“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในความสัตย์ซื่อ”
“มีหมาเป็นเพื่อน ดีกว่ามีเพื่อนหมาๆ” มีความหมายอย่างไรในบล็อกมีคนตอบกระทู้ เช่น หมามันยังรู้จัก คำว่า ซื่อสัตย์ รู้คุณ กตัญญู กับผู้มีพระคุณและเป็นเพื่อนที่แสนจงรักภักดีกับเจ้าของมันเสมอ … หมาเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเจ้าของ ที่ให้ข้าวให้น้ำมันกิน ความซื่อสัตย์ความภักดีของหมานี่แหละ ที่ทำให้คนอยากเป็นเพื่อนกับหมา….คนส่วนใหญ่จะตอบกระทู้ที่ตรงกันในเรื่องความสัตย์ซื่อจงรักภักดีของหมา มีเรื่องตัวอย่างของหมาที่ชื่อ ฮะชิโก เป็นสุนัขที่เป็นที่รู้จักในนามของ “สุนัขยอดกตัญญู ฮะชิโกะ เป็นสุนัขสายพันธุ์อะกิตะ ฮะชินั้นเป็นสัญลักษณ์ถึงความจงรักภักดีอันน่าทึ่งจากการที่มันเฝ้ารอเจ้านายของมันเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าเจ้านายของมันจะเสียชีวิตไปแล้วในปัจจุบันฮาจิเป็นสัญลักษณ์ของความสัตย์ซื่อ หนุ่มสาวญี่ปุ่นจะไปสัญญารักต่อกันหน้ารูปหล่อของฮะชิโกที่สถานีรถไฟดังกล่าวในปี ค.ศ. 1924 ฮิเดะซะบุโร อุเอะโนะ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาการเกษตรกรรมแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์อะกิตะอินุ ไว้ และตั้งชื่อให้ว่า “ฮะชิ” ซึ่งในตอนเย็นของทุกวัน ฮะชิจะไปรอเขาใกล้ๆกับสถานีรถไฟชิบุยะ เป็นเช่นนี้อยู่ทุกวันจนกระทั่งในวันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1925 ศาสตร์ตราจารย์อุเอะโนะได้เสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในสมอง ทำให้ในวันนั้นเจ้านายของฮะชิไม่ได้กลับไปที่สถานีรถไฟ ถึงกระนั้นในทุกๆวัน ฮะชิก็ยังคงมารอเจ้านายของมันที่สถานีชิบุยะ ตลอดช่วงเวลานั้น ฮะชิโกะกลายเป็นที่สะดุดตาของคนที่สัญจรไปมา หลายคนในสถานีรถไฟนั้นล้วนเคยเห็นฮะชิโกกับเจ้านายของเขาในแต่ละวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ในสถานีรถไฟบางคนก็ไม่ได้เป็นมิตรต่อเจ้าฮะชิโกมากซักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1932 ภายหลังจากที่มีคนเขียนบทความเกี่ยวกับเจ้าฮะชิโกและเจ้านายของเขาลงในหลังสือพิมพ์อะซะฮิ ก็เริ่มมีผู้คนจำนวนหนึ่งที่นำขนมและอาหารไปให้แก่เจ้าฮะชิโก ซึ่งหากรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้ว เป็นเวลากว่า 9 ปีภายหลังการเสียชีวิตของศาสตราจารย์อุเอะโนะ ที่เจ้าฮะชิโกได้มาเฝ้ารอการกลับมาของเจ้านายทุกวัน…เป็นที่ประทับใจของชาวญี่ปุ่นจากจิตใจที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดี ครูและผู้ปกครองจำนวนมากได้เล่าเรื่องนี้แก่ลูกหลานเพื่อเป็นตัวอย่างสำหรับเด็กที่ควรจะปฏิบัติตาม ในด้านของความจงรักภักดีและรู้คุณ…ในที่สุดความซื่อสัตย์และตำนานของฮะชิโกกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติในด้านความจงรักภักดี สุภาษิต 19:22 สิ่งที่น่าปรารถนาในตัวมนุษย์คือความจงรักภักดี.. ตัวอย่างของสุนัขที่ชื่อ ฮะชิโกะที่เป็นตำนานสอนลูกหลานคนญี่ปุ่น กับข้อความในพระคัมภีร์สุภาษิต คือความจริงว่า