“พระราชาในหัวใจนิรันด์กาล”
แบบอย่างที่ดีของในหลวงที่ทิ้งไว้สุดท้ายให้กับเรา คือการทรงดนตรีของพระองค์ และบทเพลงพระราชนิพนต์อันไพเราะ ดนตรีคือเครื่องมือให้พระองค์ท่านมีพลัง ทำให้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้สามารถทำงานหนัก ทำงานได้ตลอดเวลาทั้งขณะทรงประชวร และประทับอยู่ที่รพ.ศิริราช ในหลวงก็ยังทรงดนตรี พระองค์ท่านกล่าวว่า การได้ทรงดนตรี ทำให้พระองค์มีพลัง เป็นการบอกว่า การทำงานหนัก การต้องต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ ต้องใช้พลังมาก และทำให้หมดพลัง การทรงดนตรี และเสียงเพลง คือแหล่งที่ทำให้ได้เติมพลัง
ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของข้าพเจ้า จะเป็นแจ๊สหรือไม่แจ๊สก็ตาม
ดนตรีล้วนอยู่ในตัวคนทุกคน เป็นส่วนที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตคนเรา
สำหรับข้าพเจ้า..ดนตรีคือสิ่งประณีตงดงาม
และทุกคนควรนิยมในคุณค่าของดนตรีทุกประเภท
เพราะว่าดนตรีแต่ละประเภทต่างก็มีความเหมาะสม
ตามแต่โอกาส และอารมณ์ที่แตกต่างกันไป…
พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
เมื่อ คราวที่เสด็จฯเยือนสหรัฐอเมริกาในปี 2503 พระองค์ได้พระราชทานให้สัมภาษณ์แก่วิทยุเสียงอเมริกา
พระบรมราโชวาทพระราชทาน เนื่องในงานสังคีตมงคล ครั้งที่ ๒ ณ เวทีลีลาศสวนอัมพร วันพฤหัสบดี ที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๒ ความตอนหนึ่งว่า
“…ดนตรีนี้มีไว้สำหรับให้บันเทิง แล้วก็ให้จิตใจสบาย…..
มีคนทำวิจัยเกี่ยวกับกิจกรรมทางศาสนาที่ทำให้คนมีสุขภาพจิตดีที่สุด ผลการวิจัยพบว่า การนมัสการด้วยเสียงเพลงของคริสเตียน ทำให้คนมีสุขภาพจิตดีที่สุด มีครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้าเข้าไปในอินเตอร์เน็ต และพบกับคลิปเพลงของศาสนาหลายศาสนาแต่งเพลงในการทำกิจกรรมของพวกเขา เอ็มวีที่เราได้ฟังเพลง พระราชาในนิทาน จะเห็นแม่ชีเด็กร้องเพลงของธรรมเสถียร นี่คือวิถีพุทธแบบใหม่ที่เอาเสียงเพลงมาร้องมาแต่งเป็นสื่อบรรยายธรรม เพราะเขาค้นพบพลังชีวิตที่มาจากเสียงเพลง ในหลวงทรงตรัสเกี่ยวกับเพลงว่า คือศิลปะที่อยู่นานที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุด
ในพระคัมภีร์ของเรา บทเพลงสดุดี ของกษัตริย์ดาวิด เป็นบทเพลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับพระเจ้า ที่ดาวิดได้รับพลังชีวิต และสามารถผ่านวิกฤติที่หนักสุดของชีวิตไปได้ เพราะดาวิด เป็นคนที่พระคัมภีร์บันทึกคนเดียวที่เป็นทั้งนักรบ นัดดนตรี
อะไรที่ทำให้ดนตรีและเสียงเพลงของดาวิดไม่เพียงเป็นพลังชีวิตเท่านั้น ยังมีสิทธิอำนาจในการขับวิญญาณชั่วออกจากซาอูลได้ เราจะศึกษาพระวจนะของพระเจ้าในเช้าวันนี้ด้วยกัน จากหนังสือ 1 ซามูเอล 14:16-23
1.อย่าให้ความกลัวทรมานคุณ 1ซามูเอล 14:14-15
