ขอบคุณพระเจ้า  พระเจ้าทรงประทานทุกสิ่งที่เราขาดอยู่นั้นให้สมบูรณ์  นี่เป็นพระสัญญาขณะที่เราอยู่ในโลกนี้ พระสัญญาของพระเจ้าจะไม่ไปสำเร็จในสวรรค์  เพราะที่นั่นสมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ฉะนั้นเมื่อเราอ่านพระคัมภีร์เจอพระสัญญา ก็ให้รู้ว่าเป็นพระสัญญาที่จะสำเร็จในโลกนี้  ได้ยินฝรั่งพูดอย่างนี้ว่า “คุณคิดอะไร คุณก็จะเป็นอย่างนั้น”  ผมเห็นด้วย เช่นถ้าเราตื่นขึ้นมาแล้วเรารู้สึกว่ามันแย่ มันก็แย่จริง ๆ แต่ถ้าเราตื่นขึ้นมาแม้เรารู้สึกไม่ดี แต่เราร้องฮาเลลูยาแล้วคิดว่าวันนี้ทำไมมันดีอย่างนี้ วันนั้นมันก็จะเป็นวันดี เรามาดูพระคัมภีร์ที่จะทำให้เราเกิดผล  ฟิลิปปี 3 :12-16  12 มิใช่​ว่า​ข้าพเจ้า​ได้​แล้ว หรือ​สำเร็จ​แล้ว แต่​ข้าพเจ้า​กำลัง​บาก​บั่น​มุ่ง​ไป เพื่อ​ข้าพเจ้า​จะ​ได้​ฉวย​เอาไว้​เป็น​ของ​ตน อย่าง​ที่​พระ​เยซู​คริสต์​ได้​ทรง​ฉวย​ข้าพเจ้า​ไว้​เป็น​ของ​พระ​องค์​แล้ว​13 ดูก่อน​พี่​น้อง​ทั้ง​หลาย ข้าพเจ้า​ไม่​ถือ​ว่า​ข้าพเจ้า​ได้​ฉวย​ไว้​ได้​แล้ว แต่​ข้าพเจ้า​ทำ​อย่าง​หนึ่ง คือ​ลืม​สิ่ง​ที่​ผ่าน​พ้น​มา​แล้ว​เสีย และ​โน้ม​ตัว​ออกไป​หา​สิ่ง​ที่​อยู่​ข้างหน้า​14 ข้าพเจ้า​กำลัง​บาก​บั่น​มุ่ง​ไปสู่​หลัก​ชัย เพื่อ​จะ​ได้รับ​รางวัล ซึ่ง​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​เรียก​จาก​เบื้อง​บน ให้​เรา​ไป​รับ​15 เรา​ซึ่ง​เป็น​ผู้ใหญ่​แล้ว​จึง​คิด​อย่าง​นั้น และ​ถ้า​ท่าน​คิด​อย่าง​อื่น ​พระ​เจ้า​ก็​จะ​ทรง​โปรด​ให้​เรื่อง​นั้น​ประจักษ์​แก่​ท่าน​ด้วย​16 แต่​เรา​ได้​แค่​ไหน​แล้ว ​ก็​ให้​เรา​ดำเนิน​ตรง​ตามนั้น​ต่อไป  สิ่งที่จะนำเราไปสู่การเกิดผลในพระคริสต์

