เรื่อง…เพื่อพระเจ้าจะบัญชาพระพร

พี่น้อง อะไรที่จะทำให้พระเจ้าบัญชาพระพร …….ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  โปรดฟังอีกครั้ง……เราต้องการให้พระเจ้าบัญชาพระพรลงมามั้ยคะ ฉะนั้นเราต้องมี….ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  ทุกคนอยากได้รับพระพรอยู่แล้ว แล้วเราก็จะอธิษฐานขอพระพรจากพระเจ้า ขอพระเจ้าอวยพรเรา อวยพรครอบครัว อวยพรสามีของเรา ภรรยาของเรา ลูกของเรา หน้าที่การงานเศรษฐกิจของเรา เราอธิษฐาน  อธิษฐาน อธิษฐาน  หลายคนได้รับพระพร มีประสบการณ์ในการอธิษฐาน ขอบคุณพระเจ้า  แต่อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่การอธิษฐานเท่านั้นที่เราจะได้รับพระพร   แต่การที่เรามีชีวิตเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทำให้พระเจ้าเป็นผู้บัญชาการด้วยพระองค์เอง บัญชาการให้พระพรเทลงมาท่ามกลางชีวิตที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  หลายครั้งเราไม่ได้รับพระพร ครอบครัว เศรษฐกิจ หน้าที่การงาน ชีวิตแห้งแล้งพระพร เพราะเรื่องของ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเรา นี่คือสิ่งที่เราต้องตระหนัก สิ่งที่เราต้องตรวจสอบชีวิตของเรา  เราจะเรียนรู้ด้วยกันจากพระธรรมสดุดี 133:1-3  ดูเถิด  ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  ก็เป็นการดี  และน่าชื่นใจมากสักเท่าใด 2เหมือนน้ำมันประเสริฐอยู่บนศีรษะไหลอาบลงมาบนหนวดเครา  บนหนวดเคราของอาโรน  ไหลอาบลงมาบนคอเสื้อของท่าน  3เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน   ซึ่งตกลงบนเทือกเขาศิโยน  เพราะว่าพระเจ้าทรงบังคับบัญชา   พระพรที่นั่น  คือชีวิตจำเริญเป็นนิตย์  เพื่อที่พระเจ้าจะบัญชาพระพร เราต้อง เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า

1.เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า

การแสดงออกถึงการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าอย่างหนึ่งคือ การเชื่อฟัง เมื่อเราต้อนรับพระเยซูคริสต์เป็นพระเจ้าในชีวิต เราก็รับเอาน้ำพระทัยของพระองค์  ยอมรับค่านิยมของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตเราด้วย คิดอย่างที่พระเจ้าคิด รู้สึกอย่างที่พระเจ้ารู้สึก  เชื่อฟังเห็นด้วยกันกับพระเจ้าในคำสั่งสอน ในพระมหาบัญชา ในพระมหาบัญญัติ หรือบัญญัติต่าง ๆ และนั่นคือการที่แสดงออกถึงการเข้าร่วมชีวิตกับพระเจ้า  ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ ในสดุดีบท 133 นี้ ขึ้นต้นด้วยคำว่า “ดูเถิด”  คำ ๆ นี้ คำสั้น ๆ แต่มีความหมายที่ผ่านเลยไปไม่ได้  ดูเถิดคือการบ่งบอกว่าสิ่งที่บอกเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องมองดูอย่างใส่ใจ   พระเจ้าต้องการให้เราใส่ใจ ต้องการให้เราเชื่อฟัง  “ดูเถิด  ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน    ก็เป็นการดี  และน่าชื่นใจมากสักเท่าใด” พระเจ้ามีพระประสงค์ที่เราจะอยู่ด้วยกันด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  เมื่อผู้เชื่ออยู่ด้วยกัน การอัศจรรย์ สิ่งที่เหนือธรรมชาติจะเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงสัญญา  มัทธิว 18:19-20 19เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายอีกว่า   ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งหนึ่งสิ่งใด   พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทำให้ 20ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆในนามของเรา   เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น” หากเราต้องการให้การอัศจรรย์เกิดขึ้น เราต้องอยู่ร่วมกัน เป็นหนึ่งเดียวกันตามน้ำพระทัยของพระเจ้า และอย่าให้การอยู่ด้วยกันของเราผ่านไปเฉย ๆ เราต้องรู้ว่ามีอานุภาพของการอยู่ด้วยกัน ที่เราจะใช้สิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณในการอธิษฐาน ในการรับใช้ร่วมกัน  การเข้ากลุ่มเซลล์ ไม่ใช่เพียงแค่โปรแกรม ๆ หนึ่งที่ทำให้เสร็จ ๆ ทำให้ผ่าน ๆ ไป ทำไปตามหน้าที่ของหัวหน้าเซลล์ลูกเซลล์   เราต้องอยู่ร่วมกันด้วยมุมมองใหม่ มิติใหม่ฝ่ายวิญญาณ เราต้องรู้สึกตื่นเต้นและคาดหวังการอัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ร่วมกัน  และเราต้องอยู่ร่วมกัน ด้วยกัน เพราะเรายังไม่ใช่คนที่ดีพร้อม  มีใครในที่นี้ดีพร้อมบ้าง?  ไม่มี   เรายังมีความผิดพลาด   เรายังไม่สมบูรณ์ เราจึงต้องอยู่ร่วมกับพี่น้อง มีสามัคคีธรรมกับผู้อื่นที่จะสามารถแบ่งปันความเชื่อให้กับเรา มีส่วนในชีวิตของเรา  ช่วยเราในยามที่เราอ่อนแอล้มลง  ช่วยแก้ไข   มีส่วนการเสริมสร้าง  หนุนใจ เพื่อที่เราจะเติบโตและเกิดผลต่อไป  ฮีบรู10:24-25 24และขอให้เราพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไร   จึงจะปลุกใจซึ่งกันและกันให้มีความรักและทำความดี 25อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนที่ขาดอยู่นั้น   แต่จงพูดหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น   เพราะท่านทั้งหลายก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว    พระเจ้าทรงเป็นต้นแบบของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในความเป็นตรีเอกานุภาพของพระองค์ พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์  ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นธรรมชาติของพระเจ้า    พระเจ้าไม่ใช่พระเจ้าที่สันโดษ  ปลีกตัวจากสังคม เป็นฤษีบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าลึก แต่พระเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตของเรา  และทรงคาดหวังให้เราเข้าไปเกี่ยวข้องในชีวิตของผู้อื่น เมื่อพระเจ้าตรัสในปฐมกาล 1:26 ว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา  พระเจ้ายังตรัสในเวลาต่อไปในบทที่ 2:18 ด้วยว่า “ไม่สมควรที่ชายนี้จะอยู่คนเดียว”   พระเจ้าทรงรู้ว่าเราต้องมีเพื่อนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกัน ปัญญาจารย์ 4:12 12แม้คนหนึ่งสู้คนเดียวได้   สองคนคงสู้เขาได้แน่  เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้   พระเยซูก็ทรงได้สร้างแบบอย่างชุมชนไว้ให้เราได้เห็นแล้วจากชีวิตของสาวก พวกเขามีชีวิตที่เชื่อมต่อความเชื่อกับผู้อื่น พวกเขาแบ่งปันชีวิตแก่กันและกัน ผูกพันกับพระเยซูคริสต์ ซึ่งบางครั้งพวกเขาก็โต้เถียงทะเลาะวิวาท แข่งขันอยากเป็นใหญ่  แต่พระเยซูคริสต์ก็ทรงเตือนพวกเขาถึงความเป็นพี่น้อง ไม่ใช่คู่แข่งขัน  และในที่สุดพวกสาวกทั้งหมดเข้าใจ และเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้คว่ำโลกนี้มาแล้ว  คริสเตียนบางคนแข่งขันกับคริสเตียนคนอื่น  โต้เถียง ทะเลาะวิวาทชิงดีชิงเด่น ริษยา ทำราวกับว่าคน ๆ นั้น เป็นศัตรูคู่แข่ง   …ไม่ใช่ …. เราเป็นทีมเดียวกัน  เราเป็น 1 ในทีมคนอื่น ๆ เป็นเพื่อนร่วมทีมที่จะก้าวไปสู่ชัยชนะด้วยกัน  ถ้าหากเราไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ไม่สามารถอยู่ร่วมกับพี่น้อง ไม่เอาใคร ไม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนของพระเจ้า นั่นอาจเป็นเพราะความบาป  