14 ฝ่ายพระวิญญาณของพระเจ้าก็พรากจากซาอูล และวิญญาณชั่วจากพระเจ้าก็ทรมานซาอูล15 และพวกมหาดเล็กของซาอูลก็กราบทูลว่า “ดูเถิด วิญญาณชั่วจากพระเจ้ากำลังทรมานพระองค์อยู่
ซาอูล เป็นกษัตริย์ที่คนอิสราเอลร้องต่อพระเจ้าให้แต่งตั้งกษัตริย์แก่พวกเขา คนอิสราเอลในเวลานั้น ไม่ต้องการมีพระเจ้าเป็นกษัตริย์ของเขาอีกต่อไป คนอิสราเอลกำลังบีบบังคับให้พระเจ้าตั้งกษัตริย์ตามที่พวกเขาต้องการ
ซามูเอล 14:7-9 7 และพระเจ้าทรงตอบซามูเอลว่า “จงฟังเสียงประชาชนในเรื่องที่เขาทั้งหลายขอต่อเจ้า เพราะว่าเขามิได้ละทิ้งเจ้า แต่เขาทั้งหลายได้ละทิ้งเราไม่ให้เราเป็นกษัตริย์เหนือเขา8 ตามการกระทำทั้งสิ้นซึ่งเขาได้กระทำแก่เรา ตั้งแต่วันที่เรานำเขาออกมาจากอียิปต์จนถึงวันนี้ คือเขาได้ละทิ้งเราและปรนนิบัติพระอื่น เขาจึงกระทำเช่นเดียวกันต่อเจ้าด้วย9 เหตุฉะนั้นจงฟังเสียงของเขา ขอแต่จงคอยทักท้วงเขา และสำแดงให้ทราบถึงวิธีการของกษัตริย์ผู้ที่จะครอบครองเขาทั้งหลาย”
พระเจ้าทรงให้ซามูเอลเลือกซาอูลในบุคลิกลักษณะที่ประชาชนคาดหวังกษัตริย์ที่จะปกครองพวกเขาเหมือนกับชนชาติรอบข้างในเวลานั้น ซาอูลเป็นเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย มั่งคั่ง จากเผ่าเบนยามิน ซาอูลมีลักษณะเด่น สูงใหญ่กว่าชายอิสราเอลทั่วไป เมื่อซาอูลได้รับการเจิมแต่งตั้งโดยซามูเอล ซาอูลก็ทำหน้าที่อย่างกษัตริย์ เหมือนกับกษัตริย์อื่นๆในชนชาติทั้งหลาย ซาอูลไม่ได้เป็นผู้ปรนนิบัติ แต่เป็นผู้ครอบครองคนอิสราเอล คนอิสราเอลต้องรับใช้ซาอูล
10 ซามูเอลจึงเอาพระดำรัสทั้งสิ้นของพระเจ้ามาบอกกล่าวแก่ประชาชน ผู้ร้องขอให้ท่านตั้งพระราชา11 ท่านกล่าวว่า “นี่เป็นวิธีการของพระราชา ผู้ที่จะครอบครองเหนือเจ้า พระราชาจะเกณฑ์บุตรชายทั้งหลายของเจ้า และกำหนดให้ประจำรถรบ และให้เป็นพลม้า และให้วิ่งหน้ารถรบของพระองค์12 แล้วพระองค์จะตั้งเขาให้เป็นนายพัน นายห้าสิบของพระองค์ ให้บางคนไถที่ดินของพระองค์และเกี่ยวข้าว และทำศัสตราวุธและเครื่องใช้ของรถรบ13 พระองค์จะนำบุตรสาวของเจ้าไปเป็นผู้ปรุงเครื่องหอม ทำครัวและปิ้งขนม14 พระองค์จะเอานา สวนองุ่นและสวนมะกอกเทศที่ดีที่สุดของเจ้า ให้แก่ข้าราชการของพระองค์15 พระองค์จะชักหนึ่งในสิบของข้าวและผลองุ่นของท่าน ให้แก่มหาดเล็กและข้าราชการของพระองค์16 พระองค์จะเอาคนใช้ผู้ชายและคนใช้ผู้หญิง และคนหนุ่มๆ ที่ดีที่สุดของท่าน และลาของท่านให้ไปทำงานของพระองค์17 พระองค์จะชักหนึ่งในสิบของฝูงสัตว์ของท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นทาสของพระองค์18 ในวันนั้นท่านจะร้องทุกข์เพราะพระราชาของท่าน ผู้ซึ่งท่านทั้งหลายเลือกให้ครองท่านทั้งหลาย แต่พระเจ้าจะไม่ทรงตอบท่านในวันนั้น”
ขอบคุณพระเจ้าที่ในหลวงของเรา ไม่ได้เป็นพระราชาชั่วร้ายอย่างในนิทาน เมื่อร. 8 สวรรคตใหม่ๆ ในหลวงร.9 ทรงเขียนไว้ตอนหนึ่งว่า
น้องไม่คิดเคยคิดว่าจะเป็นกษัตริย์ คิดแต่ว่าจะเป็นน้องของพี่ตลอดไป ช่างเป็นเคราะห์กรรมจริง คิดถึงพี่…..
