“กำลังมุ่งความพอใจของตนเองฝ่ายเดียว???”
1โครินธ์ 3:9-15 9 เพราะว่าเราทั้งหลายร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์ 10 โดยพระคุณของพระเจ้าซึ่งได้ทรงโปรดประทานแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้วางรากลงแล้วเหมือนนายช่างผู้ชำนาญ และอีกคนหนึ่งก็มาก่อขึ้น ขอทุกคนจงระวังให้ดีว่าเขาจะก่อขึ้นมาอย่างไร12 บนรากนั้นถ้าผู้ใดจะก่อขึ้นด้วยทองคำ เงิน เพชรพลอย ไม้ หญ้าแห้งหรือฟาง13 การงานของแต่ละคนก็จะได้ปรากฏให้เห็น เพราะวันเวลาจะให้เห็นได้ชัดเจน เพราะว่าจะเห็นชัดได้ด้วยไฟ ไฟนั้นจะพิสูจน์ให้เห็นการงานของแต่ละคนว่าเป็นอย่างไร14 ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน15 ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทน แต่ตัวเขาเองจะรอด แต่เหมือนดังรอดจากไฟ พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังพูดถึงความรับผิดชอบของการเป็นตึกเป็นไร่นาของพระเจ้า คริสเตียนแต่ละคนมีส่วนที่ต้องดูแลตนเอง เป็นผู้ร่วมทำงานกับพระเจ้าในการก่อชีวิตของตนเอง ไม่ใช่ให้พระเจ้าทำแต่ฝ่ายเดียวโดยที่ตัวเองไม่ทำอะไรเลย การเปลี่ยนแปลงในชีวิตจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเรางอมืองอเท้าไม่กระดิกทำอะไรกับชีวิตของตนเอง การตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้าไม่ใช่แค่ยกมือรับเชื่อ ไม่ใช่แค่มาโบสถ์ แต่ต้องเรียนรู้เพื่อจะเข้าใจ รับผิดชอบบทบาทหน้าที่ของตนเองอย่างตั้งใจ และตรวจสอบตัวเองอย่างเที่ยงตรง ไม่คิดเอง เออเองแต่ฝ่ายเดียว เอาแต่ตัวเองพอใจฝ่ายเดียว 2โครินธ์ 5:9-10 9 เหตุฉะนั้นเราตั้งเป้าของเราว่า จะอยู่ในกายนี้ก็ดีหรือไม่อยู่ก็ดี เราก็จะทำตัวให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์10 เพราะว่าจำเป็นที่เราทุกคนจะต้องปรากฏตัวที่หน้าบัลลังก์ของพระคริสต์ เพื่อทุกคนจะได้รับสมกับการที่ได้ประ พฤติในร่างกายนี้ แล้วแต่จะดีหรือชั่ว เราต้องตั้งเป้าหมายให้พระเจ้าพอพระทัย เพราะความพอพระทัยของพระเจ้า คือมาตรฐานที่เราสามารถยึดเป็นหลักได้ และที่สำคัญจะนำพาเราผ่านการพิสูจน์ด้วยไฟได้ ในพระคัมภีร์ข้างต้นยังกล่าวถึง การขาดค่าตอบแทน ที่สวรรค์จะจ่ายให้ ผู้คนมากมายต่างมุ่งแสวงหาค่าตอบแทนในรูปแบบต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ชื่อเสียงเกียรติยศ คำชมเชย หน้าตา สไตล์ที่ตนเองชอบต่างๆนาๆ แต่วันหนึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องถูกพิสูจน์ด้วยไฟ แล้วจะเหลืออะไร ฟิลิปปี 3:7-8 7 แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพ เจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้ว เพื่อเห็นแก่พระคริสต์8 ที่จริงข้าพ เจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์ เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อเพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์ เปาโลผู้ใช้สายตาฝ่ายวิญญาณมองสิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นประโยชน์มากสำหรับตัวของท่าน ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ พื้นเพที่ดี หน้าที่การงานที่เคยทำ ความรู้ที่สูง สิ่งเหล่านี้ถ้านำมาใช้เพื่อความพอใจของตนเองมันจะกลายเป็นหยากเยื่อและถูกเผาไฟไหม้ไปในที่สุด กลายเป็นว่า การเข้าแผ่นดินสวรรค์ของคนๆนั้นไม่เหลือสิ่งใดเลย ที่รับใช้ไปเหนื่อยเปล่า…ขอให้เรามาสำรวจตัวเองกันเถิด