“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…รับมงกุฎแห่งชีวิต”

มงกุฎ เป็นรางวัลสำหรับการชนะในเกมส์ และเป็นสัญลักษณ์ของเกียรติยศ นางงามจักรวาล หรือนางงามประเทศต่างก็มีมงกุฎสวมด้วย กษัตริย์ของประเทศต่างๆก็มีมงกุฎสวมศีรษะ ความหมายของมงกุฎในโลกนี้สำหรับผู้ที่มีเกียรติสมควรได้สวมมงกุฎ ซึ่งคนสวมมงกุฎจะมีเพียงหนึ่งเดียวสำหรับแต่ละบริบท ถ้าเป็นการแข่งขัน ก็หมายถึงผู้ชนะ ถ้าเป็นนางงาม ก็หมายถึงคนเดียวที่ได้รับการตัดสินว่า งามที่สุด ถ้าเป็นกษัตริย์

ก็หมายถึงผู้ที่ได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์องค์เดียวของประเทศนั้นๆ แต่สำหรับคริสเตียนทุกคน  คำว่า มงกุฎมีความหมายอย่างไร

คำว่า มงกุฎ ถูกใช้ในพระคัมภีร์สำหรับคริสเตียนทุกคน

 เป็นรางวัล สำหรับแต่ละคนที่ต่อสู้กับตนเองและเอาชนะตนเองได้

1โครินธ์ 9:24-25  24 ท่าน​ไม่​รู้​หรือ​ว่า​คน​เหล่า​นั้น​ที่​วิ่ง​แข่ง​กัน​ก็​วิ่ง​ด้วย​กัน​ทุก​คน แต่​คน​ที่​ได้รับ​รางวัล​มี​คน​เดียว เหตุ​ฉะนั้น​จง​วิ่ง​เพื่อ​ชิง​รางวัล​ให้​ได้25 ฝ่าย​นักกีฬา​ทุก​คน​ก็​เคร่งครัด​ใน​ระเบียบ เขา​กระทำ​อย่าง​นั้น​เพื่อ​จะ​ได้​มงกุฎ​ใบไม้​ซึ่ง​ร่วง​โรย​ได้ แต่​เรา​กระทำ​เพื่อ​จะ​ได้​มงกุฎ​ที่​ไม่​มี​วัน​ร่วง​โรย​เลย​​

 เป็นเครื่องหมายของความอดทน  ต่อการทดลองใจ ในที่นี้ ใช้คำว่า ถูกพิสูจน์ ถูกทดสอบให้ทำดีจากความดี และการชนะการทดลองให้ทำบาปจากความชั่วร้าย

ยากอบ 1:12  12 คน​ที่​อดทน​ต่อ​การ​ทดลอง​ใจ​ก็​เป็น​สุข เพราะ​เมื่อ​ปรากฏ​ว่า​ผู้​นั้น​ทน​ได้​แล้ว เขา​จะ​ได้รับ​มงกุฎ​แห่ง​ชีวิต ซึ่ง​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​สัญญา​ไว้​แก่​คน​ทั้ง​หลาย​ที่​รัก​พระ​องค์​

 คือผู้เชื่อ  เป็นมงกุฎของผู้ที่นำคนรับเชื่อและทำหน้าที่เลี้ยงดูสั่งสอนในฝ่ายจิตวิญญาณ

ฟิลิปปี 4:1  1 เหตุ​ฉะนั้น​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย​ของ​ข้าพเจ้า ผู้​เป็น​ที่​รัก เป็น​ที่​ปรารถนา เป็น​ที่​ยินดี และ​เป็น​มงกุฎ​ของ​ข้าพเจ้า พวก​ที่​รัก​ของ​ข้าพเจ้า จง​ยึด​มั่น​ใน​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เถิด

เราจะเห็นว่า สิ่งที่กำหนดไว้เป็นเงื่อนไขสำหรับมงกุฎในชีวิตของคริสเตียน ทุกคนสามารถมีและเป็นได้ ไม่ใช่เกิดมาแล้วเป็นเลย Born to be แต่เป็น Train to be  สามารถฝึกฝนที่จะเป็นได้ พระวจนะที่เราจะเรียนรู้ความจริงเรื่องนี้ อยู่ในหนังสือ2 ทิโมธี

