“ชีวิตที่เกิดผล…เป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า”
คำว่า “หุ้นส่วน” หมายถึง ทุนที่ร่วมกันเพื่อทำประโยชน์ทางธุรกิจต่างๆ ธุรกิจหมายถึง การงานประจำเพื่อการค้าขาย การค้าขายมีความหมายถึงการแลกเปลี่ยน หากตีความรวมความหมายของคำว่าหุ้นส่วน ก็หมายถึงการลงทุนรวมกันเพื่อทำงานที่ได้มาซึ่งสิ่งที่แลกเปลี่ยนตามที่ต้องการ คำว่า หุ้นส่วนถูกนำมาใช้สำหรับชีวิตคู่ สามีภรรยาที่มาลงทุนร่วมชีวิตกันเพื่อให้ได้มาซึ่งครอบครัวที่สมบูรณ์ มีลูกหลานต่อไป นี่ผลกำไรจากการลงทุนร่วมกัน หรือหุ้นส่วนยังถูกนำมาใช้กับการลงทุนด้านเงินทองเพื่อให้งอกเงยผลกำไรเป็นเงินทอง หรือในพระเยซูทรงได้ยกคำอุปมาเรื่องเงินตะลันต์ ที่เจ้านายมอบให้กับบ่าวเพื่อให้นำไปลงทุนให้เกิดผลงอกเงย บางคนก็เกิดผลเท่าตัว จากห้าเป็นสิบ จากสองเป็นสี่ แต่คนที่มีตะลันต์เดียวเอาเงินนั้นไปฝังดิน ไม่เกิดประโยชน์เลยก็มี การรับเอาเงินลงทุนที่เจ้านายฝากไว้ ก็คือการมีหุ้นส่วนกับเจ้านาย เจ้านายให้เป็นตัวเงิน ส่วนบ่าวลงแรงเป็นหุ้นส่วน เรียกว่าหุ้นลม แต่ผลลัพธ์จากการลงทุนร่วมกันเกิดผล ทำให้ผู้ที่รับประโยชน์เต็มๆคือผู้ที่ถือหุ้นลม คือบ่าว ที่นำเงินไปลงทุนแล้วเกิดผล ส่วนคนที่ถือหุ้นลมที่ไม่ลงแรงทำให้หุ้นส่วนของเจ้านายเกิดผลโดยการนำเงินนั้นไปฝังดิน ก็ถูกยึดหุ้นคืน ต้องสูญเสียสถานะสองอย่าง คือการเป็นหุ้นส่วน และยังต้องถูกขับออกไปจากบ้านของเจ้านายด้วย มัทธิว 25:28-30 28 เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์29 ด้วยว่าผู้ใดมีอยู่แล้วจะเพิ่มเติมให้ผู้นั้นจนมีเหลือเฟือ แต่ผู้ที่ไม่มี แม้ว่าซึ่งเขามีอยู่ก็จะต้องเอาไปจากเขา30 เอาอ้ายข้าชาติชั่วช้าไปทิ้งเสียที่มืดภายนอก ซึ่งที่นั่นจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน’ พระเยซูคริสต์ทรงตรัสสอนเรื่องนี้เพื่อให้สาวกของพระองค์ได้เข้าใจในภายหลังเรื่องการเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้าในชีวิตที่เกิดผล ดังนั้น คริสเตียนในยุคแรกจึงมีประสบการณ์กับการเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า ซึ่งพระคัมภีร์เรียกหุ้นส่วนนั้นว่า Free Gift แปลตรงตัวแปลว่า ของขวัญที่ได้รับฟรีๆ คำว่า ของขวัญคือสิ่งที่ผู้รับไม่รู้ไม่ได้คาดการณ์มาก่อนว่าจะเป็นอะไร พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า ของประทานแห่งพระคุณ คือของขวัญที่พระเจ้าประทานให้ คำว่า หุ้นส่วนในพระคัมภีร์ยังถูกใช้เปรียบเทียบหมายถึงการเทียมแอก (สำหรับชีวิตการแต่งงาน) คือการดำเนินชีวิตไปด้วยกัน ดังนั้น ชีวิตที่เกิดผลในคริสตจักรยุคแรก คือชีวิตที่ดำเนินไปด้วยกันกับพระเจ้า มีส่วนกับพระเจ้า และกิจการซีรี่ส์วันนี้เป็นเรื่องราวการเริ่มต้นของผู้ที่กลับใจมาเป็นคริสเตียนได้รับส่วนการลงทุนของพระเจ้าเข้ามาในชีวิตของเขาเพื่อเป็นหุ้นส่วนชีวิตที่เกิดผล….