“ตามพระเยซูคริสต์…แม้มีความเชื่อเล็กน้อยก็อยู่รอดได้”
ทุกวันนี้ เราได้เห็นการดิ้นรนในวิถีชีวิตต่างๆนาๆ เพื่อจะอยู่รอดได้ในสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำ บ้างก็ต้องทำอาชีพหลายอย่าง ต้องหารายได้เสริม เพื่อให้มีเงินมากขึ้น แม้แต่ระดับประเทศ ก็พยายามจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการให้ประชาชนใช้เงินให้เกิดการหมุนเวียน ประชาขนไม่มีเงิน รัฐบาลก็ต้องจัดหาเงินมาช่วยให้ประชาชนมีเงินที่จะใช้จ่าย เพื่อระบบเศรษฐกิจมีการเคลื่อนไหว และเคลื่อนต่อไป ประเทศชาติต้องไปต่อ ทุกชีวิตเล็กๆก็ต้องต้องไปต่อ ต้องเดินไปข้างหน้า ถ้าหยุดนิ่ง ก็คือตาย เป็นธรรมชาติของชีวิต เป็นความรู้สึกของการมีความเชื่อและความหวัง นี่คือพลังบวก มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า คนที่อยู่รอดได้ ไม่ใช่เพราะเก่ง หรือฉลาด แต่คือคนที่สามารถปรับตัวและยืดหยุ่นได้ต่างหาก ภาษานักจิตวิทยาใช้คำว่า เหมือนฟองน้ำ ที่ดูดซับน้ำ ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถบีบน้ำออกจากตัวมันได้ ภาษาพระคัมภีร์ ก็มีคำว่า ปักเต็นท์ ถอนหมุดเต็นท์ ตัวอย่างของชนชาติอิสราเอลในขณะเดินทางและต้องดำเนินชีวิตอยู่ในระหว่างเดินทางในถิ่นทุรกันดาร
เมื่อครั้งพระเจ้าสั่งให้โมเสสนำชนชาติอิสราเอลออกจากดินแดนความเป็นทาสในอียิปต์ หนทางที่พวกเขาต้องเดินทางยาวไกล โดยไม่รู้ว่าจะยาวนานแค่ไหน ในทะเลทราย ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ไม่มีที่ร่ม พวกเขามีสิ่งที่ต้องเอาไปด้วย คือ เต็นท์ สำหรับใช้บังแดด ป้องกันความร้อนในเวลากลางวัน และเผชิญกับความหนาวเย็นในเวลากลางคืน ในการเดินทางที่ไม่ใช่หยุดนิ่ง แต่ต้องเคลื่อนไปตามการทรงนำของพระเจ้า ดังนั้น จึงมีคำว่า ปักหมุดและถอนหมุดเต็นท์ ตามคำสั่งของผู้นำ คือโมเสส ซึ่งโมเสสเอง จะนำการหยุดหรือเคลื่อนไป ตามสัญญาณที่พระเจ้าทรงให้กับท่านก็คือ เสาเมฆของพระเจ้าในเวลากลางวัน และเสาไฟในเวลากลางคืน
อพยพ 13:20-22 20 คนอิสราเอลยกออกจากเมืองสุคคท ไปตั้งค่ายที่ตำบลเอธามบริเวณชายถิ่นทุรกันดาร21 พระเจ้าเสด็จนำทางพวกเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆ และตอนกลางคืนด้วยเสาเพลิง ให้เขามีแสงสว่างเพื่อจะได้เดินทางได้ทั้งกลางวันและกลางคืน22 เสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืน มิได้คลาดจากเบื้องหน้าประชากรเลย
เป้าหมายของการเดินทางในครั้งนี้ คือไปให้ถึงที่พักถาวร แผ่นดินแห่งพันธสัญญา ที่จะหยุดปักเต็นท์ถอนเต็นท์เสียที นั่นคือ แผ่นดินคานาอัน ที่อุดมไปด้วยน้ำผึ้งและน้ำนม แปลว่วา มีอาหารการกินบริบูรณ์ มีที่ดินเป็นของตัวเอง มีประเทศชาติที่มั่นคงถาวร ตลอดไป
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ชีวิตของคนเรา เหมือนการเดินทาง จบชีวิตเมื่อไหร่ ก็คือ ถึงจุดหมายปลายทาง คือ เส้นชัย ในหนังสือฟิลิปปี ใช้คำว่า หลักชัย
ฟิลิปปี 3:14 14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ
อ.เปาโลใช้คำว่า เส้นที่กำหนดไว้เพื่อจะรับรางวัล สำหรับคนในยุคโบราณนั้น ก็คือ เส้นชัยของนักวิ่งแข่ง ในยุคของกรีกโรมัน มีกีฬาวิ่งมาราธอน ที่ใครจะไปถึงเส้นนั้น ก็คือ รับรางวัล