อ.เปาโลได้เขียนจดหมายถึงทิโมธี  คนหนุ่ม ที่กำลังทำหน้าที่บทบาทผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณในวัฒนธรรมของคนยิวเวลานั้นที่เป็นระบบผู้อาวุโส Seniority  มีทั้งผู้อาวุโส ทั้งชายและหญิง ในบริบทที่มีผู้เชื่อที่หลากหลาย ทั้งชายหญิง ที่อายุน้อยกว่าด้วย อีกทั้งยังมีการต่อต้าน การสอนที่ผิดเพี้ยน ตกขอบ และยังต้องประกาศกับคนที่ยังไม่รู้จักกับพระเยซูคริสต์เจ้าอีก  อ.เปาโลก็กำลังติดคุกในกรุงโรม ที่กำลังใกล้จะถูกฆ่าตาย ด้วยข้อกล่าวหาเป็นความเท็จที่พิสูจน์ไม่ได้ ด้วยกล่าวหาว่า เปาโลได้นำคนกรีก ชาวเมืองเอเฟซัสเข้าไปในวิหารของคนยิว ซึ่งทำให้วิหารมีมลทิน เรื่องราวกลายเป็นใหญ่โต เพราะการฟ้องนั้นตั้งใจจะให้เปาโลถูกฆ่าด้วยกฎหมายของโรม แต่เพราะเปาโลมีสันชาติโรมจึงทำการตัดสินอย่างทันทีไม่ได้ เปาโลต้องถูกส่งไปกรุงโรมเพื่อตัดสินคดีความ ต้องรอนแรมไปที่ต่างๆ เรือแตก ถูกงูพิษกัด แต่ที่ เปาโลฉวยโอกาสในการประกาศ และทำพันธกิจกับทุกคนที่เปาโลเจอ  พระเจ้าทรงสำแดงแก่เปาโลว่า เขาจะไม่ตาย และจะไปถึงกรุงโรม และจดหมายที่เขียนถึงทิโมธีฉบับนี้ เปาโลรู้ตัวว่า ใกล้ถึงเวลานั้นแล้ว แต่ตลอดเส้นทางที่เปาโลถูกคุมตัว เปาโลได้ทำหน้าที่ประกาศ และทำพันธกิจได้อย่างสมบูรณ์ เปาโลจึงหนุนใจและสอนทิโมธีถึงเส้นทางแห่งมงกุฎแห่งชีวิตแก่ทิโมธี เป็นเส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์ ซึ่งปรากฏในหนังสือเอเฟซัสดังนี้

เอเฟซัส 4:11-13   11 ของ​ประทาน​ของ​พระ​องค์ ​ก็​คือ​ให้​บาง​คน​เป็น​อัครทูต บาง​คน​เป็น​ผู้เผย​พระ​วจนะ บาง​คน​เป็น​ผู้​เผยแพร่​ข่าว​ประเสริฐ บาง​คน​เป็นศิษ​ยาภิ​บาล​และ​อาจารย์​12 เพื่อ​เตรียม​ธรรมิก​ชน​ให้​เป็น​คน​ที่​จะ​รับ​ใช้ เพื่อ​เสริมสร้าง​พระ​กาย​ของ​พระ​คริสต์​ให้​จำเริญ​ขึ้น​13 จนกว่า​เรา​ทุก​คน​จะ​บรรลุ​ถึง​ความ​เป็น​น้ำ​หนึ่ง​ใจ​เดียว​กัน​ใน​ความ​เชื่อ และ​ใน​ความ​รู้​ถึง​พระ​บุตร​ของ​พระ​เจ้า จนกว่า​เรา​จะ​โต​เป็น​ผู้ใหญ่​เต็มที่ คือ​เต็ม​ถึง​ขนาด​ความ​ไพบูลย์​ของ​พระ​คริสต์

เปาโลมีความชัดเจนในภาพของคริสเตียน ผู้ที่พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเรียกให้เดินทางเดียวกันกับพระองค์ เปาโลจึงเขียนสรุปให้กับทิโมธีเป็นวิถีปฏิบัติของคริสเตียนทุกคน