มีความบาปบางอย่าง  เพราะบาปคือสิ่งที่ทำให้เราพลาดไปจากแผนการพระเจ้า บาปทำให้เราไกลห่างจากน้ำพระทัยพระเจ้า พลาดไปจากเป้าหมายที่พระเจ้ากำหนดไว้  เราใช้ชีวิตแยกตัวออกจากพี่น้องหรือไม่ การแยกตัวไม่ใช่น้ำพระทัย  ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเรามีชีวิตแยกตัวเองจากผู้อื่นเรากำลังมีชีวิตที่ถอยหลัง  เมื่อใดก็ตามที่เราแยกตัวเองจากพระเจ้า จากคริสตจักร จากพี่น้องชายหญิงในพระคริสต์ เรากำลังมีชีวิตที่ก้าวถอยหลัง  หากเราต้องการให้พระเจ้าบัญชาพระพร เราต้องมีชีวิตที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า และสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าหรือไม่  ก็ดูจากผลของชีวิตว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกับคนอื่นหรือไม่อย่างไร  1ยอห์น 1:6-7  6ถ้าเราจะว่าเราร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์และยังดำเนินอยู่ในความมืด   เราก็พูดมุสา   และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง 7แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง   เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง   เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน   และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์   ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น  เมื่อชาวยิวเดินทางไปนมัสการพระเจ้าที่เยรูซาเล็ม พวกเขาจะร้องบทเพลงสดุดี  พวกเขาไม่ได้ร้องเพลงคนเดียว เดินทางคนเดียว ทำตัวเป็นศิลปินเดี่ยว    การเดินทางไปนมัสการนี้จะมีชนจากทุกชนเผ่าของอิสราเอลไปเฉลิมฉลองด้วยกัน  ไม่ว่าการเดินทางนั้นจะยากลำบากอย่างไร แต่พวกเขามีความชื่นชมยินดี และพวกเขาไปด้วยกัน  เราเองก็เป็นเหมือนนักเดินทาง  มีเส้นทางและจุดหมายปลายทางเพื่อนมัสการพระเจ้าชั่วนิรันดร์      เราต่างมีเป้าหมาย เราต่างมีจุดหมายปลายทางเหมือนกัน คือแผ่นดินสวรรค์ที่เป็นบ้านของเรา และเรากำลังเดินทางไปด้วยกันจึงเป็นสิ่งที่ผิดน้ำพระทัยมากหากผู้เชื่อพยายามจะแยกตัวเองไปคนเดียว ลำพัง   เมื่อเรามาเป็นคริสเตียน เราเป็นส่วนหนึ่งในผ้เชื่อและในพระคริสต์ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นรากฐานการสามัคคีธรรมในชีวิ ตของผู้เชื่อ และเราแต่ละคนเป็นส่วนหนึ่งในชุมชนผู้เชื่อ และเมื่อเราเป็นส่วนหนึ่ง เราไม่ควรที่จะมีท่าทีในการร่วมสามัคคีธรรมกับคริสตจักรแบบเสียไม่ได้ อึก ๆ อัก ๆ หรือแบบไม่เต็มใจ เพราะเราเป็นครอบครัวของพระเจ้า  ไม่มีคริสเตียนคนไหนเป็นลูกคนเดียวของพระเจ้า  เราจะไม่สามารถเติบโตและเกิดผลหากเราแยกตัวเองออกไป นี่คือเอกลักษณ์ในความเป็นพระกายของพระคริสต์ พระเจ้าสร้างและฟอร์มเราขึ้นมาในลักษณะนี้  เราเป็นชุมชมที่หยั่งรากอยู่ในความสัมพันธ์ต่อกันและกัน   อิสราเอลประกอบด้วยคนหลายเผ่ามีความแตกต่างในวิถีชีวิต  เราเองก็เหมือนกัน เราอยู่กันที่นี่กี่คน ถ้า 90 คนก็ 90 เผ่า เราไม่มีอะไรที่เหมือนกัน  ฉะนั้นอย่าพยามยามมองหาคนที่เหมือนกับเรา แล้วค่อยร่วมสามัคคีธรรม แล้วค่อยอยู่ร่วมกัน เราสามารถอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่าง ซึ่งแน่นอนว่าในขณะที่ร่วมทางเดินไปด้วยกันนี้ ก็อาจมีบางอย่างที่เรารู้สึกไม่เห็นด้วย ไม่ชอบ  ไม่โอ แต่มันก็เป็นความท้าทายในการอยู่ร่วมกัน มีชีวิตอยู่ด้วยกัน ร่วมทางไปด้วยกัน รับใช้ไปด้วยกัน  และนั่นหมายความว่า เรากำลังก้าวเข้าไปสู่ชัยชนะมากขึ้นเรื่อย ๆ   แต่ถ้าหากเราหนีจากกันไป  ไม่เอาแล้ว มันก็ไปไม่ถึงเส้นชัยซักที  