“เราจะไปต่อ….ด้วยกัน”
อพยพ 14:1-3, 9-15 1 พระเจ้ารับสั่งแก่โมเสสว่า2 “จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้ย้อนกลับไปยังค่ายหน้าตำบลปีหะหิโรทระหว่างมิกดลและทะเลหน้าตำบลบาอัลเซโฟน แล้วตั้งค่ายตรงนั้นใกล้ทะเล3 ฟาโรห์จะกล่าวถึงชนชาติอิสราเอลว่า ‘พวกเขาติดอยู่บนบก ถิ่นทุรกันดารนั้นกั้นเขาไว้แล้ว’….9 ชาวอียิปต์ไล่ตามไปมีทั้งม้าและรถรบของฟาโรห์และทหารม้า กองทัพของท่านมาทันชนชาติอิสราเอลที่ตั้งค่ายอยู่ริมทะเล ใกล้ตำบลปีหะหิโรท หน้าตำบลบาอัลเซโฟน10 เมื่อฟาโรห์เข้ามาใกล้ ชนชาติอิสราเอลก็เงยหน้าขึ้นดู เมื่อเห็นชาวอียิปต์ยกติดตามมา ก็มีความกลัวยิ่งนัก คนอิสราเอลจึงร้องทูลพระเจ้า11 เขาบอกโมเสสว่า “หลุมฝังศพในอียิปต์ไม่มีหรือ ท่านจึงพาเราออกมาให้ตายในถิ่นทุรกันดาร ทำไมหนอท่านจึงพาเราออกมาจากอียิปต์12 พวกเราบอกท่านในอียิปต์แล้วมิใช่หรือว่า ปล่อยพวกเราแต่ลำพัง ให้พวกเรารับใช้ชาวอียิปต์เถิด เพราะการรับใช้ชาวอียิปต์นั้น ก็ยังดีกว่าที่จะมาตายในถิ่นทุรกันดาร” 13 โมเสสจึงเตือนประชากรว่า “อย่ากลัวเลย มั่นคงไว้ คอยดูความรอดที่จะมาจากพระเจ้า ซึ่งพระองค์จะประทานให้แก่ท่านทั้งหลายในวันนี้ด้วยคนอียิปต์ ซึ่งท่านทั้งหลายเห็นในวันนี้ แต่นี้ไปจะไม่ได้เห็นอีกเลย14 พระเจ้าจะทรงรบแทนท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงสงบอยู่เถิด” 15 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงมาร้องทุกข์ต่อเรา จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้เดินต่อไปข้างหน้าเถิด
นี่คือตอนที่โมเสสนำอิสราเอลหลายล้านคน ออกจากอียิปต์ กว่าจะต่อรองให้ฟาโรห์ปลดปล่อยอิสราเอลออกจากการถูกกดขี่ ใช้งานหนักอย่างทาส จนสุดท้าย พระเจ้าต้องส่งทูตมรณะมาประหารบุตรหัวปีของคนอียิปต์ และแม้กระทั่งสัตว์ของคนอียิปต์ก็ตาย ฟาโรห์จึงยอมปล่อยอิสราเอลออก โมเสสนำคนอิสราเอลตามการนำของเสาเมฆและเสาไฟ เรียกว่า เสาเมฆเสาไฟนำไปทางไหน ก็มีหน้าที่เดินตามเท่านั้น และเสาเมฆเสาไฟนำมาจนถึงทะเล ไม่มีทางไปต่อ
เมื่อหันหลังกลับ กองทัพอียิปต์ไล่ตามติดมาเพื่อเอาอิสราเอลกลับไปเป็นทาสอีกครั้ง ฟาโรห์นำทัพมาด้วยความโกรธเกรี้ยวกราด คราวนี้ ถ้ากลับไปอียิปต์อีก ยิ่งแย่กว่าเดิมแน่ ข้างหน้าก็ทะเล ข้างหลังก็กองทัพฟาโรห์ แถมภายในกันเอง ก็มีการต่อว่าต่อขาน บ่นต่อว่าโมเสส หาว่า พามาตาย โมเสสทำได้คือหันกลับไปถามพระเจ้าว่า จะทำยังไงดี สถานการณ์คับขัน ถูกกดดันรอบด้าน
พระเจ้าทรงตอบโมเสสว่าไง….พี่น้อง…..
