“ชีวิตที่เกิดผล…กับการหยุดพัก”
คำว่า พัก บางคนคิดว่า คือตอนเกษียณอายุ มีการเชิญชวนโฆษณา อิสรภาพทางการเงิน รู้ก่อนทำได้เกษียณเร็ว จนคนเขียนหนังสือชื่อ เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโคตร ขายดิบขายดี แสดงให้เห็นว่า คนมากมายสนใจเรื่องการพัก แต่ที่พักไม่ได้ เพราะติดอยู่ที่ตัวเงิน และกำลังสร้างค่านิยมว่า ถ้าไม่มีเงิน จะเหนื่อยไปชั่วโคตร แต่ความจริง เรารู้หรือไม่ว่า เราควรหยุดพักเมื่อไหร่ บางคนอาจว่า เมื่อเหนื่อย เมื่อหมดแรง หมดพลัง เมื่อรู้สึกอยากจะพัก….และค่านิยมที่มาแรงคือ เมื่อมีเงินมากๆ แต่มีคนเคยถามมหาเศรษฐีระดับโลกว่า เมื่อไรท่านจะหยุดพักสักที เศรษฐีคนนั้นตอบว่า ขออีกแค่หนึ่งเหรียญ นี่คือการบอกว่า ท่านได้ติดกับดักของความโลภไปแล้ว ข้าพเจ้าอยากจะยกตัวอย่างอันหนึ่ง มีคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพร่างกายของเราเรื่องการดื่มน้ำอย่างนี้ คือ อย่าปล่อยให้ตัวเองรู้สึกหิวน้ำ แต่จงดื่มน้ำเป็นระยะๆ เมื่อไรที่รู้สึกหิวน้ำ แสดงว่า ร่างกายกำลังขาดน้ำ และถ้าปล่อยให้รู้สึกหิวน้ำแล้วค่อยดื่มน้ำ จะไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย เพราะเรากำลังปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำบ่อยๆ ซึ่งจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของร่างกายจนเจ็บป่วยได้ ขอถามอีกครั้ง เราควรจะพักเมื่อไร อันที่จริง พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงการหยุดพัก ที่คนยิวเรียกว่า สะบาโต แปลว่า เวลาพัก เป็นคำที่มาจากรากศัพท์ภาษาฮีบรูที่ใช้ในหนังสือปฐมกาลครั้งแรก (2011) ปฐมกาล 2:1-3 1 ฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน และสรรพสิ่งทั้งสิ้นที่มีอยู่ในนั้นก็ถูกสร้างเสร็จ2 วันที่เจ็ดพระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ3พระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงกระทำ พระคัมภีร์ตอนนี้ทำให้เราเข้าใจว่า พระเจ้าทรงหยุดพักแล้ว คำถามก็คือว่า พระเจ้าทรงหยุดพักยาวนานแค่ไหน กว่าพระเจ้าจะเริ่มทำงานอีกครั้ง มีพระคัมภีร์ตอนหนึ่งที่ตอบคำถามนี้ (2011) ฮีบรู 4:1-4 1 ฉะนั้นเมื่อพระสัญญายังมีอยู่ว่าจะให้เราเข้าสู่การหยุดพักของพระองค์ ก็ให้เราทั้งหลายระมัดระวัง มิฉะนั้นอาจจะมีบางคนในพวกท่านไปไม่ถึง2 เพราะว่าแท้ที่จริง เราได้รับข่าวอันประเสริฐเช่นเดียวกับพวกเขา แต่ข่าวที่ได้ยินนั้นไม่เป็นประโยชน์แก่เขาเหล่านั้น เพราะพวกเขาไม่เชื่อ3 ส่วนพวกเราผู้ที่เชื่อแล้วก็ได้เข้าสู่การหยุดพัก