“พันธกิจ…เกิดผลทวีคูณ”

ข้าพเจ้าชอบสำนวน ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว มีความหมายว่า ลงทุนทีเดียวได้ผลหลายอย่าง หรือลงทุนเท่าหนึ่งได้ผลหลายเท่า จ่ายราคาไม่แพง แต่ได้ของดี  พันธกิจ…..เกิดผลทวีคูณ คือเป้าหมายที่ข้าพเจ้าอยากจะให้พวกเราทั้งหลายได้มีความคาดหวังการเกิดผลในชีวิตแบบทวีคูณ คำอุปมาที่พระเยซูคริสต์เจ้าทรงใช้ในเรื่องของการติดตามพระองค์แสดงถึงการลงทุนที่เกิดผลสำเร็จ ลูกา 14:28,31-32  28 ด้วย​ว่า​ใน​พวก​ท่าน​มี​ผู้ใด​เมื่อ​ปรารถนา​จะ​สร้าง​ตึก จะ​ไม่​นั่ง​ลง​คิด​ราคา​ดู​เสียก่อน​ว่า จะ​มี​พอ​สร้าง​ให้​สำเร็จ​ได้​หรือ​ไม่​…..31 หรือ​มี​กษัตริย์​องค์​ใด​เมื่อ​จะ​ยก​กองทัพ​ไป​ทำ​สงคราม​กับ​กษัตริย์​อื่น จะ​มิได้​นั่ง​ลง​คิด​ดูก่อน​หรือ​ว่า ที่​ตน​มี​พล​ทหาร​หมื่น​หนึ่ง จะ​สู้​กับ​กองทัพ​ที่​ยก​มา​รบ​สอง​หมื่น​นั้น​ได้​หรือ​ไม่​32 ถ้า​สู้​ไม่ได้ เมื่อ​ยัง​อยู่​ห่าง​กัน ​ก็​จะ​ใช้​พวก​ทูต​ไป​ขอ​เป็น​ไมตรี​กัน​  สำนวนที่พระเยซูใช้คำว่า ​นั่ง​ลง​คิด​ราคา​ดู​เสียก่อน กำลังบอกให้ผู้ที่จะเข้าสู่พันธกิจของพระเยซู ต้องรู้จักคำนวณ การลงทุนสร้างตึก และการคำนวณจำนวนกำลังพลรบ ตัวอย่างทั้งสองอย่างนี้ พระเยซูกำลังบอกให้คนที่จะติดตามพระเยซู ต้อง Work Smart โดยเฉพาะในตัวอย่างเรื่องการรบที่จำนวนพลรบน้อยกว่าอีกฝ่ายเท่าตัว ไม่มีทางชนะด้วยกำลัง ก็ให้ใช้ทูตไปขอเป็นมิตรไมตรี นั่นคือการเปลี่ยนจากศัตรูให้กลายมาเป็นเพื่อน เป็นตัวอย่างการเกิดผล…แบบทวีคูณโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อเลิกรบกัน มาเป็นมิตรกัน แทนที่จะมีแค่ทหารหนึ่งหมื่น เมื่อเปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตร ก็จะได้พันธมิตรเพิ่มอีกสองหมื่น  พระเยซูคริสต์สอนสาวกของพระองค์ให้คิดถึงการลงทุนติดตามพระองค์ และผลจากการลงทุนคือการเกิดผลทวีคูณ  คริสเตียนทุกคนมีการทรงเรียกในการติดตามพระเยซูคริสต์ ที่เรียกว่า พระมหาบัญชา มัทธิว 28:19-20 19 เหตุ​ฉะนั้น​เจ้า​ทั้ง​หลาย​จง​ออกไป​สั่ง​สอน​ชน​ทุก​ชาติ ให้​เป็น​สาวก​ของ​เรา ให้​รับ​บัพติศมา​ใน​พระ​นาม​แห่ง​พระ​บิดา ​พระ​บุตร​และ​พระ​วิญญาณ​บริสุทธิ์​20 สอน​เขา​ให้​ถือ​รักษา​สิ่ง​สารพัด​ซึ่ง​เรา​ได้​สั่ง​พวก​เจ้า​ไว้ นี่​แหละ​เรา​จะ​อยู่​กับ​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เสมอ​ไป จนกว่า​จะ​สิ้น​ยุค” ซึ่งคริสตจักรใจสมานเพชรเกษม11ได้นำมาเป็นนิมิตปรัชญาของคริสตจักร