จงเป็นสายดิ่ง อย่าเป็นกำแพงที่เอียง
ให้เราขอบคุณพระเจ้า ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยเราให้ดำเนินชีวิตที่อยู่บนเส้นทางพระเจ้าภายใต้พระพรของพระเจ้าที่เกิดขึ้นกับเราทุกวัน ทุกลมหายใจเข้าออก หายใจเข้าก็รับพร หายใจออกก็รับพร อากาศที่เราหายใจเป็นพระพร และลมที่เราหายใจสัมพันธ์กับพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นพระพรต่อเรา
สิ่งที่อยากจะนำเรามาศึกษาด้วยกันเช้าวันนี้ยังอยู่ในหัวข้อ ปีแห่งการปราศจากที่ติในพระคริสต์ คือการดำเนินชีวิตของเราที่จะไม่มีความเลวปนอยู่เลย เราจะมาศึกษาพระคัมภีร์ตอนหนึ่งเพื่อชี้ให้เห็นว่าในการดำเนินชีวิตเราแต่ละวันกับพระเจ้าที่เราจะไม่เป็นไปแบบหลวม ๆ วันนี้เราใช้ชีวิตหลวมเกินไปไม่แน่น เดี๋ยวนี้ภาษาวัยรุ่นมีคำว่า “เยอะ” อย่าเยอะ แต่ในการดำเนินชีวิตในพระเจ้าน้อยไม่ได้ต้องเยอะต้องแน่น เราจะดูที่พระธรรมอาโมส
บทที่ 7 :14 14อาโมสจึงตอบอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้เผยพระวจนะ หรือลูกของผู้เผยพระวจนะ ข้าพเจ้าเป็นคนเลี้ยงสัตว์ และเป็นคนดูแลสวนมะเดื่อ
อาโมสเป็นคนของพระเจ้าแต่เป็นคนธรรมดา ข้อนี้เขาพูดถึงตัวเองว่าเขาเป็นเกษตรกร เลี้ยงสัตว์ ทำสวนมะเดื่อ แต่พระเจ้าทรงเรียกอาโมส 15และพระเจ้าทรงนำข้าพเจ้ามาจากการติดตามฝูงแพะแกะ และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘ไปซิ จงเผยพระวจนะแก่อิสราเอลประชากรของเรา’
อาโมสเป็นคนธรรมดาอย่างพวกเรา ไม่ใช่นักเทศน์ แต่พระเจ้าบอกกับเขาว่าออกไปออกไปเทศนาให้กับคนของพระเจ้าฟัง และเราจะเห็นว่าตั้งแต่กษัตริย์จนถึงคนธรรมดาฟังเขา
บทที่ 2:10-11 10เรานำเจ้าขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์
และได้นำเจ้าถึงสี่สิบปีในถิ่นทุรกันดาร
เพื่อจะได้กรรมสิทธิ์ที่ดินของคนเผ่าอาโมไรต์
11เราได้ตั้งบุตรชายบางคนของเจ้าให้เป็น
ผู้เผยพระวจนะ และได้ตั้งชายหนุ่มบางคนของเจ้าให้เป็นพวก นาศีร์
โอ คนอิสราเอลเอ๋ย ไม่เป็นความจริงดังนี้หรือ” พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
หมายความว่าพระเจ้าเตือนคนอิสราเอลด้วยคำถามว่าสมัยก่อนคนอิสราเอลอยู่ในสภาพทาสในอียิปต์ ไม่มีสิทธิ์อะไรเลยแม้แต่สิทธิ์ในตัวเอง และพระเจ้าได้ช่วยอิสราเอลมาแล้วอย่างไร ในเวลานั้น กลายเป็นชนชาติที่เจริญรุ่งเรือง และอาโมสถามอิสราเอลว่าจำได้ไหม ว่าพระเจ้าได้มอบความเป็นคนกลับคืนมาให้พวกเขา แต่เมื่อเวลาผ่านมาอิสราเอลสะดวกสบายอยู่ดีกินดี
แล้วพวกเขาทำอะไรต่อไปในข้อที่ 12 12“แต่เจ้าทั้งหลายได้กระทำให้พวกนาศีร์
ดื่มเหล้าองุ่น และบัญชาพวกผู้เผยพระวจนะ สั่งว่า ‘เจ้าอย่าเผยพระวจนะเลย’