เป็นหุ้นส่วนกับพระองค์ กิจการ 8:14-25 14 เมื่อพวกอัครทูตซึ่งอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ได้ยินว่าชาวสะมาเรียได้รับพระวจนะของพระเจ้าแล้ว จึงให้เปโตรกับยอห์นไปหาเขา15 ครั้นเปโตรกับยอห์นไปถึงก็อธิษฐานเผื่อเขา เพื่อให้เขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์16 ด้วยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ยังไม่ได้เสด็จลงมาสถิตกับผู้ใด เป็นแต่ได้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซูเจ้าเท่านั้น17 เปโตรกับยอห์นจึงวางมือบนเขา แล้วเขาทั้งหลายก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์18 เมื่อซีโมนเห็นว่า คนเหล่านั้นได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยการวางมือของอัครทูต จึงนำเงินมาให้อัครทูต19 และว่า “ขอให้ข้าพเจ้ามีฤทธิ์อย่างนี้ด้วย เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าจะวางมือบนผู้ใด ผู้นั้นจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์”20 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่ซีโมนว่า “ให้เงินของเจ้าพินาศไปด้วยกันกับตัวเจ้าเถิด เพราะเจ้าคิดว่าจะซื้อของประทานแห่งพระเจ้าด้วยเงินได้21 เจ้าไม่มีหุ้นหรือส่วนในการนี้เลย เพราะใจของเจ้าไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า22 เหตุฉะนั้นจงกลับใจใหม่จากการชั่วร้ายของเจ้านี้ และอธิษฐานขอพระเจ้า ชะรอยพระองค์จะทรงโปรดยกความผิดซึ่งเจ้าคิดในใจของเจ้า23 ด้วยเราเห็นว่าเจ้าจะต้องรับความขมขื่น และติดพันธนะแห่งความอธรรม”24 ฝ่ายซีโมนตอบว่า “ขอท่านอธิษฐานองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อเหตุการณ์ที่ท่านได้กล่าวแล้วนั้น จะไม่ได้อุบัติกับตัวข้าพเจ้าสักอย่างเดียว” 25 ครั้นพวกอัครทูตเป็นพยาน และประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และได้ประกาศข่าวประเสริฐตามทางในหมู่บ้านชาวสะมาเรียหลายแห่ง เรื่องราวชีวิตที่เกิดผลของคริสเตียนยุคแรกดำเนินมถึงตอนนี้ เมื่อฟิลิป ซึ่งเป็นคริสเตียนยิว ได้เดินทางหนีการข่มเหงจากเยรูซาเล็มมาที่เมืองหนึ่งซึ่งอยู่ในแคว้นของชาวสะมาเรีย ชาวสะมาเรียเป็นพวกที่นับถือพระเจ้า และมีพระคัมภีร์เป็นหนังสือห้าเล่มแรกที่เขียนโดยโมเสส ซึ่งเป็นหนังสือพระคัมภีร์เล่มเดียวกันกับพวกยิว แต่ชาวสะมาเรียเป็นที่รังเกียจของพวกยิวในยุคนั้น เนื่องจากบรรพบุรุษของชาวสะมาเรียเป็นพวกไม่เชื่อฟังคำห้ามในหนังสือที่เขียนโมเสส คือห้ามแต่งงานกับคนต่างชาติ เบื้องหลังคำห้ามนี้สำหรับยิวโดยเฉพาะ เพราะพระเจ้าต้องการรักษาเชื้อชาติของยิวให้บริสุทธิ์ (ในยุคหนึ่งของเยอรมัน ฮิตเล่อร์ได้พยายามเลียนแบบโดยการบังคับมิให้คนเยอรมันแต่งงานข้ามเชื้อชาติ เพื่อรักษาเยอรมันบริสุทธิ์เอาไว้) เพราะฮิตเล่อร์ได้มองเห็นผลดีจากเรื่องนี้ แต่แผนการของพระเจ้าสำหรับคนยิวนั้นมีเหตุผลมากกว่าในเรื่องของแผนการเรื่องการไถ่บาปผ่านทางพระเยซูคริสต์เจ้า ซึ่งถูกกำหนดไว้ให้เกิดผ่านเชื้อสายเผ่าพันธุ์ของคนยิว เมื่อชาวสะมาเรียละเมิด ยิวเผ่าต่างๆจึงต่อต้านและส่งต่อการรังเกียจชาวสะมาเรียต่อๆกันมาทุกยุคสมัยจนถึงเวลานั้น