คือ สร้างสาวกให้เป็นแสงสว่าง เพื่อขยายแผ่นดินของพระเจ้าในประเทศไทย และจนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก  นี่เป็นการทรงเรียกให้ติดตาม  เราทุกคนที่มาเป็นคริสเตียน เป็นสาวกของพระเยซูคริสต์เจ้า ในการติดตามพระเยซู  เราจะทำให้ที่ที่มืดให้เปลี่ยนเป็นแสงสว่าง โดยการออกไปสั่งสอนคนทุกประเภท ทุกเชื้อชาติ เริ่มต้นจากคนที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับเรา และคนที่มาจากนอกพื้นที่ รวมทั้งคนต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทย และในปีหน้าปี เราจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน จะมีคนมากมายจากประเทศรอบข้างเข้ามาอีก การทรงเรียกของพระเยซูคริสต์ การเลือกของพระองค์ให้เรามาอยู่ที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อจะทำพันธกิจ….เกิดผลทวีคูณ  โดยการสั่งสอนให้คนเป็นสาวกของพระเยซู คือเปลี่ยนคนให้เป็นแสงสว่าง แสงสว่างคืออะไร คือให้เขาเลิกจากพฤติกรรมมืดๆทั้งหลาย เลิกทำบาป เลิกอบายมุข เลิกโกหก เลิกชีวิตสำมะเลเทเมา เลิกการพนัน เลิกขี้เกียจ ให้ขยันทำมาหากิน ให้มีชีวิตที่มีคุณภาพ และให้มีแสงสว่างในตัวเอง ไม่ใช่แสงสะท้อนความสว่างเหมือนกับดวงจันทร์ แต่ให้เป็นเหมือนดวงตะวัน  พระคัมภีร์ไม่เคยเปรียบคนของพระเจ้าเหมือนแสงสะท้อน แต่ให้เป็นแหล่งกำเนิดของแสงสว่างเหมือนอาทิตย์เที่ยงวัน คือเป็นเหมือนดวงสว่างที่จะมีความสว่างมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงมากที่สุด   แต่มีคริสเตียนมากมายต่างดำเนินชีวิตเหมือนแสงสะท้อนความสว่าง  เหมือนกับดวงจันทร์ที่มีคืนเดือนมืด มีคืนสว่าง เพราะดวงจันทร์ไม่มีความสว่างในตัวของมันเอง แต่ต้องอาศัยการรับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ เมื่ดใดที่ดวงจันทร์ถูกบดบังด้วยเงาของโลก ดวงจันทร์ก็มืด ชีวิตคริสเตียนของเราบางคนที่นี่เป็นอย่างนี้หรือไม่ ชีวิตที่ถูกอิทธิพลของโลกบดบังแสงสว่างจากพระเจ้าที่จะส่องเข้ามาให้ชีวิตของเราให้เกิดผลทวีคูณ  ความมหัศจรรย์ของแสงแดดที่พืชต่างๆ  ก็หันเข้าหา ดอกไม้ก็จะหันเข้าหาดวงอาทิตย์ ต้นไม้ใบหญ้าก็จะโน้มกิ่งเติบโตไปในทิศทางแสงสว่างจากดวงอาทิตย์มากที่สุด เราจะเห็นการเกิดผลของต้นไม้ ผลไม้ ดอกไม้ที่รับแสงอาทิตย์มากกว่าพืชที่ขาดแสงสว่าง และบ่อยครั้งที่พืชที่ขาดแสงสว่าง นอกจากไม่เกิดผลแล้ว ยังไม่เติบโต และสุดท้ายก็ตายไปในที่สุด   เช่นเดียวกัน ชีวิตคริสเตียนที่เกิดผล  เป็นชีวิตที่ต้องมี    พันธกิจ….