“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…เชื่อและวางใจ”

เมื่อวานข้าพเจ้าจับนกน่ารักได้ตัวหนึ่ง  มันบินมาติดอยู่ในห้องเก็บของที่ข้าพเจ้าเปิดเอาไว้ เลยจับได้ง่าย มันพยายามจะดิ้นให้หลุดจากมือ ต้องประคองสองมือไม่ให้หลุด รู้ว่า นี่คือนกเลี้ยง ถ้าปล่อยไป คงตาย เพราะหากินเองไม่ได้ ก็นึกๆว่า บ้านไหนเลี้ยงนก จำได้ว่า บ้านที่สามถัดจากเราไป มีกรงนก น่าจะเลี้ยงนก เลยเดินไปเรียกเจ้าของบ้าน ดันเจอแมวอยู่หน้าบ้าน นอนหมอบเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง ทำให้ยิ่งแน่ใจเลยว่า ถ้าปล่อยนกตัวนี้ไป มันน่าจะเสร็จแมวแน่ๆ สุดท้ายก็คือนกจากบ้านนี้จริงๆ เขาไม่รู้ว่า มันหายไป เลยได้มันคืนมา ข้าพเจ้ารู้สึกดีมากเลยที่ได้ช่วยชีวิตของนกตัวเล็กๆนี้ได้

เหตุการณ์นี้ ทำให้หวนคิดไปถึงเรื่องนกแก้วที่เคยเลี้ยงไว้หลายปีที่แล้ว และมันหลุดไป วันที่มันหลุดไป ข้าพเจ้าอธิษฐานกับพระเจ้า และพระเจ้าก็ยืนยันกับข้าพเจ้าว่า  เจ้าจะได้มันกลับคืนมา จนผ่านไปเกือบปี วันหนึ่งได้รับการไหว้วานจากเพื่อนให้เอาถาดขนมไปคืนที่บ้านแม่ค้า  ซึ่งไม่เคยไป และอยู่ห่างจากบ้านข้าพเจ้าเป็นสิบกิโลเมตร เมื่ออยู่หน้าบ้านแม่ค้าก็เห็นนกแก้วอยู่ในกรง เลยขอแม่ค้าไปเล่นกับนก พอนกเห็นเรา มันก็ตีปีกดีใจมาก นี่คือนกของเราที่หายไป ก็เลยบอกแม่ค้าว่า นี่คือนกของชั้น ที่บินหายไปนานแล้ว แม่ค้าก็ตอบว่า ใช่ มันบินมาตกหน้าบ้านแบบหมดสภาพ แล้วก็เก็บกล้วยจากถังขยะให้มันกิน ขนมันขึ้นสวยกว่าที่ชั้นเลี้ยงเองเสียอีก  เลยจ่ายค่าเลี้ยงดูให้แม่ค้า ก็ได้นกคืนกลับมาพร้อมกับกรง ขณะขับรถกลับบ้าน  ข้อพระคัมภีร์ที่ว่า พระเจ้าทรงเลี้ยงนกน้อยใหญ่ก็ผุดขึ้นในความคิด

มัทธิว 6:26  26 จง​ดู​นก​ใน​อากาศ มัน​มิได้​หว่าน มิได้​เกี่ยว มิได้​ส่ำ​สม​ไว้​ใน​ยุ้ง​ฉาง แต่​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​เลี้ยง​นก​ไว้ ท่าน​ทั้ง​หลาย​มิ​ประเสริฐ​กว่า​นก​หรือ​

ข้าพเจ้าขับรถไป น้ำตาไหลพรากไป ซาบซึ้งในการรักษาสัญญาของพระเจ้า และซาบซึ้งถึงการเลี้ยงดูของพระองค์  นกตัวนี้ได้คืนมาในวันเดียวกันกับที่ประเทศไทยได้รับทับหลังนารายณ์คืนมา จำได้ว่า มาถึงบ้าน เปิดทีวี ก็ออกข่าวนี้พอดี   สิ่งเล็กๆน้อยๆที่เรามองว่า หายไปแล้ว คิดว่าจะไม่ได้รับคืนกลับมาแล้ว หรือสูญเสียไปแล้ว ช่างมัน แต่สำหรับพระเจ้า พระองค์ทรงใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆในชีวิตของเรา  พระองค์จะไม่ยอมให้เราสูญเสียไปเปล่าๆ พระองค์ต้องนำคืนกลับมาให้เรา

เมื่อย้อนกลับมาพิจารณาเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ที่ข้าพเจ้ากำนกตัวเล็กในอุ้งมือ มันพยายามจะดิ้นให้หลุดจากอุ้งมือของข้าพเจ้า ตัวของข้าพเจ้าเองคิดพิจารณาว่า นี่คือนกเลี้ยง ปล่อยไป นกตัวนี้ตายแน่ มองหน้ามัน มันคงจะมองเราเป็นยักษ์ใจร้ายที่ไม่ยอมปล่อยมันไป มันพยายามจะดิ้น ข้าพเจ้าก็ยิ่งกำมันแน่น แต่ไม่ให้มันบาดเจ็บ  เพราะต้องการรักษามันไว้ ต้องหาเจ้าของมันให้เจอ คุยกับเพื่อนบ้านอีกคน ก็พยายามหาว่า จะเอาอะไรมาทำกรงให้มัน เพื่อจะหาเจ้าของมันให้เจอ

พระเจ้าคงจะพิจารณาชีวิตของพวกเราทุกคนแบบนี้เหมือนกัน ถ้าปล่อยไป เราแต่ละคนคงแย่ คงตายแน่ พระเจ้าจึงยึดเราไว้ ดังพระคำที่กล่าวว่า

โรม 8:38-39 38 เพราะ​ข้าพเจ้า​เชื่อมั่น​ว่า แม้​ความ​ตาย หรือ​ชีวิต หรือ​บรรดา​ทูตสวรรค์ หรือ​เทพ​เจ้า หรือ​สิ่ง​ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​ปัจจุบัน​นี้ หรือ​สิ่ง​ซึ่ง​จะ​มี​ใน​ภาย​หน้า หรือ​ฤทธิ์​เดช​ทั้ง​หลาย​39 หรือ​ซึ่ง​สูง หรือ​ซึ่ง​ลึก หรือ​สิ่ง​ใดๆ อื่น​ที่​ได้​ทรง​สร้าง​แล้ว​นั้น จะ​ไม่​สามารถ​กระทำ​ให้​เรา​ทั้ง​หลาย​ขาด​จาก​ความ​รัก​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​เรา​ได้​

มีตัวอย่างที่มักจะสาธิตกับพวกเราว่า  การจับมือแบบเช็กแฮนด์  ฝ่ายหนึ่งปล่อยมือ อีกฝ่ายหนึ่งไม่ยอมปล่อย ฝ่ายที่ปล่อยก็ไม่สามารถดึงมือกลับได้ ฝ่ายที่ไม่ยอมปล่อย คือพระเจ้า ที่ยังคงยึดมือของเราไว้ แม้ว่าในบางครั้ง เราจะรู้สึกว่า เราไม่เอาพระเจ้า เราทิ้งพระเจ้า นี่คือสิ่งที่มีพระคัมภีร์อีกตอนยืนยันเรื่องนี้

2ทิโมธี 2:11-13 11 ข้อ​นี้​เป็น​ความ​จริง คือ​ถ้า​เรา​ตาย​กับ​พระ​องค์ เรา​ก็​จะ​มี​ชีวิต​อยู่​กับ​พระ​องค์ 12 ถ้า​เรา​มี​ความ​อดทน เรา​ก็​จะ​ได้​ครอง​ร่วมกับ​พระ​องค์ ถ้า​เรา​ไม่​ยอมรับ​พระ​องค์ ​พระ​องค์​ก็​จะ​ไม่​ทรง​ยอมรับ​เรา​เช่น​เดียว​กัน 13 ถ้า​เรา​ไม่​มี​ความ​สัตย์​จริง ​พระ​องค์​ก็​ยัง​ทรง​ไว้​ซึ่ง​ความ​สัตย์​จริง เพราะ​พระ​องค์​จะ​ไม่​ทรง​เป็น​พระ​องค์​เอง​ไม่ได้​

