“ชัยชนะเหนือความกลัว”
นายร้อย ที่อยู่ตรงกางเขน มองดูมรณกรรมของพระเยซู
มาระโก 15:33-39 33 ครั้นเวลาเที่ยงก็บังเกิดมืดมัวทั่วแผ่นดินจนถึงบ่ายสามโมง34 พอบ่ายสามโมงแล้ว พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “เอโลอี เอโลอี ลามา สะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย” 35 บางคนที่ยืนอยู่ที่นั่นเมื่อได้ยินก็พูดว่า “ดูเถิดเขาเรียกเอลียาห์”36 มีคนหนึ่งวิ่งไปเอาฟองน้ำชุบเหล้าองุ่นเปรี้ยวเสียบปลายไม้อ้อ ส่งให้พระองค์เสวยแล้วว่า “ให้เราคอยดูว่า เอลียาห์จะมาปลดเขาลงหรือไม่”37 ฝ่ายพระเยซูทรงร้องเสียงดังแล้วก็สิ้นพระชนม์38 ขณะนั้นม่านในพระวิหารก็ขาดออกเป็นสองท่อนตั้งแต่บนตลอดล่าง39 ส่วนนายร้อยที่ยืนอยู่ตรงพระพักตร์พระองค์ เมื่อเห็นว่าพระองค์สิ้นพระชนม์อย่างนั้นแล้ว จึงพูดว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”
ฉายภาพยนต์เรื่อง Risen
ภาพยนต์นี้สร้างจากมุมมองของคนที่ไม่เชื่อว่าพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย เมื่อสองพันปีที่แล้ว โดยน่าจะเอาบุคคลที่ได้มองเห็นการตายของพระเยซูคริสต์จริง มีส่วนในการตามล่าหาพระศพของพระเยซูในเวลานั้น เพื่อจะทำลายความเชื่อที่ว่า พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เรียกว่า มีทั้งการสร้างข่าวเท็จว่า พระศพของพระเยซูถูกขโมยไป และมีทั้งการไล่ล่า จัดการกับคนที่เชื่อว่า พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย
สาวกของพระเยซูในเวลานั้น ตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ทั้งถูกกล่าวหาเรื่องการขโมยพระศพ และยังถูกไล่ล่าเพื่อจะบีบคั้นให้เลิกเชื่อว่า พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย และไหนจะความจริงที่ตนเองไม่อยากจะเชื่อว่า เป็นไปได้หรือที่พระเยซูจะเป็นขึ้นมาจากความตาย?
ผลกระทบของแรงกดดันที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด คือ ทำให้เกิดความกลัว….(แต่มารีย์ มักดาลา ไม่ใช่ วันนี้ ในสูจิบัตรได้เขียนเกี่ยวกับรุ่งอรุณที่รอคอยของนางมารีย์ ชาวมักดาลา ได้พบกับพระเยซูคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์) ในขณะที่สาวกคนอื่นกำลังเผชิญกับความกลัว และหนีตาย
หนึ่งในสาวกของพระเยซูเอง ที่ชื่อโธมัสก็พูดว่า จะไม่เชื่อ ถ้าไม่ได้เอานิ้วแยงเข้าไปในสีข้างของพระเยซู
ยอห์น 20:24,27,29 …แต่โธมัสตอบเขาเหล่านั้นว่า “ถ้าข้าไม่เห็นรอยตะปูที่พระหัตถ์ของพระองค์ และไม่ได้เอานิ้วของข้าแยงเข้าไปที่รอยตะปูนั้น และไม่ได้เอามือของข้าแยงเข้าไปที่สีข้างของพระองค์แล้ว ข้าจะไม่เชื่อเลย… 27 แล้วพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า “จงยื่นนิ้วมาที่นี่และดูมือของเรา จงยื่นมือออกคลำที่สีข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลย จงเชื่อเถิด” …..29 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”