สิ่งที่น่าปรารถนาในตัวมนุษย์คือความจงรักภักดี.. มนุษย์ต้องการให้มนุษย์ด้วยกันมีความสัตย์ซื่อจงรักภักดีและรู้คุณ จึงนำเรื่องของหมามาเป็นบทเรียนสอนใจ เป็นไปได้ว่า ความสัตย์ซื่อจงรักภักดีเป็นสิ่งหายาก หรือยากที่จะมี จึงมีสำนวนเอาหมามาเปรียบเทียบกับมนุษย์ เพราะมนุษย์มีประสบการณ์ที่แย่ๆกับมนุษย์ด้วยกันในเรื่องความสัตย์ซื่อจงรักภักดี จนมีสำนวนอื่นๆอีกมากมาย เช่น ทำดีไม่ขึ้น ทำคุณไม่ขึ้น กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา หรือถูกเปรียบเหมือนหมา แต่ไม่ใช่หมาที่จงรักภักดี แต่เป็นหมาบ้า เป็นต้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ที่ทำให้คนด้วยกันรู้สึกว่า ความสัตย์ซื่อจงรักภักดีกลายเป็นของหายาก หรือเป็นไปได้ยาก ตรงกันข้ามกลับมีแต่การงานของเนื้อหนัง ซึ่งกาลาเทียบทที่ 5ซีรี่ส์ในวันนี้ยังคงเกาะติดอยู่กับผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะอ่านด้วยกันตั้งแต่ต้น กาลาเทีย 5:16-23 16 แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ อย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง17 เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้18 แต่ถ้าพระวิญญาณทรงนำท่าน ท่านก็จะไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ19 การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การลามก20 การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน21 การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนกับที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า22 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ23 ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย รากศัพท์ภาษากรีกคำว่า ความสัตย์ซื่อ ใช้คำกรีกว่า พิสติส แปลว่า ความเชื่อ แปลไทยเป็นไทย แปลว่า ความศรัทธาอย่างแรงกล้า เป็นคำเดียวกันกับคำว่า ความเชื่อ ในหนังสือฮีบรู11:1-2 1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง2 โดยความเชื่อนี้เองคนในสมัยก่อนก็ได้รับการรับรองจากพระเจ้า ความสัตย์ซื่อที่เป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์นี้แสดงออกเป็นความจงรักภักดีทั้งคำพูดและการกระทำโดยเฉพาะต่อพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เจ้า คือการเป็นพยานด้วยความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า ความสัตย์ซื่อนี้ไม่ได้มาจากตัวของมนุษย์เอง มนุษย์ทั้งหลายไม่มีความสัตย์ซื่อชนิดนี้ เพราะความสัตย์ซื่อนี้เป็นของประทานของพระเจ้า เป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า และเป็นงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นผลที่พระเจ้าทรงวางให้เป็นสไตล์ของวิญญาณแห่งความสัตย์ซื่อ ซึ่งจะรวมอยู่กับคุณลักษณะอื่นๆของพระวิญญาณฯ และจะแสดงออกมาด้านความเชื่อในพระคริสต์เรื่องความรอด หลักข้อเชื่อในพระกิตติคุณ จะกล่าวออกมาด้วยความเชื่อ ประกาศด้วยความเชื่อจากพระวิญญาณของพระเจ้า เราจะพบความพยายามในการแสดงความสัตย์ซื่อในเรื่องอื่น