ที่เกิดผลทวีคูณ  และกุญแจสำคัญก็คือชีวิตที่เกิดผลต้องมีแสงสว่างในตัวของคนๆนั้น ไม่ใช่แสงสะท้อนความสว่าง ที่เดี๋ยวมือ เดี๋ยวสว่าง ทุกวันนี้ ชีวิตบางคน นอกจากจะไม่เกิดผลแล้ว ยังเป็นชีวิตที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความมืดทึบ การตัดสินใจอะไรก็ไม่แม่นยำ ขาดทิศทาง และน่าเบื่อ  ไม่มีผลให้เห็น ไม่มีสิ่งที่ทำให้ตื่นเต้น ไม่มีชีวิตชีวา  ลองนั่งลงคิดดีๆคำนวณตัวเลข คำนวณต้นทุนที่มี และสถานการณ์ที่ต้องเปลี่ยนศัตรูให้กลายมาเป็นมิตรอยู่ที่ไหน  ป็นเพราะชีวิตกำลังเป็นแค่แสงสะท้อนความสว่างอยู่หรือไม่ ลองนั่งลงคิดอีกที ว่าจะต้องทำอะไร  ต้องเลิกทำอะไร อะไรที่ทำซ้ำๆแล้วไม่เกิดผล ยังเหมือนเดิม ก็เลิกได้แล้ว จงขอสติปัญญาแสงสว่างจากพระเจ้า จงขอการเปิดเผย การสำแดงทิศทางและสิ่งใหม่ พันธกิจการรับใช้ การดำเนินชีวิตอย่างดวงสว่างจากพระเจ้า เราจะมาดูพระเยซูคริสต์ผู้ได้ทรงเป็นแบบอย่างแก่เราแล้วเรื่องนี้ ยอห์น 12:24-26  24 เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ว่า ถ้า​เมล็ด​ข้าว​ไม่ได้​ตก​ลง​ไป​ใน​ดิน​และ​เปื่อย​เน่า​ไป ​ก็​จะ​คง​อยู่​เป็น​เมล็ด​เดียว แต่​ถ้า​เปื่อย​เน่า​ไป​แล้ว ​ก็​จะ​งอก​ขึ้น​เกิดผล​มาก​25 ผู้ใด​ที่​รัก​ชีวิต​ของ​ตน​ก็​ต้อง​เสียชีวิต และ​ผู้​ที่​ชัง​ชีวิต​ของ​ตน​ใน​โลก​นี้ ​ก็​จะ​ธำรง​ชีวิต​นั้น​ไว้​นิรันดร์26 ถ้า​ผู้ใด​จะ​รับ​ใช้​เรา ผู้​นั้น​ก็​ต้อง​ตาม​เรา​มา และ​เรา​อยู่​ที่​ไหน​ผู้รับ​ใช้​ของ​เรา​จะ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย ถ้า​ผู้ใด​รับ​ใช้​เรา ​พระ​บิดา​ก็​จะ​ทรง​ประทาน​เกียรติ​แก่​ผู้​นั้น​  พระเยซูคริสต์ตรัสตอนนี้กำลังหมายถึงพระองค์เอง ที่เสด็จมายังโลกนี้เพื่อต้องตาย เป็นแผนการที่กำหนดไว้โดยพระบิดาและพระเยซูคริสต์เจ้าเองที่สมัครใจ และพระเยซูได้บอกกับสาวกของพระองค์ถึงการเกิดผลทวีคูณที่นี่  ถ้า​เมล็ด​ข้าว​ไม่ได้​ตก​ลง​ไป​ใน​ดิน​และ​เปื่อย​เน่า​ไป ​ก็​จะ​คง​อยู่​เป็น​เมล็ด​เดียว แต่​ถ้า​เปื่อย​เน่า​ไป​แล้ว ​ก็​จะ​งอก​ขึ้น​เกิดผล​มาก คำว่า เมล็ดข้าว  ที่พระเยซูใช้ตอนนี้ รากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า  เนื้อในของเมล็ดข้าว  เปรียบเหมือนชีวิตภายในของสาวกที่จะติดตามพระเยซู จะต้องยอมจำนนอย่างสิ้นเชิง จำนนทั้งหมด  (เปื่อยเน่า คือ ตายต่อตัวเอง) และประโยคต่อมาที่ว่า 26 ถ้า​ผู้ใด​จะ​รับ​ใช้​เรา