“ผู้แสวงหาต้นแบบการดำเนินชีวิต”

เราคงเคยได้ยินคำว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เป็นคำพูดหมายถึง  คนเป็นลูกจะเหมือนพ่อแม่  หรือลูกศิษย์เหมือนอาจารย์  หรือผู้ตามเหมือนผู้นำ คำว่า ต้นแบบ ถูกใช้กับความหมาย ได้สองทาง  ทางบวกก็คือ การสร้างคนให้มีคุณภาพ ทางลบก็การเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี มีต้นแบบไม่ดี ผลที่ออกมาก็ไม่ดี

พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสถึงต้นไม้ที่ให้ผลดี และต้นไม้ที่ให้ผลไม่ดีอย่างนี้

มัทธิว 7:17-20 17 ต้นไม้​ดี​ย่อม​ให้​แต่​ผลดี ต้นไม้​เลว​ก็​ย่อม​ให้ผล​เลว​18 ต้นไม้​ดี​จะ​เกิดผล​เลว​ไม่ได้ หรือ​ต้นไม้​เลว​จะ​เกิด​ผลดี​ก็​ไม่ได้​19 ต้นไม้​ซึ่ง​ไม่​เกิด​ผลดี​ย่อม​ต้อง​ถูก​ฟัน​ลง​และ​ทิ้ง​เสีย​ใน​ไฟ20 เหตุ​ฉะนั้น ท่าน​จะ​รู้จัก​เขา​ได้​เพราะ​ผล​ของ​เขา

นี่เป็นคำสอนสำหรับการดำเนินชีวิตของตนเองที่จะรู้จักเขา รู้จักตัวเรา  เราคงจะเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราอยากจะเปลี่ยนตัวเองไม๊ ถ้าเรารู้ว่า เราเป็นต้นไม้ที่ไม่ได้ออกผลดี ด้วยตัวเราเอง เราแค่เด็ดผลเลวทิ้งเพื่อไม่ให้ใครเห็น  เด็ดทิ้งไปเด็ดทิ้งมา นับวันจะเด็ดทิ้งไม่ทัน มันดกเหลือเกิน ผลดีก็เอามาแขวนไม่ทัน มีแต่คนยั่วให้เกิดผลที่ไม่ดี (โทษคนอื่นอีก)

ในพระธรรมลูกา บันทึกความจริงของเรื่องนี้เกี่ยวกับคำตรัสของพระเยซูเรื่องต้นไม้

ลูกา 6:43-45 43 “ด้วย​ว่า​ต้นไม้​ดี​ย่อม​ไม่​เกิดผล​เลว หรือ​ต้นไม้​เลว​ย่อม​ไม่​เกิด​ผลดี​44 เพราะ​ว่า​จะ​รู้จัก​ต้นไม้​ทุก​ต้น​ได้​ก็​เพราะ​ผล​ของ​มัน เพราะ​ว่า​เขา​ย่อม​ไม่​เ​ก็​บ​ผล​มะเดื่อ​จาก​ต้นไม้​มี​หนาม หรือ​ย่อม​ไม่​เ​ก็​บ​ผล​องุ่น​จาก​ต้น​ระกำ​45 คน​ดี​ก็​ย่อม​เอา​ของ​ดี​ออก​จาก​คลัง​ดี​แห่ง​ใจ​ของ​ตน และ​คน​ชั่ว​ก็​ย่อม​เอา​ของ​ชั่ว​จาก​คลัง​ชั่ว​แห่ง​ใจ​ของ​ตน ด้วย​ใจ​เต็ม​ด้วย​อะไร​ปาก​ก็​พูด​ออกมา​อย่าง​นั้น

พูดตามภาษาชาวบ้าน ก็คือ ปลูกถั่วอยากได้งา เป็นไปไม่ได้ ปลูกอะไรก็ได้อย่างนั้น

พระคัมภีร์ยังกล่าวถึง การหว่าน และการเก็บเกี่ยว

กาลาเทีย 6:8  ​8 ผู้​ที่​หว่าน​ใน​ย่าน​เนื้อ​หนัง​ของ​ตน ​ก็​จะ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​ความ​เปื่อย​เน่า​จาก​เนื้อ​หนัง​นั้น แต่​ผู้​ที่​หว่าน​ใน​ย่าน​พระ​วิญญาณ ​ก็​จะ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​ชีวิต​นิรันดร์​จาก​พระ​วิญญาณ​นั้น​

