“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ….ในด้านสันติสุข”
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เราไม่สามารถให้ในสิ่งที่เราไม่มี หรือเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น อ.เดวิด โอ แมคเคย์ ได้กล่าวว่า สงครามที่เกิดขึ้นภายนอก ก็เป็นเพียงการแสดงออกของสงครามที่อยู่ในภายในเท่านั้น นั่นหมายความว่า ชีวิตภายนอกของคนบางคนที่ไม่สงบเหมือนมีสงครามตลอดเวลา ซึ่งบ่อยครั้งก็พร้อมจะมีเรื่องกับคนรอบข้างได้ตลอดเวลา ความไม่สงบนิ่งภายในจิตใจของคน คืออาการของคนที่ไม่มีสันติสุข คำว่า สันติสุข ในภาษากรีกใช้เป็นทั้งคำนามและคำกิริยา สันติสุขที่เป็นคำนามถูกใช้โดยพระเยซูคริสต์ปรากฏในหนังสือ ยอห์น 14:27 27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย สันติสุขที่เป็นคำนามนี้เป็นสันติสุขที่พระเยซูทรงประทานให้กับผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระเยซู ในบริบทนี้ พระเยซูได้ตรัสเกี่ยวกับการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในสาวกของพระเยซู และการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นได้นำเอาสันติสุขของพระเยซูมามอบให้กับสาวกด้วย สันติสุขที่เป็นคำนาม หมายสันติสุขที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะจากตัวของผู้เชื่อสร้างขึ้นเอง แต่เป็นสันติสุขที่ผู้เชื่อได้รับจากการไว้วางใจในพระเยซู สันติสุขที่เป็นคำนามนี้แหละทำให้ผู้เชื่ออยู่อย่างสันติกับคนรอบข้างได้ สันติสุขที่ได้รับนี้เกิดขึ้นจากการต่อสู้กันระหว่างพระวิญญาณกับเนื้อหนัง และนี่เป็นสงครามที่แท้จริงที่ควรจะเกิดขึ้น พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงสงครามที่เกิดขึ้นคือสงครามฝ่ายวิญญาณ เป็นสงครามที่ตามนุษย์ไม่สามารถจะมองเห็น และสงครามฝ่ายวิญญาณนี้ต้องการทำลายความสงบนิ่งภายในจิตใจของมนุษย์มากที่สุดเอเฟซัส 6:12-18 12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ13 เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้14 เหตุฉะนั้นท่านจงมั่นคง เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นทับทรวงเครื่องป้องกันอก15 และเอาข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความพรั่งพร้อมมาสวมเป็นรองเท้า16 และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นั้นท่านจะได้ดับลูกศรเพลิงของพญามารเสีย17 จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณ คือ พระวจนะของพระเจ้า18 จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลา ทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน เราจะเห็นว่า อาวุธที่จะต่อสู้ในสงครามฝ่ายวิญญาณนั้นมีความจริง ความชอบธรรม ข่าวประเสริฐแห่งสันติสุข ความเชื่อ ความรอด พระวจนะของพระเจ้า ล้วนเป็นสิ่งที่มาจากพระเจ้า ส่วนที่เป็นของตัวเราคือ การอธิษฐานวิงวอน การขอโดยพระวิญญาณ และการระวังตัวด้วยความเพียงทุกอย่าง การอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน วันนี้ เราพูดถึงสันติสุขที่มาจากพระเจ้า เป็นอาวุธเพื่อการต่อสู้ในสงครามฝ่ายวิญญาณ ถ้าเราไม่มีสันติสุขเป็นอาวุธ เราก็ไม่มีอะไรจะต่อสู้ ลูกน้องของมารซาตานในชั้นบรรยากาศต่างๆก็จะโจมตีเรา และคนที่ไม่มีสันติสุขเป็นอาวุธก็จะเป็นเครื่องมือของมารได้ง่าย โดยเฉพาะคนที่ดำเนินชีวิตตามความต้องการของเนื้อหนัง นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราต้องชนะตัวเองก่อน อย่างที่พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสว่าลูกา 9:23…“ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา การเดินตามพระเยซูโดยการเอาชนะตัวเอง คือการให้พระเยซูเป็นแม่ทัพของเรา คนที่เอาชนะตัวเอง คือคนที่อยู่ในกองทัพของพระเจ้า อ.เปาโลได้กล่าวถึงการเป็นทหารของพระคริสต์ในหนังสือ 2ทิโมธี2:3-4 3 จงทนการยากลำบากด้วยกันกับทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์4 ไม่มีทหารคนใดที่เข้าประจำการแล้วจะยุ่งอยู่กับงานฝ่ายพลเรือน ด้วยว่าเขามุ่งที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ เพราะฉะนั้น เราทั้งหลายต้องต่อสู้ในสงครามกับมารซาตานในฐานะทหารที่ดีของพระคริสต์ อย่าต่อสู้กันเอง อ.เปาโลได้เตือนเรื่องนี้ในหนังสือ กาลาเทีย 5:15 15 แต่ถ้าท่านกัดและกินเนื้อกันและกัน จงระวังให้ดี เกรงว่าจะย่อยยับไปตามๆ กัน ในหนังสือกาลาเทียได้กล่าวถึงการต่อสู้ที่เราควรจะต่อสู้นั่นคือ การต่อสู้กับความต้องการของเนื้อหนัง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการต่อสู้ที่เราจะต่อยอดไปสู่การต่อสู้กับมารซาตานได้ กาลาเทีย 5:17,19-23 17 เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง…19 การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การลามก20 การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน21 การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนกับที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า 22 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ23 ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย มีคนไม่น้อยที่ไม่สามารถอยู่อย่างสงบสุขกับคนรอบข้างได้ หรือคนรอบข้างรู้สึกไม่สงบสุขเมื่อต้องปฏิสัมพันธ์กับคนที่ไม่มีสันติสุขที่เป็นคำนาม การจะมีสันติสุขที่เป็นกิริยา อย่างเช่น อยู่อย่างสงบสุขจึงไม่เกิด มีแต่การต่อสู้กับคน …การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน21 การอิจฉากัน…และการอื่นๆในทำนองนี้…. นี่คือสาเหตุที่แท้จริง เมื่อเรารู้สาเหตุที่แท้จริง เราควรจะทำอย่างไร จึงจะมีสันติสุขที่เป็นคำนามภายในชีวิตของเราก่อน ความจริงสันติสุขที่เป็นคำนามนี้เป็นคุณลักษณะหนึ่งในเก้าอย่างของผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งในผู้เชื่อแท้ทุกคนได้รับการเจิมหรือประทับตราหมายด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว เหมือนกับรถรุ่นใหม่ที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ให้ใช้น้ำมันชนิดพิเศษอันไหน ถ้าถูกตั้งโปรแกรมไว้กับน้ำมันแก๊สโซฮอลล์ 91 เมื่อเติมน้ำมันที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้ รถคันนั้นก็จะวิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าใช้น้ำมันไม่ตรงกับที่ตั้งไว้ก็ทำให้กินน้ำมันและบางชนิดถึงกับทำให้เครื่องน๊อกไปเลย ทำนองเดียวกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์ถูกเปรียบไว้เหมือนน้ำมัน ดังนั้น ชีวิตของเราก็จะขับเคลื่อนไปด้วยน้ำมันที่ถูกตั้งไว้ให้ตรงกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ถ้าเราดำเนินชีวิตให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ขับเคลื่อนเราไป สันติสุขที่เป็นคำนามอยู่ภายในเราก็จะทำให้เราอยู่อย่างสงบสุขกับคนรอบข้างได้ แต่มีคริสเตียนไม่น้อยที่ให้การเจิมของตนเอง การเจิมแปลว่า การถูกแยกไว้สำหรับพระเจ้า แต่ชีวิตกลับถูกขับเคลื่อนด้วยแรงจูงใจของเนื้อหนัง ผลที่ออกมาก็เป็นการงานของเนื้อหนังในชีวิตของคนที่มีป้ายแขวนคอว่า คริสเตียน เราจึงเห็นคริสเตียนที่อยู่โบสถ์น่ารัก แต่อยู่บ้านเหมือนยักษ์ อาละวาดฟาดงวง ฟาดงา อารมณ์เสีย โมโหง่าย โมโหเร็ว ไม่ต่างจากคนที่ไม่เป็นคริสเตียน บางทีคนที่ไม่เป็นคริสเตียนยังควบคุมอารมณ์และมีความคิดที่ดีกว่าเสียอีก นี่คือลักษณะชีวิตคริสเตียนที่มีที่ติ เมื่อไม่นานมานี้ ข้าพเจ้าเพิ่งสังเกตว่ามีแมวมาป้วนเปี้ยนที่บ้าน ส่วนตัวข้าพเจ้าไม่ชอบแมว แต่แมวที่มาที่บ้านครั้งนี้ มีปลอกคอ แถมสะอาดน่ารัก และมันก็แสดงความเป็นมิตร อ้อนให้เราเล่นกับมัน มันชอบมานั่นมองปลาที่ริมคลองข้างบ้านข้าพเจ้า และเป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าก็ไปนั่งลูกหัวเอ็นดูแมวตัวนี้ ซึ่งแตกต่างจากแมวตัวก่อน มีสีดำ ดูน่ากลัว เป็นแมวจรจัด และมันก็ไม่เป็นมิตร แต่ชอบมาทำเสียงรบกวนที่บ้านด้วยการทะเลาะกับแมวตัวอื่น วิ่งไปบนหลังคารอบบ้าน จนข้าพเจ้าคิดในใจ อย่าตกลงมาให้ข้าจับได้ ตกลงมาเมื่อไหร่ เสร็จข้าแน่ จะจับไปปล่อยไกลไม่ให้กลับมาอีก แล้ววันหนึ่งแมวดำตัวนี้ก็ตกลงมาหลังบ้านและข้าพเจ้าก็จับมันไปปล่อยไกลเลย ไม่ได้กลับมาอีก บ้านสงบเพราะไม่มีแมวจรจัดมานาน เพื่อนบ้านบางคนก็รู้สึกขอบคุณที่ข้าพเจ้าได้เอาแมวไป แต่วันนี้มีแมวเลี้ยงมีปลอกคอมาอีก ตอนแรกเราก็ระแวง เพื่อนบ้านคนหนึ่งพูดกับคนในครอบครัวว่า มึงอย่าได้เข้าที่บ้านพี่ไก่ มิฉะนั้น โดนจับไปปล่อยอีกแน่ แต่แมวตัวใหม่นี้พฤติกรรมไม่เหมือนแมวตัวดำ มันก็เลยเป็นสมาชิกใหม่ที่น่ารักของบ้านเราจนวันนี้ พี่น้องเห็นอะไรบางอย่างในเรื่องนี้ไม๊ มักจะมีการเปรียบเทียบชีวิตคริสเตียนเป็นเหมือนแมวที่รักสะอาด ไม่เหมือนหมูที่รักสกปรก แต่บางทีเราก็เป็นแมวที่ไม่น่ารักและชอบทะเลาะกันเอง หรือก่อสงครามสร้างความรำคาญใจให้กับคนที่อยู่ใกล้ เราคิดว่า พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของบ้าน พระองค์จะคิดอย่างข้าพเจ้าไม๊ ต้องจับไปปล่อยไกลๆ คนอื่นจะได้สงบสุข แต่วิธีของพระเจ้านั้น ข้าพเจ้ามักจะใช้คำว่า ตัดสินตัวเอง คนไทยใช้สำนวนว่า แพ้ภัยตัวเอง แปลว่า ตัวเองทำตัวเอง ให้ต้องมีอันต้องระเห็จ ถูกจัดการโดยการกระทำของตัวเอง วันนี้ เราได้ใช้สันติสุขเป็นอาวุธในการต่อสู้สงครามที่แท้จริงหรือไม่ หรือเรากำลังเป็นผู้ก่อสงครามเอง เพราะเราขาด สันติสุขที่เป็นคำนาม และข้าพเจ้าเชื่อในคำตรัสของพระเยซูคริสต์ว่า เราทั้งหลายมีสันติสุขที่เป็นคำนามนี้ได้ ยอห์น 16:33 33 เราได้บอกเรื่องนี้แก่ท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว” และนี่คือพระธรรมที่เป็นกุญแจสำคัญของการมีสันติสุขที่เป็นคำนาม
1.สันติสุขแท้อยู่ในพระเยซูคริสต์เท่านั้น ยอห์น 16:33ก
….เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา…
ภาษาอังกฤษใช้คำว่า In me you might have peace แปลว่า ในเราเท่านั้นท่านจึงจะมีสันติสุข (ที่เป็นคำนาม) คำว่า ในเรา เป็นคำเดียวกันที่อ.เปาโลได้กล่าวในทำนองเดียวกันนี้ใน 2โครินธ์ 5:17 17 เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น อะไรคือสิ่งที่เก่าๆที่ล่วงไป และอะไรได้กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น หากดูจากบริบทตอนนี้ในข้อต่อไป 18 ทั้งสิ้นนี้เกิดมาจากพระเจ้า ผู้ทรงให้เราคืนดีกันกับพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ และทรงโปรดประทานให้เรามีพันธกิจเรื่องการคืนดีกัน19 คือพระเจ้าทรงให้โลกนี้คืนดีกันกับพระองค์โดยพระคริสต์ มิได้ทรงถือโทษในการผิดของเขา และทรงมอบเรื่องการคืนดีกันนั้นให้เราประกาศ20 ฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์ โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายทางเรา เราจึงขอร้องท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกันกับพระเจ้า พระคัมภีร์ตอนนี้ได้ใช้คำว่าคืนดีกันถึง 4 ครั้ง คืนดีกันกับพระเจ้า และประกาศการคืนดีกันกับพระเจ้า และกล่าวว่า สาวกของพระเยซูคริสต์เป็นทูตแห่งการคืนดี นั่นคือเราสงบศึกแรกกับพระเจ้าก่อน ถ้าเราสงบศึกกับพระเจ้า เราจะสงบศึกกับคนอื่นด้วย เพราะการสงบศึกกับพระเจ้าคือการรักพระเจ้า เมื่อเรารักพระเจ้า เราจะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองด้วย เราจะรักพระเจ้าและไม่รักเพื่อนบ้านไม่ได้ เพราะพระเจ้ารักมนุษย์ทุกคน และพระเจ้าต้องการให้เรารักเหมือนที่พระเจ้ารัก เราจะเอาพระเจ้าและไม่เอาคนไม่ได้ ความรักที่พระเจ้ามีให้กับคนนั้นถึงที่สุด ยอห์น 3:16 เพราะพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์ นี่คือราคาของความรักที่พระเจ้าทรงรักคน ทำนองเดียวกัน เราจะพูดเรื่องการคืนดีกันกับพระเจ้าไม่ได้ ถ้าเรายังมีเรื่องกับคน ขวางหูขวางตาคน จับผิดคน ตำหนิคน ไม่ให้อภัยคน ไม่คืนดีกับคน ใช้คนอย่างกับทาส เอาเปรียบคน งกเงิน เห็นเงินสำคัญกว่าคน