เราเคยเล่น วิ่ง 3 ขา มั้ย  เอา 2 คนมาแล้วใช้ผ้าผูกขาติดกัน 1 ข้าง แต่ 3 ขาจิ๊บ ๆ เขามีวิ่ง 10 ขา 31 ขา  ผูกขาติดกันและวิ่งเป็นหน้ากระดาน  ซึ่งกีฬาประเภทนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปลูกฝังหัวใจให้สามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งต้องมีการฝึกหนัก ต้องอยู่ร่วมกัน ปรับตัวซึ่งกันและกัน แล้วแสดงพลังความเป็นหนึ่งเดียว  เป็นการรวมพลังของ 30 คนสู่เส้นชัยด้วยความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน  มือขวาที่เกาะไหล่ มือซ้ายที่โอบรอบเอวเพื่อนอีกข้าง ข้อเท้าผูกติดกัน ก้าววิ่งไปตามจังหวะ  หนึ่ง สอง  หนึ่ง สอง  หนึ่ง สอง และแน่นอน เท้าขวาผูกติดกับใคร เท้าซ้ายผูกติดกับใคร 2 เท้าที่ผูกติดกัน ใจต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ทุกคนคิดอยู่ในใจจะต้องแข่งกับตัวเอง จะต้องให้เร็วกว่าวันซ้อม แต่ห้ามใครล้ำหน้าใคร และห้ามใครเป็นตัวถ่วงเพื่อน  ถึงจะเจ็บถึงจะล้า จะต้องไม่ให้เพื่อนเสียจังหวะ ทีมจะต้องสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่เช่นนั้นเราจะล้มกันหมดทั้งทีม  ทันทีที่เสียงสัญญาณดังขึ้น ระวัง….เข้าที่….ปัง. ทุกคนสตาร์ทออกไปด้วยหัวใจเดียวกัน ทั้งแรงกาย ทั้งจังหวะก้าว และความเร็วที่เท่าเทียมกัน  หากเราไม่เป็นทีมเดียวกัน เราก็จะชนะไม่ได้   ดูเถิด  ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  ก็เป็นการดี  และน่าชื่นใจมากสักเท่าใด   จะเป็นการดีและน่าชื่นใจมากเท่าใดที่เราจะเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเป็นผลแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนที่เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  เราต้องคาดหวังและเชื่อว่าจะมีการเกิดผล จะมีผลดีที่จะเกิดขึ้นจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของเรา  และเราต้องเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ด้วยการให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงครอบครองเรา เมื่อเรายอมจำนนต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ ก็จะมีผลของพระวิญญาณเกิดขึ้นในชีวิตของเรา กาลาเทีย 5:22-23 22ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น   คือความรัก   ความปลาบปลื้มใจ   สันติสุข   ความอดกลั้นใจ   ความปรานี   ความดี   ความสัตย์ซื่อ 23ความสุภาพอ่อนน้อม   การรู้จักบังคับตน   เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย  เมื่อเรามีผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผลพระวิญญาณจะนำเรา ขับเคลื่อนเราที่จะเดินไปบนเส้นทางของความรัก สันติสุข และความเป็นหนึ่งเดียวกัน   จำเป็นที่เราต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า เพื่อเราจะเกิดผล ยอห์น 15:4-5จงเข้าสนิทอยู่ในเรา   และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน   แขนงจะออกผลเองไม่ได้   นอกจากจะติดอยู่กับเถาฉันใด   ท่านทั้งหลายก็จะเกิดผลไม่ได้   นอกจากจะเข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น 5เราเป็นเถาองุ่น   ท่านทั้งหลายเป็นแขนง   ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา   ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก   เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย  จำเป็นที่เราต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้าเพื่อเราจะเจริญขึ้นในพระคุณ เอเฟซัส 4:15-16 15แต่ให้เรายึดความจริงด้วยใจรัก   เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ   คือพระคริสต์ 16คือเนื่องจากพระองค์นั้น   ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและประสานกันโดยทุกๆข้อต่อที่ทรงประทาน   ได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก   เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว  และจะเป็นที่เราต้องเป็นอันหนึ่งเดียวกับพระเจ้าเพื่อพระเจ้าจะบัญชาพระพรมาเหนือเรา  เพื่อพระเจ้าจะบัญชาพระพร  เราต้อง