ความไม่สัตย์จริงที่พระคัมภีร์กล่าวถึงตรงนี้ หมายถึง ความไม่เชื่อไม่วางใจในพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง พระเจ้าก็ยังคงเป็นที่ไว้วางใจได้ ความไว้วางใจได้ของพระเจ้าไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย  เหมือนกับคำที่กล่าวว่า แม้จะมีคนที่ไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริง ความไม่เชื่อของคนเหล่านั้นไม่ได้ทำลายการดำรงอยู่ของพระองค์ ทำนองเดียวกัน  ถ้าเราไม่วางใจในพระเจ้า พระเจ้าก็ยังเป็นที่ไว้วางใจได้ ความไม่เชื่อของเราไม่ได้มีผลต่อพระเจ้า แต่ในทางกลับกัน มีผลต่อเราแน่ๆ หากเราไม่วางใจในพระเจ้า เราก็พลาดประสบการณ์กับพระเจ้าและพลาดพระพรมากมาย

รอยเท้าบนพื้นทราย เป็นบทกวีความฝันของชายคนหนึ่งที่ฝันว่าได้เดินเคียงข้างไปกับพระเจ้า มีรอยเท้าสองคู่เดินไปด้วยกัน วันหนึ่ง พายุพัดโถมเข้ามาที่ชายหาดนั้น และเขาได้เห็นรอยเท้าเหลือเพียงคู่เดียว แล้วเขาก็ถามหาพระเจ้าว่า พระเจ้าหายไปไหน พระเจ้าตอบเขาว่า พระองค์ไม่ได้หายไปไหน แต่รอยเท้าที่เจ้าเห็นนั้น คือรอยเท้าของเราที่อุ้มเจ้าเอาไว้

นกที่ข้าพเจ้ากำเอาไว้ในอุ้งมือ เพื่อปกป้องมัน มันไม่เข้าใจว่านี่คืออุ้งมือที่ปกป้องมันไว้ มันคิดแต่ว่า มันต้องการเสรีภาพ ต้องการจะบิน ทั้งๆที่มันบินไม่เก่ง และบนตก บินตกอยู่นั่น ทำให้ข้าพเจ้าจับมันได้ง่าย มันหารู้ไม่ว่า มีแมวหมอบรอมันอยู่หน้าบ้านเจ้าของของมัน

ผู้รับใช้ของพระคริสต์…เชื่อและวางใจ จะทำให้ชีวิตของตนเองปลอดภัย และมีบทเรียนมากมาย ที่จะนำมาเป็นตัวอย่างแก่เราจากตัวอย่างในเรื่องของพี่น้องคู่แรกของโลก

ปฐมกาล 4:1-4 1 ฝ่าย​ชาย​นั้น​สม​สู่​อยู่​กับ​เอวา​ภรรยา​ของ​ตน นาง​ก็​ตั้งครรภ์​และ​ให้​กำเนิด​บุตร​ชื่อ​คาอิน นาง​จึง​กล่าว​ว่า “​พระ​เจ้า​ทรง​โปรด​ให้​ฉัน​ได้​ผู้ชาย​คน​หนึ่ง”2 ต่อมา​นาง​ก็​ให้​กำเนิด​น้อง​ชาย​ของ​เขา​ชื่อ​อาแบล อาแบล​เป็น​คน​เลี้ยง​แกะ ส่วน​คาอิน​เป็น​คน​ทำ​ไร่​ไถ​นา​3 อยู่​มา​วัน​หนึ่ง​คาอิน​นำ​พืชผล​ที่​เกิด​จาก​ไร่​นา​มา​ถวาย​พระ​เจ้า​4 ส่วน​อาแบล​ก็​นำ​แกะ​หัวปี​จาก​ฝูง​และ​ไขมัน​ของ​แกะ​มา​ถวาย ​พระ​เจ้า​ทรง​พอ​พระ​ทัย​อาแบล​และ​เครื่องบูชา​ของ​เขา