ดังที่พระองค์ตรัสว่า “ตามที่เราได้ปฏิญาณด้วยความโกรธว่า ‘พวกเขาจะไม่ได้เข้าสู่การหยุดพักของเรา’ ” แม้ว่างานของพระองค์จะเสร็จสิ้นตั้งแต่การสร้างโลก 4 เพราะมีข้อหนึ่งกล่าวถึงวันที่เจ็ดอย่างนี้ว่า “ในวันที่เจ็ดนั้น พระเจ้าทรงหยุดพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์” แปลว่า เรากำลังอยู่ในช่วง เวลาแห่งการหยุดพักของพระเจ้า และพระเจ้าก็ต้องการให้เราทั้งหลายหยุดพักเหมือนกับพระองค์ พระเจ้าทรงหยุดพักมานานแล้ว แต่ทำไมมนุษย์ทั้งหลายยังไม่หยุด เรายังเหน็ดเหนื่อย ตรากตรำ อย่างที่ปัญญาจารย์ได้กล่าวว่า (2011) ปัญญาจารย์ 1:3-5,8 3 มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการตรากตรำทุกอย่างของเขา ซึ่งเขาตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์นั้น 4 คนรุ่นหนึ่งจากไป และคนอีกรุ่นหนึ่งก็มา แต่แผ่นดินโลกยังคงเดิมอยู่เป็นนิตย์ 5 ดวงอาทิตย์ขึ้น และดวงอาทิตย์ตก แล้วกระหืดกระหอบไปถึงที่ซึ่งขึ้นมานั้นอีก…..8 สารพัดก็เหนื่อยอ่อนไปกันหมด แต่ละคนก็พูดไม่ออก นัยน์ตาดูก็ไม่อิ่ม หรือหูฟังเท่าไรไม่เคยพอใจกับสิ่งที่ได้ยิน คำตอบอยู่ในปัญญาจารย์ตอนนี้ในข้อ 8 ยิ่งทำยิ่งไม่พอ ไม่อิ่ม ยิ่งหิวและกระหาย สภาพของมนุษย์เหมือนติดหล่ม ยิ่งดิ้นยิ่งเหมือนติดแน่น ยิ่งทำยิ่งไม่มีโอกาสที่จะพัก เรารู้ว่า เราต้องพัก แต่พักไม่ได้ เพราะเราช่วยตัวเราเองไม่ได้ การช่วยตัวเราเองไม่ได้ จึงทำให้เราเป็นเหยื่อของมารหัวใส แต่พระเจ้าทรงรักมนุษย์ พระองค์จึงต้องหาทางออกให้ และนี่เป็นที่มาของพระสัญญาของพระเจ้า1 ฉะนั้นเมื่อพระสัญญายังมีอยู่ว่าจะให้เราเข้าสู่การหยุดพักของพระองค์ พระสัญญาที่ว่าอยู่ที่ไหน คำตอบอยูที่พระเยซูคริสต์ ดังนี้ (2011) มัทธิว 11:28-30 28 บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา” พระเยซูคริสต์เจ้าคือกุญแจสำคัญให้มนุษย์เข้าสู่การหยุดพัก ภาษากรีกที่พระเยซูทรงใช้ในตอนนี้มีความหมายเดียวกันกับภาษาฮีบรูคำว่า สะบาโต ที่แปลว่า เวลาพัก คำตรัสของพระเยซูคือคำสัญญา ถ้าเราตอบรับคำเชิญชวนของพระเยซู เราจะถูกทำให้ได้หยุดพัก พระเยซูคริสต์ได้ตรัสถึงการหยุดพักของจิตใจ ที่เป็นศูนย์กลางของชีวิตทั้งหมด อันประกอบไปด้วย ความคิด จิตวิญญาณ แรงบันดาลใจ การกระทำ และความกล้าหาญ App. คริสเตียนมากมายคิดว่า แค่รับเชื่อ ก็คือตอบรับพระเยซูแล้ว แต่ทำไม จึงมีคริสเตียนไม่น้อยที่ยังไปไม่ถึงการหยุดพักที่พระเยซูทรงเชิญชวน หนังสือฮีบรูได้กล่าวว่า 1 ฉะนั้นเมื่อพระสัญญายังมีอยู่ว่าจะให้เราเข้าสู่การหยุดพักของพระองค์ ก็ให้เราทั้งหลายระมัดระวัง มิฉะนั้นอาจจะมีบางคนในพวกท่านไปไม่ถึง คำเตือนของพระคัมภีร์ตอนนี้บอกเราว่า ในความเป็นจริง จะมีคนที่ไปไม่ถึงการหยุดพักที่เป็นคำสัญญานี้จริงๆ ยังมีคริสเตียนที่ยังอยู่ในอาการที่พระเยซูตรัสในข้อนี้ สองคำ คือคำว่า เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก คำว่า เหน็ดเหนื่อย รากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า เหนื่อยล้า fatigue ไม่ใช่เหนื่อยอย่างเดียว แต่หมดแรง หมดพลัง นิยามของคำว่า ล้า คือ รู้สึกว่ากำลังน้อยลงหลังจากที่ใช้นาน ที่นี่เราจะเห็นว่ามีเรื่องของเวลาคือคำว่า นาน หมายถึง ไม่เคยมีการหยุดพัก พระเยซูยังใช้อีกคำคือคำว่า แบกภาระหนัก รากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า แบกน้ำหนักเพิ่ม load up หรือ overburden มีความหมายในเชิงเปรียบเทียบถึง พฤติกรรมที่เป็นพิธีการมากเกินไป (ความกังวลด้านจิตวิญญาณ) สองคำนี้ พูดแบบเข้าใจง่ายๆก็คือ ยิ่งทำงานก็ยิ่งเครียด ยิ่งเข้าโบสถ์ก็ยิ่งครียดอีก นี่คือสภาพที่เหนื่อยล้าและแบกน้ำหนักชีวิตไว้ตลอดเวลา การที่พระเยซูเรียกให้ผู้เหนื่อยล้าและแบกภาระเกินกำลังมาหาพระองค์ เป็นการสื่อสารว่า ผู้ที่มาหาพระเยซูจะต้องเชื่อไว้วางใจว่า พระองค์ทรงสามารถทำให้ผู้เชื่อไปถึงการหยุดพักได้ บางคนเชื่อพระเยซู แต่ไว้วางใจเงินทองและหน้าที่การงานที่ดูมั่นคง ชีวิตคริสเตียนจึงเป็นชีวิตที่ขาดความเชื่อ เหมือนกับที่ ฮีบรูตอนนี้ได้กล่าวถึงคนที่ได้ยินข่าวประเสริฐ แต่ขาดความเชื่อในข่าวประเสริฐ การไม่เชื่อของคนเหล่านั้นแสดงออกด้วยการสารวนกับการทำมาหากิน ชุลมุนวุ่นวายว้าวุ่นกับเรื่องปากท้อง และ ยังคงนำติดตัวติดใจไปทุกที่แม้กระทั่งมาที่โบสถ์ ในเวลานมัสการ และหลังจากนี้คริสตจักรทัศนาจรของเราจะไปเที่ยวทะเลกัน บางคนก็เตรียมไปทำงาน ไปโทรศัพท์ ทั้งแชท ทั้งไลน์อีก นี่คือพฤติกรรมที่ไม่เชื่อว่า การหยุดพักสำคัญที่สุด ระวัง เราจะเจอคำๆนี้ พระองค์ตรัสว่า “ตามที่เราได้ปฏิญาณด้วยความโกรธว่า ‘พวกเขาจะไม่ได้เข้าสู่การหยุดพักของเรา’ ” แม้ว่างานของพระองค์จะเสร็จสิ้นตั้งแต่การสร้างโลก การที่พระเยซูตรัสว่า 29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา หมายความว่าอะไร พระเยซูกำลังบอกว่า ตราบใดที่เรายังถือไว้ เราจะไม่มีมือว่างที่จะรับสิ่งที่เบากว่าหรือที่พอเหมาะจากพระองค์ 30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา” ตราบใดที่เรายังคงหน้าดำคร่ำเครียดด้วยตัวเอง ก็ไม่มีวันที่เราจะได้เรียนความสุภาพอ่อนโยนของพระเยซู แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก ความเครียดทำให้เราก้าวร้าว และเย่อหยิ่ง ลักษณะจิตใจที่ก้าวร้าวและเย่อหยิ่ง ไม่มีทางที่จะได้หยุดพัก เพราะความก้าวร้าวและเย่อหยิ่งยังคงพึ่งพาตนเองเพื่อพาตนเองไปสู่การหยุดพักแค่วันหยุดตามนักขัตฤกษ์ และก็ยังคงเหน็ดเหนื่อย กับการแย่งกันกิน แย่งกันใช้ แย่งกันจอง พอหมดวันหยุด ก็กลับมาเหน็ดเหนื่อยกับหน้าที่การงานอีก อ.เปาโลผู้เขียนหนังสือฮีบรูได้กล่าวถึงตัวท่านเองและผู้เชื่ออื่นๆว่าพวกเขาได้เข้าสู่การหยุดพักของพระเจ้า แต่หากเราศึกษาประวัติศาสตร์ของท่าน เราจะพบว่า อ.เปาโลต้องเหน็ดเหนื่อยกับการประกาศข่าวประเสริฐ ทั้งต้องเผชิญกับการข่มเหง ต้องเจอสารพัด เดินทางก็มาก แทบไม่ได้หยุดภารกิจงานรับใช้พระเจ้าเลย เราพบข้อมูลเหล่านี้ได้ในหนังสือจดหมายฝากของอ.เปาโลที่พระคัมภีร์ใหม่มี 27 เล่ม ส่วนใหญ่เปาโลเป็นคนเขียน อะไรทำให้ท่านมีพลังทำงานมากมายที่เกิดผลเพื่อพระเจ้าได้ นั่นเพราะอ.เปาโลได้มีประสบการณ์ตามคำเชิญชวนของพระเยซูคริสต์ (2011) มัทธิว 11:28-30 28 บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา” ดังนั้น การเข้าสู่การหยุดพัก ไม่ได้หมายความว่า เราจะนั่งเฉยๆอยู่กับบ้าน โดยไม่ทำอะไรเลย หรือไม่ต้องทำงาน หรือหยุดงานยาวๆ หรือมีเงินมากมาย แล้วหยุดไม่ต้องทำงาน การเข้าสู่การหยุดพักที่แท้จริง คือ จิตใจที่ได้หยุดพัก หยุดกระวนกระวาย หยุดว้าวุ่นใจ ผ่อนคลาย เหนื่อยกายแต่ไม่เหนื่อยใจต่างหาก ขอพระเจ้าทรงนำให้เราทั้งหลายได้เข้าถึงความจริงที่พระเยซูทรงเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อให้กับเราทั้งหลาย (2011) อิสยาห์ 40:28-31 28 ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือ? ท่านเคยได้ยินไม่ใช่หรือ? พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ เป็นผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์ไม่ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าใจของพระองค์ก็เหลือจะหยั่งรู้ได้ 29 พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และผู้ไม่มีพลังนั้นพระองค์ทรงให้มีเรี่ยวแรงมาก 30 แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว 31 แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับกำลังใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่อ่อนเปลี้ย เขาจะเดินและไม่เหน็ดเหนื่อย เหตุที่พระเจ้าไม่เหน็ดเหนื่อยและอ่อนเปลี้ย เพราะพระเจ้าทรงหยุดพักนานแล้ว แต่เราทั้งหลายเข้าสู่การหยุดพักของพระองค์แล้วหรือยัง ?