คนอิสราเอล เดินทางในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสี่สิบปี ซึ่งถ้าถามพวกเขาในตอนนั้น คงไม่มีใครคิดว่า จะใช้เวลานานขนาดนั้น คนที่ออกมารุ่นแรก จนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน ก็คงไม่เข้าใจว่ ทำไม ไปไม่ถึงแผ่นดินคานาอันสักที ชีวิตอยู่กับ ปักเต็นท์ ถอนเต็นท์ และฟังแต่เสียงการนำของโมเสส ที่เอาแต่เข้าเฝ้าพระเจ้า และสังเกตแต่การเคลื่อนที่ของเสาเมฆเสาไฟ และนี่คือวิถีของคนอิสราเอลที่ส่งต่อความเชื่อกันต่อๆมาจนถึงสมัยของพระเยซู
วีดีโอที่เรารับชมประกอบคำเทศนา จากหนังสือลูกาบทที่ 12 เป็นคำสอนคนในยุคลูกหลานของคนอิสราเอลที่ผ่านถิ่นทุรกันดารจนได้เข้าแผ่นดินคานาอัน พบกับความรุ่งเรือง และความตกต่ำสุดๆ คือ เป็นทาสของอาณาจักรต่างๆ จนมาถึงอาณาจักรโรม พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงเสด็จมาเพื่อจะนำคนอิสราเอล ออกจากความเป็นทาสในจิตใจ ในขณะที่ร่างกายเป็นทาสของโรม และออกเดินทางอีกครั้ง เพื่อเข้าสู่คานาอันในจิตใจ แม้ภายนอกจะเหมือนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร และระยะเวลาไม่มีกำหนดว่า เมื่อไร จะพ้นจากสภาพที่เป็นอยู่สักที ในวีดีโอได้มาถึงตอนที่พระเยซูใช้คำเรียกผู้ที่กำลังฟังคำสอนของพระองค์ว่า โอ…ผู้มีความเชื่อเล็กน้อย หมายถึง ผู้ที่กำลังกระวนกระวายเกี่ยวกับปากท้อง ความอยู่รอด
ลูกา 12:22 22 พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม
พระเยซูคริสต์ทรงกำลังสอนสาวก คือศิษย์ หรือนักเรียน ในยุคกิจการ เหล่าสาวกถูกสังคมเรียกว่า ผู้ทิ่เดินในทางนั้น เพราะพระเยซูคริสต์ทรงตรัสว่า พระองค์ เป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ในเวลาต่อมาจึงค่อยเปลี่ยนมาถูกเรียกครั้งแรกที่เมืองอันทิโอกว่า คริสเตียน แปลว่า ผู้ที่มีชีวิตเหมือนพระคริสต์ วันนี้ ข้าพเจ้าอยากจะให้เราเรียกตัวเองอีกครั้งว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ตามพระเยซูคริสต์ และแม้มีความเชื่อเล็กน้อย ข้าพเจ้าก็จะอยู่รอดได้ เข้าใจว่า วีดีโอ ต้องการจะทำให้คำว่า ความเชื่อเล็กน้อย ให้ต่อด้วยคำว่า ขอเพิ่มความเชื่อ คือความเขื่อใจของคนฟังว่า พระเยซูกำลังหมายถึง มีความเชื่อ แต่ความเชื่อยังน้อยอยู่ แต่รากศัพท์กรีกคำว่า ความเชื่อเล็กน้อยนี้ แปลว่า ไม่มีความเชื่อเลย ต่างหาก คำตอบของพระเยซูคริสต์(ไมได้บันทึกในลูกาตอนนี้ แต่เอามาจากตอนอื่น มาตอบ
ลูกา 17:5-6 5 พวกอัครทูตทูลพระองค์ว่า “ขอพระองค์โปรดให้ความเชื่อของพวกข้าพระองค์เพิ่มมากยิ่งขึ้น”6 พระองค์จึงตรัสว่า “ถ้าพวกท่านมีความเชื่อเพียงเท่าเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง ท่านก็จะสั่งต้นหม่อนนี้ได้ว่า ‘จงถอนขึ้น ออกไปปักในทะเล’ แล้วมันก็จะเชื่อฟังท่าน