1.เราต้องคิดก้าวหน้า

อ.เปาโล พูดอย่างนี้ มิใช่ว่าข้าพเจ้าได้แล้วหรือสำเร็จแล้ว แปลว่า ในชีวิตเราล้วนมีโอกาสพบความสำเร็จระดับหนึ่ง  แต่ถ้าเราไปหลงกับความสำเร็จ ไม่ได้คิดก้าวหน้าไปการเกิดผลก็จะหยุดแค่นั้น เพราะความสำเร็จที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้เป็นการเกิดผลของเราเมื่อวานนี้  แต่เรายังต้องมีชีวิตที่ต้องอยู่ในวันนี้ และต้องดำเนินต่อไปข้างหน้า ต่อไปเรื่อย ๆ การเกิดผลที่พระเจ้าสัญญานั้นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ  และ ถ้าเราไปหลงยึดติดกับความสำเร็จในอดีตไม่คิดก้าวหน้าการเกิดผลก็หยุดแค่นั้น  เพราะเรามีคำว่า พอแล้ว  แท้จริงพอแล้ว กับพอเพียงไม่เหมือนกัน พอเพียงไม่ได้แปลว่าพอแล้ว พอแล้วไม่ได้แปลว่าพอเพียง  พอเพียงคือเรายังอยู่ต่อและเมื่อเรามีชีวิตอยู่ต่อไปเราต้องคิดก้าวหน้าต่อไปอย่างพอเพียง  แต่คำว่าพอแล้วก็คือพอแล้ว  เราสำเร็จเมื่อวานพอแล้ว ถ้าพอวันนี้เราจะกินอะไร คำว่าพอเพียง คือเราพบความสำเร็จเท่าไหร่ในวันนี้ก็พอเพียงในวันนี้ แต่วันพรุ่งนี้ก็ยังต้องดำเนินต่อไป  เราต้องไม่รู้จักคำว่าพอแล้ว   อ.เปาโล กำลังบอกว่า ชีวิตที่ประสบความสำเร็จที่สูงมากที่ผ่านมาของอ.เปาโลนั้นไม่ได้ถือเป็นความสำเร็จ  แต่ยังมีความสำเร็จที่สูงมากรอเราอยู่ที่จะต้องก้าวไปข้างหน้าอีกเยอะที่เราจะไปไขว่คว้าร่วมกับพระเยซูคริสต์  แล้วพระเยซูจะเป็นผู้อำนวยความสำเร็จให้กับเรา  อย่ายึดติดความสำเร็จในอดีต ความดีในอดีต  อดีตให้เป็นอดีต ให้เรามุ่งมั่นก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

2.เราต้องคิดบากบั่น

แปลความว่าถ้าเราจะคิดก้าวหน้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ความสำเร็จความก้าวหน้าที่จะนำเราไปสู่การเกิดผลที่ยิ่งใหญ่ เราต้องคิดบากบั่น อย่าคิดอะไรง่าย ๆ คนเราแปลกชอบคิดแต่ ส.เสือ 4 ตัว คือ สะดวก อย่าคิดแค่สะดวก คิดฟันฝ่า บากบั่น ความสำเร็จมักเกิดจากการฝืน ไม่ใช่ความสะดวก  หลายปีก่อนเราเคยส่งนักกีฬาไปแข่งขันยกน้ำหนัก เจ้าของฉายา สู้เว้ย  มันไม่ใช่ของง่ายเลย เค้าต้องรวบรวมกำลังใจ การลงทุนที่เค้าฟันฝ่าที่ผ่านมา และเค้าไม่เลิกล้มความตั้งใจ และเค้าก็ประสบความสำเร็จ  การเกิดผลเพื่อพระคริสต์ไม่ใช่ของง่าย ๆ อย่าเลิกง่าย ๆ มาโบสถ์ชักไม่ไหวแล้ว ขอลาก่อนไม่ใช่  ความก้าวหน้าเป็นอะไรบางอย่างที่นอกจากจะง่ายแล้ว หนทางยังยากไกลอีกด้วย เราต้องพร้อมฟันฝ่าทุกอุปสรรคชีวิต

3.เราต้องคิดอย่างคนมีครู

(ฟิลิปปี 3:12) อ.เปาโลกบอกว่ากำลังเลียนแบบพระเยซู  “เพื่อข้าพเจ้าจะได้ฉวยเอาไว้เป็นของตน เหมือนอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้”  แบบอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิตคือพระเยซูคริสต์  บางคนอาจบอกว่ายาก พระเยซูรักศัตรู แล้วเราต้องรักศัตรูด้วยหรือ ถ้าเราอยากเกิดผลจริง ๆ เราต้องเรียนรู้จากพระเยซู ด้วยการอ่านพระคัมภีร์ อยากให้เราอ่านพระกิตติคุณทั้ง 4 เล่มจริง ๆ เพื่อเราจะรู้ว่าเมื่อเราอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เราจะต้องตัดสินใจอย่างไร  ชีวิตเราทุกวันนี้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจตลอด  เช่นวันนี้เราจะอยู่กินเข้าวมั้ย  เลิกโบสถ์แล้วจะกลับบ้านขึ้นรถเมล์ หรือขึ้นแท็กซี่ดี  ขึ้นรถเมล์แล้วจะจ่ายตังค์ดีมั้ย มีการตัดสินใจตลอด เราจำเป็นต้องมีครูจริง ๆ  มัทธิว 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา  เราต้องอ่านเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ และเลียนแบบจากพระองค์ เราเรียนเพื่อเราทำตามพระเยซู และต้องทำให้เหมือนด้วย เอเฟซัส 5:1-2  อ.เปาโลเลียนแบบพระเยซูเพื่อทำตามให้เหมือน  นอกจากเราทำตามวิธีของพระองค์แล้ว เรายังได้สิทธิที่จะทำงานร่วมกับพระองค์ด้วย จะเป็นการร่วมงานของคน  2 คนที่อยู่ในระดับเดียวกัน  เคยเล่นเกม เอาเชือกปลายข้างหนึ่งผูกผู้ใหญ่ 1 คน อีกปลายผูกไว้กับเด็ก 3คน มันไปไม่ได้ เด็กจะล้มลงแน่ ๆ เพราะผู้ใหญ่แรงเยอะกว่า  เช่นกัน  เรากับพระเยซู เราต้องถูกพัฒนาในมาตรฐาเดียวกัน และเราจะถูกพัฒนาในมาตฐานเดียวกันได้ เราก็ต้องเรียนจากพระเยซู คริสต์ เรียนจนกระทั่งเข้าใจ และเรากับพระเยซูอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน เราก็จะไปด้วยกันกับพระคริสต์ได้ เพราะเราผูกไว้ เราพันไว้กับพระคริสต์แล้ว เราไม่ต้องถูกลากไปเหมือนเด็ก 2 โครินธ์ 6:1 เราทำงานร่วมกับพระคริสต์ ชีวิตเราต้องเกิดผลแน่นอนไม่ต้องสงสัย ชีวิตที่ไม่เกิดผลคือชีวิตที่ทำงานเอกเทศไม่ร่วมกับใคร ชั้นเก่งของชั้นอยู่คนเดียว ชั้นทำเพราะชั้นเก่ง  เราต้องทำร่วมกับพระเจ้าเพื่อเกิดผลที่ยิ่งใหญ่ เราต้องเรียนจากพระเยซูโดยอ่านสิ่งที่พระเยซูทำ นี่คือคิดอย่างมีครู