ไม่เกรงใจคน โดยเฉพาะคนที่ด้อยกว่าหรือต้องพึ่งพาตนเอง ก็จะข่มและด่าว่าใช้ถ้อยคำรุนแรง หยาบคาย นี่คือการงานของเนื้อหนัง นี่เป็นสิ่งเก่าๆของคนที่ไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในพระเยซูคริสต์ การดำเนินชีวิตอยู่ในพระเยซูคริสต์ คือการติดสนิทกับพระองค์ รับคำสอนของพระองค์มาปฏิบัติจริงๆ ไม่ใช่แค่อ่าน หรือท่องจำ การตั้งใจจะนำมาปฏิบัติจริง คือประตูที่เราเปิดออกให้พระเยซูคริสต์เสด็จเข้ามาทำส่วนที่เราทำไม่ได้แทนเรา วิวรณ์3:19-20 19 เรารักผู้ใดเราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่20 นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้นและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา เมื่อเราเปิดประตูให้พระเยซูเข้ามา ข้อ 19 ได้กล่าวว่า พระเยซูจะตักเตือนและตีสอนผู้ที่เปิดประตู… คำว่าตีสอนตรงนี้แปลว่า วินัย นั่นคือเราต้องมีวินัยใหม่ตามคำสอนของพระองค์ วินัยเป็นวิถีชีวิตของทหาร และทหารที่ดีของพระคริสต์ต้องมีวินัยใหม่ สิ่งเก่าจึงจะล่วงไปและกลายเป็นสิ่งใหม่ ข้าพเจ้าตีความว่า สงครามภายในก็จะหายไป กลายเป็นสันติสุขที่พร้อมเป็นอาวุธเพื่อเราจะต่อสู้กับสงครามภายนอกที่เป็นสงครามฝ่ายวิญญาณ เราจะอยู่อย่างสันติ กับคนที่ไม่น่ารักได้ โดยไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับคนนั้นเลย
2.สันติสุขแท้ไม่หายไปง่ายๆ ยอห์น 16:33ข
…ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงชื่นใจเถิด… สิ่งที่สาวกของพระเยซูจะต้องเผชิญในโลกนี้ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป คือต้องพบกับความทุกข์ยาก แต่สาเหตุแตกต่างกัน เพราะความบาปทำให้คนมากมายในโลกนี้ต้องพบกับความทุกข์ยาก แต่สำหรับสาวกของพระเยซูคือบทเรียนที่พระเจ้าอนุญาตให้เราต้องเผชิญกับความทุกข์ยากก็เพื่อจะทำให้เราแข็งแกร่ง มั่นคง และเกิดสติปัญญา สาวกของพระเยซูได้รับการไถ่จากความบาปแล้ว ผลของชีวิตนิรันดร์ทำงานขณะเรายังอยู่ในโลกนี้ และผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์คือสันติสุขคือสิ่งที่ทำให้เราสามารถมีจิตใจที่ชื่นบานในการเผชิญกับความทุกข์ ความจริง คุณลักษณะของสันติสุข จะมาเป็นชุดกับคุณลักษณะของความปลาบปลื้มใจ และความรัก Love Joy Peace เมื่อมีรักอย่างอากาเป้ จะมีความชื่นชมยินดี และมีสันติสุขในเวลาเดียวกัน ดังนั้นสันติสุขที่เป็นคำนาม จะไม่ฉายเดี่ยว แต่ฉายสาม คำไทยมีคำว่า ในยามรัก น้ำต้มผักก็ยังหวาน คือหัวใจของคนที่มีความรัก ทุกอย่างสวยงามแม้ในยามทุกข์ยาก วันนี้ ที่เรากำลังมองทุกอย่างเป็นลบ เป็นร้าย เพราะใจของเราไร้รัก ไร้ความปลาบปลื้มใจ ไร้สันติสุข แต่กลับไปโทษว่า คนอื่นไม่ดี คนอื่นเนื้อหนัง คนอื่นใช้ไม่ได้ คนอื่นอย่างโน้นอย่างนี้ แท้ที่จริงไม่ได้มองที่ใจของตนเองว่า กำลังไร้รักไร้สุขไร้สันติ จิตใจที่ชื่นใจเกิดจากสันติสุขภายใน มีเพลงภาษาอังกฤษเพลงหนึ่งมีท่อนหนึ่งร้องว่า สงครามคือความพยายามของคนที่จะสร้างสันติ แต่แท้จริงก็คืออีกด้านของสงครามนั่นเอง เราจะไม่สามารถสร้างสันติสุขได้ ถ้าภายในจิตใจยังไม่สงบนิ่ง ในทางกลับกัน จิตใจที่ไม่สงบนิ่งไม่มีทางที่จะอยู่อย่างสันติได้ เพราะไม่มีสันติสุขที่จะหยิบยื่นให้กับคนอื่น มีแต่จะก่อสงครามกับคนรอบข้าง คนยิวจะมีคำหนึ่งที่ใช้ทักทายกันคือคำว่า ชาโลม แปลว่า สันติสุขจงมีแก่ท่าน เป็นแค่การทักทายที่ไม่ได้ทำให้เกิดสันติสุขแท้ แต่เป็นมารยาทธรรมเนียมแบบคนยิว และถ้าการทักทายนั้นไม่ได้รับการตอบสนอง บางทีก็ทำให้คนที่ทักทายคำว่า สันติสุขจงมีแก่ท่าน กลายเป็นสันติสุขถูกปล้นไป คือไม่มีสันติสุข เหมือนคนไทยเราเวลาทักคนบางคนว่าสวัสดี แต่คนนั้นกลับหน้างอ ไม่ตอบสวัสดีด้วย บางทีก็ทำให้คนทักทายจ๋อยไปก็มี แต่สันติสุขที่พระเยซูมอบให้กับเรานั้นไม่เหมือนกับโลกนี้ให้ ไม่ว่าใครจะตอบสนองอย่างไร ดีหรือร้าย ลบหรือบวก สันติสุขนั้นไม่สามารถถูกปล้นไปจากเราได้ คนบางคนสันติสุขถูกปล้นง่ายจริงๆ แค่คำพูดนิดเดียว จิตใจที่สงบกลายเป็นไม่สงบไปทันที นั่นคือสันติสุขถูกปล้นไปแล้ว
3.สันติสุขแท้ทำให้เกิดปัญญา ยอห์น16:33ค
….เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว”… สันติสุข ชนะทุกนัดในการต่อสู้ บุคลิกภาพของคนที่มีสันติสุข มีความสงบนิ่ง แต่คนที่ไม่มีสันติสุข ไม่สามารถสงบได้ อารมณ์จะแกว่ง สวิงไปมา สันติสุขทำให้มีสติ มีความสามารถที่จะรับปัญญาจากเบื้องบน ฟิลิปปี 4:4-9 4 จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด5 จงให้จิตใจที่อ่อนสุภาพของท่านประจักษ์แก่คนทั้งปวง องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว6 อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ7 แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์ 8 ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู9 จงกระทำทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และได้รับไว้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน นี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ตรัสว่า เพราะว่าเราได้ชนะโลกแล้ว”… สันติสุขที่เกินความเข้าใจจะทำให้เกิดปัญญา คำว่า ใคร่ครวญ รากศัพท์ภาษากรีกตรงนี้แปลว่า นำมาต่อยอดได้ ไม่ว่าจะเป็น สิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ การชนะโลก คือการไม่ตกเป็นเหยื่อของค่านิยมและกระแสของโลกที่มีแต่สิ่งอุปโลกหลอกลวง ภาพลวงตาทั้งสิ้น คนที่ดำเนินชีวิตภายใต้อิทธิพลของโลกต่างๆคือ คนที่กำลังพ่ายแพ้ต่อโลก ซึ่งใช้กลยุทธให้คนพ่ายแพ้ใจปรารถนาของตนเองนั่นเอง ขอให้เราทั้งหลายจงดำเนินชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในด้านสันติสุข และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน อาเมน
“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ….ในด้านสันติสุข”
1.สันติสุขแท้มาจากพระเยซูคริสต์เท่านั้น
2.สันติสุขแท้ไม่หายไปง่ายๆ
3.สันติสุขแท้ทำให้เกิดปัญญา