แต่ผลพระวิญญาณเรื่องความสัตย์ซื่อเป็นเรื่องของการประกาศข่าวประเสริฐและความรอดของพระเยซูคริสต์เจ้า ความสัตย์ซื่อเรื่องอื่นอาจเลียนแบบได้ แต่ความสัตย์ซื่อเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐและเป็นพยาน จะพิสูจน์ความสัตย์ซื่อด้วยความสัตย์ซื่อเอง กิจการ 1:8 8 แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”พระเยซูคริสต์ได้กล่าวถึงความสัตย์ซื่อที่นี่คือ การเป็นพยานฝ่ายพระเยซูคริสต์ เริ่มต้นจากที่ที่มีการข่มเหงการเป็นคริสเตียนมากที่สุด เยรูซาเล็ม จนการต่อต่านการข่มเหงขยายวงออกไปจากเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก สาวกของพระเยซูต้องกระจัดกระจายออกไป แต่ความสัตย์ซื่อในการเป็นพยานเพื่อพระเยซูคริสต์ก็ยังติดตามคนเหล่านั้นไป การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ยังเป็นคำพยานที่สาวกของพระเยซูยังสัตย์ซื่อในการเป็นพยาน เหมือนกับฮะชิโกะที่เจ้านายของมันยังมีชีวิตอยู่สำหรับมัน แม้เจ้านายของมันจะตายไปแล้ว เป็นความเชื่อที่แรงกล้าในทุกๆวันที่ยังคงเฝ้ารอคอยการกลับมาของศาสตราจารย์อุเอโนะ เช่นเดียวกัน คริสเตียนที่แสดงผลพระวิญญาณบริสุทธิ์…ในความสัตย์ซื่อ จะเฝ้ารอคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์เจ้า แตกต่างจากเจ้าฮะชิโกะก็คือ ฮะชิโกะใช้ความทรงจำในอดีตกับเจ้านายมัน แต่เราใช้ความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์เจ้าในปัจจุบัน เราจึงรู้ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ เรายึดมั่นในคำสัญญาของพระเยซูคริสต์ที่ว่า พระองค์จะกลับมาอีก เราเป็นพยานเหมือนฮะชิโกะที่ไปแสดงตัวที่สถานีรถไฟทุกวัน ความจงรักภักดีของมนุษย์เราแตกต่างจากฮะชิโกะคือ เรามีทั้งคำพูดและการกระทำ และผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้ความสัตย์ซื่อของเราสูงกว่าความสัตย์ซื่อของฮะชิโกะ และแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป เพราะความสัตย์ซื่อจะออกมาพร้อมกับฤทธิ์เดช คำตรัสของพระเยซูที่ว่า ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดช เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน รากศัพท์คำว่า ฤทธิ์เดช ใช้คำว่า ดูนามิส แปลว่า wonderful, amazing, astonishingน่าประหลาดใจ อัศจรรย์ใจ เหลือเชื่อ ล้วนทำให้เข้าใจในความหมายเดียวกันคือ เป็นไปได้อย่างไร เรามักจะคิดว่า การอัศจรรย์ต้องเป็นแบบที่เกินมนุษย์ธรรมดา แต่ข้าพเจ้าอยากให้เราลองสังเกตตัวเองว่า มีบางอย่างที่เราทำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ มันคือการอัศจรรย์เฉพาะตัวเราเอง ที่เมื่อก่อนทำไม่ได้ วันนี้ทำได้ เช่น ไม่เคยพูดเรื่องพระเยซูคริสต์เจ้าท่ามกลางคนมากมาย แต่วันนี้ทำได้ นั่นคือเราเอาชนะความกลัวคนจะว่า คนจะต่อต้าน หรือเมื่อก่อนทำอะไรก็เพื่อตัวเอง แต่วันนี้ทำอะไรก็เพื่อเห็นแก่พระนามพระเยซูคริสต์เจ้า ทำให้เราอดทนได้นานขึ้น รักได้มากขึ้น ให้อภัยได้ง่ายขึ้น นี่แหล่ะคือการอัศจรรย์ ที่เหลือเชื่อสำหรับคนที่ใกล้ตัวเราที่เคยเห็นอดีตไม่ได้เรื่องของเรา