วันนี้เราจะคุยเรื่องการเกิดผลในพระคริสต์ เราจะดูบทเรียนนี้จากพระธรรมยอห์น 15:16 ขอพระเจ้าเปิดใจเรา และให้เราพร้อม เริ่มตั้งแต่ความคิด เมื่อความคิดรับการเปลี่ยนแปลง ท่าทีก็จะเปลี่ยนไปด้วย เมื่อท่าทีเปลี่ยนจริง ๆ ความตั้งใจใหม่ก็จะเกิดขึ้น และเป็นการกระทำ คำพูดของเรา
ยอห์น 15:16 “ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย และได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระองค์จะได้ประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่าน” ข้อพระคัมภีร์ข้อนี้เราอ่านบ่อย แต่มีคุณค่ากับชีวิตเราสูงมาก ความจริงเกี่ยวกับสัจธรรมตรงนี้พูดถึง “ท่านทั้งหลาย” พระเยซูทรงตรัสกับสาวกในตอนนี้กับสาวก แต่ไม่มียูดาสอยู่แล้ว ถ้าเราย้อนกลับไปดูในยอห์นบทที่ 13:26 -30 26 พระองค์ตรัสตอบว่า “คนนั้นคือผู้ที่เราจะเอาอาหารนี้จิ้มแล้วยื่นให้” เมื่อพระองค์ทรงเอาอาหารนั้นจิ้มแล้วก็ทรงยื่นให้แก่ยูดาสบุตรซีโมนอิสคาริโอท
27 เมื่อยูดาสรับประทานอาหารนั้นแล้ว ซาตานก็เข้าสิงในใจเขา พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจะทำอะไร ก็จงทำเร็วๆ เถิด”28 ไม่มีผู้ใดในบรรดาผู้ที่เอนกายร่วมสำรับเข้าใจว่า เหตุใดพระองค์จึงตรัสกับเขาเช่นนั้น29 บางคนคิดว่า เพราะยูดาสถือกล่องเก็บเงินพระองค์จึงตรัสบอกเขาว่า “จงไปซื้อสิ่งที่เราต้องการสำหรับงานเทศกาลนี้” หรือตรัสบอกเขาว่า เขาควรจะให้ทานแก่คนจนบ้าง30 ดังนั้นเมื่อยูดาสรับอาหารชิ้นนั้นแล้วเขาก็ออกไปทันที ขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน หลังจากที่ทรงล้างเท้าสาวกก็ได้ทรงทำนายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ว่าพระองค์จะถูกลอบทำร้ายโดยคนที่อยู่ในหมู่สาวก คือยูดาส อิสคาริโอท ตั้งแต่บทที่ 13 ยูดาสออกไปแล้ว พระเยซูก็ดำเนินต่อไปกับสาวกจนถึงบทที่ 15 ได้ทรงตรัสถึงการเกิดผล เมื่อพระเยซูตรัสถึงการเกิดผล มีความหมายว่าอย่างไร ในพระคัมภีร์เมื่อพูดถึงการเกิดผลจะพูดถึงภาพใหญ่ ๆ 3 เรื่องคือ
1.ผลของคุณภาพชีวิตที่เกิดจากงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในเรา เราเรียกกว้าง ๆ ว่าผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์
2.ผลของความดีของพระเยซูที่ทรงอยู่ในชีวิตของเราที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ช่วยเหลือคนอื่นที่เดือดร้อน พระเยซูเคยยกคำอุปมาในเรื่องนี้ เช่นเรื่องราวของชาวสะมาเรีย พระคัมภีร์พูดเสมอว่าเราที่เป็นคนของพระเจ้าให้เราแสดงความรัก ความเอื้ออาทร ช่วยเหลือต่อ คนอื่น
3.ผลที่เกิดจากการรับใช้พระเจ้า ในการเป็นพยานนำคนมาเชื่อพระเจ้า
ซึ่ง 3 ข้อนี้จะเกิดขึ้นในชีวิตของเรา ผ่านชีวิตของเรา ด้วยเหตุนี้พระเยซูจึงพูดว่าท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเราแต่เราเลือกท่านทั้งหลายให้ไปเกิดผล คำว่าเกิดผลเป็นภาพรวม ผลที่พระเยซูพูดนี้เป็นภาพรวม เห็นคนเดือดร้อนอย่าเดินผ่านไป เจอใครให้เราแสดงผลพระวิญญาณ อย่าแสดงอารมณ์ของเราเพื่อให้เค้ากลัว ให้เค้าทำตาม เราต้องรู้จักอดกลั้นใจ และเราต้องปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า อธิษฐานเพื่อใครคนหนึ่งที่จะมาเชื่อพระเจ้า ทุกวันนี้มีคนหิวกระหายเรื่องพระเจ้ามากขึ้น