ทั้งหมดนี้ หมายถึงผลที่จะได้รับ จากต้นแบบของการดำเนินชีวิต ที่ดี หรือที่เลว

คำถามก็คือว่า  ณ เวลานี้ เรากำลังมีต้นแบบการดำเนินชีวิต คือใคร  ตัวเอง หรือใครบางคน ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตของเรา หรือ  พระเยซูคริสต์

ต้นแบบชีวิตที่กำลังหว่านเนื้อหนัง  และพาเราหว่านเนื้อหนัง   หรือใครกำลังเป็นแบบอย่างในการหว่านพระวิญญาณ และกำลังพาเราหว่านพระวิญญาณ

เรากำลังฟังใคร เรากำลังติดตามใคร  ใครจะเป็นต้นแบบการดำเนินชีวิตให้กับเราได้ บางคนถึงกับสิ้นหวังกับคน หาต้นแบบที่ดีไม่ได้เลย

ในยุคของพระเยซูคริสต์เจ้า ก็มีการแสวงหาต้นแบบการดำเนินชีวิต และมีการพยายามจะเป็นต้นแบบของการดำเนินชีวิต  คือเรื่องราวของ ​พระ​เยซู​กับ​นิโค​เดมัส

ยอห์น 3:1-21 1 มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​พวก​ฟาริสี​ชื่อ​นิโค​เดมัส เป็น​ขุน​นาง​ของ​พวก​ยิว​2 ชาย​ผู้​นี้​ได้มา​หา​พระ​เยซู​ใน​เวลา​กลางคืน​ทูล​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​อาจารย์​เจ้า​ข้า พวก​ข้าพเจ้า​ทราบ​อยู่​ว่า​ท่าน​เป็น​ครู​ที่มา​จาก​พระ​เจ้า เพราะ​ไม่​มี​ผู้ใด​กระทำ​หมาย​สำคัญ ซึ่ง​ท่าน​ได้​กระทำ​นั้น​ได้​นอก​จาก​ว่า ​พระ​เจ้า​ทรง​สถิต​อยู่​ด้วย”3 ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ว่า ถ้า​ผู้ใด​ไม่ได้​บังเกิด​ใหม่​ ผู้​นั้น​จะ​เห็น​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​ไม่ได้”

4 นิโค​เดมัส​ทูล​พระ​องค์​ว่า “คนชรา​แล้ว​จะ​บังเกิด​ใหม่​อย่างไร​ได้ จะ​เข้า​ใน​ครรภ์​มารดา​ครั้ง​ที่​สอง​และ​บังเกิด​ใหม่​ได้​หรือ”5 ​พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ว่า ถ้า​ผู้ใด​ไม่ได้​บังเกิด​ใหม่​จาก​น้ำ​และ​พระ​วิญญาณ ผู้​นั้น​จะ​เข้า​ใน​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​ไม่ได้​6 ซึ่ง​บังเกิด​จาก​เนื้อ​หนัง​ก็​เป็น​เนื้อ​หนัง และ​ซึ่ง​บังเกิด​จาก​พระ​วิญญาณ​ก็​เป็น​วิญญาณ​7 อย่า​ประหลาด​ใจ​ที่​เรา​บอก​ท่าน​ว่า ท่าน​ทั้ง​หลาย​ต้อง​บังเกิด​ใหม่​8 ลม​ใคร่​จะ​พัด​ไป​ข้าง​ไหน​ก็​พัด​ไป​ข้าง​นั้น และ​ท่าน​ได้​ยิน​เสียง​ลม​นั้น แต่​ท่าน​ไม่​รู้​ว่า​ลม​มา​จาก​ไหน​และ​ไป​ที่​ไหน คน​ที่​บังเกิด​จาก​พระ​วิญญาณ​ ​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น​ทุก​คน”9 นิโค​เดมัส​ทูล​พระ​องค์​ว่า “เหตุการณ์​อย่าง​นี้​จะ​เป็นไป​อย่างไร​ได้”