แต่ฟิลิปได้ไปประกาศกับชาวสะมาเรีย เราจะเห็นว่า ชาวสะมาเรียถูกล่อลวงโดยซีโมน คนใช้วิทยาคมหากินทำให้ชาวสะมาเรียหลงใหลเป็นเวลาอย่างยาวนาน จนฟิลิปได้นำการปลดปล่อยมาถึงชาวสะมาเรีย และซีโมน มากุสคนนี้ก็ได้มาเชื่อพระเยซูตามการประกาศของฟิลิปด้วย และได้เห็นการทำงานของฟิลิปขณะอยู่ที่เมืองของชาวสะมาเรีย จนเหล่าอัครทูตที่อยู่ในเยรูซาเล็มทราบข่าวชาวสะมาเรียกลับใจมาเชื่อพระเยซู จึงได้ส่งอัครทูตเปโตรกับยอห์นมาเพื่อเยี่ยมเยียน 14 เมื่อพวกอัครทูตซึ่งอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม ได้ยินว่าชาวสะมาเรียได้รับพระวจนะของพระเจ้าแล้ว จึงให้เปโตรกับยอห์นไปหาเขา 15 ครั้นเปโตรกับยอห์นไปถึงก็อธิษฐานเผื่อเขา เพื่อให้เขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์16 ด้วยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ยังไม่ได้เสด็จลงมาสถิตกับผู้ใด เป็นแต่ได้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซูเจ้าเท่านั้น17 เปโตรกับยอห์นจึงวางมือบนเขา แล้วเขาทั้งหลายก็ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเปโตรและยอห์นได้พบปะกับชาวสะมาเรียที่กลับใจใหม่ ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ต้องมีการสนทนา ถามไถ่ความเชื่อของพวกเขา และเมื่อเปโตรและยอห์นได้เห็นความเชื่อเกิดขึ้นจึงได้อธิษฐานวางมือให้คนเหล่านั้นรับพระวิญญาณบริสุทธ์ (ซึ่งเป็นของประทานจากพระเจ้า) และแน่นอน คนเหล่านั้นน่าจะสำแดงผลของการรับพระวิญญาณบริสุทธิ์คือการพูดภาษาที่พวกเขาไม่เคยเรียนหรือได้ยินมาก่อน เป็นการเข้าส่วนกับงานที่พระเจ้าต้องการให้คนเหล่านี้ทำ เหมือนกับงานที่ฟิลิปได้มาเพื่อนำความจริงของพระเยซูคริสต์มาปลดปล่อยชาวสะมาเรียให้หลุดจากความพิศวงหลงใหลของนายซีโมน มากุสนี้ นี่เป็นฤทธิ์เดช ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่เข้ามาในชีวิตของคริสเตียนยุคแรก และคือสถานการเป็นหุ้นส่วนทำงานร่วมกับพระเจ้าให้ชีวิตที่เกิดผลเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น และแก่ตัวของคนๆนั้นเองด้วย อ.เปาโลได้กล่าวถึงประโยชน์ของการรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า 1 โครรินธ์ 14:2-4 2 เพราะว่าผู้หนึ่งผู้ใด ที่พูดภาษาแปลกๆ ได้ ไม่ได้พูดกับมนุษย์ แต่ทูลต่อพระเจ้า เพราะว่าไม่มีมนุษย์คนใดเข้าใจได้ แต่เขาพูดเป็นความล้ำลึกฝ่ายพระวิญญาณ3 ฝ่ายผู้ที่เผยพระวจนะนั้น พูดกับมนุษย์ทำให้เขาเจริญขึ้น เป็นที่หนุนจิตชูใจ4 ฝ่ายคนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้น ก็ทำให้ตนเองเจริญฝ่ายเดียว…พระคัมภีร์ไทยแปลสัญลักษณ์ของการรับพระวิญญาณบริสุทธิ์คือการพูดภาษาแปลกๆ แต่ภาษากรีก แปลว่า การพูดภาษาโดยลิ้น ภาษานั้นอาจไม่เป็นที่เข้าใจของคนพูด แต่ก็อาจเป็นที่เข้าใจของคนฟัง เมื่อมีการแปล หรือฟังโดยคนที่รู้จักภาษานั้น ซึ่งเราเหตุการณ์ครั้งแรกที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือสาวกบนห้องชั้นบน สาวกเหล่าต่างพูดภาษาของคนยิวที่อาศัยอยู่ต่างประเทศและเดินทางมาแสวงบุญที่เยรูซาเล็มได้เข้าใจภาษาของตนเอง พระคัมภีร์ตอนนี้กล่าวถึงการพูดภาษาแปลกๆเป็นการพูดกับพระเจ้า เป็นความล้ำลึกฝ่ายวิญญาณ ที่ส่วนลึกในฝ่ายวิญญาณของคนที่พูดน่าจะได้รับประโยชน์อย่างที่อ.