ผู้​นั้น​ก็​ต้อง​ตาม​เรา​มา และ​เรา​อยู่​ที่​ไหน​ผู้รับ​ใช้​ของ​เรา​จะ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย ถ้า​ผู้ใด​รับ​ใช้​เรา ​พระ​บิดา​ก็​จะ​ทรง​ประทาน​เกียรติ​แก่​ผู้​นั้น​ การตามพระเยซูคริสต์ ก็คือการเป็นผู้รับใช้ รากศัพท์การเป็นผู้รับใช้ ภาษากรีกคำนี้ ใช้คำว่า ไดโคนีโอ ซึ่งเราทั้งหลายจะคุ้นกับคำว่ ไดโคนอส แปลว่า ผู้รับใช้ มีความหมายว่า การรอรับคำสั่งจากเจ้านาย   ผู้รอรับคำสั่ง จะไม่ทำตามใจตัวเอง แต่จะตามใจเจ้านาย   พี่น้องอย่าเพิ่งตกใจว่า การเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูแล้ว เราจะไม่สามารถมีความใฝ่ฝันหรือมีความปรารถนาได้อีกเลย  ฟิลิปปี4:6-7  6 อย่า​ทุกข์​ร้อน​ใน​สิ่ง​ใดๆ เลย แต่​จง​ทูล​เรื่อง​ความ​ปรารถนา​ของ​ท่าน​ทุก​อย่าง​ต่อ​พระ​เจ้า ด้วย​การ​อธิษฐาน การ​วิงวอน กับ​การ​ขอบ​พระ​คุณ​7 แล้ว​สันติ​สุข​แห่ง​พระ​เจ้า​ซึ่ง​เกิน​ความ​เข้าใจ จะ​คุ้มครอง​จิตใจ​และ​ความ​คิด​ของ​ท่าน​ไว้​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​ พระคัมภีร์ตอนนี้บอกเราว่า ในขณะที่เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าเยซูคริสต์ พระองค์เป็นเจ้านายที่สนใจความรู้สึกของผู้รับใช้ของพระองค์ นี่เป็นบทบาทของเจ้านาย แต่บทบาทของผู้รับใช้คือการรอรับคำสั่ง  คนเรามักกลับคิดไปก่อนว่า การรอรับคำสั่งจะทำให้เราสูญเสียความสุขที่เราชื่นชอบ แต่จากประสบการณ์ของข้าพเจ้าเอง และได้ฟังคำพยานของหลายๆคน เรามักจะพบสันติสุขที่ไม่เหมือนกับโลกให้ หลังจากเราทำตามคำสั่งของพระเยซู ซึ่งเป็นจริงตามที่พระองค์สัญญาไว้ในหนังสือยอห์น 14:27  27 เรา​มอบ​สันติ​สุข​ไว้​ให้แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย สันติ​สุข​ของ​เรา​ที่​ให้แก่​ท่าน​นั้น เรา​ให้​ท่าน​ไม่​เหมือน​โลก​ให้ อย่า​ให้​ใจ​ของ​ท่าน​วิตก และ​อย่า​กลัว​เลย  ​ดังนั้น อย่ากลัวที่จะเป็นผู้รับใช้ที่รอรับคำสั่งจากพระเยซู  อย่าวิตกกังวลกับการยอมจำนนต่อพระองค์  พระเยซูได้สัญญาและรับประกันที่ตรงนี้แก่เราทั้งหลาย  ขอเพียงให้เราเดินตามพระองค์ อย่างคนที่รอรับคำสั่งจากพระเยซู เพื่อพันธกิจ…เกิดผลทวีคูณ ในชีวิตของตนเอง วันนี้ ไม่ว่า เราจะอยู่ในบทบาทผู้รับใช้เต็มเวลา หรือครึ่งเวลา หรือนอกเวลา หรือเป็นผู้รับใช้ในคราบของนักเรียน เป็นผู้รับใช้ในคราบของครู  ผู้รับใช้ในคราบของแม่บ้าน ผู้รับใช้แบบคนเกษียร ผู้รับใช้อายุยังเด็ก ผู้รับใช้ที่ยังสาว ผู้รับใช้ทียังหนุ่ม  ผู้รับใช้ที่รับราชการ ผู้รับใช้ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจแบบไหน หรือผู้รับใช้ที่ไม่มีงานทำ ทุกคนล้วนอยู่ในวงจรพันธกิจของพระเยซูคริสต์ที่กำหนดไว้แล้ว  เป็นพันธกิจ….