ผู้รับใช้ของพระคริสต์…เชื่อและวางใจ ต้องเรียนรู้บทเรียนของคาอิน

1.รับคำเตือนสติให้หยุดความไม่พอใจ ปฐมกาล 4:6-7

6 ​พระ​เจ้า​จึง​ตรัส​ถาม​คาอิน​ว่า “เจ้า​โกรธ​เคือง​หน้า​บูด​บึ้ง​อยู่​ทำไม​7 ถ้า​เจ้า​ทำ​ดี เรา​ก็​จะ​พอใจ​รับ​เจ้า​มิใช่​หรือ ถ้า​เจ้า​ทำ​ไม่​ดี บาป​ก็​หมอบ​อยู่​ที่​ประตู อยาก​ตะครุบ​เจ้า เจ้า​จะต้อง​เอาชนะ​บาป​นั้น​ให้​ได้”

พระเจ้าเตือนคาอินว่า ให้ระวัง บาปกำลังหมอบคอยที่จะตระครุบคาอิน เพราะคาอิน กำลังเก็บความไม่พอใจไว้ในใจของตนเอง ซึ่งเป็นช่องทางที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นเหยื่อของบาปที่หมอบคอยอยู่ที่ประตู

วันนี้ ในรุ่งอรุณได้มีการกล่าวถึง ประตูจิตใจของเรา ต้องมีคนยามเฝ้าระวัง ไม่ให้สิ่งที่ไม่สะอาดเข้ามาในชีวิตได้ พระเยซูได้สอนประชาชนเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่สะอาดทำให้ชีวิตของเราเป็นมลทิน ไม่ใช่สิ่งที่กินเข้าไปในกระเพาะ อย่างที่พวกฟาริสีสอน แต่สิ่งที่เข้าไปในจิตใจ และสิ่งที่ออกมาจากจิตใจต่างหากที่ต้องใส่ใจ

มัทธิว 15:18-20 18 แต่​สิ่ง​ที่​ออก​จาก​ปาก​ก็​ออกมา​จาก​ใจ สิ่ง​นั้น​แหละ​ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มลทิน​19 ความ​คิด​ชั่ว​ร้าย การ​ฆ่า​คน การ​ผิด​ผัว​ผิด​เมีย การ​ล่วง​ประเวณี การ​ลัก​ขโมย การ​เป็น​พยาน​เท็จ การ​ใส่​ร้าย ​ก็​ออกมา​จาก​ใจ​20 สิ่ง​เหล่า​นี้​แหละ​ที่​ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มลทิน แต่​ซึ่ง​จะ​รับประทาน​อาหาร​โดย​ไม่​ล้าง​มือ​ก่อน ไม่​ทำ​ให้​มนุษย์​เป็น​มลทิน”

ความไม่พอใจ เป็นช่องทางให้เกิดความคิดชั่วร้าย (อันดับแรก)  พระเยซูยกตัวอย่างเรื่อง การฆ่าคน…. พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง มาตรฐานของพระเจ้า แม้คิดก็ถือว่าได้กระทำแล้ว เรื่องการเป็นผู้ฆ่าคน ในมาตรฐานของพระคัมภีร์ใหม่ในหนังสือ 1ยอห์น ได้วางมาตรฐานไว้อย่างนี้ว่า

1ยอห์น 3:15  15 ผู้ใด​ที่​เกลียด​ชัง​พี่​น้อง​ของ​ตน​ผู้​นั้น​ก็​เป็น​ผู้​ฆ่า​คน และ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​รู้​แล้ว​ว่า ผู้​ฆ่า​คน​นั้น​ไม่​มี​ชีวิต​นิรันดร์​ดำรง​อยู่​ใน​เขา​เลย​

ความเกลียดชัง เป็นปฏิกิริยาต่อเนื่องเกิดจากความไม่พอใจ  คาอินไม่เชื่อไม่วางใจคำเตือนที่มาจากพระเจ้า คาอิน ปล่อยตัวเองหลุดออกจากมือที่พระเจ้าทรงกุมคาอินไว้ด้วยคำเตือน