ข้อเท็จจริงของการเกิดผลในสาวกของพระองค์
ประการที่ 1 การเกิดผลเป็นน้ำพระทัยที่แน่วแน่ของพระเจ้าในชีวิตของคริสเตียนทุกคน (ด้านของพระเจ้า)
พระเยซูไม่ได้นับยูดาสเข้าไปในกลุ่มของพระองค์ เมื่อยูดาสออกไปแล้ว พระเยซูพูดกับสาวกที่เหลือและเราทุกคนว่าต้องมีชีวิตที่ต้องเกิดผล ยอห์น 15:16 เริ่มต้นว่า “ท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย” แปลว่าเรามักมีกระแสความคิดว่า เราเลือกพระเยซู เรามาโบสถ์นี้เพราะเราเลือกมาโบสถ์นี้ แต่พระเยซูกำลังบอกว่าท่านทั้งหลายไม่ได้เลือกเรา เวลาเราชวนคนเชื่อพระเยซู และเราก็จะสรุปว่าเราได้เลือกพระเยซู แต่แท้จริงไม่ใช่ พระเจ้าทรงเลือกเราต่างหาก ที่ผ่านมาเราคิดอย่างไรในมุมนี้ วันนี้เราต้องเข้าใจความจริงนี้ ขอพระเจ้าช่วยเราให้จัดการกับความคิดอย่างชัดเจน และยอมรับว่าเราไม่ได้เลือกพระเยซู แต่ที่เราอยู่ตรงนี้เป็นเพราะพระเยซูเลือกเราเท่านั้นจริง ๆ นี่เป็นจุดสำคัญ บางทีการไม่เกิดผลในชีวิตเพราะความเข้าใจในเรื่องนี้ว่าใครเลือกใคร เราต้องกลับมาทบทวน ถ้าเราไม่เข้าใจประเด็นนี้เราก็กำลังพลาด พระเยซูตรัสข้อความนี้เพื่อชี้แจงกับสาวกและกับเราเพื่อความชัดเจนว่าใครเลือกใคร และไม่ใช่พระเจ้าเลือกเราส่วนหนึ่งและเราเลือกพระเจ้าส่วนหนึ่งด้วย เราต้องชัดเจน ถ้าเราคิดว่าเราเป็นผู้เลือกพระเยซู เจตนาในชีวิตของเราจะเปลี่ยนไป เช่น เราเลือกพระเจ้า เพราะพระเยซูรักษาคำมั่นสัญญา แล้วเราก็เลยทวงพระสัญญา เพราะเราคิดว่าเราเลือกพระเยซู พระเยซูต้องตอบเรา เจตนาการดำเนินชีวิตจึงออกมาตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรจะเป็น การอธิษฐานก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่งคือ เราก็จะขออย่างนั้น ต้องการให้ช่วยอย่างนี้ เมื่อเราอธิษฐานแล้วพระเจ้าไม่ตอบเราก็จะไม่พอใจ เลิกเชื่อพระเจ้า เพราะพระเจ้าไม่ตอบ ไม่ใช่พระเจ้าไม่ตอบ แต่ไม่ได้ตอบในเวลาของเราต่างหาก ถ้าเราคิดว่าเราเลือกพระเยซูท่าทีในชีวิตเราจะเป็นการเรียกร้องจากพระเจ้า แต่ถ้าเราเข้าใจในมุมที่พระเยซูตรัส เพราะสาวกไม่ได้เข้าใจในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น ว่าพระเจ้าเป็นผู้เลือกเรา ถ้าเราเข้าใจเจตนาในชีวิตในความสัมพันธ์ ท่าทีการเป็นคริสเตียน จะขึ้นอยู่กับพระเยซูไม่ใช่ตัวเรา เราจะให้พระเยซูเรียกร้องตามที่พระองค์ทรงเลือก ไม่ใช่ตามใจเรา วันนี้มีคริสเตียนในประเทศไทยไม่น้อยที่คิดว่าเค้าเลือกพระเยซู เพราะฉะนั้นมาโบสถ์ถ้าเจอนักเทศน์ไม่ถูกใจเราก็จะไม่ฟัง แต่ถ้าเราเข้าใจว่าพระเยซูเลือกเรา เราจะถ่อมใจ ใครจะเทศน์เราจะฟัง เราจะมีท่าทีการสำนึกเป็นคนละแบบจากที่เราคิดว่าเราเลือกพระเจ้า