2.เป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้อง

การเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้อง คือการที่เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้อื่น คือการที่เราไม่มีชีวิตเพียงเพื่อตัวเอง เอาแต่ตัวเอง และพี่น้องของเราคือใคร ก็ทั้งพี่น้องผู้เชื่อ และผู้ที่หลงหายที่เป็นพี่น้องร่วมกันกับเรา  เมื่อเราเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้อง การบังคับบัญชาพระพรจากพระเจ้าก็จะเกิดขึ้น ดูเถิด  ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  ก็เป็นการดี  และน่าชื่นใจมากสักเท่าใด  2เหมือนน้ำมันประเสริฐอยู่บนศีรษะไหลอาบลงมาบนหนวดเครา  บนหนวดเคราของอาโรน  ไหลอาบลงมาบนคอเสื้อของท่าน  3เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน   ซึ่งตกลงบนเทือกเขาศิโยน  เพราะว่าพระเจ้าทรงบังคับบัญชา   พระพรที่นั่น  คือชีวิตจำเริญเป็นนิตย์ พระธรรมตอนนี้มีการเปรียบเทียบความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันว่าเป็นเหมือน น้ำมัน และ น้ำค้าง เมื่ออาโรนได้รับการแต่งตั้งเป็นปุโรหิต ได้มีการเจิมด้วยน้ำมัน อพยพ 29:4-7  4จงนำอาโรนและบุตรชายทั้งหลายของเขา  มา ที่ประตูเต็นท์นัดพบ   แล้วจงชำระตัวเขาทั้งหลายด้วยน้ำ 5จงสวมเครื่องยศให้อาโรน   คือเสื้อในกับเสื้อเอโฟดกับเอโฟดและทับทรวง   และเอารัดประคดที่ทอด้วยฝีมือประณีต   สำหรับใช้กับเอโฟดนั้นคาดเอวไว้ 6จงสวมมาลาที่ศีรษะของอาโรน   และจงสวมมงกุฎบริสุทธิ์ทับมาลา  7จงเอาน้ำมันเจิมเทลงบนศีรษะของเขา  และเจิมตั้งเขาไว้  อาโรนถูกเจิมตั้งไว้เป็นปุโรหิต น้ำมันแห่งการเจิมติดแน่นอยู่ในชีวิตของเขาแล้ว เราเองก็คือปุโรหิตในพันธสัญญาใหม่  1 เปโตร 2:99แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว   เป็นพวกปุโรหิตหลวง   เป็นประชาชาติบริสุทธิ์   เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ   เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์   ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด   เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์  และเมื่อเราเป็นปุโรหิต เราก็ได้รับการเจิมไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ความหมายของพระวิญญาณบริสุทธิ์และน้ำมันนั้นเป็นสิ่งเดียวกัน เมื่อเราเป็นปุโรหิตในพันธสัญญาใหม่ พระวิญญาณคือน้ำมันแห่งการเจิมในชีวิตของเรา  และน้ำมันนี้ก็ติดแน่นอยู่ในชีวิตเราด้วย น้ำมันที่เจิมในสมัยอาโรนนั้นจะมีการปรุงขึ้นมาเป็นพิเศษที่จะมีกลิ่นหอม และเมื่อเรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พระวิญญาณจะเทลงมาอย่างเหลือล้น  พระวิญญาณที่เจิมเราจะเป็นกลิ่นหอมในชีวิตของเรา  2 โครินธ์ 2:14  14แต่ขอบพระคุณพระเจ้า   ผู้ทรงนำเราเสมอมาโดยพระคริสต์ด้วยความมีชัย   และทรงโปรดประทานกลิ่นหอมแห่งความรู้ของพระองค์   ให้ปรากฏด้วยตัวเราทุกแห่ง  เราต้องเป็นกลิ่นหอมท่ามกลางโลกที่เสื่อมสลาย