10 ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “ท่าน​เป็น​อาจารย์​ของ​ชน​อิสราเอล และ​ท่าน​ยัง​ไม่​เข้าใจ​สิ่ง​เหล่า​นี้​หรือ​11 เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ว่า พวก​เรา​พูด​สิ่ง​ที่​เรา​รู้ และ​เป็น​พยาน​ถึง​สิ่ง​ที่​เรา​ได้​เห็น แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​หา​ได้​รับ​คำ​พยาน​ของ​เรา​ไม่​12 ถ้า​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ถึง​สิ่ง​ฝ่าย​โลก​และ​ท่าน​ไม่​เชื่อ ถ้า​เรา​บอก​ท่าน​ถึง​สิ่ง​ฝ่าย​สวรรค์​ท่าน​จะ​เชื่อ​ได้​อย่างไร​13 ไม่​มี​ผู้ใด​ได้​ขึ้น​ไปสู่​สวรรค์ นอก​จาก​ท่าน​ที่​ลง​มา​จาก​สวรรค์​คือ​บุตร​มนุษย์​

14 โมเสส​ได้​ยก​งู​ขึ้น​ใน​ถิ่น​ทุรกันดารฉัน​ใด บุตร​มนุษย์​จะต้อง​ถูก​ยกขึ้น​ฉัน​นั้น​15 เพื่อ​ทุก​คน​ที่​วางใจ​ใน​พระ​องค์​จะ​ได้​ชีวิต​นิรันดร์” 16 เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​รัก​โลก จน​ได้​ทรง​ประทาน​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​องค์ เพื่อ​ทุก​คน​ที่​วางใจ​ใน​พระ​บุตร​นั้น​จะ​ไม่​พินาศ แต่​มี​ชีวิต​นิรันดร์​17 เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​ให้​พระ​บุตร​เข้า​มา​ใน​โลก มิใช่​เพื่อ​พิพากษา​ลงโทษ​โลก แต่​เพื่อ​ช่วย​กู้​โลก​ให้​รอด​โดย​พระ​บุตร​นั้น​18 ผู้​ที่​วางใจ​ใน​พระ​บุตร​ก็​ไม่​ต้อง​ถูก​พิพากษา​ลงโทษ ส่วน​ผู้​ที่​มิได้​วางใจ​ก็​ต้อง​ถูก​พิพากษา​ลงโทษ​อยู่​แล้ว เพราะ​เขา​มิได้​วางใจ​ใน​พระ​นาม​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​เจ้า​19 หลักการ​พิพากษา​มี​อย่าง​นี้ คือ​ความ​สว่าง​ได้​เข้า​มา​ใน​โลก​แล้ว แต่​มนุษย์​ได้​รัก​ความ​มืด​มากกว่า​รัก​ความ​สว่าง เพราะ​กิจการ​ของ​เขา​เลว​ทราม​20 เพราะ​ทุก​คน​ที่​ประพฤติ​ชั่ว​ก็​เกลียด​ความ​สว่าง และ​ไม่​มาถึง​ความ​สว่าง ด้วย​กลัว​ว่า​การ​กระทำ​ของ​ตน​จะ​ปรากฏ​21 แต่​ผู้​ที่​ประพฤติ​ชอบ​ก็​มา​สู่​ความ​สว่าง เพื่อให้​เห็น​ว่า การ​กระทำ​ของ​เขา​นั้น​ได้​กระทำ​โดย​พึ่ง​พระ​เจ้า​

ผู้แสวงหาต้นแบบการดำเนินชีวิต จะพบต้นแบบหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความจริงดังนี้

1.มองเห็นความแตกต่างของต้นแบบฯ

นิโคเดมัส เป็นผู้ที่กำลังแสวงหาต้นแบบการดำเนินชีวิต  แสวงหาจนกระทั่ง ตัวเองแก่ชรา ก็ยังแสวงหาไม่เจอสักที จนได้พบกับพระเยซูคริสต์ ได้มองเห็นพระเยซูแตกต่างจากรับบีคนอื่นๆ  ตัวของนิโคเดมัสเองก็เป็นรับบี (อาจารย์) เหมือนกับพระเยซู  นิโคเดมัสสอนแต่คนอื่น  และอาจสังเกตการสอนของรับบีคนอื่นด้วยเช่นกัน   นิโคเดมัสจึงมาหาพระเยซู และพูดว่า

“ท่าน​อาจารย์​เจ้า​ข้า พวก​ข้าพเจ้า​ทราบ​อยู่​ว่า​ท่าน​เป็น​ครู​ที่มา​จาก​พระ​เจ้า เพราะ​ไม่​มี​ผู้ใด​กระทำ​หมาย​สำคัญ ซึ่ง​ท่าน​ได้​กระทำ​นั้น​ได้​นอก​จาก​ว่า ​พระ​เจ้า​ทรง​สถิต​อยู่​ด้วย”