15 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงมาร้องทุกข์ต่อเรา จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้เดินต่อไปข้างหน้าเถิด
สั้นๆ “เราจะไปต่อ…ด้วยกัน” ใครไป…. พระเจ้ากำลังบอกโมเสสว่า เราจะไปกับเจ้า เจ้าจงไปต่อกับคนอิสราเอล
ข้างหน้าคือทะเลที่ขวางอยู่ เป็นไปไม่ได้ เดินได้ยังไง มีแต่จม ตายแน่
ทำไมพระเจ้าจึงนำอิสราเอลมายังทะเลแดง ที่เป็นอุปสรรคในการไปต่อ ถ้าย้อนกลับไปบทก่อนหน้านี้ บันทึกว่า
อพยพ 13:17-18 17 เมื่อฟาโรห์ปล่อยประชากรไปแล้ว พระเจ้ามิได้ทรงนำเขาไปทางแผ่นดินของชาวฟีลิสเตีย แม้ว่าจะเป็นทางใกล้ เพราะพระเจ้าตรัสว่า “เกรงว่าเมื่อประชากรไปเผชิญสงครามเข้า เขาจะเปลี่ยนใจและกลับไปยังอียิปต์เสีย”18 พระเจ้าจึงทรงนำเขาอ้อมไปทางถิ่นทุรกันดารยังทะเลแดง ชนชาติอิสราเอลก็ออกไปจากแผ่นดินอียิปต์ มีอาวุธพร้อมที่จะทำสงคราม
แม้อิสราเอลจะมีอาวุธพร้อมทำสงคราม แต่พระเจ้าก็ไม่ให้ทำสงคราม เพราะพระเจ้าทรงรู้ว่า จิตใจของอิสราเอลในเวลานั้น ไม่พร้อมทำสงคราม และจะเปลี่ยนใจกลับไปยังอียิปต์ (แปลว่า หนี) ยอมที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีก พระเจ้าจึงนำอิสราเอลไปทางทะเลแดง ที่ที่ไม่มีทางไปต่อได้ (สำหรับความจริงของมนุษย์)
คานาอัน ไม่ได้เข้าได้ง่ายๆ ถ้าจะเข้า ต้องเจอพวกสุดๆของความเหี้ยมโหดขวางทาง และเชี่ยวชาญในการรบ อิสราเอลมีอาวุธก็จริง แต่ไม่ยังพร้อมเชื่อฟังพระเจ้า ไม่ใช่แค่ไม่พร้อมรบ
ยอห์น 14:6 6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
มัทธิว7:13 “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่ และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก14 เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย
พระเยซูทรงตรัสถึงหนทางที่จะไปต่อของคริสเตียน ต้องไปในทางทางของพระเยซู วิธีของพระองค์ หนทางที่แคบ และคับ คือการบอกว่า เราต้องฝึกการเชื่อฟังในการเดินทางนี้ จึงจะอยู่ในทางนี้ได้ ทางของพระเยซูซ่อนอยู่ในสิ่งที่กีดขวางทั้งหลาย
ทะเลที่อยู่ตรงหน้าอิสราเอล เป็นเหมือนกับสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ความจริงที่คนมากมายยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ ที่จะชนะอุปสรรคนั้นได้ กองทัพอียิปต์ เป็นเหมือนกับชะตากรรม หรือคนไทยยอมรับว่า คือกรรมเวรที่ผูกมากับชีวิต เหวี่ยงเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเอาออกไปได้พ้นคอ จะไปต่อได้อย่างไร มีแต่ต้องก้มหน้ารับกรรมนั้นหรือ?แถมยังมีเสียงบ่นตำหนิ ต่อว่า ซ้ำเติม จากภายในกันเองอีก Ex. เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์บางอย่างคล้ายๆกันนี้ไม๊?
คนที่ตั้งใจที่จะเดินทางแคบและคับของพระเยซู จะมองเห็นอุปสรรค มีทางออกเสมอ ชะตากรรมไม่ใช่ชะตากรรม อุปสรรคไม่ใช่อุปสรรค
15 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงมาร้องทุกข์ต่อเรา จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้เดินต่อไปข้างหน้าเถิด
พระเจ้ากำลังบอกกับโมเสสว่า อย่ายอมแพ้ อย่าถอดใจ แต่จงเชื่อฟัง …เดินต่อไปข้างหน้าเถิด
เราเคยกลัว หรือกำลังรู้สึกจะถอดใจ อยากจะยอมแพ้ชะตาชีวิตตัวเองไม๊? หรือกำลังบ่นต่อว่า ตำหนิ คนรอบข้างที่ทำให้เป็นอย่างนี้?