ท่ามกลางสังคมที่ขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ชีวิตเราต้องเป็นน้ำมันที่จะช่วยประสานความแตกร้าว ความแตกแยก นำการคืนดีให้เกิดขึ้น  น้ำมันนั้นมีคุณสมบัติทำให้ผิวเรานุ่มขึ้น และทาสมักนำไปใช้สำหรับทาแผล และเราต้องเป็นน้ำมันแห่งการเยียวยารักษาท่ามกลางกันและกัน และท่ามกลางสังคมที่บอบช้ำ แตกสลาย เต็มไปด้วยบาดแผลที่เหวะหวะ เต็มไปด้วยคนที่บาดเจ็บทางจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก   ตลอดทั้งพระคัมภีร์ น้ำมันเป็นสัญลักษณ์ถึงการทรงสถิตและพระวิญญาณของพระเจ้า เราต้องเป็นผู้นำการทรงสถิตของพระเจ้าในสังคมนี้   น้ำมันคือสิ่งที่ถูกจัดเตรียมไว้ในการรับใช้ เช่นผู้เผยพระวจนะ ปุโรหิต กษัตริย์  และพระเจ้าทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์สำหรับเราเพื่อเราจะรับใช้พระองค์ เมื่อความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเกิดขึ้น มีการเจิม และมีการรับใช้ตามมา เราจะหยุดที่การเจิมไม่ได้  พระคริสต์ ทรงเป็นทั้ง 3 อย่างนี้ ชื่อของพระองค์มีความหมายว่า “ผู้ที่ถูกเจิมไว้” พระองค์ถูกเจิมไว้เพื่อจัดเตรียมความรอดให้แก่เรา  และเราเป็นผู้ถูกเจิมไว้เช่นกันที่จะนำความรอดไปถึงผู้หลงหายทั้งหลาย  เราจะทำสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อเรามีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แล้วน้ำมันแห่งพระวิญญาณจะไหลลงมาในชีวิตของเรา ไหลล้นออกไปสู่ผู้คนรอบข้าง ขยายเป็นวงกว้างขึ้นไปเรื่อย ๆ  สดุดี 133 ยังเปรียบความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นเหมือนน้ำค้าง ภูเขาเฮอร์โมนเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในดินแดนปาเลสไตน์  และต้นกำเนิดของแม่น้ำจอร์แดนก็อยู่ที่ดภูเขาเฮอร์โมน ทุกเช้าบนยอดเขาเฮอร์โมนจะมีความชุ่มฉ่ำมาก  ให้ความรู้สึกที่สดชื่น สมบูรณ์   ซึ่งอิสราเอลเป็นประเทศที่แห้งแล้ง ฉะนั้นน้ำค้างจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากกับพืชที่จะเติบโต  น้ำค้างที่ตกลงมาจากยอดเขาที่สูงตระหง่านอย่างภูเขาเฮอร์โมนที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศ  และภูเขาศิโยนที่อยู่ทางตอนใต้มีความสำคัญมาก  และผู้คนที่เดินทางในทะเลทรายนั้นเป็นที่รู้กันว่าจะต้องดื่มน้ำจากน้ำค้างในการประทังชีวิต   เมื่อมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน น้ำค้างจากเบื้องบนจะเทลงมา สภาพแวดล้อมของคริสตจักรก็จะมีความชุ่มชื่น ชุ่มฉ่ำเกิดขึ้น ผู้คนได้รับการอวยพร มีความสุข รับพลังของชีวิต แต่ความไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจะทำลายความชุ่มฉ่ำชุ่มชื่นในคริสตจักร ทำให้แม่น้ำฝ่ายวิญญาณแห้งเหือด ไม่มีการเติบโต ไม่มีการเกิดผล และนำสู่ความตาย  ดังนั้น ความเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นสิ่งที่เราต้องให้คุณค่าอย่างสูง อย่ายอมให้อะไรมาแบ่งแยกเรา และต้องปฎิเสธที่จะฟังสิ่งที่เป็นลบ สิ่งที่เป็นบ่อนทำลายความเป็นหนึ่งเดียวกัน   และเรียนรู้ที่จะรักพี่น้อง  เรียนรู้ที่จะแคร์กัน ห่วงใยใส่ใจกันไม่ใช่รอรับเพียงอย่างเดียว  เรียนรู้ที่จะขอโทษให้เป็นเมื่อเราทำผิด ต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดไม่ใช่รับแต่ชอบอย่างเดียว  เมื่อเราทำผิดแล้วเราไม่ขอโทษเรากำลังสร้างความขมขื่น ความบาดหมาง ให้คนอื่น และนำสู่ความห่างเหิน นำสู่การไกลห่างจากความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  น้ำค้างยังเป็นสัญลักษณ์ของการอวยพร เมื่ออิสอัคอวยพรยาโคบ เขาบอกว่า  ปฐมกาล 27:28 