เกิดผลทวีคูณ เพียงแต่ว่า เราใส่ใจที่จะทำบทบาทนั้นหรือเปล่า  ลองมองไปที่คนรอบข้าง แล้วเราจะพบว่า คนมากมายเหมือนกับพืชที่กำลังหันหาแสงสว่าง  แค่ตรงไหนที่กำลังส่งสัญญาณว่า มีแสงสว่างนำทาง ผู้คนก็จะรี่เข้าที่ทิศทางนั้น แต่กลับพบว่า เป็นแค่แสงสะท้อนของดวงสว่างเท่านั้น พอถึงเดือนมืด คนก็ต้องคลำทาง หาทางออกกันอีก เมื่อพระเยซูเสด็จมายังโลกนี้ พระองค์ทรงกล่าวถึงคำพยากรณ์ของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ที่สำเร็จแล้ว มัทธิว 4:14-17 14 เพื่อ​จะ​สำเร็จ​ตาม​พระ​วจนะ ซึ่ง​ตรัส​ไว้​โดย​อิสยาห์​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ว่า 15 แคว้น​เศบู​ลุน​และ​แคว้น​นัฟ​ทา​ลี ทาง​ข้าง​ทะเล​ฟาก​แม่น้ำ​จอร์แดน​ข้าง​โน้น คือ​กาลิลี แห่ง​บรรดา​ประชาชาติ 16 ประชาชน​ผู้​นั่ง​อยู่​ใน​ความ​มืด ได้​เห็น​ความ​สว่าง​ยิ่งใหญ่ และ​ผู้​ที่​นั่ง​อยู่​ใน​แดน​และ​เงา​แห่ง​ความ​ตาย ​ก็​มี​ความ​สว่าง​ขึ้น​ส่อง​ถึง​เขา​แล้ว” 17 ตั้งแต่​นั้น​มา ​พระ​เยซู​ได้​ทรง​ตั้ง​ต้น​ประกาศ​ว่า “จง​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่ เพราะ​ว่า​แผ่นดิน​สวรรค์​มา​ใกล้​แล้ว”พระเยซูทรงเป็นเหตุให้คนมีชีวิตขึ้นมา พระองค์ทรงเป็นความสว่าง และผู้ที่ติดตามพระองค์จะมีความสว่างที่จะส่องสว่าง  ทุกสิ่งรอบข้างเราทั้งหลายจะต้องหันเข้ามาหาเพื่อรับแสงสว่าง เพื่อทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตชีวาและเกิดผลทวีคูณด้วย ใครอยู่ใกล้เราต้องไม่เฉาตาย ใครอยู่ใกล้เราต้องได้รับอาหาร แต่สิ่งที่สำคัญ เราต้องตระหนักเสมอว่า ก่อนจะเกิดผลทวีคูณ ก่อนจะเป็นแสงสว่าง เราต้องเป็นเมล็ดที่เนื้อในต้องตกลงดินและเปื่อยเน่า จึงจะงอกสิ่งใหม่ๆขึ้นมาได้  สิ่งที่น่าสังเกตคือ เมล็ดที่ตกลงดินนั้น ต้องถูกหว่าน โดยผู้หว่าน คือพระเยซูคริสต์เจ้า ไม่ใช่ตัวเราเอง เราต้องให้ชีวิตภายในตัวเราถูกกำหนดโดยพระเยซูคริสต์  ข้าพเจ้ามีเพื่อนชาวพม่าคนหนึ่ง ชื่อ จ๋าใหม่ วันนี้เขาไปอยู่กับพระเจ้าแล้ว เมื่อเราเป็นนักเรียนโรงเรียนพระคริสตธรรมด้วยกันที่เกาหลี เขามีโอกาสไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เพราะว่าน้าของเขามีครอบครัวอยู่ที่นั่น  