“ทุกคนคือผู้ชนะ“
ฟิลิปปี 2:3-4 3 อย่าทำสิ่งใดในทางชิงดีกันหรือถือดี แต่จงมีใจถ่อมถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว4 อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ ด้วย
ชนะด้วยการช่วงชิงกัน ชนะด้วยการร่วมือกัน
มองคนอื่นเป็นศัตรู มองคนอื่นเป็นเพื่อน
จดจ่ออยู่กับตัวเอง จดจ่อที่คนอื่น
ตั้งแง่สงสัยคนอื่น เป็นผู้สนับสนุนคนอื่น
จะชนะได้ มีแค่ตัวเองเป็นคนดีคนเดียว จะชนะได้ ดีได้ด้วยกันทั้งคู่
การชนะตัดสินด้วยทักษะของตนเอง การชนะตัดสินที่ทักษะของหลายคน
เป็นเพียงชัยชนะในวงแคบ เป็นชัยชนะในวงกว้าง
ได้ชื่นชมยินดีบ้าง เป็นความชื่นชมยินดีอย่างมาก
มีผู้ชนะ ก็จะมีผู้แพ้ มีแต่ผู้ชนะ (ทุกคนคือผู้ชนะ)
ครั้งหนึ่ง หลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ในหลวงร.9 ทรงเรียกทั้งพลเอกสุจินดา คราประยูร และพลตรีจำลอง ศรีเมือง มานั่งอยู่ตรงพระบาทของพระองค์ และทรงตรัสเกี่ยวกับการต่อสู้กันของทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดความสูญเสียของชิวิตคนมากมาย ต่างฝ่ายต่างเอาชนะ แต่ความพ่ายแพ้ตกแก่ประเทศชาติของตนเอง
คริสตจักรเป็นอาณาจักรของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางเหล่าผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ทุกคน คริสตจักรอาจพ่ายแพ้ได้ เรื่องทำนองนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วในคริสตจักรยุคแรกที่เมืองโครินธ์ อ.เปาโลต้องเป็นทุกข์เพราะความแตกแยก การทะเลาะวิวาท ขัดแย้งกัน แตกก๊ก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน การโจมตีกันแม้กระทั่งผู้นำก็ถูกโจมตี คริสตจักรเมืองโครินธ์จึงถูกตักเตือนหนัก และแรง เพื่อให้เกิดการกลับใจใหม่
2โครินธ์ 7:9-11 9 แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดี มิใช่เพราะท่านเสียใจ แต่เพราะความเสียใจนั้นทำให้ท่านกลับใจใหม่ เพราะว่าท่านได้รับความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า ท่านจึงไม่ได้ผลร้ายจากเราเลย10 เพราะว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า ย่อมกระทำให้กลับใจใหม่ ซึ่งนำไปถึงความรอดและไม่เป็นที่น่าเสียใจ แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำไปถึงความตาย11 จงพิจารณาดูว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า กระทำให้เกิดความกระตือรือร้นมากทีเดียว ทำให้เกิดความขวนขวายที่จะแก้ตัวใหม่และการเดือดร้อนแทน ความตื่นตัว ความอาลัย และความกระตือรือร้น และการลงโทษ ในทุกสิ่งเหล่านี้ ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าท่านก็ไม่ได้กระทำผิด
กุญแจสำคัญที่จะนำทุกคนชนะด้วยกันทั้งคู่ ก็คือ การกลับใจใหม่ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เสียใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครแพ้ มีแต่ทุกคนคือผู้ชนะ….