คำตอบของพระเยซูคริสต์ คือ มีความเชื่อเล็กน้อย ขนาดเท่าเมล็ดมัสดาร์ดเมล็ดหนึ่ง ไมใช่หลายๆเมล็ด พระเยซูกำลังหมายถึง ขนาดและปริมาณของความเชื่อไม่ได้มีผลต่อความทรงพลังของความเชื่อ พลังของความเชื่อ อยู่ที่ความเชื่อที่มีอยู่ในใครต่างหาก และพระองค์กำลังหมายถึงความเชื่อที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์ ที่ทำให้เกิดพลัง และสิทธิอำนาจ แม้แต่ต้นหม่อน ที่ไม่เคลื่อนไหว ไม่เคลื่อนที่ ก็จะทำหน้าที่ถอนตัวเอง ออกไปปักที่ทะเล ซึ่งหมายถึงระยะทางไกล ลำบากยากเย็นในการเดินทาง ต้นหม่อน ก็จะเชื่อฟัง มันไม่เถียง ไม่โต้แย้ง ไม่ให้เหตุผลว่า ทำไม่ได้ ไปไม่ได้ ไกลเกินไป และไม่เห็นด้วย แต่มันจะเชื่อฟังคำสั่งของผู้ที่สั่งด้วยความเชื่อที่มาจากพระเยซูคริสต์
ในคำสอนตอนนี้ พระเยซูกำลังสอนสาวกให้อย่ากระวนกระวาย เรื่อง จะเอาอะไรกิน เอาอะไรดื่ม เหมือนคนทั่วโลก ในเวลานั้น ซึ่งไม่ต่างจากคนในเวลานี้ ….. และคำสอนนี้ มาถึงเราในวันนี้ ด้วยเป้าหมายอย่างเดียวกัน คือเตือน และแนะนำ
ลูกา 12:29-31 29 ท่านทั้งหลายอย่าเสาะหาว่าจะกินอะไรดีหรือจะดื่มอะไร และอย่ามีใจกังวล30 เพราะว่าพวกต่างชาติทั่วโลกเสาะหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านทั้งหลายทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งเหล่านี้31 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้ให้
คำที่น่าสนใจคือคำว่า อย่าเสาะหา และอย่ามีใจกังวล รากศัพท์กรีก แปลสองคำนี้ อย่าเสาะหา แปลว่า อย่าบูชา(อย่างพระเจ้า) คือ เรื่องจะเอาอะไรกิน จะเอาอะไรดื่ม และคำว่า อย่ามีใจกังวล แปลว่า อย่าสงสัย เหมือนอย่างคนต่างชาติ แปลว่า คนที่ไม่มีพระเจ้า และคำว่า แสวงหาที่พระเยซูใช้กับคนต่างชาติ ใช้คำกรีกคำว่า เสาะหา อีกคำ ที่แปลว่า ความปรารถนา เรียกร้อง เพื่อจะตอบคำว่า เสาะหาคำแรกที่แปลว่า บูชาอย่างพระเจ้า ซึ่งสำหรับผู้ที่กำลังตามพระเยซูคริสต์ จะมีนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้แต่เพียงผู้เดียว
30 เพราะว่าพวกต่างชาติทั่วโลกเสาะหาสิ่งของทั้งปวงนี้
และพระเยซูคริต์ทรงใช้คำว่า แสวงหา (เสาะหา) อีกครั้ง ที่ใช้เตือนสาวก คำแรก ซีเตโอ้ เสาะหาเพื่อนมัสการพระเจ้า ในขณะที่คนที่ไม่มีพระเจ้า จะเสาะหา เรื่องปากท้อง ด้วย อีพิสซีเตโอ้ คือการเสาะหาด้วยความปรารถนาของตัวเอง พระคัมภีร์เรียกว่า
ฟิลิปปี 3:19 19 ปลายทางของคนเหล่านั้นคือความพินาศ พระของเขาคือกระเพาะ เขายกความที่น่าอับอายของเขาขึ้นมาโอ้อวด เขาสนใจในวัตถุทางโลก
พระคัมภีร์ฟิลิปปี นิยามคนที่สนใจเรื่องความอยู่รอด ด้วยการกินและดื่ม (อาหารของกระเพาะ) คือคนที่สนใจแต่เรื่องวัตถุ และเรื่องสิ่งที่จะโอ้อวดได้เท่านั้น (ซึ่งหมายถึงความสำเร็จทั้งหลาย) มีมากกว่าคนอื่น ทั้งเรื่องกิน วัตถุสิ่งของ การได้รับการยอมรับ ยกย่อง ในยุคนี้ก็ต้องมีรถยี่ห้อแพงป้ายแดง บ้านหลังใหญ่ หรือบริวารผู้ติดตามมากมาย สิ่งเหล่านี้ คือรูปเคารพ (พระของกระเพาะ) และมันคือหมุดเต็นท์ที่ปักในใจแล้ว ถอนยาก เมื่อการทรงนำของพระเจ้ามา ส่งสัญญาณเป็นเสาเมฆเสาไฟ ให้เคลื่อน ก็ไม่ยอมเคลื่อน เพราะถ้าจะเคลื่อนก็ต้องถอนหมุดปักเต็นท์
มีคำพูดหนึ่งกล่าว่า คนเราสบายแล้ว จะให้กลับไปลำบากอีก ก็ยาก