28ขอพระเจ้าทรงประทานน้ำค้างจากฟ้าแก่เจ้า    และประทานความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน  ทั้งพืชและเหล้าองุ่นใหม่มากมายแก่เจ้า  สิ่งนี้หมายความว่าอะไร ขอพระเจ้าประทานน้ำค้างจากฟ้า  น้ำค้างจากฟ้าคือการอวยพรของพระเจ้า  ในทางตรงกันข้าม อิสอัคบอกเอซาว ในปฐมกาล 27 : 39  39อิสอัคบิดาของเขาจึงตอบว่า  “ที่อาศัยของเจ้าจะอยู่ห่างจากความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน และห่างจากน้ำค้างจากฟ้าเบื้องบน โมเสสเองก็เข้าใจในเรื่องนี้เขาเคยอธิษฐานว่าให้คำสอนของเขาเป็นเหมือนน้ำค้าง  เฉลยธรรมบัญญัติ 32:2 2 ขอ​ให้​คำ​สอน​ของ​ข้าพเจ้า​หยด​ลง​อย่าง​เม็ด​ฝน และ​คำ​ปราศรัย​ของ​ข้าพเจ้า​กลั่น​ตัว​ลง​อย่าง​น้ำค้าง อย่าง​ฝน​ตก​ปรอยๆ อยู่​เหนือ​หญ้า​อ่อน อย่าง​ห่า​ฝน​ตก​ลง​เหนือ​ผัก​สด  ความโปรดปรานของกษัตริย์เป็นเหมือนน้ำค้าง สุภาษิต 19:12 พระพิโรธของพระราชาเหมือนเสียงคำรามของสิงห์หนุ่ม   แต่ความโปรดปรานของพระองค์เหมือนน้ำค้างบนผักหญ้า  อิสยาห์ก็เปรียบเทียบน้ำค้างเป็นการฟื้นคืนของชีวิต  อิสยาห์ 26:19  19คนตายของพระองค์จะมีชีวิต  ศพของเขาทั้งหลายจะลุกขึ้น โอ  ผู้อาศัยอยู่ในผงคลี  จงตื่นเถิด   และร้องเพลงเพราะความชื่นบาน  เพราะน้ำค้างของเจ้าเป็นน้ำค้างของความสว่าง  และแผ่นดินโลกจะให้ชาวแดนคนตายเป็นขึ้น  และพระเจ้าตรัสไว้ในโฮเชยา 14:5  5เราจะเป็นเหมือนน้ำค้างแก่อิสราเอล  เขาจะเบิกบานอย่างดอกพลับพลึง  เขาจะหยั่งรากเหมือนเลบานอน  เมื่อเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เราก็กำลังให้น้ำค้างแห่งการอวยพรไหลไปสู่ผู้อื่น วันนี้เราเทน้ำค้าง หรือ เราเทน้ำกรดใส่คนอื่น เราเทการอวยพร หรือเราเทยาพิษเทความทุกข์ใจ  น้ำมันและน้ำค้างจะไหลลงมาไม่ได้ ถ้าเราไม่ทำลายกำแพง ที่ขวางกั้นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพี่น้อง คริสเตียนในยุคแรกพบกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ที่จะต้องทำลายกำแพงระหว่างความเป็นยิวกับคนต่างชาติ และต้องต้องรับทั้งหญิงและชายเข้ามาในคริสตจักรของพระเจ้า แต่คนเหล่านั้นก็ทำได้   เรามีกำแพงอะไรที่ขวางกั้นเราอยู่กับพี่น้องที่ทำให้เราไปไม่ถึงน้ำพระทัยของความเป็นหนึ่งเดียวกัน   กำแพงแห่งพื้นที่สะดวกสบาย ที่เรารู้สึกว่าอยู่อย่างนี้แหละดีแล้ว ไม่ต้องยุ่งกับใคร ไม่ต้องสนใจใคร มากคนก็มากเรื่อง   หรือการที่เราเปิดหัวใจไม่กว้างมากพอสำหรับคนทุกแบบ   เรามีแนวโน้มที่จะมองหาคนที่เหมือนเรา คล้ายเรา แล้วเราก็แบ่ง แยกคนที่ไม่เหมือนเราออกไป  คนนี้นมัสการไม่เหมือนเรา ไม่เอา    แท้จริงมันเป็นความสวยงามที่ความแตกต่างความหลากหลายมาอยู่ร่วมกัน เมื่อข้าพเจ้านมัสการอยู่หลังห้องประชุม พี่น้องบางคนนมัสการพระเจ้าด้วยการเซิ้ง  รู้เลยบ้านเกิดอยู่ไหน  บางคนนมัสการด้วยท่าแอโรบิค    มีต่าง ๆ หลากหลายลีลา แต่ในเพลงนมัสการเพลงเดียวกันเราต้องบอกตัวเองว่า ทุกคนคือปุโรหิตของพระเจ้า ทุกคนคือคนสำคัญของพระเจ้า เมื่อเราคิดอย่างนี้จะเปลี่ยนมุมมองเรา และเปลี่ยนความสัมพันธ์ของเรากับพี่น้อง มีเด็กคนหนึ่งถามพ่อว่า ว่า “ถ้ามีคนว่าพ่อเป็นคนแปลก ๆ จะโกรธมั้ย  ไม่โกรธหรอก เสียเวลา ถามทำไมรึ  เพื่อนหนูว่าหนูเป็นคนแปลก ๆ  แล้วหนูว่าไง  หนูก็ไม่ได้เถียง ไม่โต้ตอบดีแล้ว ไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอกหนูแค่พูดว่า “ใช่ชั้นแปลก ไม่เหมือนใคร เพราะชั้นเป็น limited edition จำไว้นะพี่น้อง ทุกคนเป็น limited edition ของพระเจ้าทั้งนั้น ทุกคนเป็นคนพิเศษ เป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้า เป็นสุดยอดแห่งการทรงสร้าง  เราทุกคนต่างรอดโดยพระคุณพระเจ้าเหมือนกันและได้รับส่วนแห่งพระคุณของความเป็นอันหนึ่งเดียวกันด้วย  เมื่อเรามองไปรอบ ๆ คริสตจักรของเรา เรามองเห็นพี่น้องของเรา เหล่านี้คือบุคคลที่เราจะใช้ชีวิตด้วยกันตลอดไป…..ชั่วนิจนิรันดร์ในสวรรค์  บางคนอาจบอก ม่ายนะ จริงเหรอ   จริงค่ะพี่น้องจริง แล้วทำไมเราไม่เรียนรู้จักเขาให้มากขึ้นนับตั้งแต่บัดนี้ รักเขา ห่วงใยเขา เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเขา   ถ้าเราอยากจะลิ้มรสว่าสวรรค์เป็นอย่างไร เราสามารถเริ่มต้นตั้งแต่เดี๋ยวนี้ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้องของเรา   เมื่อเราได้รับความรอดโดยพระคุณ เราก็ควรจะเดินไปโดยพระคุณ รักผู้อื่นในพระคุณพระเจ้า อธิษฐานกับผู้อื่นในพระคุณ มีชีวิตด้วยพระคุณ ถ้าเราทำไม่ได้เราก็หล่นจากพระคุณและถอยหลังกลับ  พระเจ้าบอกให้เรารักศัตรู และทำดีต่อเขาแม้ว่าเขาทำเราเจ็บ อธิษฐานเผื่อเขา  เราควรจะรักทุกคนที่อยู่ในครอบครัวของพระเจ้า มันไม่สำคัญว่าเขามาจากไหน อยู่ที่ไหน ทำมาหากินอะไร ผิวสีอะไร  ถ้าเขาได้รับความรอดเชื่อในพระเจ้าโดยพระคุณเขาก็มีศักดิ์ศรีเท่ากับที่เรามี เราคิดว่าเราดีแค่ไหน เขาดีแค่นั้นด้วย เราคิดว่าเราใหญ่แค่ไหน เขาก็ใหญ่เท่านั้นด้วยกันกับเรา  พระเจ้าไม่ได้ให้เราไปสวรรค์เพราะเราดี แต่เพราะพระองค์รู้ว่าเรากำลังจะไปนรก พระเจ้าจึงช่วยเราให้รอด นั่นหมายความว่าเราไม่ได้ดีไปกว่าใคร  พระเจ้ามีพระประสงค์ให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อพระเจ้าจะบัญชาพระพรลงมา พระเยซูทรงอธิษฐานเพื่อเราในเรื่องนี้  นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพระองค์ เราจะอ่านพระธรรมตอนสุดท้ายด้วยกัน จาก ยอห์น 17:20-23 20“ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว   แต่เพื่อคนทั้งปวงที่วางใจในข้าพระองค์เพราะถ้อยคำของเขา 21เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน   ดังที่พระองค์   คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์   และข้าพระองค์ในพระองค์   เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์   และกับข้าพระองค์ด้วย   เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา22เกียรติซึ่งพระองค์ได้ประทานแก่ข้าพระองค์   ข้าพระองค์ได้มอบให้แก่เขา   เพื่อเขาจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน   ดังที่พระองค์กับข้าพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันนั้น 23ข้าพระองค์อยู่ในเขาและพระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์   เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์   เพื่อโลกจะได้รู้ว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา   และพระองค์ทรงรักเขาเหมือนดังที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์  ไม่มีเวลาไหนอีกแล้วที่คจ.ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเท่ากับเวลานี้  ไม่มีเวลาไหนอีกแล้วที่ประเทศชาติของเราต้องการความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเท่ากับเวลานี้   และคจ.ต้องเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้  ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต้องไหลออกไปจากชีวิตของเรา   เพราะนี่เป็นน้ำพระทัย   และเป็นน้ำพระทัยที่พระเจ้าต้องการอวยพรต้องการบังคับบัญชาพระพรสู่คนรอบข้าง สู่สังคม ประเทศชาติสู่แผ่นดินของเรา

By admin