ข้อความสั้น ๆ ตรงนี้ว่าใครเลือกใครสำคัญมากเราต้องเข้าใจอย่างถูกต้องพระเจ้าเลือกเราตามเจตนารมณ์ของพระองค์ให้เราเกิดผล เพราะฉนั้นเราทุกคนเกิดผลได้ พระองค์เลือกเราจากความสัพพัญญูของพระองค์เอง อย่าเรียกให้พระองค์เกิดผลให้เรา เราจะทำธุรกิจอันนี้ขอพระเจ้าอวยพรเราไม่ใช่ ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ผิด ท่าทีต่อพระเจ้าผู้สูงสุดก็ผิดด้วย เมื่อท่าทีผิด ทุกอย่างในชีวิตไม่มีอะไรถูกเลยตั้งแต่เริ่มต้น
2.คริสเตียนจะไม่เกิดผลไม่ได้ (ด้านของเรา)
พระเยซูตรัสว่า “แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล” เราที่เป็นคริสเตียนไม่เกิดผลไม่ได้ ครั้งหนึ่งพระเยซูเดินไปเจอต้นมะเดื่อ แต่พระองค์ไม่เห็นมันเกิดผล มันจึงไม่สมควรจะอยู่ต่อไปและพระองค์ให้ต้นมะเดื่อนั้นตาย ยืนยันว่าคริสเตียนต้องเกิดผล และศักยภาพของการเกิดผลอยู่ในเราทุกคนแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าทำให้พระเจ้าเสียใจในเรื่องนี้ ลูกา 12:20-21 แต่พระเจ้าตรัสแก่เขาว่า “โอ คนโง่ ในคืนวันนี้ ชีวิตของเจ้าจะต้องเรียกเอาไปจากเจ้า แล้วของซี่งเจ้าได้รวบรวมไว้นั้นจะเป็นของใครเล่า” คนที่ส่ำสมทรัพย์ คน ๆ นี้พบความสำเร็จ เพราะเค้าเก่ง เชี่ยวชาญ ร่ำรวย แต่ความสำเร็จนั้นมิได้เป็นประโยชน์กับใครเลย เอาไว้ปรนเปรอตัวเองจะสร้างยุ้งฉางให้ใหญ่ขึ้น ดื่มกินอยู่สบาย แต่คนอื่นช่างมัน พระเยซูบอก คนโง่ นี่เป็นความสำเร็จที่ไม่เกิดผลและไม่เป็นที่พอพระทัย เมื่อเราไม่เกิดผลพระเจ้าก็จะปฎิเสธ ยอห์น 15:6 เราจะไม่เกิดผลไม่ได้ พระเจ้าใส่ศักยภาพการเกิดผลให้เราแล้ว อย่าให้การเกิดผลเป็นหมันไป
3.การเกิดผลของคริสเตียนต้องเป็นผลที่มีคุณภาพ
ผลที่มีคุณภาพเท่านั้นเป็นผลที่คงอยู่ “ผลที่คงอยู่” คือ ผลของเราจะต้องถูกพระเจ้าทดสอบ พิสูจน์ ผลของเราจะต้องไม่กลัวไฟที่เผาไหม้ ไม่กลัวความทุกข์ยากลำบาก ความเดือดร้อน ผลที่มีคุณภาพไม่กลัวไฟ แต่ยินดีกับไฟ เพราะมันจะสุกปลั่งมากขึ้น ยิ่งมีความเดือนร้อนทุกข์ยาก ชีวิตคริสเตียนก็ยิ่งสุกปลั่งมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าเจอนิดหน่อยก็ไม่ได้ อันนั้นเป็นผลที่ไม่มีคุณภาพ อิสยาห์ 5:1-6 1 ขอให้ข้าพเจ้าร้องเพลงถึงที่รักของข้าพเจ้า เป็นเพลงของที่รักของข้าพเจ้าเกี่ยวกับสวนองุ่นของท่าน ที่รักของข้าพเจ้ามีสวนองุ่นแปลงหนึ่ง อยู่บนเนินเขาอันอุดมยิ่ง 2 ท่านขุดแล้วเก็บก้อนหินออกหมด และปลูกเถาองุ่นอย่างดีไว้ ท่านสร้างหอเฝ้าไว้ท่ามกลาง และสะกัดบ่อย่ำองุ่นไว้ในสวนนั้นด้วย ท่านมุ่งหวังว่ามันจะบังเกิดลูกองุ่น แต่มันบังเกิดลูกเถาเปรี้ยว 3 บัดนี้ ชาวเยรูซาเล็ม และคนยูดาห์เอ๋ย ขอตัดสินระหว่างเรา และสวนองุ่นของเรา 4 มีอะไรอีกที่จะทำได้เพื่อสวนองุ่นของเรา ซึ่งเรายังไม่ได้ทำให้ ก็เมื่อเรามุ่งหวังว่ามันจะบังเกิดลูกองุ่น ไฉนมันจึงเกิดลูกเถาเปรี้ยว 5 บัดนี้เราจะบอกเจ้าทั้งหลายให้ ว่าเราจะทำอะไรกับสวนองุ่นของเรา เราจะรื้อรั้วหนามของมันเสีย