นิโคเดมัสยอมรับว่า เขาได้เห็นความแตกต่างเกิดขึ้น  กับสิ่งที่พระเยซูสอน และกระทำ  การทรงสถิตของพระเจ้า คือความแตกต่าง  (ความจริงพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า แต่พระองค์ทรงสภาพมนุษย์  คนทั่วไปมองเห็นพระเยซูเป็นเพียงแค่มนุษย์ แต่การกระทำของพระอง๕สำแดงการทรงสถิตของพระเจ้า)

2.หาคำตอบจากต้นแบบฯของจริง

แต่พระเยซูตอบนิโคเดมัสอย่างไร  เมื่อนิโคเดมัส ยอมรับว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพระเยซู

3 ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ว่า ถ้า​ผู้ใด​ไม่ได้​บังเกิด​ใหม่​ ผู้​นั้น​จะ​เห็น​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​ไม่ได้”

พระเยซูกำลังบอกกับนิโคเดมัสว่า  ความจริง การทรงสถิตของพระเจ้าเกิดขึ้น ไม่ใช่มาจากการแสวงหาการทรงสถิต  แต่การทรงสถิตของพระเจ้ามาจากการบังเกิดใหม่ เป็นคนใหม่ เป็นคนที่มาจากแผ่นดินของพระเจ้าต่างหาก  (การเห็นแผ่นดินของพระเจ้า คือการเป็นผู้ที่เกิดในแผ่นดินของพระเจ้า เป็นชาวแผ่นดินสวรรค์ จึงจะมีชีวิตอย่างผู้ที่พระเจ้าสถิตอยู่ด้วย) นี่คือต้นแบบของการดำเนินชีวิต

อย่างเราทั้งหลายที่เกิดในเมืองร้อน เรามีวิถีการดำเนินชีวิตอย่างคนเมืองร้อน ซึ่งแตกต่างจากคนที่เกิดในเมืองหนาว ก็มีวิถีชีวิตอย่างคนเมืองหนาว จะให้ใส่เสื้อหนาวในเมืองร้อนก็ไม่ได้ จะให้กินอย่างคนเมืองร้อน ก็ไม่ได้ คนเมืองร้อน จะรู้จักคำว่า ร้อนใน แต่คนเมืองหนาวไม่รู้จัก คนเมืองหนาวจะรู้จักสิ่งที่คนเมืองร้อนไม่รู้จัก เป็นต้น

ทำนองเดียวกัน การดำเนินชีวิตของคริสเตียน ต้องเกิดจากความเป็นคนใหม่ ต้นแบบของการดำเนินชีวิตของคริสเตียน เพื่อให้เป็นชาวแผ่นดินของพระเจ้า

3.ต้องเกิดจากพระวิญญาณ

พระเยซูทรงสอนนิโคเดมัสต่อ เพราะเขาถามถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ที่คนแก่จะไปเกิดใหม่  มุมมองของนิโคเดมัส มองเพียงแค่กายภาค แต่พระเยซูกำลังตรัสถึงวิญญาณภาค

5 ​พระ​เยซู​ตรัส​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ว่า ถ้า​ผู้ใด​ไม่ได้​บังเกิด​ใหม่​จาก​น้ำ​และ​พระ​วิญญาณ ผู้​นั้น​จะ​เข้า​ใน​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า​ไม่ได้​6 ซึ่ง​บังเกิด​จาก​เนื้อ​หนัง​ก็​เป็น​เนื้อ​หนัง และ​ซึ่ง​บังเกิด​จาก​พระ​วิญญาณ​ก็​เป็น​วิญญาณ

การบังเกิดจากน้ำ หมายถึง พิธีบัพติศมาในน้ำ คือการ ตัดสินใจว่าจะฝังตัวเก่า ตายต่อชีวิตเก่า และมีชีวิตใหม่ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะมีชีวิตที่ไม่กลับไปหาวิถีชีวิตเดิมๆอีก  การบังเกิดใหม่โดยพระวิญญาณ  คือสิ่งที่พระเจ้าจะทำให้เกิดในผู้เชื่อ(ที่กลับใจใหม่จริงๆ)