4.เราต้องคิดด้วยความถ่อมใจ (ฟิลิปปี 3:13)

คนถ่อมใจความสำเร็จจะไร้ขอบขีดจำกัด แต่คนยโสอวดดี ความสำเร็จก็จะจบด้วยความยโสแค่เรื่องที่เค้าภูมิใจ เช่นเราทำธุรกิจพบความสำเร็จได้กำไรมา 5 ล้าน เราภูมิใจมากไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เรารู้สึกสุดยอด แต่มันก็จบแค่นั้น แต่ถ้าคนถ่อมใจจะรู้สึกว่านั่นไม่ได้ถือว่าสำเร็จแล้ว  แต่จะเรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้พบความสำเร็จ และจะพัฒนาได้อย่างไร ไม่ทับถมใคร เมื่อเราหยิ่งยโสเราจะได้พระเจ้าเป็นศัตรู   ถ้าเราคิดด้วยใจถ่อม เราจะเปิดใจสำหรับการเรียนรู้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราถ่อมใจมั้ย คือเรายอมรับการเรียนรู้มั้ย  ฟังกับเรียนคนละขั้นตอน หลายคนฟังแต่ไม่เรียนเพราะไม่ถ่อมใจ  แต่คนที่ถ่อม ฟังแล้วมาคิด จดเก็บเอามาทำ  ไม่ใช่ทุกคนที่ฟังจะเรียน  แต่ทุกคนที่เรียนจะฟัง

5.เราต้องคิดอย่างอิสระ  (ฟิลิปปี 3: 13ข)

คือการไม่ถูกครอบงำจากอดีต 2 ด้าน ด้านหนึ่งคือความขมขื่นจากอดีต พอเราคิดเราจะสะดุดกับความขมขื่นในอดีต อย่าให้อดีตที่ล้มเหลวครอบงำเรา เราต้องเป็นไทจากอดีตที่เจ็บปวดขมขื่น คนที่ทำให้เราเจ็บปวดมักเป็นคนที่เราไว้ใจ คนที่เราเชื่อถือ คนที่เรารัก  อีกด้านคือความสำเร็จในอดีต  ความสำเร็จในอดีตก็สามารถครอบงำได้ ทำให้เราไปได้ไม่ไกล เราต้องลืมอดีต แล้วโน้มตัวไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า อดีตคืออะไร เคยได้ยินประโยคนี้มั้ย ความคิดคือความฝัน อดีตคือความฝัน ปัจจุบันคือความจริง  สมัยก่อนผมเป็นนักวิ่ง ได้เหรียญทองมากมาย  แต่วันนี้ใครมาท้าผมวิ่งผมวิ่งไม่ได้แล้วอดีตผมวิ่งชนะได้ แต่วันนี้ผมอายุ 65 แล้ว  ใครที่เจ็บปวดขอให้ความเจ็บปวดผ่านไป อดีตให้มันผ่านไป

