระเยซูจึงต้องฝ่าให้พ้น…ผ่านไปให้ได้ และพระองค์ทรงเสด็จไปที่อื่น ไม่ใส่ใจต่อการถูกปฏิเสธจากคนพวกนี้ เพื่อทำให้การทรงเรียกสำเร็จ
น่าสนใจว่า ในตอนนี้ พระเยซูทรงใช้คำว่า สำเร็จ เป็นครั้งแรก และคำว่า สำเร็จถูกใช้อีกครั้ง บนไม้กางเขนก่อนที่พระเยซูจะสิ้นพระชนม์ ช่วงเวลาระหว่างสำเร็จครั้งแรกกับครั้งสุดท้ายห่างกันถึงสามปีครึ่ง เหตุการณ์ในตอนนี้เป็นการเริ่มต้นพันธกิจของพระเยซู พระองค์จะต้องฝ่าให้พ้น…ผ่านไปให้ได้ เพื่อไปให้ถึงคำว่า สำเร็จ ที่แท้จริง
ฝ่าให้พ้น…ผ่านไปให้ได้ เพื่อรักษาการทรงเรียก ตามที่พระเจ้าทรงเจิมและกำหนดให้เราเป็น ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ที่พยายามจะผลักเราให้ออกไปจากทางของพระเจ้า หรือผลักให้เราตกจากหน้าผา ในความรู้สึกเหมือนตกตึก คือ การถูกปฏิเสธ ถูกทรยศ หักหลัง หรือถูกกระทำใดๆเพื่อจะทำลายความเป็นตัวตน ทำลายการทรงเรียก ทำลายสิ่งที่เราเป็นอยู่ จงฝ่าให้พ้น…และผ่านไปให้ได้ อ.เปาโลได้ใช้สำนวนคำว่า
ฟิลิปปี 4:13 13 ข้าพเจ้าเผชิญได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า
เราผ่านหลายอย่างมาได้ถึงวันนี้ (ที่ดีกว่าเมื่อวาน) ปีนี้ดีกว่าปีที่แล้วๆมา พรุ่งนี้มีสิ่งดีๆที่รอคอยให้เราผ่านวันนี้ไปให้ได้
ฝ่าให้พ้น….ผ่านไปให้ได้ ทำสุดกำลัง นอกเหนือจากนั้น พระเจ้าจะเสริมกำลัง พระเจ้าจะทำส่วนของพระองค์ (ทำวันนี้ให้ดีที่สุด)
เมื่อครั้งที่ข้าพเจ้าเป็นเด็กมัธยม มีความกังวลใจเรื่องอนาคต ว่าจะเรียนอะไร จบแล้วจะมีงานทำไม๊ ข้าพเจ้าไปอธิษฐานที่โบสถ์ ประจำไม่ขาด (เด็กมัธยม)สามชุดนักเรียนมาอธิษฐาน คืนหนึ่ง ขณะที่กำลังอธิษฐานเงียบๆอยู่คนเดียว ก็มีคนมากระซิบข้างหูว่า อย่ากังวล พระเจ้าได้ยินแล้ว ทำวันนี้ให้ดีที่สุด นอกเหนือจากนั้น พระเจ้าจะจัดเตรียมงานและอนาคคตให้เอง นับจากวันนั้น ข้าพเจ้ามีแต่คำว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ฝากอนาคตไว้ให้กับพระเจ้า และวันนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่า งานที่ดีที่สุด ที่ไม่มีวันตกงานเลย ก็คือ งานรับใช้พระเจ้า นี่เอง ไม่มีใครจะไล่คุณออกจากงานรับใช้พระเจ้าได้ บริษัทพระเยซูไม่จำกัด มีแต่ประกาศรับสมัครงานผู้ที่จะมาร่วมรับใช้กับพระองค์
วันนี้ มีบันฑิตที่กำลังจะจบใหม่อีกหลายแสนคน จบมาเพื่อไม่มีงานทำ เพราะตอนนี้คนตกงานมากมาย เราจะฝ่าให้พ้น..ด่านหินนี้ ผ่านไปได้อย่างไร? เรามาดูสิ่งที่พระเจ้าทำกับเอลียาห์และหญิงม่ายาชาวศาเรฟัท….
ตัวอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงยกเรื่องของหญิงม่ายชาวเศราฟัท ที่คิดว่า สิ่งที่ตนเองมีอยู่เพียงแป้งหยิบมือกับน้ำมันที่หน่อยหนึ่ง แค่กินเพื่อจะตาย คือความรู้สึกของชีวิตที่ไม่มีความหวัง แต่เอลียาห์มาหาพร้อมกับคำขอส่วนแบ่ง ที่น้อยนิด เพื่อให้เกิดการเชื่อฟังพระเจ้า และเมื่อหญิงม่ายชาวศาเรฟัท เชื่อฟังและทำตาม พระพรเกิดขึ้น ตามที่พระคัมภีร์เลวีนิติ ที่ได้กล่าวถึง พระพรแห่งการเชื่อ
เลวีนิติ 26:10 10 เจ้าจะได้รับประทานของที่สะสมไว้นาน และเจ้าจะต้องเอาของเก่าออกไปเพื่อเอาที่มาเก็บของใหม่
ฝ่าให้พ้น…ผ่านไปให้ได้ คือการเอาของเก่าออกไป เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับของใหม่ อย่าหวง อย่ากักเก็บไว้สำหรับตัวเอง แต่จงเป็นท่อพระพร และพระพรจะไหลผ่านมาอีกมากมาย
ตัวอย่าง นาอามาน แม่ทัพชาวซีเรีย เป็นโรคเรื้อน หายโรคเพราะการเชื่อฟัง ที่เอลีชาบอกให้ไปแช่ตัวในแม่น้ำเจ็ดหน แล้วจะหายโรค ตอนแรก แม่ทัพซีเรียโกรธ เพราะอุตส่าห์เดินทางไกลมาหาเอลีชา แต่เอลีชาไม่มาพบ กลับให้แต่คำแนะนำว่า ไปแช่ตัวในแม่น้ำ เจ็ดครั้งเท่านั้น
2 พงศ์กษัตริย์ 5:10-14 10 เอลีชาก็ส่งผู้สื่อสารมาเรียนท่านว่า “ขอจงไปชำระตัวในแม่น้ำจอร์แดนเจ็ดครั้ง และเนื้อของท่านจะกลับคืนเป็นอย่างเดิม และท่านจะสะอาด”11 แต่นาอามานก็โกรธและไปเสีย บ่นว่า “ดูเถิด ข้าคิดว่าเขาจะออกมาหาข้าเป็นแน่และมายืนอยู่ และออกพระนามของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา แล้วโบกมือเหนือที่นั้นให้โรคเรื้อนหาย12 อาบานาและฟารปาร์แม่น้ำเมืองดามัสกัส ไม่ดีกว่าบรรดาลำน้ำแห่งสราเอลดอกหรือ ข้าจะชำระตัวในแม่น้ำเหล่านั้นและจะสะอาดไม่ได้หรือ” ท่านจึงหันตัวแล้วไปเสียด้วยความเดือดดาล13 แต่พวกข้าราชการของท่านเข้ามาใกล้และเรียนท่านว่า “คุณพ่อของข้าพเจ้า ถ้าท่านผู้เผยพระวจนะจะสั่งให้ท่านกระทำสิ่งใหญ่โตประการหนึ่งท่านจะไม่กระทำหรือ ถ้าเช่นนั้นเมื่อท่านผู้เผยพระวจนะกล่าวแก่ท่านว่า ‘จงไปล้างและสะอาดเถิด’ ควรท่านจะทำยิ่งขึ้นเท่าใด”14 ท่านจึงลงไปจุ่มตัวเจ็ดครั้งในแม่น้ำจอร์แดน ตามถ้อยคำของคนแห่งพระเจ้า และเนื้อของท่านก็กลับคืนเป็นอย่างเนื้อของเด็กเล็กๆ และท่านก็สะอาด
นาอามาน แม่ทัพซีเรีย เกือบจะฝ่าความรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธจากเอลีชาไปไม่พ้น ดีคนที่ติดตามแนะนำให้นาอามานเชื่อฟังสักหน่อย ลดอารมณ์โกรธของตนเองลงอีกนิด ด้วยคำแนะนำว่า
3 แต่พวกข้าราชการของท่านเข้ามาใกล้และเรียนท่านว่า “คุณพ่อของข้าพเจ้า ถ้าท่านผู้เผยพระวจนะจะสั่งให้ท่านกระทำสิ่งใหญ่โตประการหนึ่งท่านจะไม่กระทำหรือ ถ้าเช่นนั้นเมื่อท่านผู้เผยพระวจนะกล่าวแก่ท่านว่า ‘จงไปล้างและสะอาดเถิด’ ควรท่านจะทำยิ่งขึ้นเท่าใด”