2ทิโมธี 4:1-8(ฉบับแปล 2011)1 ข้าพ​เจ้า​ขอ​เตือน​ท่าน​อย่าง​จริง​จัง​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า​และ​พระ​เยซู​คริสต์​ผู้​จะ​ทรง​พิ​พาก​ษา​คน​เป็น​และ​คน​ตาย และ​ขอ​เตือน​โดย​อ้าง​ถึง​การ​มา​ปรา​กฏ​ของ​พระ​องค์​และ​ราช​อา​ณา​จักร​ของ​พระ​องค์​ว่า  2 จง​ประ​กาศ​พระ​วจนะ จง​ทำ​อย่าง​ขะมัก​เขม้น​ทั้ง​ใน​ขณะ​ที่​คน​สน​ใจ​และ​ไม่​สน​ใจ จง​ชัก​ชวน ตัก​เตือน และ​หนุน​ใจ ด้วย​ความ​อดทน​และ​ด้วย​การ​สั่ง​สอน​อย่าง​เต็ม​ที่ 3 เพราะ​จะ​ถึง​เวลา​ที่​คน​จะ​ทน​ต่อ​คำ​สอน​ที่​ถูกต้อง​ไม่​ได้ แต่​พวก​เขา​จะ​รวบ​รวม​บรรดา​อาจารย์​ไว้​สำ​หรับ​ตน ตาม​ความ​อยาก​ของ​ตัว​เอง​เพื่อ​สนอง​หู​ที่​คัน 4 พวก​เขา​จะ​เลิก​ฟัง​ความ​จริง​และ​หัน​ไป​ฟัง​นิยาย​ต่างๆ 5 แต่​ท่าน​จง​หนัก​แน่น​มั่น​คง​ทุก​เรื่อง จง​อด​ทน​ต่อ​ความ​ทุกข์​ยาก จง​ทำ​หน้า​ที่​ของ​ผู้​ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ และ​จง​ทำ​พันธ​กิจ​ของ​ท่าน​ให้​ครบ​บริบูรณ์ 6 เพราะ​ว่า​ข้าพ​เจ้า​ถูก​เท​ลง​เหมือน​ดั่ง​เครื่อง​ดื่ม​บู​ชา​แล้ว และ​ถึง​เวลา​ที่​ข้าพ​เจ้า​จะ​ต้อง​จาก​ไป 7 ข้าพ​เจ้า​ได้​ต่อ​สู้​อย่าง​เต็ม​กำ​ลัง ข้าพ​เจ้า​ได้​วิ่ง​แข่ง​จน​ครบ​ถ้วน ข้าพเจ้า​ได้​รัก​ษา​ความ​เชื่อ​ไว้​แล้ว 8 ตั้ง​แต่​นี้​ไป​มง​กุฎ​แห่ง​ความ​ชอบ​ธรรม​ก็​จะ​เป็น​ของ​ข้าพ​เจ้า ซึ่ง​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ผู้​พิพาก​ษา​ที่​ชอบ​ธรรม​จะ​ประ​ทาน​เป็น​ราง​วัล​แก่​ข้าพ​เจ้า​ใน​วัน​นั้น และ​ไม่​ใช่​แก่​ข้าพ​เจ้า​ผู้​เดียว​เท่า​นั้น แต่​จะ​ประ​ทาน​แก่​ทุก​คน​ที่​รัก​การ​เสด็จ​มา​ของ​พระ​องค์

มงกุฎแห่งความชอบธรรม คือมงกุฎแห่งชีวิต คือรางวัลของการต่อสู้ ความอดทน ชัยชนะตัวเอง และผ่านการทดสอบ ชนะการทดลองจากมารซาตาน มงกุฎแห่งชีวิตไม่ได้เกิดจากการทำเพื่อตนเองเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการทำให้คนอื่นได้รับความรอด ได้รับการเลี้ยงดูให้เติบโต และคน เหล่านั้นเป็นมงกุฎแห่งชีวิตสำหรับผู้ทำหน้าที่ประกาศและทำพันธกิจของตนเองอย่างครบถ้วน

เปาโลได้กล่าวว่า มงกุฎนี้ สำหรับคนที่รักพระเยซูตั้งแต่ต้นจนจบ คือคนที่รักการเสด็จมาของพระองค์ด้วย แนวทางที่จะไปให้ถึงมงกุฎแห่งชีวิตมีดังนี้