ในพระคัมภีร์ได้บันทึกเกี่ยวการตอบสนองของทหารที่เฝ้าอุโมงค์ และพวกมหาปุโรหิต คนที่ตรีงพระเยซู เมื่อรับการรายงานจากทหารว่า อุโมงค์ฝังศพของพระเยซูว่างเปล่า
มัทธิว 28:1-15 1 ภายหลังวันสะบาโต เวลาใกล้รุ่งเช้าวันต้นสัปดาห์ มารีย์ชาวมักดาลากับมารีย์อีกคนหนึ่งนั้นมาดูอุโมงค์2 ในทันใดนั้นได้เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ยิ่งนัก มีทูตของพระเจ้าองค์หนึ่ง ได้ลงมาจากสวรรค์กลิ้งก้อนหินนั้นออกจากปากอุโมงค์ แล้วก็นั่งอยู่บนหินนั้น3 สัณฐานของทูตนั้นเหมือนแสงฟ้าแลบ เสื้อก็ขาวเหมือนหิมะ4 ยามที่เฝ้าอยู่นั้นกลัวทูตองค์นั้นจนตัวสั่นและเป็นเหมือนคนตาย….11 …มียามบางคนในพวกที่เฝ้าอุโมงค์นั้น เข้าไปในเมืองเล่าเหตุการณ์ทั้งปวง ซึ่งบังเกิดขึ้นนั้นให้พวกมหาปุโรหิตฟัง12 เมื่อพวกมหาปุโรหิตประชุมปรึกษากันกับพวกผู้ใหญ่แล้ว ก็แจกเงินเป็นอันมากให้แก่พวกทหาร13 สั่งว่า “พวกเจ้าจงพูดว่า ‘พวกสาวกของเขามาลักเอาศพไปในเวลากลางคืน เมื่อเรานอนหลับอยู่’14 ถ้าความนี้ทราบถึงหูเจ้าเมือง เราจะพูดแก้ไขให้พวกเจ้าพ้นโทษ”15 ครั้นพวกทหารได้รับเงินแล้วจึงทำตามคำแนะนำ และความนี้ก็เลื่องลือไปในบรรดาพวกยิวจนทุกวันนี้
นี่คือความคิดของคนที่ไม่เชื่อว่า พระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย โดยเฉพาะคนที่คิดว่า ตนเองจะกลายเป็นคนที่เลือกทางผิด ถ้าพระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายจริง สิ่งที่จะกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองก็คือ การโกหก และการหลอกลวง ให้ร้ายสาวกของพระเยซู เป็นผู้ขโมยศพของพระเยซูไป
สาวกสองคนที่ใกล้ชิดพระเยซู คือ เปโตร กับยอห์น ก็เชื่อว่า ศพของพระเยซูถูกขโมยไป
ยอห์น 20:1-71วันอาทิตย์เวลาเช้ามืด มารีย์ชาวมักดาลามาถึงอุโมงค์ฝังศพ นางเห็นหินออกจากปากอุโมงค์อยู่แล้ว2 นางจึงวิ่งไปหาซีโมนเปโตร และสาวกอีกคนหนึ่งที่พระเยซูทรงรักนั้น และพูดกับเขาว่า “เขาเอาองค์พระผู้เป็นเจ้าออกไปจากอุโมงค์แล้ว และพวกเราไม่รู้ว่าเขาเอาพระองค์ไปไว้ที่ไหน”3 เปโตรจึงออกไปยังอุโมงค์กับสาวกคนนั้น4 เขาวิ่งไปทั้งสองคน แต่สาวกคนนั้นวิ่งเร็วกว่าเปโตรจึงมาถึงอุโมงค์ก่อน5 เขาก้มลงมองดูเห็นผ้าป่านวางอยู่ แต่เขาไม่ได้เข้าไปข้างใน6 ซีโมนเปโตรตามมาถึงภายหลัง แล้วเข้าไปในอุโมงค์เห็นผ้าป่านวางอยู่7 และผ้าพันพระเศียรของพระองค์ไม่ได้วางอยู่กับผ้าอื่น แต่พับไว้ต่างหาก8 แล้วสาวกคนนั้นที่มาถึงก่อนก็ตามเข้าไปด้วย เขาได้เห็นและเชื่อ
ยากที่จะเชื่อว่า พระเยซูทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย ทำไมถึงยากที่จะเชื่อ เพราะว่า ทุกคนมีประสบการณ์กับคนที่ตายแล้วไม่ฟื้น หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี ความจริงในความจำกัดของประสบการณ์ของคน