คนพม่าในเวลานั้น ถ้าออกจากประเทศไปเรียนต่อไม่ง่าย จึงทำให้คนพม่าจำนวนไม่น้อยต้องแจ้งว่า ไปทำงาน และต้องส่งภาษีให้กับประเทศพม่า การที่ประเทศถูกปกครองโดยรัฐบาลทหาร ทุกอย่างเผด็จการหมด คนพม่าที่ข้าพเจ้ารู้จักไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองไ ด้ ต้องรอรับคำสั่ง หากมีโอกาสก็ไม่อยากกลับประเทศของตนเอง แต่ จ๋าใหม่ อยากกลับประเทศของตนเอง ตอนอยู่ที่เกาหลี ข้าพเจ้าได้ยินเสียงจ๋าใหม่ ร้องคร่ำครวญกับพระเจ้าถึงประเทศของตนเองแบบโหยหวน เขาห่วงประเทศพม่า เขาอยากให้คนพม่าได้รับแสงสว่าง เมื่อเขามีโอกาสสำหรับตัวเอง เขาเลือกปิดโอกาสตัวเองที่จะไปประเทศอังกฤษ เขากลับประเทศพม่า และทำพันธกิจกับคนพม่า วันที่ข้าพเจ้าเตรียมตัวจะเดินทางไปหาจ๋าใหม่ ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนที่เกาหลีว่า จ๋าใหม่เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะเดินทางไปกับสามีเพื่อรับใช้พระเจ้า จ๋าใหม่ยังอยู่ในความทรงจำที่ดีของข้าพเจ้า จ๋าใหม่ทำให้ข้าพเจ้าคิดถึงชีวิตที่อยู่เพื่อคนอื่น โดยเฉพาะคนในประเทศของตนเอง ขณะข้าพเจ้ากำลังหาเสื้อที่จะใส่ในวันพันธกิจ ข้าพเจ้าเลือกได้สองชุด ชุดหนึ่งใส่แล้วสวย อีกชุดใส่แล้วเหมือนคนแปลกประหลาด  ข้าพเจ้าอธิษฐานกับพระเจ้าว่า จะให้ใส่ชุดไหน คำตอบคือ ต้องดูแปลกประหลาด ตอนนี้พี่น้องมองเห็นข้าพเจ้ากำลังใส่ชุดที่เห็นนี้ ทาแป้งทานาคา พี่น้องว่า นี่คือชนชาติอะไร มีชนชาตินี้อยู่ในประเทศเราเยอะมาก เรามักจะเลียนเสียงการพูดภาษาไทยที่ไม่ชัดของเขา ข้าพเจ้าอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับชนชาตินี้  เขาบอกว่า ประเทศนี้ยังไม่มีบทสรุปเรื่องชนเผ่าต่างๆที่ถูกข่มเหง และถูกขับไล่โดยรัฐบาลพม่า ดังนั้น ประเทศไทยจะมีคนจากประเทศนี้เข้ามาอีกเยอะแน่  เขาจะมาทั้งถูกกฏหมายและผิดกฏหมาย วันนี้ มีใครเริ่มมีภาระใจที่จะประกาศกับคนของประเทศนี้บ้าง  เราได้เรียนรู้ภาษาของเขาบ้างหรือยัง เช่น มิงกะลาบา : สวัสดี (ใช้ได้ตลอดวัน) เจซูติน บาแด : ขอบคุณมาก ควินโละ บ่าหน่อ : ขอโทษ (Excuse me) บ่าล่อวเหล่ : เท่าไหร่ ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่า คนไทยไม่ค่อยสนใจเรียนภาษาพม่า แต่ในทางกลับกัน คนพม่าพยายามเรียนภาษาไทยเพื่อเขาจะอยู่รอดในประเทศไทย  วันนี้  เราคิดว่าไม่จำเป็น แต่ใครจะรู้ว่า วันหน้า เราอาจต้องรู้ภาษาพม่า และตอนนี้ สถานที่บางแห่ง ต้องเขียนภาษาพม่า