 1.จงประกาศและทำพันธกิจกับทุกคนที่พบเจอ 2ทิโมธี 4:1-2

1 ข้าพ​เจ้า​ขอ​เตือน​ท่าน​อย่าง​จริง​จัง​เฉพาะ​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า​และ​พระ​เยซู​คริสต์​ผู้​จะ​ทรง​พิ​พาก​ษา​คน​เป็น​และ​คน​ตาย และ​ขอ​เตือน​โดย​อ้าง​ถึง​การ​มา​ปรา​กฏ​ของ​พระ​องค์​และ​ราช​อา​ณา​จักร​ของ​พระ​องค์​ว่า  2 จง​ประ​กาศ​พระ​วจนะ จง​ทำ​อย่าง​ขะมัก​เขม้น​ทั้ง​ใน​ขณะ​ที่​คน​สน​ใจ​และ​ไม่​สน​ใจ จง​ชัก​ชวน ตัก​เตือน และ​หนุน​ใจ ด้วย​ความ​อดทน​และ​ด้วย​การ​สั่ง​สอน​อย่าง​เต็ม​ที่

คำว่า คนเป็นและคนตาย นั่นหมายความว่า ไม่มีความแตกต่างเลย ทุกคนจะต้องอยู่ต่อหน้าบัลลังค์พิพากษาของพระเจ้าและพระเยซูคริสต์ ความตายก็ไม่สามารถทำให้คนตายรอดจากการพิพากษาไปได้ ดังนั้น หน้าที่ของคริสเตียนที่เป็นอยู่ คือการประกาศกับทุกคนในทุกโอกาส และทำหน้าที่ชักชวน เตือนสติ และหนุนใจ ด้วยความอดทน และสั่งสอนเต็มที่ ให้คนหันกลับมาหาพระเจ้า ให้คนได้ยินข่าวประเสริฐการช่วยกู้ของพระเยซูคริสต์เจ้า  เพราะว่า วันหนึ่ง  คนที่ตายไป ก่อนที่เขาจะได้ยินข่าวประเสริฐ คนเหล่านี้จะอ้างว่า ไม่มีใครบอกเขา ถ้าเป็นคนที่เราเคยพบเจอ บางทีคนเหล่านั้น ก็จะโทษว่า เพราะเราไม่ประกาศกับเขา เขาจึงไม่รู้ว่า มีทางที่ช่วยเขาได้ให้รอดจากการพิพากษาลงโทษได้ อะไรจะน่ากลัวกว่า กัน ระหว่างการถูกปฏิเสธจากคนที่พบเจอ กับการได้พบเจอกับพระเยซูแล้วถูกพระองค์ปฏิเสธ ด้วยคำว่า เราไม่รู้จักเจ้า

พระเยซูได้ยกตัวอย่างการต้องยืนอยู่ต่อหน้าบัลลังค์การพิพากษา แยกคนของพระองค์ออกไปทางซ้ายและขวา คนทางซ้าย คือคนที่ไม่พยายามประกาศ และไม่ทำพันธกิจ ในขณะที่คนทางขวาพยายามประกาศ และทำพันธกิจ ด้วยคำอุปมาเรื่องการตอบสนองต่อความหิวอาหาร กระหายน้ำดื่ม และให้เสื้อผ้าแก่คนที่เปลือยเปล่า ความหมายของคำอุปมา ตีความได้ทั้งตามตัวอักษร และในมิติฝ่ายวิญญาณ คือการทำพันธบริการ (ประกาศทางอ้อม) และการประกาศซึ่งหน้า (บอกเรื่องราวของพระเยซูแก่คนนั้น)