มาดูว่า พระเจ้าทรงทำอะไร กับกองทัพฟาโรห์ ที่มองแล้วอยู่ใกล้ แต่เข้าไม่ถึงอิสราเอล ในขณะที่อิสราเอลติดแหง็กอยู่ตรงทะเลแดง
อพยพ 14:19-20 19 ฝ่ายทูตของพระเจ้าซึ่งนำพลโยธานั้นกลับไปอยู่ข้างหลัง และเสาเมฆซึ่งอยู่ข้างหน้า ก็กลับมาตั้งอยู่ข้างหลังเขา20 คือมาอยู่ระหว่างพลโยธาอียิปต์และพลโยธาอิสราเอล มีเมฆและความมืดกั้น เวลากลางคืนก็ผ่านไปโดยทั้งสองฝ่ายมิได้เข้าใกล้กันตลอดคืน
การมองเห็นผู้ไล่ล่า ทำให้ผู้ถูกไล่ล่า รู้สึกถึงอันตราย ทำให้กลัว แต่เวลานี้ พระเจ้าทรงทำให้การมองเห็นนั้นถูกบังด้วยเมฆ และความมืด ทางฝ่ายผู้ไล่ล่าไม่สามารถมองเห็นอีกฝ่ายได้ และทางฝ่ายอิสราเอล หลุดจากการจดจ่อกับสิ่งที่น่ากลัว มาจดจ่อกับสิ่งอัศจรรย์ที่พระเจ้ากำลังจะทำให้เกิดขึ้น คือทะเลแดงแหวกออก ให้เดินต่อไป ….ด้วยกัน
สังเกตว่า การที่อิสราเอลออกมาด้วยกัน ไปด้วยกัน เพื่อจะไปต่อ….ด้วยกัน ไม่มีใครสักคนที่จะถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง การไปต่อ…ต้องการกันและกัน และเป็นกุญแจสำคัญของการไปต่อ….
มีคำพูดว่า ถ้าอยากไปเร็ว ไปคนเดียว แต่ถ้าอยากไปไกล ให้ไปด้วยกัน
ไปด้วยกัน ทำให้ไปต่อได้….
พระเจ้าทรงไปด้วย และพระองค์ต้องการให้อิสราเอลไปกับพระองค์ พระองค์จึงตรัสกับโมเสสว่า
15 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงมาร้องทุกข์ต่อเรา จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้เดินต่อไปข้างหน้าเถิด
ไม่ใช่พระเจ้ารำคาญ หรืออยากไปแต่พระองค์เดียว แต่พระเจ้ากำลังไปต่อ เพราะฉะนั้น อย่ามัวเสียเวลามาร้องทุกข์กับพระเจ้า แต่จงไปต่อ ไปด้วยกัน เดินต่อไปข้างหน้า การร้องทุกข์ คือการหยุดพินิจพิจารณาแต่กับอุปสรรค
คนที่เป็นนักแก้ปัญหา เขาจะไม่เสียเวลากับการบ่น ตำหนิ ต่อว่า เป็นทุกข์กับปัญหา แต่เขาจะมองหาทางออกของปัญหา และหาช่องทางที่จะไปต่อ
พระเจ้ากำลังฝึกอิสราเอลในการไปต่อ ด้วยการเชื่อฟัง แม้หนทางข้างหน้าจะตัน แต่การเชื่อฟังพระเจ้า จะทำให้ทางที่ตัน เปิดออก อย่างทะเลแดงต้องเปิดออกให้คนอิสราเอลเดินไปต่อได้
15 พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เหตุไฉนเจ้าจึงมาร้องทุกข์ต่อเรา จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้เดินต่อไปข้างหน้าเถิด
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ปัญหาอยู่กับเราไม่นาน แต่เรามักชอบใช้เวลาอยู่กับปัญหานาน และเป็นทุกข์ จนไม่ได้ใส่ใจที่จะเดินต่อไปข้างหน้า
ปัญหาของเราในวันนี้ คืออะไร ทะเลแดงที่ขวางหน้า? อุปสรรคมากมาย ความเป็นไปไม่ได้ ? กองทัพฟาโรห์? คืแรงกดดัน แรงฉุด อันตราย? คนอิสราเอลที่ถอดใจ ขี้บ่น ขาดความเชื่อรอบข้าง? (การบั่นทอนจากคนภายในกันเอง คนที่ขาดความเชื่อในท่ามกลางกันเอง?)
??? ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่า เรายังไม่ได้เจอยักษ์ตัวจริง
ที่พระเจ้ายังไม่ให้อิสราเอลเดินเข้าคานาอัน ในทางตรง ระยะทางสั้นๆ เพราะพวกเขาต้องเจอกับมนุษย์ยักษ์ แล้วจะยิ่งท้อใจ หันหลังกลับไปอียิปต์ ปัญหาของพวกเราเวลานี้ แค่จิ๊บๆ แค่ขัดขวาง แต่ยังไม่ได้มาต่อสู้
ไปต่อ เพื่อเจอกับยักษ์ เป้าหมายต่อไป คือคานาอัน และในบทเรียนของคนอิสราเอล ที่ชนะมนุษย์ยักษ์ เพราะพระเจ้าทรงรบแทนพวกเขาอีกนะแหล่ะ เหมือนทะเลแดงที่แหวกออกให้หนีรอดพ้นกองทัพอียิปต์
13 โมเสสจึงเตือนประชากรว่า “อย่ากลัวเลย มั่นคงไว้ คอยดูความรอดที่จะมาจากพระเจ้า ซึ่งพระองค์จะประทานให้แก่ท่านทั้งหลายในวันนี้ด้วยคนอียิปต์ ซึ่งท่านทั้งหลายเห็นในวันนี้ แต่นี้ไปจะไม่ได้เห็นอีกเลย14 พระเจ้าจะทรงรบแทนท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงสงบอยู่เถิด”
สิ่งที่ต้องทำในการไปต่อ….ด้วยกัน
1.จัดการกับความกลัว ให้พระเยซูอยู่ด้วย
13 โมเสสจึงเตือนประชากรว่า “อย่ากลัวเลย….
แน่นอนว่า ต้องมีความกลัว และต้องจัดการกับความกลัว ไม่ปล่อยให้ความกลัวควบคุม หรือชักนำให้เตลิดไป พระเยซูมักจะพูดคำว่า อย่ากลัวเลย…บ่อยๆ กับคนทั่วไป และกับสาวกของพระองค์ โดยเฉพาะหลังจากพระเยซูถูกตรึงและฝังในอุโมงค์ พระเยซูตายจริง ถูกฝังจริง ในเวลานั้น สาวกต่างขาดผู้นำ และเสียขวัญกับการสูญเสียพระเยซูไป แต่พระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายจริง ซึ่งเมื่อพระองค์ปรากฏแก่สาวก คำแรก คือ คำปลอบใจว่า อย่ากลัว อย่าวิตกไปเลย นี่คือวิธีจัดการกับความกลัวที่มีพระเยซูทรงสำแดงการทรงพระชนม์อยู่ด้วย ไม่ใช่วิธีการจัดการกับความกลัว อย่างชาวโลกที่พยายามข่มความกลัว ด้วยวิธีต่างๆ มิให้ความกลัวควบคุม ทั้งๆที่กลัว
แต่วิธีจัดการกับความกลัวของคริสเตียน คือการมีประสบการณ์กับการทรงพระชนม์อยู่ของพระเยซู พระองค์อยู่ด้วย
เมื่อข้าพเจ้าเป็นพยานถึงการไปทำพันธกิจที่พังงาช่วงแรกๆของการถูกสึนามิถล่ม คนตายมากมาย ภาพที่บรรยายของคนที่รอดชีวิต คือ สภาพคนตายบนชายหาด เหมือนกับมดที่ถูดพ่นด้วยดีดีที ตายเป็นกองๆ เป็นพันๆคน คนที่ได้ยิน คนที่อยู่จังหวัดรอบๆ ต่างกลัวผี ข้าพเจ้าไปตั้งแต่เหตุการณ์เพิ่งผ่านไปสดๆ ยังใหม่ มีคนถามว่า ไม่กลัวผีเหรอ ตอบได้ว่ากลัว แต่อยู่ได้ อยู่คนเดียวในโรงแรง ทางมืด ขับรถคนเดียว แต่พระเยซูทรงพระชนม์อยู่ด้วย ข้าพเจ้าผ่านมันมาได้ ไปต่อได้
ถามว่า ยังมีความกลัวไม๊ มี แต่พระเยซูอยู่ด้วย ทำให้จัดการกับความกลัวได้