แปลว่า นาอามาน แม่ทัพซีเรีย ตั้งใจจะมาทำตามคำแนะนำทุกอย่าง ของเอลีชา เพื่อตัวเองจะหายจากโรคเรื้อน แต่ปรากฏว่า เขากลับได้คำแนะนำที่ไม่คาดคิด มันดูไร้สาระ และดูเหมือนถ้าทำตามแล้ว ตัวเองคิดว่า ตัวเองจะกลายเป็นคนโง่ นี่คือ วิธีคิดอย่างมนุษย์ นาอามานไม่ยอมรับคำของเอลีชา แต่การทักท้วงของบรรดาผู้ติดตาม ทำให้เขา เอาชนะความคิดเดิมๆของตนเอง ที่เป็นสิ่งที่ต้อง…
ฝ่าให้พ้น…ผ่านไปให้ได้ ต้องก้าวข้าม วิธีคิดแต่คำว่า ถ้าทำตามคำแนะนำของคนอื่น ตัวเองจะกลายเป็นคนโง่
Proverbs สุภาษิต 12:15 15 ทางของคนโง่นั้นถูกต้องในสายตาของเขาเอง แต่ปราชญ์ย่อมฟังคำแนะนำ
Proverbs สุภาษิต 28:26 26 บุคคลที่วางใจในความคิดของตัวเป็นคนโง่ แต่บุคคลที่ดำเนินในปัญญาจะได้รับการช่วยกู้
ฝ่าให้พ้น…ผ่านไปให้ได้ ด้วยคำแนะนำจากพระคำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า (เรมาห์ที่ออกมาจากโลกอส) อ่านพระคัมภีร์เพื่อให้ได้ถ้อยคำออกมาจากถ้อยคำ ได้ยินเสียงของพระเจ้าตรัสกับตนเอง โดยเฉพาะการให้สำนึกผิด กลับใจใหม่ และหยุดความโกรธ หยุดความเกลียดชัง
โรม 12:9-21 9 ขอให้ความรักมาจากใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี10 จงรักกันฉันพี่น้อง จงขวนขวายในการให้เกียรติกันและกัน11 อย่าอ่อนระอา จงมีจิตใจกระตือรือร้นด้วยพระวิญญาณ จงปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้า12 จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงสู้ทนต่อความยากลำบาก จงขะมักเขม้นอธิษฐาน13 จงเห็นอกเห็นใจช่วยธรรมิกชนเมื่อเขาขัดสน จงอุตส่าห์ต้อนรับแขกแปลกหน้า 14 จงอวยพรแก่คนที่เคี่ยวเข็ญท่าน จงอวยพร อย่าแช่งด่าเลย15 จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่มีความชื่นชมยินดี จงร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้16 จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าใฝ่สูง แต่ยอมสมาคมกับคนต่ำต้อย อย่าถือว่าตัวฉลาด17 อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ใครเลย แต่จงมุ่งทำสิ่งที่ใครๆ ก็เห็นว่าดี18 ถ้าเป็นได้ เท่าที่เรื่องขึ้นอยู่กับท่าน จงอยู่อย่างสงบสุขกับทุกคน19 นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน” 20 แต่ว่า “ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำเช่นนั้น จะทำให้เขารู้สึกตัวและกลับมาคืนดี” 21 อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
ฝ่าให้พ้น…ผ่านไปให้ได้
Break through…Get through