แต่กษัติรย์ซาอูล เป็นพระราชาในนิทานที่เป็นชีวิตจริง เป็นพระราชาที่ประชาชนจะต้องปรนนิบัติ พระราชาที่ไม่เคยหยุดความพอใจของตนเอง ไม่เคยพอเพียง ความพอใจของพระราชาคือตัวเอง และพระวิญญาณของพระเจ้าได้พรากไปจากซาอูล เพราะบาปที่ซาอูลไม่เชื่อฟังพระเจ้า ซาอูลไม่ใส่ใจต่อการทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย แต่เขาใส่ใจว่า ตัวเขาเองจะพอใจของตนเอง ความกลัวที่ประชาชนเรียกร้องให้เขาตัดสินใจทำสิ่งที่ขัดต่อน้ำพระทัยพระเจ้า กลายเป็นความกลัวที่ทวีความรุนแรงจนไม่สามารถจะควบคุมได้ และเป็นช่องทางที่วิญญาณชั่วเข้ามาทรมานเขา พระคัมภีร์ใช้คำว่า วิญญาณชั่วจากพระเจ้า นั่นหมายความว่า พระเจ้าไม่แทรกแซง ไม่ต่อต้านวิญญาณชั่วที่คอยโอกาสเข้าโจมตีทรมานซาอูลทางช่องของความกลัว
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า เมื่อความกล้าหาญเกิดขึ้น ไม่ได้หมายความว่า ความกลัวหายไป ความกลัวยังอยู่ แต่ความกล้าหาญสามารถควบคุมความกลัวมิให้กลัวเกิน กลัวที่เรียกว่า ตกขอบ วิตกจริตกระเจิดกระเจิง ความกลัวประเภทนี้ ทรมานคนที่กลัว และพระคัมภีร์ได้บรรยายถึงสภาพของซาอูลที่ถูกวิญญาณชั่วโจมตีในยามที่ซาอูลไม่สามารถควบคุมความกลัวของตนเองได้ วิญญาณชั่วก็จะซ้ำเติม โจมตีความคิด ทำให้ซาอูลตกอยู่ในสภาพที่ถูกทรมาน ไม่มีความสุข
ให้เราถามคนข้างๆ คุณมีความสุขอยู่หรือเปล่า หรือกำลังทรมานกับความกลัวเรื่องอะไร?
2ทิโมธี 1:7 เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงประทานจิตที่ขลาดกลัวให้เรา แต่ได้ทรงประทานจิตที่กอปรด้วยฤทธิ์ ความรัก และการบังคับตนเองให้แก่เรา
ซาอูลไม่สามารถเป็นพระราชาในดวงใจของประชาชนได้ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมความกลัวในตัวของตนเองได้ เขาจะช่วยประชาชนให้หลุดจากความกลัวใดๆได้อย่างไร ในประวัติศาสตร์ยังได้บันทึกถึงความโกรธของซาอูล เมื่อวิญญาณชั่วครอบงำเขาจากความกลัวสูญเสียบัลลังค์ เพราะคนมานิยมชมชอบดาวิดในเวลาต่อมา ซาอูลเป็นคนที่ไม่สามารถปกครองจิตใจของตนเองได้
สุภาษิต 16:32 บุคคลผู้โกรธช้าก็ดีกว่าคนมีกำลังมาก และบุคคลผู้ปกครองจิตใจของตนเองก็ดีกว่าผู้ที่ตีเมืองได้
พระเยซูคริสต์ทรงเผชิญหน้ากับสิ่งที่ยั่วยุให้โกรธ และสิ่งที่ทำให้กลัวมากที่สุด นั่นคือทั้งคำขู่ คำหมิ่นประมาท การเหยียดหยาม และสุดท้ายคือการตายในสภาพที่ไร้ความผิด ถูกกล่าวหา กล่าวโทษใส่ร้าย แต่พระเยซูทรงเผชิญกับสถานการณ์เหล่าอย่างสงบ พระเยซูจึงเป็นพระราชาในดวงใจของคนทุกยุคทุกสมัยได้ และสิ่งที่พิสูจน์คริสเตียนที่สามารถเผชิญกับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดได้ โดยมีพระเยซูเป็นพระราชาในดวงใจของเขา คือคริสเตียนยุคแรกที่ร้องเพลงนมัสการพระเจ้าได้ในขณะที่พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับสิงโต เสือ ที่จักรพรรดิโรมันปล่อยออกมาเพื่อจะสร้างความบันเทิงแบบคนโรมัน ให้กัดกินคริสเตียนที่ไม่ยอมปฏิเสธพระราชาในดวงใจของเขา คือความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า ความกลัวที่คนมากมายใช้ทรมานคนกันเอง เพราะประสบการณ์ที่ว่า ความกลัวคือการทรมานที่ทรงอานุภาพที่สุด จงอย่าให้ความกลัวทรมานคุณต่อไป จงมีพระเยซูเป็นพระราชาในดวงใจของคุณ