นี่คือดูนามิส ซึ่งเป็นความสัตย์ซื่อที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำให้เราทำด้วยความเชื่อในพระเจ้า พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสไว้ล่วงหน้าเกี่ยวกับชีวิตคริสเตียนกับประสบการณ์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ในอนาคตว่า ลูกา 5:37-38 37 ไม่มีผู้ใดเอาน้ำองุ่นหมักใหม่มาใส่ไว้ในถุงหนังเก่า ถ้าทำอย่างนั้นน้ำองุ่นหมักจะทำให้ถุงหนังเก่าขาดไป และน้ำองุ่นจะรั่ว ถุงหนังก็จะเสียไปด้วย38 แต่น้ำองุ่นหมักใหม่ต้องใส่ในถุงหนังใหม่ น้ำองุ่นใหม่เป็นฤทธิ์เดชที่ยังมีคุณสมบัติเหมือนเดิม หมายถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะเติมฤทธิ์เดชให้เต็มล้นในชีวิตของผู้เชื่อที่เป็นถุงหนังใหม่เท่านั้น ถุงหนังใหม่หมายถึงชีวิตที่สามารถขยายรับฤทธิ์เดชและเคลื่อนตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ หรืออีกนัยหนึ่งหมายถึง พระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่ใส่ฤทธิ์เดชของพระองค์ในชีวิตของคนที่ยังอยู่ในชีวิตเก่า ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมให้สิ่งเก่าๆล่วงไป พระธรรม 2โครินธ์ 5:17 17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น คำว่า ใหม่ ในหนังสือโครินธ์นี้ คือคำเดียวกันกับคำว่า ใหม่ในหนังสือลูกาที่พระเยซูคริสต์เจ้าใช้ คือคำว่า ไคนอส แปลว่า ความสดใหม่ มีคำหนึ่งที่อ.สุรเชษฐ์ได้กล่าวเรื่องสุขภาพว่า “อาหารที่มีอายุสั้น กินแล้วอายุยืน อาหารที่มีอายุยืน กินแล้วอายุสั้น” หมายความว่า อาหารที่สดใหม่ กินแล้วสุขภาพดี แต่อาหารในกระป๋อง อาหารที่ใช้วิธีเก็บรักษานานๆ กินแล้วสุขภาพแย่ เดี๋ยวนี้เทรนเรื่องสุขภาพจะเน้นที่การกินอาหารปรุงเสร็จใหม่ทันที ทานผักผลไม้สด เป็นต้น เช่นเดียวกัน ชีวิตการเป็นคริสเตียนของเราทั้งหลายต้องสดใหม่ตลอดเวลา เราจะใช้ความเชื่อของเมื่อวานกับวันนี้ไม่ได้ คนไทยมีคำหนึ่งที่คนไทยพุทธเข้าใจดี คือคำว่า กินบุญเก่า หมายถึง ปัจจุบันไม่ได้ทำดี ทำบุญ ทำอะไรให้มันมีการเพิ่มพูนความดีของตนเอง อยู่ได้ก็เพราะกินบุญเก่า บุญเก่าหมดเมื่อไหร่ ซวยเมื่อนั้น สำหรับคริสเตียน เราไม่ได้เชื่อเรื่องบุญเก่า แต่เราเชื่อเรื่องพระพรสดใหม่ หญิงต่างชาติคนหนึ่งที่มาหาพระเยซูและขอความช่วยเหลือจากพระองค์… มาระโก 7:25-30 25 เพราะทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีลูกสาวที่ผีโสโครกสิง เมื่อได้ยินข่าวถึงพระองค์ ก็มากราบที่พระบาทของพระองค์26 ผู้หญิงนั้นมีเชื้อชาติซีเรียฟีนิเซีย พูดภาษากรีก แล้วนางทูลอ้อนวอนขอพระองค์ให้ขับผีออกจากลูกสาวของตน27 ฝ่ายพระเยซูตรัสแก่นางนั้นว่า “ให้พวกลูกกินอิ่มเสียก่อน เพราะว่าซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร”28 แต่นางทูลตอบว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นย่อมกินเดนอาหารของลูก”29 แล้วพระองค์ตรัสแก่นางว่า “เพราะเหตุถ้อยคำนี้จงกลับไปเถิด ผีออกจากลูกสาวของเจ้าแล้ว”30 ฝ่ายหญิงนั้นเมื่อไปยังเรือนของตน