7 อย่า​ประหลาด​ใจ​ที่​เรา​บอก​ท่าน​ว่า ท่าน​ทั้ง​หลาย​ต้อง​บังเกิด​ใหม่​8 ลม​ใคร่​จะ​พัด​ไป​ข้าง​ไหน​ก็​พัด​ไป​ข้าง​นั้น และ​ท่าน​ได้​ยิน​เสียง​ลม​นั้น แต่​ท่าน​ไม่​รู้​ว่า​ลม​มา​จาก​ไหน​และ​ไป​ที่​ไหน คน​ที่​บังเกิด​จาก​พระ​วิญญาณ​ ​ก็​เป็น​อย่าง​นั้น​ทุก​คน”

คำว่า ประหลาดใจ คือ สิ่งที่บอกว่า มันเป็นไปไม่ได้เลย แต่พระเยซูทรงตรัสว่า  แต่พระเจ้าจะทำให้เป็นไปได้  การยกตัวอย่างเรื่องการเกิดของลม ที่มีอยู่จริง แต่เราไม่สามารถกำหนดให้เกิดขึ้นเมื่อไหร่

อย่างเวลานี้ กรุงเทพ กำลังเจอกับปัญหาควันฝุ่นขนาดเล็กที่มีผลมาจากอากาศมลพิษ ที่มีมานาน แต่มาเป็นหนัก เพราะว่า ลม ไม่พัดมา  เกิดสภาพนิ่ง ของลม มีความพยายามจะทำให้เกิดฝน ลดการสร้างควันฝุ่น ป้องกันด้วยหน้ากาก งดการออกไปในที่แจ้ง เป็นต้น

แต่ลม คือปัจจัยสำคัญที่จะพัดเอาควันฝุ่นออกไป  ต้องรอให้ฤดูกาล เปลี่ยน ลมก็จะมา และทำให้สถานการณ์ควันฝุ่นดีขึ้น

เราไม่สามารถจะสร้างลมได้ พระเยซูทรงตรัสเปรียบเทียบ ทำนองเดียวกัน เราไม่สามารถกำหนดการบังเกิดใหม่ในพระวิญญาณได้ พระเจ้าจะเป็นผู้ตัดสิน ว่าใครบังเกิดใหม่ สิ่งที่พระเจ้าจะใช้ตัดสิน ก็คือ ใจของมนุษย์คนๆนั้น ได้หันกลับมาหาพระเจ้าอย่างแท้จริงหรือไม่ พระวิญญาณบริสุทิ์จะเป็นเหมือนเซ็นเซอร์ตรวจสอบ ถ้าผ่าน การบังเกิดใหม่ก็เกิดขึ้น

กาลาเทีย 6:7-8  7 อย่า​หลง​เลย ท่าน​จะ​หลอก​ลวง​พระ​เจ้า​ไม่ได้ เพราะ​ว่า​ผู้ใด​หว่าน​อะไร​ลง ​ก็​จะ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​สิ่ง​นั้น​8 ผู้​ที่​หว่าน​ใน​ย่าน​เนื้อ​หนัง​ของ​ตน ​ก็​จะ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​ความ​เปื่อย​เน่า​จาก​เนื้อ​หนัง​นั้น แต่​ผู้​ที่​หว่าน​ใน​ย่าน​พระ​วิญญาณ ​ก็​จะ​เกี่ยว​เ​ก็​บ​ชีวิต​นิรันดร์​จาก​พระ​วิญญาณ​นั้น​

ภาวะการเกิด   ลม เกิดจากการเคลื่อนที่จากบริเวณที่มีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำนั่นเอง โดยการเคลื่อนที่ของลมจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความแตกต่างของความกดอากาศสูง และความกดอากาศต่ำ ถ้ามีความแตกต่างกันน้อยลมที่เกิดขึ้นจะเป็นลมเอื่อย และถ้ามีความแตกต่างกันมากจะกลายเป็นพายุได้ ดังนั้นการเกิดลม

หนังสือวิวรณ์ ได้กล่าวถึง สิ่งที่น่าสนใจ คือ

วิวรณ์ 3:15-16  15 “ ‘เรา​รู้จัก​แนว​การ​กระทำ​ของ​เจ้า เจ้า​ไม่​เย็น​ไม่​ร้อน เรา​ใคร่​ให้​เจ้า​เย็น​หรือ​ร้อน​16 เพราะ​เหตุ​ที่​เจ้า​เป็น​แต่​อุ่นๆ ไม่​เย็น​และ​ไม่​ร้อน เรา​จะ​คาย​เจ้า​ออก​จาก​ปาก​ของ​เรา​