แล้วมันก็จะถูกเผา เราจะพังกำแพงของมันลง มันก็จะถูกเหยียบย่ำลง 6 เราจะกระทำมันให้เป็นที่ร้าง จะไม่มีใครลิดแขนงหรือพรวนดิน หนามย่อยหนามใหญ่ก็จะงอกขึ้น และเราจะบัญชาเมฆ ไม่ให้โปรยฝนรดมัน พระเจ้าเปรียบคนของพระองค์ในสมัยอิสยาห์ว่าเป็นองุ่นพันธุ์ดี พระองค์จะปลูกองุ่นพันธุ์ดีในที่ดินของพระองค์ แต่มันเกิดผลเป็นผลเปรี้ยว มันเกิดผลแต่เป็นผลที่ไม่มีคุณภาพ และนั่นคือคนอิสราเอลเอง ซึ่งถ้าเก็บไว้ก็เป็นพิษไม่ได้เป็นพร ก็ต้องตัดทิ้งไป เหมือนกันแขนงที่ไม่เกิดผลก็จะ ถูกตัดทิ้งไป ทุกอย่างที่มาจากพระเจ้าผ่านชีวิตเราต้องมีคุณภาพ เป็นเลิศ
4.คริสเตียนจะเพิ่มคุณค่าของชีวิตด้วยการเกิดผลที่มีปริมาณ
ยอห์น 15:1-2 1 “เราเป็นเถาองุ่นแท้ และพระบิดาของเราทรงเป็นผู้ดูแลรักษา2 แขนงทุกแขนงในเราที่ไม่ออกผล พระองค์ก็ทรงตัดทิ้งเสีย และแขนงทุกแขนงที่ออกผล พระองค์ก็ทรงลิดเพื่อให้ออกผลมากขึ้น เราเริ่มต้นอาจเกิดผลนิดเดียว แต่พระเจ้าจะทำให้เกิดผลมากขึ้น พระเจ้าจะลิดตอนที่เราเกิดผลแล้ว เพื่อให้เกิดมากขึ้น
5.การเกิดผลเป็นใบรับรองการเป็นสาวกของพระองค์
สิ่งที่จะบอกว่าเราเป็นคริสเตียนแท้ ที่เราจะบอกกับพระเจ้าได้คือการเกิดผล ไม่ใช่การอธิษฐาน การถวายทรัพย์ ร่วมรับใช้ แต่การเป็นสาวกคือการเกิดผล
6.การเกิดผลเป็นกุญแจดอกสำคัญในการอธิษฐาน
ก่อนที่เราจะทูลขอสิ่งใด มีคำว่า “เพื่อว่า” เพื่อมาจากการเกิดผล เมื่อเราเกิดผล ชีวิตที่เกิดผล เวลาเราขอสิ่งใดจากพระเจ้า พระเจ้าก็จะให้สิ่งนั้น ที่พระเจ้าตอบคำอธิษฐาน เพราะพระเจ้าเลือกเราให้เกิดผล และมีปริมาณ เพราะฉนั้นไม่ต้องทวงพระสัญญา พระเจ้าตอบคำอธิษฐานเราแน่นอน ถ้าเราเกิดผลสิ่งใด ในนามของพระบิดาเมื่อเราขอ พระเจ้าให้อยู่แล้ว
7.การเกิดผล เป็นหลักฐานที่ใช้ยืนยันตัวตนที่แท้จริงของเราต่อพระเจ้าที่พระองค์จะเสด็จกลับมาครั้งที่ 2
เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในยอห์นบทที่ 15:16 เราจะดูที่ มัทธิว 7:21-23 21 “มิใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้ทรงสถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้22 เมื่อถึงวันนั้นจะมีคนเป็นอันมากร้องแก่เราว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์กล่าวพระวจนะในพระนามของพระองค์ และได้ขับผีออกในพระนามของพระองค์ และได้กระทำการมหัศจรรย์เป็นอันมากในพระนามของพระองค์ มิใช่หรือ’
23 เมื่อนั้นเราจะได้กล่าวแก่เขาว่า ‘เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่ว จงไปเสียให้พ้นหน้าเรา’ ผู้ที่ปฎิบัติตามพระทัยพระบิดา เป็นกุญแจสำคัญ พระทัยพระบิดาต้องการให้เราเกิดผล และเมื่อเราเกิดผลทั้ง 3 ด้านที่พูดไว้ตอนต้น เมื่อพระเยซูเสด็จมาเราไม่ต้องไปเสนอหน้ากับพระเจ้าเลย เพราะชีวิตเราเกิดผล ให้พระคัมภีร์พูดกับเราจริง ๆ ให้ชีวิตเราเกิดผล เป็นพร เราจะเป็นคนนั้น เพราะพระเจ้าใส่สิ่งเหล่านี้ให้เรา เนื่องจากพระเจ้าเป็นผู้เลือกเรา เราไม่ได้เลือกพระองค์