“เท้าของผู้นำข่าวดี…ช่างงามจริงๆหนอ”
โรม 10:12-17 12 เพราะว่าพวกยิวและพวกต่างชาตินั้น ไม่ทรงถือว่าต่างกัน ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนทั้งปวง และทรงโปรดอย่างบริบูรณ์แก่คนทั้งปวงที่ทูลขอต่อพระองค์13 เพราะว่า ผู้ที่ร้องออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะรอด 14 แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้15 และถ้าไม่มีใครใช้เขาไป เขาจะไปประกาศอย่างไรได้ ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆหนอ 16 แต่มิใช่ทุกคนได้เชื่อฟังข่าวประเสริฐนั้น เพราะอิสยาห์ได้กล่าวไว้ว่า พระองค์เจ้าข้า ใครเล่าได้เชื่อสิ่งที่เขาได้ยินจากเราทั้งหลาย 17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์ ใกล้ถึงวันคริสตมาสแล้วพี่น้อง เป็นโอกาสที่เราจะได้ประกาศเรื่องราวของพระเยซูคริสต์เจ้า เพราะผู้คนมากมายก็จะร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลคริสตมาส ส่วนคริสเตียนก็จะได้เป็นผู้นำข่าวดีในโอ กาสนี้ …เท้าของผู้นำข่าวดี….ช่างงามจริงๆหนอ ไม่ว่าเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ชอบบรรยากาศเฉลิมฉลอง งานรื่นเริงยินดี การฉลองคริสตมาสของคริสเตียนไม่มีเหล้าบุหรี่ สิ่งเสพติด มีแต่ความสดชื่นแจ่มใส และเสียงเพลง เสียงหัวเราะ คนมากมายอยากฟังข่าวดี แต่ก็มีคำถามเช่นกันว่า ทำไมการประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสต์จึงเป็นอะไรที่คนต่อต้าน ราวกับว่า คือข่าวร้าย บางที อยู่ที่วิธีสื่อสาร การแบ่งปัน การเป็นพยานของเรานั้น อาจไม่ถูกใจ หรือคนฟังเคยฟังแล้ว ไม่ประทับใจกับการนำเสนอข่าวดีนี้จากคริสเตียนบางคน โคโลสี 4:5-6 5 จงปฏิบัติกับคนภายนอกด้วยใช้สติปัญญา โดยฉวยโอกาส6 จงให้วาจาของท่านประกอบ ด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้จักตอบให้จุใจแก่ทุกคน พระคัม ภีร์ตอนนี้กำลังบอกเราในสองมุมมอง มุมหนึ่ง คือ จำเป็นที่เราจะต้องเตรียมตัวสำหรับการเป็นผู้นำข่าวดีที่มีประสิทธิภาพ มีถ้อยคำที่ตอบคนได้อย่างจุใจ มีรสชาดของชีวิตจริง จำเป็นต้องฝึก จำเป็นต้องเรียบเรียงประสบการณ์จริงที่มีกับพระเจ้า คนชอบฟังชีวิตจริง อีกมุมหนึ่ง คือผลจากการไม่เตรียมตัวที่จะเป็นผู้นำข่าวดีที่มีประสิทธิภาพ การไม่สามารถจะตอบคนอื่นได้ว่า การเป็นคริสเตียนของเรามีความหมายอย่างไร นั่นก็คือ เราไม่รู้จักตอบให้จุใจแก่ทุกคน ผลลัพธ์ก็อาจเป็นการต่อต้าน ปิดประตู ไม่อยากฟัง คริสเตียนที่ดำเนินชีวิตใม่ชัดเจนกับความหวังใจของตนเอง แล้วจะให้คนอื่นมาร่วมทางดินเดียวกันได้อย่างไร มีแต่จะลังเล สงสัย และไม่เชื่อว่าพระเยซูมีอยู่จริงหรือ เบื้องหลังคำว่า เท้าของผู้นำข่าวดี…ช่างงามจริงๆหนอ มาจากการวิ่งของทหารในยุคโบราณ เพื่อกลับมาส่งข่าวแห่งชัยชนะให้กับคนที่รอคอยอยู่ที่ข้างหลัง ในขณะที่ข้างหน้า คือสงคราม ไอควันโขมง ผู้คนที่รอคอยที่บ้านต่างลุ้นว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ข่าวดีวันคริสตมาสคือข่าวแห่งชัยชนะที่พระเยซูคริสต์เจ้าได้นำมามอบให้กับคนทั้งโลก และเราทุกคนคือผู้นำข่าวดีไปสู่คนอื่น