ปฐมกาล 4:8 8 ฝ่าย​คาอิน​ก็​พูด​ชวน​อาแบล​น้อง​ชาย​ของ​ตน​ว่า “เรา​ไป​นา​กัน​เถอะ” เมื่อ​อยู่​ที่​นา​ด้วย​กัน คาอิน​ก็​โถม​เข้า​ฆ่า​อาแบล​น้อง​ชาย​ของ​ตน​เสีย

น่าเสียดาย น่าเสียใจ ที่เกิดเหตุพี่ฆ่าน้อง เพราะการไม่เชื่อและไม่วางใจในคำเตือนของพระเจ้า

2.รับคำเตือนเพื่อให้กลับใจ  ปฐมกาล 4:9-10

9 ​พระ​เจ้า​ตรัส​ถาม​คาอิน​ว่า “อาแบล​น้อง​ชาย​ของ​เจ้า​อยู่​ที่​ไหน” คาอิน​จึง​ทูล​ว่า “ข้า​พระ​องค์​ไม่​ทราบ ข้า​พระ​องค์​หรือ​เป็น​ผู้​ดู​แล​น้อง”10 ​พระ​องค์​ตรัส​ว่า “เจ้า​ทำ​อะไร​ไป โลหิต​ของ​น้อง​เจ้า​ส่ง​เสียง​ร้อง​ฟ้อง​ขึ้น​มา​จาก​ดิน

พระเจ้าถามคาอิน เกี่ยวกับเรื่องน้อง ว่าอาแบล อยู่ที่ไหน ไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าไม่รู้ แต่พระเจ้าต้องการให้คาอินสำนึกบาป และสารภาพบาป  ในตอนนี้ ถ้าคาอินสำนึกบาป และสารภาพกลับใจใหม่ พระเจ้าทรงเป็นผู้เดียวที่สามารถยกบาปให้ได้ พระองค์ต้องการยกบาป แต่คาอินกลับซ่อนบาป (เพราะคิดอย่างโง่ๆว่า พระเจ้าถามเพราะพระเจ้าไม่รู้)

บ่อยครั้งก็มีคริสเตียนที่คิดว่า พระเจ้าไม่รู้ว่า เขาไปทำบาป แอบซ่อนบาปอะไรไว้ ทำเนียนๆ มาโบสถ์แบบไม่มีใครรู้

กาลาเทีย 6:7 7 อย่า​หลง​เลย ท่าน​จะ​หลอก​ลวง​พระ​เจ้า​ไม่ได้ เพราะ​ว่า​ผู้ใด​หว่าน​อะไร​ลง ​ก็​จะ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​สิ่ง​นั้น​

คำเตือนให้กลับใจ เพราะได้ทำบาปแล้ว  แต่คาอินแก้ตัวแทนที่จะกลับใจ  แถมเสียดสีอีกว่า “ข้า​พระ​องค์​ไม่​ทราบ ข้า​พระ​องค์​หรือ​เป็น​ผู้​ดู​แล​น้อง” คำตอบของคาอิน ได้ปิดโอกาสของตัวเอง ที่จะได้รับการยกโทษให้อภัยจากพระเจ้า  เมื่อคาอินไม่ยอมสำนึกด้วยตัวเอง คาอินก็ต้องเจอกับพยานหลักฐานที่ฟ้องผิดตัวของคาอิน 10 ​พระ​องค์​ตรัส​ว่า “เจ้า​ทำ​อะไร​ไป โลหิต​ของ​น้อง​เจ้า​ส่ง​เสียง​ร้อง​ฟ้อง​ขึ้น​มา​จาก​ดิน

ผู้รับใช้ของพระคริสต์….เชื่อและวางใจในพระเจ้า ต้องอย่าเป็นผู้ร้ายปากแข็ง  เพราะพระเจ้าจะไม่ปล่อยคนของพระองค์ไปง่ายๆ พระองค์กุมเราไว้ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์  มีสำนวนที่พูดว่า พ่อแม่จะตีลูกตัวเอง ดีกว่า ปล่อยให้คนอื่นมาตี (เพราะถ้าคนอื่นตี ลูกอาจตาย แต่ถ้าพ่อแม่ตี ไม่ถึงตายหรอก)