เพื่อไม่ให้คนพม่าเดินตกท่อ วันนี้ พระเจ้าต้องการพี่น้องมองดูข้าพเจ้า เห็นหน้าก็บอกได้ว่า ชนชาติอะไร  ที่ข้าพเจ้ายกตัวอย่าง ก็เพื่อพี่น้องจะมองเห็นว่า การเป็นเมล็ดในมือผู้หว่าน คือการทำสิ่งที่เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ปฏิเสธตัวเราเอง การที่พระเจ้าให้เราปฏิเสธตัวเราเอง ไม่ใช่การทำลายตัวตนของเรา ตัวตนของเรายังอยู่ ในทางตรงกันข้าม พระเจ้าต้องการให้เรายังเป็นตัวเราอย่างที่ควรจะเป็นด้วย เราจะมีความมั่นใจ เราไม่ต้องเลียนแบบใคร เราเป็นตัวของเราเอง เป็นเมล็ดที่เกิดผลในมือของผู้หว่าน….มือของพระเจ้า (ตามพระประสงค์ของพระเจ้า)  เมล็ดที่อยู่ในมือของผู้หว่านพร้อมที่จะเปื่อยเน่า เพื่อจะงอกและเกิดผล เป็นความสมัครใจ เต็มใจ ไม่ใช่ฝืนใจ ผู้หว่านจะหว่านเมล็ดในมือลงไปในที่ที่ผู้หว่านรู้ว่าดินนี้จะเป็นดินดีที่พร้อมจะให้อาหารกับเมล็ดหลังจากเมล็ดนั้น หลังจากเมล็ดนั้นได้สลายตัวเอง เปลือกนอกกะเทาะออก เนื้อในจะเริ่มงอกใหม่  และพร้อมที่จะเกิดผลทวีคูณ  จำไว้คำหนึ่ง ถ้าพระเจ้าสั่ง พระเจ้าจ่าย แต่ถ้าพระเจ้าไม่สั่ง  คุณต้องจ่ายเอง วันนี้ คนในสังคมของเราจ่ายอะไรไปมากมายกับชีวิตที่ล้มเหลวและเสียหายอย่างมาก มีเด็กสาวจำนวนไม่น้อยต้องจ่ายราคาเป็นความบริสุทธิ์ เด็กไร้เดียงสาต้องจ่ายราคาไปด้วยชีวิตและความตาย และความพิการ วัยรุ่นต้องจ่ายราคาไปด้วยการหมดอิสรภาพกับติดยาเสพติด คนหนุ่มสาวต้องจ่ายราคาไปกับการเสียรู้ และเป็นเหยื่อ คนมากมายกำลังจ่ายราคาเกินจริง เพราะขาดแสงสว่างนำทาง พันธกิจ…เกิดผลทวีคูณ คือคำตอบสำหรับคนเหล่านี้  และพันธกิจ…เกิดผลทวีคูณ คือเมล็ดข้าวที่นอนรออยู่ในตัวของพวกเราทุกคนเวลานี้  สุดท้ายข้าพเจ้าอยากจะจบลงด้วยเรื่องของการค้นพบเมล็ดข้าวเปลือกที่ถูกเก็บเอาไว้ในภาชนะที่สามารถรักษามันไว้ได้นานถึงสองพันปี เมื่อเอามาหว่านลงในดิน ปรากฏว่า เมล็ดข้าวนั้นสามารถงอกและให้ผลทวีคูณ  เวลาสองพันปีที่เมล็ดข้าวนี้น่าจะเกิดผลทวีคูณเป็นเท่าไหร่  เกินที่จะคำนวนได้ พวกเรากำลังเอาเมล็ดแห่งพันธกิจ…เกิดผลทวีคูณ เก็บไว้ในที่ที่เราหวงแหนและไม่ยอมเอาออกมาหว่านให้เกิดผล   เนื้อในชีวิตของเราที่ต้องยอมสลายตัวเรา และตอบสนองต่อการทรงเรียกให้เราเป็นผู้รับใช้ในบทบาทที่เราเป็นอยู่  วันนี้ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์เร้าใจเราให้ถวายตัว ถวายเวลา ถวายทรัพย์ จงรีบตอบสนอง เพราะนั่นคือเวลาแห่งการเกิดผลทวีคูณ อาเมน

By admin