มัทธิว 25:35-36,40 35 เพราะ​ว่า​เมื่อ​เรา​หิว ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​ได้​จัดหา​ให้​เรา​กิน เรา​กระหาย​น้ำ ท่าน​ก็​ให้​เรา​ดื่ม เรา​เป็น​แขก​แปลก​หน้า ท่าน​ก็​ได้​ต้อนรับ​เรา​ไว้​36 เรา​เปลือย​กาย​ท่าน​ก็​ได้​ให้​เสื้อผ้า​เรา​นุ่ง​ห่ม เมื่อ​เรา​เจ็บป่วย​ท่าน​ก็​ได้มา​เยี่ยม​เอา​ใจ​ใส่​เรา เมื่อ​เรา​ต้อง​จำ​อยู่​ใน​พันธนาคาร ท่าน​ก็​ได้มา​เยี่ยม​เรา’….40 แล้ว​พระ​มหา​กษัตริย์​จะ​ตรัส​กับ​เขา​ว่า ‘เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ซึ่ง​ท่าน​ได้​กระทำ​แก่​คน​ใด​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​พี่​น้อง​ของ​เรา​นี้ ถึงแม้​จะ​ต่ำ​ต้อย​เพียงไร ​ก็​เหมือน​ได้​กระทำ​แก่​เรา​ด้วย’

น่าสนใจที่ว่า เรากำลังใช้เวลากับคนที่เราพบเจอ เพื่อจะมีโอกาสประกาศ หรือทำพันธบริการหรือไม่ หรือเรากำลังใช้เวลากับคนที่ปิดประตู และปิดโอกาส ที่จะให้เราทำพันธบริการ และประกาศกับเขา  พระเยซูทรงสอนสาวกของพระองค์ให้ฉลาดเหมือนงู และรู้หลบหลีกภัยเหมือนนกพิราบ และหนึ่งในคำแนะนำของพระเยซูแก่สาวกที่พระองค์ทรงส่งออกไปเป็นคู่ๆว่า มีตอนหนึ่งว่า …

มัทธิว 10:14   14 ถ้า​ผู้ใด​ไม่​ต้อนรับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​และ​ไม่​ฟัง​คำ​ของ​ท่าน เมื่อ​จะ​ออก​จาก​เรือน​นั้น​เมือง​นั้น จง​สะบัด​ผง​คลี​ที่​ติด​เท้า​ของ​ท่าน​ออก​เสีย เพื่อ​แสดง​ว่า​ท่าน​ไม่​รับผิดชอบ​ต่อไป

คำแนะนำนี้ใช้ได้กับ คนที่ได้ประกาศแล้วเท่านั้น ไม่ใช่เอามาอ้างก่อนการประกาศ เพราะกลัวเขาไม่ฟัง และยังเป็นนัยให้รู้ว่า ทุกคนที่เราพบเจอ คือความรับผิดชอบที่เราจะต้องประกาศ ไม่ใช่บังเอิญที่ได้เจอกัน หรือได้มาอยู่ใกล้กัน มายั่วยุ อารมณ์โกรธให้แก่กันและกัน โกรธได้ แต่อย่าให้ตะวันตกดินแล้วยังทำบาปอยู่ (บาปแปลว่า อย่าพลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า โดยเฉพาะการไม่ได้ประกาศกับคนบางคน)

 2.แม้คนจะไม่ฟัง ไม่รับ ก็จงประกาศและทำพันธกิจให้ครบบริบูรณ์ 2ทิโมธี 4:3-5

3 เพราะ​จะ​ถึง​เวลา​ที่​คน​จะ​ทน​ต่อ​คำ​สอน​ที่​ถูกต้อง​ไม่​ได้ แต่​พวก​เขา​จะ​รวบ​รวม​บรรดา​อาจารย์​ไว้​สำ​หรับ​ตน ตาม​ความ​อยาก​ของ​ตัว​เอง​เพื่อ​สนอง​หู​ที่​คัน 4 พวก​เขา​จะ​เลิก​ฟัง​ความ​จริง​และ​หัน​ไป​ฟัง​นิยาย​ต่างๆ 5 แต่​ท่าน​จง​หนัก​แน่น​มั่น​คง​ทุก​เรื่อง จง​อด​ทน​ต่อ​ความ​ทุกข์​ยาก จง​ทำ​หน้า​ที่​ของ​ผู้​ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ และ​จง​ทำ​พันธ​กิจ​ของ​ท่าน​ให้​ครบ​บริบูรณ์

 คำว่า ครบบริบูรณ์ ตรงนี้ใช้คำว่า Full proof  คือได้ผ่านบททดสอบเต็มๆ สอบผ่าน ในเรื่องการประกาศและพันธบริการ