นาศีร์คืออะไร เราดูด้วยกันในกันดารวิถี 6:1-8 1พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2“จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อผู้ชายก็ดี ผู้หญิงก็ดี กระทำสัตย์ปฏิญาณเป็นพิเศษ คือปฏิญาณเป็นนาศีร์ปลีกตัวออกถวายแด่พระเจ้า 3ก็ให้ผู้นั้นปลีกตัวออกจากเหล้าองุ่นและสุรา เขาต้องไม่ดื่มน้ำส้มที่ได้จากเหล้าองุ่นหรือสุรา ไม่ดื่มน้ำองุ่นหรือรับประทานองุ่น ไม่ว่าสดหรือแห้ง 4ตลอดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมานั้น เขาต้องไม่รับประทานสิ่งใดที่ได้จากต้นองุ่น แม้เป็นเมล็ดหรือเปลือกองุ่นก็ดี 5“ตลอดเวลาที่เขาปฏิญาณปลีกตัวออกมานั้น อย่าให้มีดโกนถูกศีรษะของเขา เขาต้องบริสุทธิ์จนกว่าจะสิ้น กำหนดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมาถวายแด่พระเจ้า เขาจะต้องไว้ผมยาว 6“ตลอดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมาเพื่อพระเจ้า เขาต้องไม่เข้าใกล้ศพ 7อย่าทำตัวให้มีมลทินด้วยบิดามารดาหรือพี่น้องชายหญิงที่ตาย เพราะที่เขาปลีกตัวออกมาเพื่อพระเจ้านั้นเป็นพันธนะของเขา 8ตลอดเวลาที่เขาปลีกตัวออกมา เขาต้องบริสุทธิ์แด่พระเจ้า
แต่พวกอิสราเอลในยุคอาโมสไปบังคับพวกนาศีร์กินเหล้า หรือกินส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหล้าคือผลองุ่น จริง ๆ กินไม่ได้เลยเพื่อชีวิตจะไม่มีที่ติ แต่พวกเขาให้พวกนาศีร์กินแล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร” คำนี้คุ้น ๆ มั้ย เราใช้ในชีวิตเราด้วยมั้ย นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตที่มีตำหนิ บังคับหรือทำให้การกินเหล้าของพวกนาศีร์เป็นเรื่อง “ไม่เป็นไร” พวกคริสเตียนที่ชอบเล่นหวย ไปซื้อหวยแล้วบอกซื้อได้ไม่เป็นไรเพราะเป็นหวยรัฐบาล ไม่เป็นไร ทำบาปนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เป็นไร แต่พระเจ้าถามเราวันนี้เราพาเจ้าออกมาจากความบาป จากความเป็นทาส เพื่อเป็นนาศีร์เพื่อจะมีชีวิตที่บริสุทธิ์ แล้วเราทำอะไรกับชีวิต เราทำบาปบ้างไม่เป็นไร วันนี้คริสตจักรพระเจ้าทำอะไร เราทำบาปแบบไม่เป็นไร พระเจ้าบอกกับอาโมสให้ไปเทศนา เพราะนักเทศน์ไม่เทศน์เรื่องความบาป และคนของพระเจ้าเต็มไปด้วยตำหนิ พระเจ้าจึงบอกอาโมสไปเทศน์ พระเจ้าต้องการให้คนอิสราเอลเป็นแสงสว่างของการนมัสการพระเจ้า เพื่อให้ประชากรชาวโลกมีพระเจ้าเที่ยงแท้ วันนี้ประชากรโลกมีพระเต็มไปหมดบูชานมัสการอะไรก็ไม่รู้ งู หมู หมากาไก่ ฉะนั้นชีวิตของคนที่นมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้ต้องบริสุทธิ์ เพราะพระเจ้านั้นบริสุทธิ์ เพื่อให้เขาเห็นว่าคุณได้รับพระพร พระเจ้ายกคุณ พระเจ้าอวยพรคุณ ไม่มีใครอะไรทำให้คุณตกต่ำได้ เพราะฉะนั้นเราต้องนมัสการพระเจ้าด้วยชีวิตที่ไม่มีที่ติเพื่อคนอื่นจะเห็นพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ แต่คนของพระเจ้ากลับไม่ได้เป็นอย่างนั้น ไม่มีความแตกต่างจากคนเหล่านั้นเลย แต่พระเจ้าก็ยังรักอิสราเอลจึงใช้คนธรรมดาไปเทศน์ เราจะมีชีวิตหลวม ๆ ไม่ได้แล้ว อาโมส 7:11พระเจ้าทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าดังนี้ว่า ดูเถิด พระองค์ทรงสร้างตั๊กแตนว้าว่อน เมื่อพืชรุ่นหลังเริ่มงอกขึ้นมา และนี่แน่ะ เป็นพืชรุ่นหลังหลังจากที่กษัตริย์ได้เกี่ยวแล้ว 2เมื่อตั๊กแตนกินหญ้าในแผ่นดินนั้นหมดแล้ว
พระเจ้าสำแดงให้อาโมสเห็นนิมิต เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงแต่มันจะเกิดขึ้น คือแผ่นดินที่เพาะปลูกจะเสียหายเพราะมีตั๊กแตนมากิน นี่คือนิมิตที่ 1 และนิมิตที่ 2 อยู่ในข้อที่ 4
4พระเจ้าทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าอย่างนี้ว่า ดูเถิด พระเจ้าทรงเรียกให้มีการสู้ความด้วยไฟ และไฟได้เผาผลาญมหาสมุทรใหญ่และกินแผ่นดินเสีย
แผ่นดินจะถูกทำลายด้วยไฟ และอาโมสเห็นสิ่งเหล่านี้ นิมิตที่ 3 อยู่ในข้อที่ 7
7พระองค์ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้าว่า ดูเถิด พระเจ้าประทับยืนอยู่ที่ข้างกำแพงสร้างด้วยใช้สายดิ่ง มีสายดิ่งอยู่ในพระหัตถ์ 8และพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อาโมสเอ๋ย เจ้าเห็นอะไร” และข้าพเจ้าทูลว่า “สายดิ่งเส้นหนึ่งพระเจ้าข้า” แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด เรากำลังเอาสายดิ่งจับ ท่ามกลางอิสราเอลประชากรของเรา เราจะไม่ผ่านเขาไปอีก 9จะต้องกระทำที่สูงของอิสอัคให้ร้างเปล่า และให้สถานนมัสการทั้งหลายของอิสราเอลว่างเปล่า
และเราจะถือดาบลุกขึ้นต่อสู้พงศ์พันธุ์เยโรโบอัม”
อาโมสรับไม่ได้ซักนิมิตเดียว ในนิมิตแรกอาโมสขอการอภัยจากพระเจ้า ในข้อที่ 2 ข้าพเจ้าจึงว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงให้อภัย ยาโคบจะตั้งอยู่ได้อย่างไร เขาเล็กนิดเดียว”
อาโมสเป็นตัวแทนคนอิสราเอลทั้งหมดอธิษฐานเพื่อประเทศชาติ ขอการยกโทษ ขอบคุณพระเจ้าที่คริสตจักรเรามีการอธิษฐานทุกเช้าเพื่อประเทศชาติของเรา เราต้องขอการยกโทษ ในข้อ 3 3เกี่ยวด้วยเรื่องนี้พระเจ้าทรงกลับพระทัย พระเจ้าตรัสว่า “จะไม่เป็นไปอย่างนี้”
พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของอาโมสเกี่ยวกับนิมิตที่ 1 และพระเจ้าฟังคำอธิษฐานของเรา เช่นกัน สำหรับนิมิตที่ 2 อาโมสก็อธิษฐานอีกในข้อที่ 5