เปาโลได้กล่าวว่า 4 ฝ่ายคนที่พูดภาษาแปลกๆ นั้น ก็ทำให้ตนเองเจริญฝ่ายเดียว มีคำพูดที่กล่าวเกี่ยวกับภาพรวมของความเป็นมนุษย์เราในสังคมทุกวันนี้ว่า นับวัน มนุษย์เรายิ่งดำเนินชีวิตอยู่กับวัตถุสิ่งของจนสภาพจิตวิญญาณ (ส่วนลึกภายใน)ถูกกลืนหายไป หรือความต้องการฝ่ายวิญญาณของมนุษย์นั้นสูญหายไป คือไม่รู้สึกถึงความต้องการฝ่ายวิญญาณ มีแต่ความต้องการด้านวัตถุแทน มนุษย์จึงตกอยู่ในสภาพไร้วิญญาณ จิตใจตายด้าน ขาดความเมตตา เราจะพบเห็นคนรุ่นใหม่ ไม่เข้าใจ และไม่ค่อยมีความเมตตา ขาดมารยาท ไม่รู้จักคำว่า พระคุณ ไม่คิดถึงคนอื่น มีแต่คิดถึงแต่ตัวเอง การโฆษณาต่างๆ การตั้งชื่อสินค้า ก็เน้น แต่คำว่า ตัวเอง และตัวเอง เราจึงเห็นคำว่า Iphone Ipad Imobile นับวัน คนรุ่นต่อไปจากเรา จะยิ่งเปราะบาง เพราะส่วนลึกฝ่ายวิญญาณถูกละเลย ไม่ได้รับการเสริมกำลัง แต่กลายเป็นความต้องการฝ่ายร่างกายนำหน้า อารมณ์ความคิดก็ว่างเปล่า ไม่มีเสาหลักให้ยึดเกาะ ความคิดและอารมณ์ก็แกว่งไปมาได้ง่าย หรือถูกกระตุ้นได้ง่าย นี่คือสภาวการณ์ฝ่ายจิตวิญญาณที่น่าเป็นห่วง ดังนั้น การรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือการให้พระเจ้าเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการเสริมสร้างชีวิตภายในของผู้เชื่อ คนที่เป็นคริสเตียนจำเป็นต้องเข้าใจและเข้าใจการเข้าเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าจะทำหน้าที่ทำกิจภายในเรา แต่พระองค์ก็จะไม่บังคับเรา ไม่ทำให้เราตกอยู่ในสภาพเหมือนถูกผีสิง แต่พระองค์จะรอเราร่วมเป็นหุ้นส่วนกับพระองค์ 2โครินธ์ 3:17 17 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสถึงบทบาทและงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตของผู้เชื่อว่า ยอห์น 14:26 26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำบทบาทสอนและนำคำสอนของพระเยซูเข้ามาในชีวิตของเรา แต่บทบาทของผู้เชื่อ คริสเตียนทั้งหลายคือการตอบสนองด้วยการรับคำสอนนั้นไปปฏิบัติ ในสถานการณ์ของชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นชีวิตในครอบครัว การทำงาน การปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น กับตัวเอง และกับพระเจ้าพระบิดา นี่คือธุรกิจที่คริสเตียนเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า ชีวิตที่เกิดผลผ่านการทำงานร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิต เราได้รับประโยชน์เต็มๆ และยังเป็นพระพรกับคนรอบข้างด้วย เพราะผลที่เกิดจากการทำงานร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระคัมภีร์ได้กล่าวในหนังสือกาลาเทีย 5:22-23 22 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ23 ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นในเรา คือความเจริญในตัวเราทั้งสิ้น คนรอบข้างได้ประโยชน์ด้วย มีใครที่อยู่ใกล้คนมีความรักแล้วเครียด หรืออยู่ใกล้คนที่มีความสุขแล้วอึดอัด หรืออยู่ใกล้คนที่มีสันติสุขสงบนิ่งแล้วจะบ้า หรืออยู่ใกล้คนที่มีความอดกลั้นใจแล้วถูกเอาเปรียบ หรืออยู่ใกล้คนที่มีความปรานีแล้วต้องกลัวหัวหด หรืออยู่ใกล้คนที่ทำดีแล้วต้องระแวง หรือยู่ใกล้คนที่สัตย์ซื่อแล้วถูกโกง มีใครอยากอยู่ใกล้คนที่อ่อนน้อมบ้าง อยู่ด้วยแล้วไม่ถูกเหยียดหยามดูถูก และคนที่รู้จักบังคับตนจะไม่ทำร้ายเราแน่นอน เราคิดว่า ผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ดีต่อเราและคนรอบข้างไม๊ คนอย่างนี้ สังคมต้องการ และลักษณะอย่างนี้ คือสิ่งคริสเตียนทุกคนต้องมี เพราะเราคือคนที่ได้รับหุ้นส่วนจากพระเจ้ามาลงทุนในเราแล้ว เราได้สถานะหุ้นส่วน ด้วยหุ้นลม เราไม่มีอะไรดีเลย แต่พระเจ้ามาลงทุนในชีวิตของเราฟรีๆแล้ว ในวินาทีที่เราตัดสินใจอธิษฐานรับเชื่อ 2โครินธ์ 1:21-22 21 ผู้ซึ่งทรงตั้งเรากับท่านทั้งหลายไว้ในพระคริสต์ และได้ทรงเจิมเราไว้นั้นก็คือพระเจ้า22 และพระองค์ทรงประทับตราเรา และประทานพระวิญญาณไว้ในใจของเราเป็นมัดจำด้วย บางคนอาจไม่รู้สึกตัว เพราะยังไม่คุ้นเคยกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะยังใหม่ แต่บางคนก็เก่าแล้ว ก็ยังไม่คุ้นเคย เพราะบางคนไม่อนุญาตให้ตัวเองใช้เวลากับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่อนุญาตให้เสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีอิทธิพลในชีวิต แต่กลับปล่อยให้เสียงของวัตถุสิ่งของดังกว่า มีคนเล่าว่า ในนครนิวยอร์ค เป็นเมืองใหญ่ และผู้คนยุ่งมาก ไม่มีเวลาสนใจใคร จนมีคนเปรียบเปรยว่า สองกรุงโรม ยังไม่เท่าหนึ่งนิวยอร์ค กรุงโรมเป็นนครที่คนไปเยือนมาก มีผู้คนขวักไขว่ แต่ก็ยังแพ้นิวยอร์ค ดังนัน หากคุณพยายามเรียกให้คนเดินไปมาในนครนิวยอร์คหันมาสนใจคุณ คงเป็นเรื่องยาก จึงมีชายหนุ่มคนหนึ่งคิดแผลงๆ ด้วยการเอาเศษเงินไปทำหล่นบนถนนในนครนิวยอร์ค ทันทีที่เงินกระทบกับพื้นถนน คนส่วนใหญ่จะหยุดเดินและหันไปตามเสียงเศษเงินที่หล่นนั้น นี่คือเสียงที่คนในสังคมของเราจดจ่อที่จะได้ยิน และคนของพระเจ้า คริสเตียนมากมายก็จดจ่อกับเสียงของเงินมากกว่าเสียงของพระเจ้าผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อพระองค์ตรัสด้วย ความอยากของเนื้อหนังทำให้อยากจะฟังเสียงที่อยากจะฟัง ส่วนเสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์มักจะขัดใจ บางคนอยากจะฟัง เสียงสรรเสริญเยินยอมากกว่าความจริงเพื่อาการปรับปรุงแก้ไข มีนิทานเรื่อง “ภูษาใหม่ขององค์จักรพรรดิ” องค์จักรพรรดิโดนชายเจ้าเล่ห์สองคนลวงให้หลงผิด อ้างว่า ทอภูษาสุดวิเศษ คนที่มองไม่เห็นเป็นคนโง่กับคนที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ตนดำรงอยู่ ดังนั้น ผู้คนมากมายรวมทั้งจักรพรรดิก็มาชมภูษาวิเศษที่มองไม่เห็น และเมื่อมองไม่เห็นก็ทำเป็นว่ามองเห็น