บางคนอาจมีคำถามว่า ทำไมถึงต้องเป็นเราที่ต้องทนทุกข์เพื่อคนอื่น ต้องยอมอดเพื่อคนอื่นจะมีกิน ต้องยอมจ่ายเพื่อคนอื่นจะมี  ต้องยอมสละความสุขส่วนตัวเพื่อคนอื่นจะมีความสุข ต้องยอมและต้องยอม เพราะนี่แหล่ะ คือ Full proof  พันธกิจของท่านกำลังเข้าใกล้การผ่านการทดสอบ

หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน อย่าติดอยู่กับความสนุกสนาน เพียงชั่วระยะสั้น แต่จงมองให้ไกลๆ อย่ามองแต่เพียงสิ่งที่ตามมองเห็น แต่จงมองในมิติที่มองไม่เห็น

2โครินธ์ 4:18 18 เพราะ​ว่า​เรา​ไม่ได้​เห็น​แก่​สิ่งของ​ที่​เรา​มอง​เห็น​อยู่ แต่​เห็น​แก่​สิ่งของ​ที่​มอง​ไม่​เห็น เพราะ​ว่า​สิ่งของ​ซึ่ง​มอง​เห็น​อยู่​นั้น​เป็น​ของ​ไม่​ยั่งยืน แต่​สิ่ง​ซึ่ง​มอง​ไม่​เห็น​นั้น​ก็​ถาวร​นิรันดร์

คำว่า ครบบริบูรณ์ไม่ได้หมายความว่า ประกาศทุกครั้งคนจะเชื่อ หรือประกาศทุกคน แล้วทุกคนจะยอมรับ แต่บางที ทุกครั้งจะมีคนไม่ยอมรับ และทุกครั้งอาจจะมีการต่อต้าน  แต่การทำพันธกิจให้ครบบริบูรณ์ หมายถึง จะไม่มีใครสักคนถูกมองข้าม ถูกเพิกเฉย หรือหยุดการประกาศ หรือเลือกประกาศกับแค่บางคน เท่านั้น

 5 แต่​ท่าน​จง​หนัก​แน่น​มั่น​คง​ทุก​เรื่อง จง​อด​ทน​ต่อ​ความ​ทุกข์​ยาก จง​ทำ​หน้า​ที่​ของ​ผู้​ประ​กาศ​ข่าว​ประ​เสริฐ และ​จง​ทำ​พันธ​กิจ​ของ​ท่าน​ให้​ครบ​บริบูรณ์

พึงระลึกเสมอว่า เรากำลังประกาศ ไม่ใช่ให้ตัวเองรู้สึกดี แต่เรากำลังทำให้คนที่เราประกาศรู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเขา แสดงให้คนเหล่านั้นรู้ว่า พระเจ้าทรงรักพวกเขา และชีวิตของพวกเขามีค่าสูงมาก มีความสำคัญมากต่อพระเจ้า

2 โครินธ์ 5:18-19 18 ทั้งสิ้น​นี้​เกิด​มา​จาก​พระ​เจ้า ผู้​ทรง​ให้​เรา​คืน​ดี​กัน​กับ​พระ​องค์​ทาง​พระ​เยซู​คริสต์​ และ​ทรง​โปรด​ประทาน​ให้​เรา​มี​พันธ​กิจ​เรื่อง​การ​คืน​ดี​กัน​19 คือ​พระ​เจ้า​ทรง​ให้​โลก​นี้​คืน​ดี​กัน​กับ​พระ​องค์​โดย​พระ​คริสต์​ มิได้​ทรง​ถือ​โทษ​ใน​การ​ผิด​ของ​เขา และ​ทรง​มอบ​เรื่อง​การ​คืน​ดี​กัน​นั้น​ให้​เรา​ประกาศ

ถ้าเราทะเลาะกับเขาแล้ว เราจะนำเขาคืนดีกับพระเจ้าได้อย่างไร ขอพระเจ้าทรงโปรดยกโทษให้อภัยกับเราทุกคน ข้าพเจ้าเองก็ต้องกลับใจใหม่ เพราะอยากจะทะเลาะกับเพื่อนบ้านข้างๆมาก แต่พระเจ้าทรงปกป้องข้าพเจ้าที่เพื่อนบ้านไม่ออกมาทะเลาะกับข้าพเจ้า