ได้เห็นลูกนอนอยู่บนที่นอน และทราบว่าผีออกแล้ว หญิงคนนี้รู้ว่าตนเองเป็นคนต่างชาติ แต่การมาอยู่ที่ดินแดนของอิสราเอล ทำให้เธอรู้ความคิดของคนยิวที่มองคนต่างชาติ สำนวนที่พระเยซูคริสต์ใช้กับหญิงต่างชาติคนนี้ไม่ได้เป็นการดูถูก แต่เป็นการท้าทายความปรารถนาของนางว่าจะแสดงออกเป็นเชื่อความศรัทธาในการมาหาพระเยซุคริสต์เจ้าขนาดไหน ไม่ใช่แค่พูด แต่ยอมเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี 28 แต่นางทูลตอบว่า “จริงเจ้าข้า แต่สุนัขที่อยู่ใต้โต๊ะนั้นย่อมกินเดนอาหารของลูก” เราทั้งหลายก็ไม่ต่างจากหญิงต่างชาติคนนี้ที่มาหาพระเยซูเพื่อขอให้พระองค์ช่วยเหลือ เราไม่ได้มีเชื้อสายอิสราเอล อย่างที่อ.เปาโลได้กล่าวว่า เราเป็นเพียงกิ่งมะกอกป่า เราไม่ใช่พันธ์แท้ โรม11:17-21 17 แต่ถ้าทรงหักกิ่งบางกิ่งออกเสียแล้ว และได้ทรงนำท่านผู้เป็นกิ่งมะกอกเทศป่า มาต่อกิ่งไว้แทนกิ่งเหล่านั้น เพื่อให้เข้าเป็นส่วนได้รับน้ำเลี้ยงจากรากต้นมะกอก18 ท่านก็อย่าอวดดีต่อกิ่งเหล่านั้น ถ้าท่านอวดดี ใช่ว่าท่านได้เลี้ยงรากนั้นก็หาไม่ แต่รากต่างหากเลี้ยงท่าน19 ท่านอาจจะแย้งว่า “กิ่งเหล่านั้นได้ทรงหักออกเสียแล้วก็เพื่อจะได้ต่อกิ่งข้าไว้”20 ถูกแล้ว เขาถูกหักออก ก็เพราะเขาไม่เชื่อ แต่ที่ท่านอยู่ได้ก็เพราะความเชื่อเท่านั้น อย่าเย่อหยิ่งไปเลยแต่จงเกรงกลัว21 เพราะว่าเมื่อพระองค์มิได้ทรงงดโทษกิ่งเหล่านั้นที่เป็นกิ่งเดิม พระองค์ก็จะไม่ทรงงดโทษท่านเหมือนกัน คำพูดของอ.เปาโลตรงนี้กำลังบอกกับเราที่เป็นกิ่งมะกอกป่าว่า เราอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะความเชื่อ จงดำเนินชีวิตในความสดใหม่ของความเชื่อ ความเชื่อความศรัทธาที่เรามีทำให้เราเชื่อมต่อกับรากที่หล่อเลี้ยงเรา อย่าเป็นเหมือนกับความสดของกิ่งที่หลุดจากการเชื่อมต่อ ที่ดูสดในระยะสั้นๆ มีน้ำที่ยังคาอยู่กับกิ่งที่ทำให้เข้าใจว่ายังสด แต่ความจริงกำลังจะแห้งเหี่ยวไปในที่สุด เหมือนกับการงานของเนื้อหนังที่ทำให้การเชื่อมต่อกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ค่อยๆถูกตัดขาดไป การงานของเนื้อหนังมีมากขึ้นและมากขึ้น….ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้…19 การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การลามก20 การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน21 การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้ การอื่นๆในทำนองนี้ในยุคของเรา มีการพนัน การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ดูหนังโป๊ การบ้าเรื่องกิน ติดของอร่อย เสพสิ่งต่างๆอย่างไร้สติ สิ่งเหล่านี้ทำให้ชีวิตเข้าสู่โหมดที่เรียกว่า เป็นพาลเกเร คือเตือนไม่ได้ เป็นพาลเกเร คือโมโหหงุดหงิดง่าย และกลายเป็นไม่มีการควบคุมตนเองอีกต่อไป อะไรนิดอะไรหน่อยก็อาละวาด เนื้อหนังเต็มๆ การมาโบสถ์ไม่ใช่เพื่อนมัสการพระเจ้าอีกต่อไป แต่เป็นกิจทางศาสนาที่ขอให้ผ่านๆไปอีกวันหนึ่งเท่านั้น อาการอย่างนี้ต้องการการฟื้นฟู ต้องการการอดอาหารอธิษฐานเพื่อการเปลี่ยนแปลง ต้องกลับใจใหม่ มิฉะนั้น ขวานก็วางอยู่ที่โคนต้นแล้ว ขอพระเจ้าช่วยเราด้วยเถิด อย่าปล่อยให้เราเป็นคริสเตียนแบบศาสนา แต่ไม่มีผลพระวิญญาณ ผลพระวิญญาณคือกุญแจสำคัญ เป็นสัญญาณของการฟื้นฟูที่แท้จริง จงเป็นถุงใหม่ เพื่อรับน้ำองุ่นใหม่ ซึ่งหมายถึงปริมาณ.. อย่าลืมว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์มีคุณภาพที่ไม่เปลี่ยนแปลง การรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือการให้พระองค์เข้ามาในชีวิตของเราได้มากเท่าที่จะมากได้ สดุดี 81:10 10 เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้พาเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ อ้าปากของเจ้าให้กว้างเถิด เราจะป้อนเจ้าให้อิ่ม ความหมายคำว่า อ้าปากให้กว้าง คือหน้าที่ของเรา พระเจ้าพร้อมที่จะป้อนเราให้เต็มอิ่ม บทบาทของเราคืออ้าปาก คือการแสวงหาการเติมเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยการอธิษฐาน การนมัสการ จงอ้าปากให้กว้างในการอธิษฐานอย่างมีเสรีภาพ ก็คือ ด้วยความเต็มใจ เทจิตใจให้กับพระเจ้าทั้งหมด สุดจิตสุดใจ สุดกำลัง สุดความคิด ด้วยความกระตือรือร้น ด้วยความเชื่อ…. จงขอให้พระเยซูคริสต์เจ้าเปลี่ยนเราเป็นถุงหนังใหม่ ให้อุปสรรค เงื่อนไข ข้อแก้ตัวต่างๆ ใจที่แข็งกระด้าง ใจหินทั้งหลายถูกขจัดออกไป เพื่อความสัตย์ซื่อ ความเชื่อที่แท้จริงจะกลับมาสู่ชีวิตของเรา ความเชื่อที่ทำให้คำอธิษฐานของเราเป็นคำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมที่มีพลังที่เกิดผลได้ ดูนามิส ฤทธิ์เดชที่ชีวิตของเราจะทำอะไรหลายอย่างที่เราไม่เคยทำ เป็นอย่างที่ไม่เคยเป็น เรื่องเหลือเชื่อ และน่าอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นได้กับเราทุกวัน พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสว่า ยอห์น 14:12 12 “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่วางใจในเราจะกระทำกิจการซึ่งเราได้กระทำนั้นด้วย และเขาจะกระทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก คำว่า วางใจ ที่พระเยซูคริสต์ทรงใช้ที่นี่คือคำเดียวกันกับคำว่า สัตย์ซื่อ พิสติส ในกาลาเทีย เรื่องผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือความเชื่อ ความศรัทธาในพระเยซูคริสต์เจ้า จงมุ่งที่จะมีชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในความสัตย์ซื่อ ให้ฟ้าสวรรค์เปิดออกสำหรับชีวิตเราทุกคน พอเสียทีกับชีวิตที่ดูเหมือนฟ้าสวรรค์ปิดมานานสำหรับชีวิตของเรา ชีวิตที่ดูเหมือนขาดห่าฝน แห้งแล้ง ขาดพระพรอันสดใหม่ ขาดการเจิมอันสดใหม่ ขาดการเต็มล้น พอเสียทีกับเนื้อหนังล้วนๆ พอเสียทีกับความไร้สติ ไร้สาระ ในคำพูดและการกระทำบ้าๆบอๆต่างๆ เพราะชีวิตที่เป็นถุงหนังเก่า ที่แข็งกระด้างจนพระวิญญาณไม่สามารถทำกิจในตัวเราได้มากไปกว่าแค่เตือน แต่จงให้พระวิญญาณเร้าใจ เปิดเผย สำแดงสิ่งใหม่ๆ ย่างก้าวต่อไป อนาคต ความหวัง แสงสว่าง ถ้อยคำแห่งความรู้ ถ้อยคำแห่งสติปัญญา ฤทธิ์เดช การเปลี่ยนแปลง ความสัตย์ซื่อในการเป็นพยานเพื่อพระเยซูคริสต์กลับมาอีกครั้ง อาเมน