ต่างก็ชมกันว่า ภูษาวิเศษนี้งามจริงๆ เพื่อจะได้ไม่เป็นคนโง่หรือเป็นคนที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ตนเองเป็นอยู่ ไม่นานทุกคนก็หลุดเข้าไปในวังวนของการบิดเบือน การยกยอปอปั้น และเดินตามการโกหกนั้นโดยพร้อมเพรียง ในท้ายที่สุด จักรพรรดิก็สวมภูษาวิเศษ (ที่มองไม่เห็น) ผู้คนในเมืองที่ไม่อยากให้ใครว่าเป็นคนโง่ ต่างก็ร้องชมจักรพรรดิว่า งามจริงๆ จนมีเด็กหญิงตัวเล็กชี้มือร้องออกมาว่า “จักรพรรดิล่อนจ้อน” เมื่อนั้น ผู้คนมองเห็นความจริง ตะโกนพร้อมเพรียงกันว่า “องค์จักรพรรดิล่อนจ้อน” นี่คงเป็นเหตุผลที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสว่า มัทธิว 19:14 14 ฝ่ายพระเยซูตรัสว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆ เข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าชาวแผ่นดินสวรรค์เป็นของคนเช่นเด็กเหล่านั้น” เด็กจะพูดอย่างที่เขามีประสบการณ์โดยไม่เสริมแต่ง เด็กจึงถูกนำมาเปรียบเทียบเหมือนคุณลักษณะชีวิตของชาวแผ่นดินสวรรค์ คริสเตียนมักเรียกตัวเองว่าเป็นชาวสวรรค์ และเรียกคนที่ไม่เป็นคริสเตียนว่าชาวโลก แต่พฤติกรรมของคริสเตียนไม่น้อยดูยังไงก็ยังไม่เหมือนชาวสวรรค์สักที ชีวิตที่เกิดผล…เป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า ต้องเป็นชีวิตอย่างชาวสวรรค์ ที่ทิ้งค่านิยมของชาวโลกนี้ เพื่อทำงานร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ หากเรายังดำเนินอยู่ในความต้องการของเนื้อหนัง ก็ยากที่เราจะเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้าได้ กาลาเทีย5:24-25 24 ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้เอาเนื้อหนังกับความอยาก และตัณหาของเนื้อหนังตรึงไว้ที่กางเขนแล้ว 25 ถ้าเรามีชีวิตอยู่โดยพระวิญญาณ ก็จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณด้วย นี่คือเหตุผลที่เปโตรกล่าวตำหนิและเตือนนายซีโมนที่ทำทีเป็นรับเชื่อและเป็นคริสเตียน (ของปลอม)
1.คริสเตียนปลอมๆ ไม่มีหุ้นส่วนกับพระเจ้า กิจการ 8:18-21
18 เมื่อซีโมนเห็นว่า คนเหล่านั้นได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยการวางมือของอัครทูต จึงนำเงินมาให้อัครทูต19 และว่า “ขอให้ข้าพเจ้ามีฤทธิ์อย่างนี้ด้วย เพื่อว่าเมื่อข้าพเจ้าจะวางมือบนผู้ใด ผู้นั้นจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์”20 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่ซีโมนว่า “ให้เงินของเจ้าพินาศไปด้วยกันกับตัวเจ้าเถิด เพราะเจ้าคิดว่าจะซื้อของประทานแห่งพระเจ้าด้วยเงินได้21 เจ้าไม่มีหุ้นหรือส่วนในการนี้เลย เพราะใจของเจ้าไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า เพราะว่าของจริง จะได้รับโดยไม่ต้องซื้อ พระเจ้าประทานให้ฟรีๆ รากศัพท์ภาษากรีกคำว่า ของประทาน แปลว่า ของขวัญที่ให้ฟรี ไม่ต้องซื้อ เป็นน้ำพระทัยพระเจ้าที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ความจริงมีค่าใช้จ่าย