ข้าพเจ้ามีเพื่อนที่เคยพูดว่า เขาเคยจน วันนี้เขารวย เขาจะไม่ยอมกลับไปจนอีก นั่นคือ ความเชื่อของเขาเปลี่ยนไปจากอยู่ได้ กลับเป็นอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มี ไม่รวย นั่นคือ ไม่เชื่อว่า จะอยู่ได้ โดยไม่มีวัตถุสิ่งของ เงินทอง เลยต้องทำงานอย่างคนบ้า ไม่พัก สุดท้ายเป็นมะเร็งตาย และสิ่งที่ทำมาทั้งหมด ถูกยึด เป็นหนี้สินมากมาย คนรุ่นหลังต้องทำงานหนักเพื่อใช้หนี้ให้แทน เพราะการไม่มีความเชื่อ(ความเชื่อเล็กน้อย) นี่คือหมุดที่ปักติดในใจที่ยากจะถอนออก
ตามพระเยซูคริสต์…แม้มีความเชื่อเล็กน้อยก็อยู่รอดได้ และความเชื่อนี้แหล่ะ ที่มีพลังที่จะถอนหมุดที่ปักติดในใจ และไปต่อได้ โดยไม่ต้องยึดติดกับ สิ่งที่อยู่ภายนอก อะไรที่เป็นอุปสรรค ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ ที่ผ่านไปได้ ก็จะสามารถผ่านไปได้ เพราะความเชื่อในพระเยซูคริสต์
ฮีบรู 12:2 2 หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความรื่นเริงยินดีที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ทรงถือว่าความละอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญและพระองค์ได้ประทับ ณ เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า
ตามพระเยซูคริสต์…แม้มีความเชื่อเล็กน้อยก็อยู่รอดได้ ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ทำให้เราไม่โลภ ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ไม่วิ่งไปตามแรงผลักของคนรอบข้าง เราจะอยู่ได้ เพราะเราปรับตัวได้ง่าย มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เรือไททานิกจม เพราะมันใหญ่โตเกินกว่าจะเลี่ยงภูเขาน้ำแข็งที่มันกำลังพุ่งเข้าไปชน น้ำหนักของเรือเอง และน้ำหนักของคนที่อยู่บนเรือจำนวนมา กับคำว่า มันเป็นเรือที่ไม่มีวันจม ที่โอ้อวดไว้มากมาย ทำให้การเดินทางของเรือลำนี้ไปไม่ถึงที่หมายปลายทาง จมลง กลายเป็นโศกนาฏกรรมของประวัติศาสตร์การเดินทาง
ตามพระเยซูคริสต์….แม้มีความเชื่อเล็กน้อยก็อยู่รอดได้ ขอให้ความเชื่อที่มี เป็นความเชื่อในพระเยซูคริสต์ อย่างพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ความเชื่อ(ค่านิยมอย่างโลก) ชีวิตของเราทุกคนก็จะเป็นเหมือนได้อยู่บนเรือที่มั่นคง ไม่ไปชนกับภูเขาน้ำแข็ง(ของตัวเอง) และล่มกลางคัน สิ่งที่ยากจะถอน(หมุด)ที่ปักในใจ ก็จะถอนง่าย เพื่อจะปรับตัว ยืดหยุ่น หลุดจากสิ่งที่ยึดติดในใจ ไม่ว่าจะเป็น รัก โลภ โกรธ และหลง ของความอนิจจังของโลกนี้ จงถอนหมุดที่ติดอยู่ในจิตใจออก แล้วเราจะมีความยินดีเปี่ยมล้นในจิตใจ แม้จะเดินในหนทางเหมือนทะเลทราย เราก็สามารถอยู่รอดได้ อาเมน
ตามพระเยซูคริสต์…มีความเชื่อเล็กน้อยก็อยู่รอดได้
ฟิลิปปี2:5-7 5 จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่านเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์6 ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้7 แต่ทรงสละพระองค์เองและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และทรงปรากฏอยู่ในสภาพมนุษย์
ยากอบ 2:5 5 จงฟัง พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า พระเจ้าทรงเลือกคนยากจนในโลกนี้ให้เป็นคนมั่งมีในความเชื่อและเป็นผู้รับมรดกในอาณาจักรที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับผู้ที่รักพระองค์ไม่ใช่หรือ?