6.เราต้องคิดอย่างมีเป้าหมาย (ฟิลิปปี 3:14)

คนไทยชอบเที่ยว แต่ไม่ค่อยมีเป้าหมายไปเรื่อย ๆ  เป้าหมายคืออนาคต  คนที่ไม่มีเป้าหมายคือคนที่ไม่มีอนาคต อย่าปล่อยชีวิตลอยไปลอยมาไม่มีอนาคตโดยเด็ดขาด  เราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจก็จะทำให้ทิศทางที่เราเดินไปนั้นชัดเจนด้วย  เป้าหมายกำหนดอนาคตและเส้นทาง ถ้าเราอยากเกิดผลเราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน  และขอพระเจ้าช่วยเราอย่ามีเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

7.เราต้องคิดในทางสร้างสรรค์ (ฟิลิปปี 3:14)

ความคิดของอ.เปาโลไม่ได้คิดในทางลบ แต่คิดในทางบวกที่จะมุ่งไปสู่หลักชัย ไปสู่ความสำเร็จโดยพระเยซูคริสต์ร่วมไปด้วยกันกับเรา รอแจกรางวัลให้กับเราอยู่ที่หลักชัย เมื่อเวลาที่เราคิดให้เราคิดถึงความสำเร็จ   ไม่มีใครที่ได้รางวัลตอนเริ่มต้น แต่ต้องไปถึงเส้นชัยก่อนเราจึงจะได้รางวัล  คนที่ชอบสะดวกสบายไม่ค่อยได้รางวัล  ลำบากนิดนึงก็ไม่เอาแล้ว เราต้องยืนหยัดแม้ไม่สะดวกสบาย ลำบากสิน่าตื่นเต้นน่าภูมิใจ  เส้นทางของพระคริสต์ไม่สะดวก ไม่สบาย และไม่สนุก  ต้องเสียน้ำตา   เส้นทางพระคริสต์มีมารซาตานคอยขวาง มีคนต่อต้าน และเส้นทางพระคริสต์ก็จะไม่สมดุล คู่ต่อสู้มักจะเก่งกว่าเรา เช่นมารซาตาน แต่ขอบคุณพระเจ้าเราจะพบความสำเร็จได้ เพราะเรามีความมั่นใจในพระคริสต์

8.เราต้องคิดแบบผู้ใหญ่ (ฟิลิปปี 3:15)

การคิดอย่างนี้คือการคิดแบบผู้ใหญ่ คิดก้าวหน้า ไม่กลัวลำบาก ไม่กลัวยาก ไม่กลัวคนเข้าใจผิด ไม่กลัวผิดหวัง หนุ่มสาวทั้งหลายถ้าอยากมีรักขอให้คุณรักพระเยซูเพราะไม่ผิดหวังแน่นอน พระองค์ไม่ทำให้ใครอกหัก ผิดหวัง  ไม่ทอดทิ้งเรา

9.เราต้องคิดบนพื้นฐานความเป็นจริง (ฟิลิปปี 3:16)

ไม่คิดเพ้อเจ้อ  ไม่เวอร์ ความจริงตอนนี้เราอยู่ตรงไหน อย่าคิดอะไรเวอร์ ใหญ่ ๆ ความเพ้อเจ้อมันไม่มีวันเกิดการอัศจรรย์  การอัศจรรย์ก็มาจากพื้นฐานความเป็นจริง เราไปได้แค่ไหน เราก็ดำเนินตรงตามนั้นต่อไป คิดเท่ากับความเป็นจริงที่เป็นไปได้ ระหว่างเรากับพระเจ้าเพราะมีความเป็นจริงที่เป็นไปได้บนฐานของความเชื่อเท่ากับขนาดความเชื่อแต่ละคนมีอยู่  และความเชื่อของเราที่เป็นของจริงของเราสูงเท่าไหร่ เราก็จะพบความสำเร็จสูงเท่านั้น บนพื้นฐานความเชื่อมันจะเกินความสามารถของเรานิด ๆ  และเราจะพบความสำเร็จที่เกินความสามารถของเรานิด ๆ และอะไรที่เราไปทำที่เกินความสามารถของเรามันมีการกดดันนิด ๆ มันไม่เยอะ และตรงนั้นเราจะเห็นการอัศจรรย์ เรามีระดับความเชื่อ ความเชื่อก็จะมีอะไรที่มากไปกว่าความสามารถของเรา และอะไรที่เกินความสามารถของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยเรา มีการสนับสนุนจากกำลังของพระเจ้า และเมื่อนั้นเราจะพบความสำเร็จ การเกิดผล

By admin