4.สร้างความแตกต่างจากชีวิตเก่าสู่ชีวิตใหม่

นี่คือคำของพระเยซูตรัสกับคริสตจักรในยุคสุดท้าย  คริสตจักรต้องการลมของพระวิญญาณ ที่จะเกิดจากการสร้างความแตกต่างในความกระตือรือร้นของคริสเตียน  ผู้เชื่อในพระองค์  เราต้องเป็นต้นแบบการดำเนินชีวิตที่สร้างความแตกต่าง จากชีวิตเก่า สู่ชีวิตใหม่ อย่างเด่นชัด ด้วยตัวของเราเอง  พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำส่วนของพระองค์เอง คือเป็นเหมือนลมพัดเอื่อยๆ หรือพัดรุนแรง ในชีวิตของผู้เชื่อ

กิจการ 2:1-4  1 เมื่อ​วัน​เทศกาล​เพ็น​เท​คอสต์​มาถึง จำพวก​ศิษย์​จึง​รวมอยู่​ใน​ที่​แห่ง​เดียว​กัน​2 ​ใน​ทันใด​นั้น​มี​เสียง​มา​จาก​ฟ้า​เหมือน​เสียง​พายุ​กล้า​สั่น​ก้อง​ทั่ว​ตึก​ที่​เขา​นั่ง​อยู่​นั้น​3 มี​เปลว​ไฟ​สัณฐาน​เหมือน​ลิ้น​ปรากฏ​แก่​เขา​กระจาย​อยู่​บน​เขา​สิ้น​ทุก​คน​4 เขา​เหล่า​นั้น​ก็​ประกอบด้วย​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์ จึง​ตั้ง​ต้น​พูด​ภาษา​อื่นๆ ตาม​ที่​พระ​วิญญาณ​ทรง​โปรด​ให้​พูด

เสียงพายุ ที่บรรยายในหนังสือกิจการตอนนี้ คือการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์ การรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เกิดขึ้น  คำกรีกที่ใช้กับคำว่า เสียงพายุ คือ  คำว่า ลม a sound from heaven as of a rushing mighty wind  เสียงจากสวรรค์ราวกับเสียงของลมพายุ

เมื่อผู้เชื่อในพระเยซู ศิษย์ของพระเยซู they were all with one accord in one place  ศิษย์พระเยซู รากศัพท์กรีกคำนี้ แปลว่า ผู้ที่มีความเห็นพ้องต้องกัน มารวมกัน ในที่เดียวกัน ด้วยใจอย่างเดียวกัน  ใจที่ร้อนรนในการติดตามพระเยซู ให้พระองค์เป็นต้นแบบการดำเนินชีวิต ณ เวลานั้น คือการประกาศชีวิตที่มีพระเยซูเป็นต้นแบบการดำเนินชีวิต  แม้จะกลัวทางการที่จับพระเยซูไปตรึงแล้ว แต่ก็ยังไม่สูญเสียความเชื่อ และการติดตามพระองค์ ในเหตุการณ์นี้ จะเห็นถึงความเชื่อในพระเยซู กับบทบาทการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในผู้เชื่อ

สาวกของพระเยซูคริสต์ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่  การบังเกิดใหม่จากพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาไม่กลัว ที่จะถูกเกลียด ไม่กลัวที่จะพูดความจริง และสังคมของพวกเขาเปลี่ยนไป เพราะคน 120 คน ในห้องชั้นบน ได้เริ่มต้นชีวิตการเป็นต้นแบบการดำเนินชีวิตใหม่ ที่มีทั้งความเชื่อ และการบังเกิดใหม่ในพระวิญญาณบริสุทธิ์

วันนี้ เรามีความเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้าแล้ว แต่เรามีการบังเกิดใหม่ในพระวิญญาณหรือยัง  เราได้สร้างความแตกต่างจากชีวิตเก่าสู่ชีวิตใหม่อย่างไร

กาลาเทีย 5:22-23 22 ฝ่าย​ผล​ของ​พระ​วิญญาณ​นั้น คือ​ความ​รัก ความ​ปลาบ​ปลื้ม​ใจ สันติ​สุข ความ​อด​กลั้น​ใจ ความ​ปรานี ความ​ดี ความ​สัตย์​ซื่อ​23 ความ​สุภาพ​อ่อน​น้อม การ​รู้จัก​บังคับ​ตน