เรื่องศพของพระเยซูถูกขโมย เป็นเรื่องที่น่าเชื่อมากกว่า และการโกหกว่า เป็นฝีมือของสาวกของพระเยซูก็ยิ่งน่าเป็นไปได้ แต่ว่า สาวกของพระเยซูจะทำไปเพื่ออะไร ในขณะนั้น สาวกเองก็ถูกข่มเหง ตามล่า เอาชีวิตอยู่แล้ว
ในประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่า สาวกอย่างน้อยห้าคนของพระเยซู ถูกฆ่าตายอย่างทรมานเพื่อปกป้องเรื่องที่พวกเขาโกหกว่าพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย อย่างนั้นหรือ? หนึ่งในนั้นคือ เปโตร (ผู้ที่เคยปฏิเสธพระเยซู เป็นหนึ่งในสองคนที่เชื่อว่า ศพของพระเยซูถูกขโมย) สาวกห้าคนของพระเยซู ยอมตายเพราะได้มีประสบการณ์กับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู
อ.เปาโลเองที่เคยชื่อเซาโล เคยเป็นฟาริสี เคยต่อต้านคริสเตียนอย่างรุนแรง จับคริสเตียนไปขัง และฆ่า ได้กลับใจหันมาเปลี่ยนเป็นคริสเตียน อ.เปาโลเป็นพยานถึงการมีประสบการณ์กับพระเยซูคริสต์ และเป็นคนที่เขียนพระคัมภีร์ฉบับจดหมายฝากและจดหมายนักโทษมากที่สุดในพระคัมภีร์ใหม่ คำพยานของอ.เปาโลเกี่ยวกับการกลับใจใหม่ ยังสดใหม่ถึงเราในวันนี้
กิจการ 22:6-8 6 “ครั้นเมื่อข้าพเจ้ากำลังเดินทางไปใกล้จะถึงเมืองดามัสกัส ประมาณเวลาเที่ยง ในทันใดนั้นมีแสงสว่างกล้ามาจากฟ้าล้อมข้าพเจ้าไว้7 ข้าพเจ้าจึงล้มลงที่ดินและได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล เซาโล เจ้าข่มเหงเราทำไม’8 ข้าพเจ้าจึงทูลตอบว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด’ พระองค์จึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เราคือเยซูชาวนาซาเร็ธซึ่งเจ้าข่มเหงนั้น’
เปาโลเป็นพยานถึงประสบการณ์กับพระเยซู หลังจากพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย เปาโลผู้เคยพยายามใช้ความกลัวในการจัดการกับสาวกของพระเยซู แต่สุดท้าย เปาโลต้องเผชิญกับความกลัวขีดสุด และตาบอดชั่วคราว เพื่อจะมีเวลาคิดได้ว่า พระเยซูคือของจริงทรงมีชีวิต ไม่ใช่ข่าวลือ ว่าพระองค์กลายเป็นศพที่ถูกขโมย
ยอห์น 20:29 29 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”
คำที่พระเยซูใช้กับสาวก หลักจากพระองค์ฟื้นขึ้นจากความตาย คือคำว่า อย่ากลัวเลย
แปลว่า จงมีชัยชนะเหนือความกลัว หยุดกลัวได้แล้ว
โรม 10:17 ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์
เรากำลังประกาศพระคริสต์แบบไหน ที่จะทำให้คนที่ได้ยิน มีชัยชนะเหนือความกลัว
บทเรียนของโยสิยาห์ ที่เราได้เรียนในรุ่งอรุณเช้านี้ โยสิยาห์เป็นคนดี เป็นคนมีพระเจ้า เอาพระเจ้า ทำทุกอย่างเพื่อพระเจ้า เพื่อครอบครัว เพื่อเพื่อนร่วมงาน เพื่อผู้รับใช้ ทำบทบาทของตนเองได้อย่างดีเยี่ยมในฐานะของกษัตริย์ แต่สิ่งเดียวที่ทำให้โยสิยาห์ตายก่อนเวลา เพราะความกลัว ทำให้ตัดสินผิด คนเก่ง ผิดพลาด เพราะให้ความกลัวเป็นแรงจูงใจในการตัดสินใจ