2. อย่ามองที่วิธีการ 1ซามูเอล 14:16-17
16 ขอเจ้านายของข้าพระบาททั้งหลาย จงบัญชาผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทผู้ที่อยู่ต่อพักตร์ฝ่าพระบาท ให้หาคนที่มีฝีมือในการดีดพิณ และเมื่อวิญญาณชั่วจากพระเจ้าสิงฝ่าพระบาท ก็ให้เขาดีดพิณแล้วฝ่าพระบาทจะหายดี”17 ซาอูลก็รับสั่งผู้รับใช้ของพระองค์ว่า “จงไปหาชายคนหนึ่งที่ดีดพิณได้ดีมาให้เรา นำเขามาหาเรา”
บ่อยครั้ง เรามักจะมองที่วิธีการและผลลัพธ์ แต่เราไม่ได้หาสาเหตุ ต้นเหตุ ก่อน เราจึงวิเคราะห์ปัญหาอย่างไม่กระจ่าง กระดุมเม็ดแรกกลัดผิด ก็ผิดไปหมด ซาอูลรับคำแนะนำจากลูกน้องอย่างกษัตริย์ทั่วไป แต่ไม่ใช้สติปัญญาวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนเองว่า มาจากความกลัว และการที่พระวิญญาณของพระเจ้าพรากไปจากเขา ดนตรี คือเครื่องมือ เขามองที่ดนตรีอย่างเดียว ดังนั้นซาอูลจึงสั่งให้ไปหาคนเล่นดนตรี ซาอูลแก้ปัญหาแบบไม่ยั่งยืน คือวิธีการอย่างมนุษย์ มิใช่วิธีการอย่างพระเจ้า ซาอูลไม่ได้แสวงหาพระเจ้า เขาไม่ได้ให้พระเจ้าช่วยเขา แต่เขากำลังใช้คนเป็นเครื่องมือให้เขาหลุดจากปัญหา
3.พระราชาในดวงใจตลอดกาล 1ซามูเอล 14:18-23
18 คนหนึ่งในพวกชายหนุ่มทูลว่า “ดูเถิด ข้าพระบาทเห็นบุตรคนหนึ่งของเจสซีชาวเบธเลเฮม เป็นผู้มีฝีมือในการดีดพิณ เป็นคนกล้าหาญ เป็นนักรบ พูดเก่ง และเป็นคนมีหน้าตาดี และพระเจ้าทรงสถิตกับเขา”19 เพราะฉะนั้นซาอูลจึงส่งผู้สื่อสารไปยังเจสซีกล่าวว่า “จงให้ดาวิดบุตรของท่านผู้อยู่กับแกะนั้นมาหาเรา”20 และเจสซีก็จัดลาตัวหนึ่งบรรทุกขนมปัง และถุงหนังใส่เหล้าองุ่นถุงหนึ่ง กับลูกแพะตัวหนึ่ง ฝากไปกับดาวิดบุตรของท่านให้ถวายซาอูล21 ดาวิดก็มาเฝ้าซาอูลและเข้ารับราชการ ซาอูลก็ทรงรักดาวิดมาก ดาวิดก็ได้เป็นคนถือเครื่องอาวุธของซาอูล22 และซาอูลทรงส่งข่าวไปยังเจสซีว่า “จงอนุญาตให้ดาวิดอยู่รับราชการกับเรา เพราะเขาเป็นที่พอตาพอใจของเรา”23 อยู่มาเมื่อวิญญาณชั่วจากพระเจ้ามาสิงซาอูลเมื่อไร ดาวิดก็หยิบพิณใช้มือดีดถวายซาอูลก็ทรงชุ่มชื่นขึ้นและหายดี และวิญญาณชั่วก็พรากจากพระองค์ไป
คนที่เราหาได้ทั่วไป ในใครก็ได้ นั่นคือ ฝีมือการเล่นดนตรี คนกล้าหาญ นักรบ พูดเก่ง หน้าตาดี แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่าง คือพระเจ้าทรงสถิตกับเขา และเป็นความโชคดีของซาอูลที่แผ่นดินที่เขาปกครอง มีคนที่มีการทรงสถิตของพระเจ้า นั่นคือ ดาวิด เมื่อดาวิดมาพร้อมกับคำตอบทุกอย่างสำหรับซาอูล ซาอูลรักดาวิดมาก พระคัมภีร์บันทึกว่า