จงมองการประกาศ และการทำพันธบริการ เป็นเพชรที่จะนำมาประดับบนมงกุฎแห่งชีวิต ขอให้มงกุฎของเราบนสวรรค์จะส่องประกาย และงดงาม

สดุดี 132:18  18 เรา​จะ​เอา​ความ​อาย​ห่ม​ศัตรู​ของ​ท่าน แต่​มงกุฎ​ของ​ท่าน​จะ​แวว​วับ​อยู่​บน​ท่าน”

จงประกาศและทำพันธกิจให้ครบถ้วน

มีคำหนึ่งที่พูดเกี่ยวกับ การล้มเลิกไปก่อนเวลา ทำให้คนอื่นมาตัดยอดแทนเรา เพียงเพราะเราไม่อดทนอีกสักนิด รอคอยอีกสักหน่อย รีบร้อนล้มเลิกซะก่อน เพชรบางเม็ดกระเด็นไปติดที่มงกุฎของคนอื่นแทนที่จะเป็นมงกุฎของเรา

 3.ต่อสู้อย่างเต็มกำลังและวิ่งแข่งจนครบถ้วน 2ทิโมธี 4:6-8

6 เพราะ​ว่า​ข้าพ​เจ้า​ถูก​เท​ลง​เหมือน​ดั่ง​เครื่อง​ดื่ม​บู​ชา​แล้ว และ​ถึง​เวลา​ที่​ข้าพ​เจ้า​จะ​ต้อง​จาก​ไป 7 ข้าพ​เจ้า​ได้​ต่อ​สู้​อย่าง​เต็ม​กำ​ลัง ข้าพ​เจ้า​ได้​วิ่ง​แข่ง​จน​ครบ​ถ้วน ข้าพเจ้า​ได้​รัก​ษา​ความ​เชื่อ​ไว้​แล้ว 8 ตั้ง​แต่​นี้​ไป​มง​กุฎ​แห่ง​ความ​ชอบ​ธรรม​ก็​จะ​เป็น​ของ​ข้าพ​เจ้า ซึ่ง​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ผู้​พิพาก​ษา​ที่​ชอบ​ธรรม​จะ​ประ​ทาน​เป็น​ราง​วัล​แก่​ข้าพ​เจ้า​ใน​วัน​นั้น และ​ไม่​ใช่​แก่​ข้าพ​เจ้า​ผู้​เดียว​เท่า​นั้น แต่​จะ​ประ​ทาน​แก่​ทุก​คน​ที่​รัก​การ​เสด็จ​มา​ของ​พระ​องค์

คำว่า การต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ภาษากรีกใช้คำว่า fought good fight แปลว่า ต่อสู้อย่างสง่างาม และคำว่า วิ่งแข่งจนครบถ้วน finished  my course  คือ เล่นเกมส์ชีวิตของตนเองจนจบ ไม่ล้มกระดาน ไม่เลิก

มีนักกีฬาวิ่งแข่งที่ล้มลงในระหว่างแข่งขันจนข้อเท้าบาดเจ็บ ไม่สามารถวิ่งได้สองขา ต้องเขย่ง กระโดดขาเดียวต่อไป แล้วพ่อของเขาได้ลงมาจากอัตจรรย์ มาช่วยพยุงเขาเดินไปด้วยกันจนจนถึงเส้นชัย แม้จะคนสุดท้าย แต่ได้รับการปรบมือจากผู้ชมทั้งสนามที่รอคอยเขาเดินกระเผลกไปพร้อมกับพ่อของเขา เดินไป กอดพ่อ ร้องไห้ไป แต่สุดท้ายกลายเป็นรอยยิ้ม เมื่อเสียงปรบมือทั้งสนาม ส่งเสียงว่า นี่แหล่ะ คือผู้ชนะที่แท้จริง เขาได้รับมงกุฎที่มองไม่เห็นด้วยตา แต่มันสวมไว้ที่ใจของเขาแล้ว ตลอดไป เป็นความหมายเดียวกันกับที่อ.เปาโลได้กล่าวคำว่า วิ่งแข่งจนครบถ้วน ไม่ล้มเลิก ไม่ออกจากสนามกลางคัน ไม่ล้มกระดานชีวิต ไม่หันหลังกลับ  เป็นสำนวนเดียวกันกับที่พระเยซูได้ตรัสว่า