เราแต่ละคนมีความกลัวในสิ่งที่แตกต่างกัน บางคนกลัวผี บางคนกลัวอด บางคนกลัวอันตราย บางคนกลัวความเจ็บไข้ได้ป่วย บางคนกลัวอุบัติเหตุ บางคนกลัวเรื่องร้ายๆ บางคนกลัวเหตุปัจจุบันทันด่วน เราต้องจัดการกับความกลัวของเรา แต่ไม่ใช่วิธีอย่างชาวโลก เรามีพระเยซูคริสต์ผู้ทรงพระชนม์อยู่ด้วยกับเราแล้ว ขอให้เราทุกคนจงแสวงหาประสบการณ์นั้นกับพระองค์
2.มั่นคง คอยความรอดจากพระเจ้า
….มั่นคงไว้ คอยดูความรอดที่จะมาจากพระเจ้า ซึ่งพระองค์จะประทานให้แก่ท่านทั้งหลายในวันนี้….
นี่คือความเชื่อ ที่เป็นปัจจุบัน ด้วยคำว่า วันนี้…
ฮีบรู 11:1 1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
คำแสดง tense ของประโยคนี่ คือปัจจุบัน เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่อดีต หรืออนาคต ความรอดของพระเจ้าคือวันนี้ เดี๋ยวนี้ อาเมน
วินาทีต่อวินาที ชั่วโมงต่อชั่วโมง วันต่อวัน ความมั่นคง ในการคอยความรอดของพระเจ้าต้องจดจ่อ และเชื่อว่ามีจริง ในวันนี้
อิสราเอลที่กำลังเผชิญกับกองทัพฟาโรห์ไล่จี้ก้น ความรู้สึกกลัวถูกเขย่า ต้องจัดการกับความรู้สึกกลัวแล้ว ยังต้องเชื่อฟัง มั่นคงในคำสัญญาของพระเจ้า ที่ผ่านโมเสสว่า พระเจ้าสัญญา พระเจ้าจะนำ พระเจ้าจะเปิดทะเล ที่ขวางให้เดินไปได้ เพื่อไปต่อ…ด้วยกัน ต้องมั่นคง รอคอยอย่างเดียวกัน คือความรอดมาจากพระเจ้า
3.จงสงบ ให้พระเจ้ารบแทน….
14 พระเจ้าจะทรงรบแทนท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงสงบอยู่เถิด”
มีหลายคนในท่ามกลางพวกเราที่ใจร้อน และชอบลงมือทำก่อนพระเจ้า ทำแทนพระเจ้า
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า พระเจ้าทรงทำส่วนของพระองค์ และมีส่วนที่เราต้องรับผิดชอบทำ พระเจ้าจะไม่ทำแทน เราต้องเข้าใจตรงนี้ว่า อะไรคือส่วนของพระเจ้า และอะไรคือส่วนของเรา คริสเตียนที่ไม่รู้จักส่วนของพระเจ้า ก็มักจะไปทำแทนพระเจ้า และจะบอกว่า มักจะไม่ทำส่วนของตัวเองซะด้วย
ความนิ่งสงบ ทำให้เราใช้เวลาแยกแยะว่า อะไรคือส่วนของพระเจ้า และอะไรคือส่วนของเรา แต่ในความสับสน ว้าวุ่นวายใจ มักทำให้เรามั่วไปหมด ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ ที่ต้องทำกลับไม่ทำ กลายเป็นหนูติดจั่น และบางทีก็ต้องจ่ายราคาไปอย่างไม่สมควรจะจ่าย
สามสิ่งนี้ ทำให้ไปต่อ…ด้วยกัน กับพระเจ้า และกับคนของพระเจ้า
“เราจะไปต่อ….ด้วยกัน”
1.จัดการกับความกลัว ให้พระเยซูอยู่ด้วย
2.มั่นคง คอยความรอดจากพระเจ้า
3.จงสงบ ให้พระเจ้ารบแทน….