เราควบคุมตัวเราเองได้มากขึ้นอย่างไร   ความรักที่เรามีไม่ได้มาจากความพยายามที่จะรัก แต่เรารักได้ง่ายขึ้น  ให้อภัยได้ง่ายขึ้น เพราะเรามีความรักอยู่ในชีวิตของเราแล้ว สันติสุข ไม่ใช่สิ่งที่หายาก แต่เกิดขึ้นได้ง่าย ความอดกลั้นใจ กลายเป็นธรรมชาติใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ความปราณี ความดี ทำได้เร็ว ไม่ต้องมีเหตุล เงื่อนไขใดๆ ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนน้อม เป็นเชื้อของต้นแบบที่ทำให้ต่อยอดความเป็นไปได้

ผู้ที่บังเกิดใหม่ จากน้ำ คือผู้แสดงความเชื่อด้วยการบัพติศมาในน้ำ คือผู้แสวงหาการเป็นต้นแบบการดำเนินชีวิต อย่างนิโคเดมัส ที่มาหาพระเยซู และเรียนรู้ความจริงจากพระเยซูว่า เขาจะเป็นต้นแบบชีวิตได้ ต้องบังเกิดใหม่ด้วยน้ำ และด้วยพระวิญญาณ

​20 เพราะ​ทุก​คน​ที่​ประพฤติ​ชั่ว​ก็​เกลียด​ความ​สว่าง และ​ไม่​มาถึง​ความ​สว่าง ด้วย​กลัว​ว่า​การ​กระทำ​ของ​ตน​จะ​ปรากฏ​21 แต่​ผู้​ที่​ประพฤติ​ชอบ​ก็​มา​สู่​ความ​สว่าง เพื่อให้​เห็น​ว่า การ​กระทำ​ของ​เขา​นั้น​ได้​กระทำ​โดย​พึ่ง​พระ​เจ้า​

ต้นแบบการดำเนินชีวิตที่แท้จริง คือ ต้นแบบที่อยู่ในความสว่าง ทุกอย่างโปร่งใส เปิดเผย  พร้อมรับการพิสูจน์ได้  ทั้งคำพูด การกระทำ  ความคิด เป็นของความสว่าง  รักความสว่าง ไม่กลัวการกระทำของตนเองเป็นที่ปรากฏ   ให้เราถามตัวเราเองว่า เรากำลังเป็นต้นแบบการดำเนินชีวิต อย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงต้องการให้เราเป็นหรือ เราเลือกจะเป็นตามค่านิยมอย่างโลกเท่านั้น   คำถามของพระเยซูที่ถามนิโคเดมัส กำลังถามเราในวันนี้ด้วยเช่นกัน

10 ​พระ​เยซู​ตรัส​ตอบ​เขา​ว่า “ท่าน​เป็น​อาจารย์​ของ​ชน​อิสราเอล และ​ท่าน​ยัง​ไม่​เข้าใจ​สิ่ง​เหล่า​นี้​หรือ​…12 ถ้า​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ถึง​สิ่ง​ฝ่าย​โลก​และ​ท่าน​ไม่​เชื่อ ถ้า​เรา​บอก​ท่าน​ถึง​สิ่ง​ฝ่าย​สวรรค์​ท่าน​จะ​เชื่อ​ได้​อย่างไร​

พระเยซูทรงสอนนิโคเดมัส และสอนมาถึงเราทั้งหลายว่า การแสวงหาอย่างนิโคเดมัส จนแก่ จนหมดไฟ เพราะยังวนเวียนอยู่กับความไม่เข้าใจ ความไม่เชื่อของตนเอง นิโคเดมัสเป็นภาพของมีคริสเตียนที่แสวงหาแต่ต้นแบบการดำเนินชีวิตเพื่อจะเห็น  แต่ไม่ได้แสวงหาเพื่อจะเป็น…

ผู้แสวงหาต้นแบบการดำเนินชีวิต

  1. มองเห็นความแตกต่างของต้นแบบฯ
  2. หาคำตอบจากต้นแบบฯของจริง
  3. ต้องเกิดจากพระวิญญาณ
  4. สร้างความแตกต่างจากชีวิตเก่าสู่ชีวิตใหม่

By admin