ลูกา 9:62  62 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ผู้ใด​เอา​มือ​จับ​คัน​ไถ​แล้ว หัน​หน้า​กลับ​เสีย ผู้​นั้น​ก็​ไม่​สมควร​กับ​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า”

ที่มาของคำตรัสของพระเยซูตอนนี้ คือมีคนที่พระองค์ทรงเรียกให้ติดตามพระองค์ไป แต่คนเหล่านี้ กลับมีข้ออ้างสารพัด ที่จะปฏิเสธการทรงเรียกของพระองค์ ย้อนขึ้นไปในบทเดียวกันของหนังสือลูกาตอนนี้ ในข้อ 61, 60. 59

ลูกา 9:59-61 59 ​พระ​องค์​ตรัส​แก่​อีก​คน​หนึ่ง​ว่า “จง​ตาม​เรา​มา​เถิด” แต่​คน​นั้น​ทูล​ตอบ​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ขอ​ทรง​โปรด​ให้​ข้า​พระ​องค์​ไป​ฝัง​ศพ​บิดา​ข้า​พระ​องค์​ก่อน”60 ​พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ปล่อย​ให้​คน​ตาย​ฝัง​คน​ตาย​ของ​เขา​เอง​เถิด แต่​ส่วน​ท่าน จง​ไป​ประกาศ​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า”61 อีก​คน​หนึ่ง​ทูล​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ข้า​พระ​องค์​จะ​ตาม​พระ​องค์​ไป แต่​ขอ​อนุญาต​ให้​ข้า​พระ​องค์​ไป​ลา​คน​ที่​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​ข้า​พระ​องค์​ก่อน”

แท้จริง พระเยซู กำลังเรียกให้คนติดตามพระองค์ เพื่อจะได้มงกุฎแห่งชีวิตสำหรับพวกเขา แต่การยุ่งอยู่กับสิ่งต่างๆของโลกนี้ ที่เป็นเรื่องอนิจจัง ทำให้พลาดที่จะรับมงกุฎแห่งชีวิต เป็นที่น่าเสียดาย มีบางคนไม่ต่อเนื่อง มีบางคน ไม่ได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ไม่ได้วิ่งแข่งจนจบเกมส์ ทั้งๆที่สามารถจะทำได้  เพราะการให้ความสำคัญกับมิติของโลกนี้มากกว่ามิติของฟ้าสวรรค์

มัทธิว 7:13-14 13 “จง​เข้า​ไป​ทาง​ประตู​แคบ เพราะ​ว่า​ประตู​ใหญ่ และ​ทาง​กว้าง​ซึ่ง​นำไป​ถึง​ความ​พินาศ และ​คน​ที่​เข้า​ไป​ทาง​นั้น​มี​มาก​14 เพราะ​ว่า​ประตู​ซึ่ง​นำไป​ถึง​ชีวิต​นั้น​ก็​คับ​และ​ทาง​ก็​แคบ ผู้​ที่​หา​พบ​ก็​มี​น้อย​

หนทางนี้ คือการต่อสู้กับตัวเอง การวิ่งแข่งตามกติกา ใครจะฝ่าฝืน แหกกฎอย่างไร เรายังคงอยู่ในกติกา ยังรัก ยังติดตามในทางของพระเยซู ใครจะทำเล่นๆ จริงจังบ้างไม่จริงจังบ้าง แต่เรายังบ้าอยู่คนเดียวได้ เพราะนี่คือ การต่อสู้อย่างเต็มกำลังและวิ่งแข่งจนครบถ้วนของตัวเรา

 “สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…รับมงกุฎแห่งชีวิต”                                                                                                                

1.จงประกาศและทำพันธกิจกับทุกคนที่พบเจอ

2.แม้คนจะไม่ฟัง ไม่รับ ก็จงประกาศและทำพันธกิจให้ครบบริบูรณ์

3.ต่อสู้อย่างเต็มกำลังและวิ่งแข่งจนครบถ้วน

By admin