“คุณมีของขวัญที่ยังไม่ได้รับ”
อะไรเอ่ย คนซื้อไม่ได้รับ คนรับไม่ได้ซื้อ (คนรับยังมีชีวิตอยู่) คำตอบคือ “ของขวัญ” และข้าพเจ้ามีข่าวดีจะบอกกับทุกคนที่นี่ว่า “คุณมีของขวัญที่ยังไม่ได้รับ” ที่ข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ ก็เพราะว่า มีคำสัญญาที่จะให้ของขวัญนี้แก่พวกเราทุกคนจริงๆ ใครอยากรู้ว่า ของขวัญนั้นคืออะไร คนส่วนใหญ่ยกมือ แสดงว่า พวกเราทุกคนอยากได้ของขวัญนั้น ก่อนอื่น ข้าพเจ้าอยากจะอธิบายคำว่า ของขวัญก่อน คำว่า ของขวัญ แปลว่า เราได้รับมาฟรีๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้อมา และเรายังมีชีวิตอยู่ที่จะรับของขวัญนั้น คนตายรับของขวัญไม่ได้ หากทุกคนในห้องนี้ยังมีชีวิตอยู่ แสดงว่า ทุกคนสามารถรับของขวัญชิ้นนี้ได้ บางคนอาจกำลังสงสัยว่า ของขวัญชิ้นนี้คืออะไร ยิ่งคุณอยากรู้ว่า ของขวัญชิ้นนี้ คืออะไร นั่นคือ คุณมีความต้องการที่จะรับของขวัญใช่หรือไม่ แต่บางคนอาจบอกว่า ขอรู้ก่อน แล้วจะตัดสินใจว่า จะรับดี ไม่รับดี ของขวัญก็ยังเป็นของขวัญอยู่ดี แม้เราจะปฏิเสธไม่รับ ของขวัญนี้ก็ยังคงลงชื่อผู้รับคือพวกเราทุกคน แม้เราจะปฏิเสธที่จะไม่รับของขวัญนี้ และของขวัญนี้ก็จะถูกเก็บไว้ที่สวรรค์รอคอยผู้รับที่จะรับ เมื่อใดที่เรารับ ของขวัญนี้ก็จะถูกเปิดออกในชีวิตของผู้รับ และของขวัญอีกมากมายก็จะตามมาเปิดออกให้กับผู้ที่รับ ของขวัญชิ้นนี่คือของขวัญจากสวรรค์ พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า เพราะว่า พระเจ้าทรงรักโลก (ชาวโลกทั้งหลาย) จนได้ประทาน….ของขวัญ (คือพระบุตรองค์เดียวของพระองค์) ….เพื่อทุกคนที่รับของขวัญ….(รับเจ้าของวันคริสตมาส คือพระเยซู พระบุตรของพระเจ้าที่มาประสูติในวันคริสตมาส) ….จะไม่พินาศ….(คำว่า พินาศ แปลว่า ตายตลอดไป)…..แต่มีชีวิตนิรันดร์ (ไม่ต้องตายครั้งที่สอง แต่ยังจิตวิญญาณยังมีชีวิตอยู่ตลอดไป) พี่น้องยังจำได้ไม๊ ความหมายของคำว่า “ของขวัญ” คืออะไร…..เราได้รับมาฟรีๆ และคนรับยังมีชีวิตอยู่…..คนตายรับของขวัญไม่ได้ ดังนั้น เป้าหมายแรกของวันคริสตมาสคือ มาเพื่อให้เรายังมีชีวิตอยู่ และอยู่ต่อไปอย่างยาวนาน….พระเยซูคริสต์เจ้า เจ้าของวันคริสตมาส จึงเป็นเจ้าของคำพูดที่ว่า ยอห์น 10:10 10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทำลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะได้อย่างครบบริบูรณ์ พระเยซูคริสต์เจ้ามาประสูติในวันคริสตมาส เพื่อจะแก้เงื่อนไขของการรับของขวัญให้กับมนุษย์ทุกคนก่อน ก็คือ ทำให้ผู้รับของขวัญมีชีวิต เพราะของขวัญคู่กับผู้รับที่ยังมีชีวิตอยู่ บางคนอาจกล่าวว่า ก็เรายังมีชีวิต แต่ข้าพเจ้าอยากจะถามต่อว่า ชีวิตที่คุณมีนั้น กำลังพาคุณไปสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์หรือไม่ หรือกำลังพาชีวิตของคุณไปในทางที่นับวัน ชีวิตที่ขาดวิ่น กะรุ่งกะริ่ง เป็นชีวิตที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าอยากจะแนะนำวิธีตรวจสอบชีวิตของเราแต่ละคนว่า เส้นทางชีวิต หรือวิถีชีวิตของคุณ กำลังพาไปสู่ชีวิตที่ครบบริบูรณ์หรือไม่ สิ่งที่ตรวจสอบ คือ ความสุขสันต์ของชีวิต แต่มีคำกล่าวว่า หนทางที่จะดับทุกข์ได้คือการไม่มีตัวตนอีกต่อไป นั่นคือบทสรุปของคนที่ไม่พบหนทางที่จะพ้นทุกข์ หรือกล่าวอีกนัย คือไม่พบหนทางที่จะมีความสุขขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่พระเยซูคริสต์เจ้า