แต่มีลูกบางคนที่ไม่ยอมรับโอกาสที่หยิบยื่นให้จากพ่อแม่ ก็ไปตายเพราะคนอื่นที่หมอบคอยตระครุบอยู่นอกบ้าน  พระเจ้าทรงเป็นพ่อแม่ของเรา แม้พระองค์จะตี ก็ตีเพื่อให้เรารอดตาย (เหมือนกับมือที่ข้าพเจ้ากุมนกตัวเล็กไว้แน่นขึ้นจนมันขยับไม่ได้ ตอนแรกกลัวมันเจ็บ กุมเอาไว้หลวมๆ แต่มันดิ้น ข้าพเจ้ากลัวว่า มันจะหลุดมือไป ทีนี้ละ เป็นเรื่อง เลยต้องบีบแน่นขึ้น เพื่อให้แน่ให้แน่ใจว่า มันจะไม่หลุดมือไปเป็นอันตราย

ลองคิดดูว่า ถ้ามันหลุดมือไป มันตกลงพื้น ใครจะไวกว่ากัน ระหว่าง แมวกับข้าพเจ้า แน่นอน แมวไวกว่า อะไรจะเกิดขึ้น ถ้ามันไปอยู่ในปากแมว

1เปโตร 5:7-8 7 จง​ละ​ความ​กระวน​กระวาย​ของ​ท่าน​ไว้​กับ​พระ​องค์ เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ห่วงใย​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ 8 ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​สงบ​ใจ​จง​ระวัง​ระไว​ให้​ดี ด้วย​ว่า​ศัตรู​ของ​ท่าน​คือ​มาร​วนเวียน​อยู่​รอบๆ ดุจ​สิงห์​คำราม​เที่ยว​ไป​เสาะหา​คน​ที่​มัน​จะ​กัด​กิน​ได้​

น่าสนใจในข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ ก่อนที่จะเตือนว่า ระวังสิงโตคือมารซาตาน คำเตือนอันหนึ่งที่มาก่อน คือ 7 จง​ละ​ความ​กระวน​กระวาย​ของ​ท่าน​ไว้​กับ​พระ​องค์  คำว่า กระวนกระวาย คือคำเดียวกันกับที่พระเยซูทรงสอนในมัทธิว

มัทธิว 6:25-26  25 “เหตุ​ฉะนั้น เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า อย่า​กระวน​กระวาย​ถึง​ชีวิต​ของ​ตน​ว่า จะ​เอา​อะไร​กิน หรือ​จะ​เอา​อะไร​ดื่ม และ​อย่า​กระวน​กระวาย​ถึง​ร่างกาย​ของ​ตน​ว่า จะ​เอา​อะไร​นุ่ง​ห่ม ชีวิต​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​อาหาร​มิใช่​หรือ และ​ร่างกาย​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​เครื่อง​นุ่งห่ม​มิใช่​หรือ​26 จง​ดู​นก​ใน​อากาศ มัน​มิได้​หว่าน มิได้​เกี่ยว มิได้​ส่ำ​สม​ไว้​ใน​ยุ้ง​ฉาง แต่​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​เลี้ยง​นก​ไว้ ท่าน​ทั้ง​หลาย​มิ​ประเสริฐ​กว่า​นก​หรือ​

นกอีกแล้ว  พระเยซูทรงเปรียบเทียบชีวิตของเราเหมือนกับนกในอากาศ ชีวิตของเรามีค่ามากกว่านก  ขอให้เราเชื่อและวางใจในพระเจ้า เราประเสริฐกว่า คือมีค่ามากกว่านก จงรับคำเตือนเพื่อให้กลับใจ

คำเตือน อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เราอึดอัด เหมือนมือของพระเจ้ากุมเราไว้ เหมือนพระเจ้าอุ้มเราไว้ เหมือนรอยเท้าเดียวที่เราเห็น แต่นั่นคือรอยเท้าของพระเจ้า  และบทเรียนสุดท้ายของคาอินที่คริสเตียนบางคนไถลไปไกล จากโอกาสที่จะกลับใจ ทำยังไงดี….

3.วิเคราะห์ผลแก้ปัญหา  ปฐมกาล 4:11-12

11 บัดนี้​เจ้า​จะต้อง​ถูก​สาป​จาก​ที่ดิน​ที่​ได้​อ้า​ปาก​รับ​โลหิต​น้อง​จาก​มือ​เจ้า​12 ต่อไป​เมื่อ​เจ้า​ทำ​นา​จะ​ไม่​เกิดผล​มาก เจ้า​จะต้อง​หลบหนี​และ​พเนจร​ไป​ใน​โลก”

ทำนาไม่เกิดผล ต้องตกในสภาพหลบหนี และพเนจร   การทำนาไม่เกิดผล เปรียบเหมือนการทำอะไรก็ไม่ได้รับผลที่ดี สภาพหลบหนี คือตกอยู่ภายใต้ความกลัว และพเนจร เปรียบเหมือนกับการไม่ปักหลัก มั่นคงสักที  ทั้งหมดนี้ ทำให้มีชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นสุข  (เหมือนไม่ได้รับพระพร)

อย่าเพิ่งรู้สึกสิ้นหวัง อย่ารู้สึกว่า เป็นการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับเราตลอดไป มีทางแก้ไข แต่อันดับแรก เราต้องยอมรับความจริงว่า มันคือผลจากบาปของการไม่เชื่อและวางใจ และเป็นผลจากการพลาดโอกาสที่พระเจ้าให้ในการกลับใจใหม่  หากเราวิเคราะห์คำสั่งสอนของพระเยซูในการเป็นสาวกของพระองค์

ยอห์น 13:35  35 ถ้า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​รัก​กัน​และ​กัน ดังนี้​แหละ​คน​ทั้ง​ปวง​ก็​จะ​รู้​ได้​ว่า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เป็น​สาวก​ของ​เรา”

1ยอห์น 3:11-12 11 นี่​เป็น​คำ​สั่ง​สอน​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​ได้​ฟัง​มา​ตั้งแต่​เริ่มแรก คือ​ให้​เรา​ทั้ง​หลาย​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน12 จง​อย่า​เป็น​เหมือน​คาอิน​ที่มา​จาก​มาร​และ​ได้​ฆ่า​น้อง​ของ​ตนเอง และ​เหตุ​ใด​เขา​จึง​ฆ่า​น้อง ​ก็​เพราะ​การ​กระทำ​ของ​เขา​ชั่ว​และ​การ​กระทำ​ของ​น้อง​นั้น​ชอบธรรม​

ทางที่จะนำเรากลับออกจากสภาพการสูญเสียของคาอิน คือ ความรักกันและกัน

1เปโตร 4:8 8 ที่​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​อะไร​หมด​ก็​คือ​จง​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​ให้​มาก เพราะ​ว่า​ความ​รัก​ลบ​ล้าง​ความ​ผิด​มาก​มาย​ได้

เราเชื่อและวางใจในคำนี้หรือไม๊  พระเยซูทรงตรัสว่า อย่าให้ใจของท่านวิตกและอย่ากลัวเลย แต่วางใจ

ยอห์น 14:1 1 “อย่า​ให้​ใจ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​วิตก​เลย ท่าน​วางใจ​ใน​พระ​เจ้า​ จง​วางใจ​ใน​เรา​ด้วย​

เมื่อเราวิเคราะห์ผลให้พบรากของปัญหา จงจบลงด้วยการแก้ปัญหา  การรักกันและกัน คือคำตอบสุดท้าย ของการเชื่อและวางใจในพระเจ้า อาเมน

ผู้รับใช้ของพระคริสต์…เชื่อและวางใจ 

1.รับคำเตือนสติให้หยุดความไม่พอใจ

2.รับคำเตือนเพื่อให้กลับใจ 

3.วิเคราะห์แก้รากปัญหา 

By admin