23 อยู่มาเมื่อวิญญาณชั่วจากพระเจ้ามาสิงซาอูลเมื่อไร ดาวิดก็หยิบพิณใช้มือดีดถวายซาอูลก็ทรงชุ่มชื่นขึ้นและหายดี และวิญญาณชั่วก็พรากจากพระองค์ไป
นั่นแปลว่า ดาวิดกลายเป็นพาราเซทตามอล เมื่อไร ซาอูลป่วย ดาวิดเล่นดนตรี ซาอูลหายป่วย ความจริง ในแผ่นดินอิสราเอลก็มีคนที่มีฝีมือ คนเก่ง คนหน้าตาดี คนกล้าหาญ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ การทรงสถิตของพระเจ้า
เพราะพระเจ้าทรงเลือกดาวิดไว้แล้วที่จะเป็นกษัตริย์แทนซาอูล และในการทรงเลือกของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงมองดูที่จิตใจของดาวิด ไม่ใช่ที่รูปร่างภายนอก อย่างที่มนุษย์มอง
1ซามูเอล 16:7 7 แต่พระเจ้าตรัสกับซามูเอลว่า “อย่ามองดูที่รูปร่างภายนอกหรือที่ความสูงแห่งร่างกายของเขา ด้วยเราไม่ยอมรับเขา เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอกแต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ”
ในครั้งที่พระเจ้าทรงปลดซาอูลจากความเป็นกษัตริย์ (แต่ซาอูลยังอยู่ในตำแหน่งอยู่) ในมิติฝ่ายวิญญาณพระเจ้าทรงปลดเขาแล้ว พระเจ้าทรงพรากไปจากเขาแล้ว แม้ว่าซาอูลยังอยู่ในตำแหน่งกษัตริย์ แต่เขาไม่มีความสุขเลย ทรมาน และทรมาน กษัตริย์ตัวจริงคือดาวิดที่พระเจ้าทรงแต่งตั้ง เจิมไว้แล้ว แม้ดาวิดจะยังเด็ก ด้อยในรูปร่าง ไม่อยู่ในสายตา แต่สิทธิอำนาจความเป็นกษัตริย์อยู่ที่การทรงสถิตของพระเจ้า ดนตรีที่ดาวิดเล่นจึงมีสิทธิอำนาจในการขับวิญญาณชั่วออกจากซาอูล นั่นหมายความว่า ความกลัวถูกควบคุมได้
พระเจ้าทรงดูที่จิตใจ มิใช่ภายนอก ในหลวงของเราได้พิสูจน์จิตใจของพระองค์ท่าน พระองค์จึงผ่านภาวะความน่ากลัวหลายอย่างในฐานะกษัตริย์ และเป็นพระราชาในจิตใจของประชาขน ในหลวงทรงเดินในทางเดียวกันกับคนของพระเจ้า อย่างดาวิด ซึ่งเชื้อสายของเขาได้ถูกเลือกเป็นที่มาของพระมาซีฮา พระผู้ช่วยโลกให้รอด คือทางพระเยซูคริสต์เจ้า พระเยซูคริสต์เจ้าทรงพิสูจน์จิตใจของพระองค์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่คริสเตียนมากมายทั่วโลก ทุกยุคทุกสมัย พระเยซูทรงเป็นบทเพลงที่คนที่ศรัทธาในพระองค์แต่งเพื่อบรรยายถึงพระองค์นับหมื่นนับแสนเพลง และบทเพลงที่กล่าวถึงพระเยซูทรงเป็นพระราชในดวงใจของคนมากมายนั้น ยังแต่งต่อไปแม้กับคนที่ไม่เคยพบพระองค์มาก่อน
ยอห์น 17:20-21 20 “ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว แต่เพื่อคนทั้งปวงที่วางใจในข้าพระองค์เพราะถ้อยคำของเขา21 เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์ คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์ และข้าพระองค์ในพระองค์ เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ และกับข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา
ฮีบรู 13:8 8 พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆ ไปเป็นนิจกาล
“พระราชาในหัวใจตลอดกาล”
1.อย่าให้ความกลัวทรมานคุณ
2. อย่ามองที่วิธีการ
3.พระราชาในดวงใจตลอดกาล