เจ้าของวันคริสตมาส พระองค์ได้ตรัสว่า ยอห์น 14:6 6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา พระเยซูคริสต์เจ้า ทรงตรัสว่า มีหนทางที่เราทุกคนจะพบความสุขสันต์ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ และคำว่า มาถึงพระบิดา คำว่า พระบิดา แปลว่า พระบิดาผู้ทรงสถิตในฟ้าสวรรค์ เป็นเจ้าของสวรรค์ เป็นผู้อนุญาตให้เข้าสวรรค์ และเป็นผู้ที่จะนำสวรรค์ลงมายังโลกนี้ได้ด้วย นี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์เจ้าของวันคริสตมาสได้ตรัสสอนให้คนที่จะรับของขวัญอธิษฐานอย่างนี้ มัทธิว 6:7-10 7 “แต่เมื่อท่านอธิษฐานอย่าพูดพล่อยๆ ซ้ำซาก เหมือนคนต่างชาติกระทำเพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะทรงโปรดฟัง8 อย่าทำเหมือนเขาเลย เพราะว่าสิ่งไรซึ่งท่านต้องการ พระบิดาของท่านทรงทราบก่อนที่ท่านทูลขอแล้ว9 “ท่านทั้งหลาย จงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ 10 ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลกความหมายของพระเยซูคริสต์เจ้า คือ สวรรค์สามารถมาตั้งอยู่บนโลกนี้ได้ เราได้เห็นความพยายามของมนุษย์ในโลกนี้ที่พยายามสร้างสวรรค์บนดิน แต่สวรรค์ที่มนุษย์สรรสร้างนั้น ไม่สามารถนำความสุขสันต์ที่แท้จริงมายังสถานที่สวยงาม อาหารเพียบพร้อม หรือบรรยากาศงดงามเพียงใด ความสุขนั้นเป็นเพียงชั่วคราว แล้วก็หายไป แล้วก็ต้องสรรสร้างใหม่ เพราะมนุษย์เรานั้น ขี้เบื่อ ขี้เซ็ง เพราะว่า ภายในมนุษย์นั้น มีความว่างเปล่า และนั่นคือความขี้เบื่อ ขี้เซ็ง ซึ่งทำให้สิ่งใหม่ๆที่ทำให้เราตื่นเต้น พอนานไปสักพัก เราก็จะรู้สึกเบื่อเซ็ง เพราะว่าความว่างเปล่าภายในเรานั้น ถมเท่าไรก็ไม่รู้จักเต็ม หรือไม่รู้จักพอ เพราะความสุขของโลกนี้ ไม่ได้ฟิตหรือพอดีกับความว่างเปล่าภายในจิตใจของเรา พระเยซูคริสต์เจ้าของวันคริสตมาส พระองค์ได้ตรัสคำว่า ยอห์น 14:27 27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย นี่คือ ความฟิต ความพอดีกับความว่างเปล่าของจิตใจส่วนลึกภายในของทุกชีวิตบนโลกนี้ และทำให้เราพร้อมที่จะรับของขวัญอันล้ำค่า ของขวัญที่จะนำของขวัญอีกมากมายที่พระบิดาบนฟ้าสวรรค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับเราทุกคน มีคนบางคนพูดอย่างนี้ว่า ของขวัญที่ล้ำค่าที่สุดสำหรับเขา คือ การไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ บางคนก็กล่าวว่า ของขวัญที่เขาต้องการมากที่สุด คือขอให้มีบ้านซุกหัวนอน มีข้าวกิน ไม่มีหนี้สิน ก็พอใจแล้ว บางคนก็ว่า ขอตอนแก่แล้วไม่ถูกทอดทิ้งก็เป็นของขวัญล้ำค่าแล้ว หรือบางคนจะพูดว่า ขอแค่มีคนที่รักเราสักคนก็คือของขวัญสุดวิเศษแล้ว วันนี้ เราปรารถนาของขวัญอะไรในชีวิตของเรา ถ้าสิ่งที่เราปรารถนา เป็นสิ่งที่ เรา ทำเองไม่ได้ มีเองไม่ได้ เป็นเองไม่ได้ เราจะทำอย่างไร ข้าพเจ้าแน่ใจว่า หลายคนที่นี่ หันไปพึ่งพระพึ่งเจ้ามาหลายสำนักแล้ว บางคนก็ พึ่งไสยศาสตร์ก็มี และบางคนที่เป็นคนรุ่นใหม่ก็พึ่งพาวิทยาศาสตร์ ข้าพเจ้าจึงอยากจะเชิญชวนทุกคนในวันนี้ว่า มาลองเชื่อและวางใจในคำพูดของพระเยซูคริสต์เรื่องชีวิตสักตั้ง จะเป็นไรไป ถ้าไม่ใช่จะเลิกทีหลังก็ได้ พระคัมภีร์ได้กล่าวว่า ลูกา 1:37 37 เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้” ขอให้ถามตัวเองว่า ขณะนี้ เรากำลังอยู่ในสภาวการณ์แบบไหน