5ข้าพเจ้าจึงทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้า ขอพระองค์ทรงยับยั้งไว้ ยาโคบจะตั้งอยู่ได้อย่างไร เขาเล็กนิดเดียว” 6เกี่ยวด้วยเรื่องนี้พระเจ้าทรงกลับพระทัย พระเจ้าตรัสว่า “จะไม่เป็นไปอย่างนั้นด้วย”
อาโมสอธิษฐานต่อไม่เลิก ถ้าเราได้ยินว่ามีภัยพิบัติอะไรเกิดขึ้นกับบ้านเมืองของเรา ให้เราอธิษฐาน พระเจ้าจะปกป้องพระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน แน่นอนสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นผลของความบาป แต่พระเจ้าโทษคนของพระเจ้า แต่คนของพระเจ้าก็มีสิทธิที่จะอธิษฐานให้พระเจ้ายกโทษให้ และในนิมิตที่ 3 เรื่องสายดิ่ง พระเจ้าบอกว่าพระเจ้าจะไม่ตอบ ไม่ต้องอธิษฐานเรื่องนี้เพราะชีวิตอิสราเอลมีตำหนิเพราะพระเจ้าเอาสายดิ่งมาวัด ผมจบอุเทนช่างก่อสร้าง สิ่งที่สำคัญของอาคารคือฐานราก และอีกสิ่งคือกำแพง ถ้าเรามีฐานรากมั่นคงแต่กำแพงเอียงอาคารก็พังได้เหมือนกัน และชีวิตคนอิสราเอลเปรียบเหมือนกำแพงในการก่อสร้าง ชนชาติอิสราเอลเกี่ยวข้องกับการนมัสการเปรียบเหมือนกำแพงกับพระวิหาร ถ้ากำแพงพังพระวิหารก็พัง เพราะกำแพงกำหนดสถานที่นมัสการ ถ้ากำแพงพังการนมัสการก็ถูกทำลาย ถ้าชีวิตอิสราเอลทำบาป การนมัสการก็ไม่มีความหมายสำหรับพระเจ้า วันนี้ถ้าชีวิตเรามีตำหนิแล้วเรามาร้องเพลงนมัสการพระเจ้ายิ่งใหญ่แล้วยังไง ให้เราดูอาโมสบทที่ 5 :21 21“เราเกลียดชัง เราดูหมิ่นบรรดาวันเทศกาลของเจ้า และไม่ชอบในการประชุมตามเทศกาลของเจ้าเลย 22แม้ว่าเจ้าถวายเครื่องเผาบูชาและธัญญบูชาแก่เรา เราก็ไม่ยอมรับสิ่งเหล่านั้น และศานติบูชาด้วยสัตว์อ้วนพีของเจ้านั้น เราจะไม่มองดู 23จงนำเสียงเพลงของเจ้าไปเสียจากเรา เราจะไม่ฟังเสียงพิณใหญ่ของเจ้า 24แต่จงให้ความยุติธรรมหลั่งไหลลงอย่างน้ำ และให้ความชอบธรรมเป็นอย่างลำธารที่ไหลอยู่เป็นนิตย์
เรานมัสการ ร้องเพลง ถวายทรัพย์ เราทำหลายสิ่งหลายอย่างแต่พระเจ้าไม่ต้องการ เพราะสิ่งเหล่านั้นมีความสำคัญน้อยกว่าสิ่งที่ไม่มีที่ติ คือความยุติธรรม ความชอบธรรม คือเราต้องมีชีวิตที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเหมือนสายน้ำในเรื่องของความยุติธรรม ความชอบธรรม เอียงไม่ได้ สิ่งนี้จะวัดด้วยสายดิ่งของพระเจ้า เรามีชีวิตที่หลวมเกินไป ง่ายเกินไป พระเจ้าเมตตานะที่ให้อาโมสมาเทศนา จริง ๆ ต้องตายหมดแล้วพวกอิสราเอล พวกนักเทศน์ ขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยเราให้เห็นความจริงว่าชีวิตต้องไม่มีที่ติจริง ๆ บทที่ 7 : 1010แล้วอามาซิยาห์ปุโรหิตแห่งเบธเอลส่ง