ภาพยนต์เรื่อง Risen ทรงเป็นขึ้นแล้ว ได้ทำให้เราได้เห็นภาพของนายทหารที่กล้าหาญ แต่มีความกลัวที่ซ่อนอยู่ คือกลัวเลือกทางผิด เพราะเดิมพันของชีวิต อยู่ที่การตัดสินใจเลือกพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด
ประโยคที่ตัวละครคือพระเอกได้เขียนจดหมายลาออกจากการเป็นนายทหารโรม และไม่กลับไปสู่วิถีชีวิตเดิมที่เป็นหน้ากาก ที่สังคมโรมเวลานั้น เรียกร้องให้กับทหารโรมต้องทำ เขาเลือก ที่จะติดตามพระเยซูคริสต์เจ้า
นั่นคือ ประโยคที่ว่า มีสองสิ่งที่ขัดแย้งกัน คือ คนๆหนึ่งตายโดยปราศจากความผิด และคนเดียวกันนี้ ฟื้นขึ้นมาจากความตาย
หนังสือพระกิตติคุณสามเล่มเขียนตรงกัน กับเหตุการณ์ที่ทหารโรมยศนายร้อยพูดประโยคยอมรับความจริงการเป็นพระเจ้าของพระเยซู
มัทธิว 27:54 ส่วนนายร้อยและทหารที่เฝ้าพระศพพระเยซูอยู่ด้วยกัน เมื่อได้เห็นแผ่นดินไหวและการทั้งปวงซึ่งบังเกิดขึ้นนั้น ก็พากันครั่นคร้ามยิ่งนัก จึงพูดกันว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”
มาระโก 15:39 ส่วนนายร้อยที่ยืนอยู่ตรงพระพักตร์พระองค์ เมื่อเห็นว่าพระองค์สิ้นพระชนม์อย่างนั้นแล้ว จึงพูดว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นพระบุตรของพระเจ้า”
ลูกา 23:47 47 ฝ่ายนายร้อยเมื่อเห็นเหตุการณ์ซึ่งบังเกิดขึ้นนั้น จึงสรรเสริญพระเจ้าว่า “แท้จริงท่านผู้นี้เป็นคนชอบธรรม”
การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเพื่อให้เราทั้งหลายได้ร่วมในชัยชนะของพระองค์ โดยเฉพาะชัยชนะเหนือความกลัว ที่ทรงอิทธิพลกับคนทุกยุคทุกสมัย
หากเราทั้งหลายกำลังตกอยู่ภายใต้ความกลัว จงพบกับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์เจ้า เพื่อเราจะอยู่ในความจริงของพระองค์
ยอห์น 8:32 32 และท่านทั้งหลายจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท”
พระเยซูคริสต์จะทำให้เราเป็นอิสระจากการโกหกหลอกลวงจากมารซาตานที่พยายามควบคุมเราด้วยความกลัว เสียงกล่าวโทษต่างๆ
โรม 8:1 1 เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลาย ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์
โรม 8:11 11 …พระวิญญาณของพระองค์ ผู้ทรงชุบให้พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย ทรงสถิตอยู่ในท่านทั้งหลาย…
พระวิญญาณองค์เดียวกันนี้ จะทำให้เรามีชัยชนะเหนือความกลัวใดๆทั้งสิ้น สาวกของพระเยซูคริสต์ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาตั้งแต่คริสตจักรยุคแรก ได้พิสูจน์แล้ว่า พวกเขามีชัยชนะเหนือความกลัว โดยเฉพาะการเป็นพยานว่า พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย พวกเขายอมตายเพื่อคำพยานที่เป็นจริงนี้
ยอห์น 20:29 29 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อหรือ ผู้ที่ไม่เห็นเราแต่เชื่อก็เป็นสุข”
เราเชื่อสิ่งที่เราได้ยินนี้ไม๊