กำลังดิ้นเหมือนหนูติดจั่น เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า แต่หยุดไม่ได้ เพราะคำว่า รับผิดชอบ เพราะคำว่า ภาระหน้าที่ ความเป็นสามี เป็นพ่อ เป็นภรรยา เป็นแม่ เป็นคนที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ถ้าขาดเรา คนอื่นจะเดือดร้อน วันนี้ ขอให้พรวิเศษจากพระเจ้ามาถึงเราทั้งหลาย ด้วยจิตใจของเราแต่ละคนมาถึงจุดที่พระวจนะของพระเจ้าได้กล่าวว่า มัทธิว 6:32-33 …แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้33 แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้ ขอให้พวกเราทุกคนได้เข้าถึงการแสวงหาความสุข ความสำเร็จที่ถูกทิศทาง ความชอบธรรมที่ถูกต้องของพระเจ้า เพื่อเราจะไปถึงการเพิ่มเติมสิ่งที่เราเป็นเองไม่ได้ ทำเองไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้ ซึ่งเราทุกคนที่นี่ต้องการตัวช่วยที่มีความสามารถจริงๆ ลูกา 1:37 37 เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้” ขอให้เราเชื่อเช่นนั้น พระเจ้าได้ทำสำเร็จแล้วในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า พระเยซูได้เสด็จมาเกิดในหญิงพรมจารีย์ ซึ่งคนในยุคนั้น รับไม่ได้ เพราะไม่เคยทำ ไม่เคยมีประสบการณ์ แต่สำหรับเราในวันนี้ หญิงพรมจารีย์สามารถตั้งครรภ์ได้โดยไม่ได้สมสู่กับชายใด แต่เป็นวิทยาการที่ทันสมัยเรื่องการอุ้มบุญ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งเพื่อบอกกับเราว่า สิ่งที่เราเป็นไม่ได้ ความสุขที่เราคิดว่า ไม่มีทางที่จะเกิด ความล้มเหลว ความผิดพลาด ของมนุษย์ที่สุดกำลังที่จะย้อนกลับไปแก้ไข แต่พระเจ้าทรงทำได้ วันนี้ คุณอยากให้ความหมายที่แท้จริงของคริสตมาสสุขสันต์เกิดขึ้นกับชีวิตของคุณหรือไม่ นี่คือความสุขสันต์อยู่เหนือความจำกัดของชีวิตทุกด้าน ใครต้องการ ขอเชิญแสดงความปรารถนาด้วยการยกมือของท่าน และเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า อย่าให้ความกลัวว่าจะต้องสูญเสียความเชื่อเก่าๆของตนเอง ข้าพเจ้าอยากจะย้ำว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของศาสนาแล้ว แต่เป็นเรื่องของชีวิตของจริง ที่ต้องการหลุดจากสิ่งที่ตนเองไปต่อไม่ได้ เป็นไม่ได้ ทำไม่ได้ หลุดไม่ได้ พระคัมภีร์บันทึกอย่างนี้ว่า มาระโก 11:22-24 22 พระเยซูจึงตรัสตอบเหล่าสาวกว่า “จงเชื่อในพระเจ้าเถิด23 เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดๆ จะสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงลอยไปลงทะเล’ และมิได้สงสัยในใจแต่เชื่อว่าจะเป็นไปตามที่สั่งนั้น ก็จะเป็นตามนั้นจริง24 เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น คำตรัสของพระเยซูคริสต์ คือคำเชิญให้เราทุกคนที่นี่ วันนี้ ยื่นมือออกมารับของขวัญที่คุณยังไม่ได้รับ พระเยซูทรงย้ำว่า….จงเชื่อในพระเจ้าเถิด….ภูเขาของคุณคืออะไร ภูเขานั้นมันขวางเส้นทางที่คุณจะเดินต่อไป คุณจะทำให้ภูเขาที่อยู่ตรงหน้าย้ายออกไปได้อย่างไร จงเชื่อในพระเจ้าเถิด แล้วคุณจะเห็นของขวัญที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับทุกคน….คริสตมาสสุขสันต์ในวันนี้ จะไม่ใช่แค่งานเลี้ยงที่มีอาหารอร่อย รายการสนุก แล้วก็เลิกรากันไป แต่ความสุขสันต์ที่มั่นคงถาวรจะอยู่กับชีวิตของแขกผู้เกียรติทุกท่านตลอดไป พระเยซูตรัสว่า จงเชื่อในพระเจ้าเถิด…ขอให้เราอธิษฐาน ภาวนาด้วยกันในเวลานี้ …..อาเมน