คนไปยังเยโรโบอัมกษัตริย์แห่งอิสราเอล ทูลว่า “อาโมสได้คิดกบฏต่อพระองค์ ในท่ามกลางพงศ์พันธุ์อิสราเอล บรรดาถ้อยคำของเขาก็หนักแผ่นดิน 11เพราะอาโมสได้กล่าวดังนี้ว่า ‘เยโรโบอัมจะสิ้นชีวิตด้วยดาบ และอิสราเอลจะตกไปเป็นเชลย ห่างจากแผ่นดินของเขา’ ” 12และอามาซิยาห์พูดกับอาโมสว่า “ท่านผู้ทำนาย ไปเถิด จงหนีไปเสียที่แผ่นดินยูดาห์ไปรับประทานอาหารที่นั่น และเผยพระวจนะที่นั่นเถิด 13อย่ามาเผยพระวจนะที่เบธเอลอีกเลย เพราะว่านี้เป็นสถานนมัสการของกษัตริย์ และเป็นพระวิหารของราชอาณาจักร”
พวกเขาไล่อาโมสให้ไปเทศน์ที่อื่น ๆ เพราะที่นี่มีทุกอย่างอยู่แล้ว พวกอิสราเอลเอาความเป็นศักดินาขึ้นมา พวกเขาไม่เข้าใจพระเจ้า ไม่เข้าใจการนมัสการพระเจ้าที่แท้จริงคืออะไร ไม่เข้าใจว่าพระเจ้าต้องการอะไร พวกเขาคิดว่าอาโมสต้องการเงินที่มาเทศน์ พวกเขาไม่เข้าใจการรับใช้ คิดว่ามันเป็นอาชีพ และไม่เข้าใจว่าการเป็นผู้รับใช้พระเจ้าคืออะไรไม่ซื่อสัตย์ ต้องเอาใจพระเจ้าหรือเอาใจมนุษย์ กำแพงเวลามันเอียง มันเอียงทีละนิด ๆ ไม่รู้ตัว สุดท้ายไปทั้งแผง ถ้าชีวิตเรามีตำหนิไม่ต้องอธิษฐานพระเจ้าไม่ฟัง แต่ต้องกลับใจใหม่เพื่อเราจะรับพระเมตตาจากพระเจ้า เพื่อเราจะได้กลายเป็นอีกคนที่พระเจ้าใช้เหมือนที่พระเจ้าใช้อาโมส เพื่อเราจะเป็นสายดิ่งของพระเจ้าเพราะชีวิตเราไม่มีที่ติ นี่เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่มาก สังคมทุกวันนี้ทำให้เราดำเนินชีวิตคริสเตียนที่หลวมมาก และเราลืมไปว่าพระเจ้าต้องการให้เราเป็นสายดิ่ง แต่เรากลับไปใช้ชีวิตอยู่กับคนเหล่านั้น อยู่กับค่านิยมของโลกเราก็กลายเป็นกำแพงที่เอียง วันนี้เราจะเป็นสายดิ่งของพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตอย่างไม่มีที่ติ
อย่าปล่อยให้กำแพงเอียงอีกต่อไปเลย 1 โครินธ์ 1 :7-9 7ท่านทั้งหลายจึงมิได้ขาดของประทานเลย ในขณะที่ท่านรอคอยการปรากฏของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา 8พระองค์จะทรงให้ท่านมั่นคงอยู่จนถึงที่สุด เพื่อให้ท่านปราศจากที่ติในวันของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา 9พระเจ้าเป็นผู้ทรงความสัตย์ พระองค์ได้ทรงเรียกท่านให้สัมพันธ์สนิทกับพระบุตรของพระองค์ คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
เราจะไม่มีที่ติได้เมื่อเรามีความสัมพันธ์สนิทกับองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทุกลมหายใจ ความยุติธรรมและความชอบธรรมจะเป็นเหมือนลำธารที่ไหลตลอดโดยไม่มีสะดุด และเราจะเป็นแม่แบบที่จะนำคนอื่นมานมัสการพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ด้วยกัน