แต่พระเยซูคริสต์เจ้าได้จ่ายราคาให้เรียบร้อยแล้วบนไม้กางเขน โรม 5:15 15 แต่ของประทานแห่งพระคุณนั้นหาเป็นเช่นความละเมิดนั้นไม่ เพราะว่าถ้าคนเป็นอันมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆ เดียว มากยิ่งกว่านั้น พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์ ก็มีบริบูรณ์แก่คนเป็นอันมาก คำว่า ของประทานแห่งพระคุณ ตรงนี้ ภาษากรีกใช้คำว่า คาริสมา แปลว่า The Free Gift ของขวัญที่ให้ฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเอาหมูเห็ดเป็ดไก่มาถวาย ไม่ต้องเอาโน่นนี่นั่นมาถวาย พระเจ้าไม่ต้องการ ถ้าพระเจ้าต้องอาศัยหมูเห็ดเป็ดไก่จากเรา พระเจ้าก็ไม่เป็นพระเจ้าแล้ว แต่เป็นอะไรบางอย่างที่เราต้องเลี้ยงไว้ใช้งาน ของประทานแห่งพระคุณคือค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปแล้ว สำเร็จแล้วโดยทางพระเยซูคริสต์ ดังนั้น การรับของประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์คือ Package คือมาในเวลาเดียวกันกับการรับเชื่อ และราคาของพระองค์ก็สูงเกินกว่าเงินทองทั้งสิ้นของทั้งโลกจะซื้อได้ พระเยซูได้เคยตรัสถึงการเปรียบเทียบชีวิตหนึ่งมีค่ายิ่งกว่าของทั้งสิ้นในโลก มัทธิว 16:26 26 เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลกแต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร หรือผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา ดังนั้น ของประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์มีราคาที่เงินทองไม่สามารถซื้อได้ และคนที่คิดจะตีราคาพระองค์เป็นเงินทองเหมือนการไปเช่าพระมาห้อยคอ ก็คือคนที่ไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า อย่างที่นายซีโมน คนเล่นวิทยาคมที่พระคัมภีร์ได้เรียกเขาว่าเป็นคนที่ไม่สัตย์ซื่อ คำว่า สัตย์ซื่อ คำนี้ ภาษากรีกแปลว่า ตรง ได้ระดับ เป็นความจริง (Straight, level, true ) มาจากรากศัพท์ที่แปลว่า สุขภาพดี แต่เมื่อใส่คำว่า ไม่ เข้าไป แปลว่า ไม่ตรง (คด) สุขภาพไม่ดี หรือป่วย ในสมัยโบราณ คนหรือสัตว์ที่จะมาอยู่ต่อหน้าพระเจ้าต้องปราศจากตำหนิ ไม่ป่วย ไม่พิการ ในยุคพระคุณปัจจุบัน เราต้องเข้าหาพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง ถ้าเราป่วยก็ต้องรับการรักษาให้หายป่วย เราจึงจะทำงานในฐานะเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้าอย่างเกิดผลได้ คนเดินกะเผลกฝ่ายวิญญาณ ก็เหมือนแม่ปูเดินเอียงแล้วจะพาให้คนเดินตรงได้อย่างไร คนอ่อนล้า อ่อนแรง จะมาช่วยให้คนมีกำลัง มีแรงได้อย่างไร ดังนั้น การได้ของประทานพระวิญญาณ คือกระบวนการเยียวยาที่พระเจ้าประทานให้กับคริสเตียนด้วยในขณะที่เป็นหุ้นส่วนกับพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำเราไปสู่กระบวนการรักษาให้หายดี โดยเฉพาะบาดแผลในจิตใจ พระองค์จะทำหน้าที่ตรวจร่างกายเรา เหมือนเครื่อง X-rayว่ามีอะไรผิดปกติ พระองค์จะส่งสัญญาณเตือนให้เราเข้าสู่การพบกับพระเยซู ผู้เป็นแพทย์ผู้ประเสริฐ และนี่คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำงานผ่านอัครทูตเปโตรกับยอห์น วินิจฉัยนายซีโมน มากุสว่า 20 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่ซีโมนว่า “ให้เงินของเจ้าพินาศไปด้วยกันกับตัวเจ้าเถิด เพราะเจ้าคิดว่าจะซื้อของประทานแห่งพระเจ้าด้วยเงินได้ เปโตรพบว่า ซีโมนป่วย และถึงตาย (พินาศแปลว่า ตายแบบไม่เหลือแม้กระทั่งวิญญาณ ดับสูญ ไม่มีตัวตนอีกต่อไป) นี่ไม่ใช่คำแช่งสาป แต่เปโตรมองเห็น และมองเห็นได้ทะลุมากกว่านั้น เหมือนหมอวินิจฉันโรค และการป่วยและถึงตาย ไม่สามารถ เป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้าได้ ไปกับพระเจ้าไม่ได้ การไม่สัตย์ซื่อ การไม่อยู่ในระดับเดียวกับพระเจ้า คือความจริงของพระองค์ ไม่สามารถไปกับพระเจ้าได้ เพราะพระเจ้าจะไม่เป็นพระองค์เองไม่ได้ นั่นคือ พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อ แม้ว่า จะมีคนที่เป็นคริสเตียนที่ไม่สัตย์ซื่อจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆก็ตาม แต่ก็จะมีคนอย่างอ.เปาโลในยุคของเราด้วย 2 โครินธ์ 2:17 17 เพราะว่าเราไม่เหมือนคนเป็นอันมาก ที่เอาพระวจนะของพระเจ้าไปขายกิน แต่ว่าเราประกาศด้วยอาศัยพระคริสต์อย่างคนสัตย์ซื่อ อย่างคนที่มาจากพระเจ้า และอย่างคนที่อยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า จงอย่าเป็นคริสเตียนปลอมๆ..และจงอย่ายอมขาดจากหุ้นส่วนกับพระเจ้า
2.คริสเตียนแท้ก็ต้องระวังการสูญเสียหุ้นส่วนกับพระเจ้า กิจการ 8:22-25
22 เหตุฉะนั้นจงกลับใจใหม่จากการชั่วร้ายของเจ้านี้ และอธิษฐานขอพระเจ้า ชะรอยพระองค์จะทรงโปรดยกความผิดซึ่งเจ้าคิดในใจของเจ้า23 ด้วยเราเห็นว่าเจ้าจะต้องรับความขมขื่น และติดพันธนะแห่งความอธรรม”24 ฝ่ายซีโมนตอบว่า “ขอท่านอธิษฐานองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อเหตุการณ์ที่ท่านได้กล่าวแล้วนั้น จะไม่ได้อุบัติกับตัวข้าพเจ้าสักอย่างเดียว” 25 ครั้นพวกอัครทูตเป็นพยาน และประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และได้ประกาศข่าวประเสริฐตามทางในหมู่บ้านชาวสะมาเรียหลายแห่ง สุดท้ายการทำงานร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ของอัครทูตเปโตร ทำให้ท่านมองเห็นอาการป่วยในระดับลึกของซีโมน 23 ด้วยเราเห็นว่าเจ้าจะต้องรับความขมขื่น และติดพันธนะแห่งความอธรรม ในความขมขื่น พระคัมภีร์ตอนน้ได้มีภาษากรีกอีกคำซึ่งแปลว่า พิษของความขมขื่น แสดงให้เห็นถึงที่มาของการป่วยที่ต้องรับการแก้ไข มิฉะนั้น จะพาไปเกี่ยวข้องกับการผูกมัดให้ทำการอธรรม ซึ่งในหนังสือฮีบรู 12:15 15 จงระวังให้ดีอย่าให้ใครเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมา ทำความยุ่งยากให้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากเสียไป พระคัมภีร์ตอนนี้ กล่าวถึงรากขมขื่นที่งอกในส่วนลึกของชีวิตคน มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้คนจำนนวนมากได้รับความเสียหาย คนที่มีรากขมขื่น คือคนที่ให้อภัยคนยาก คนที่อยู่กับขมขื่น เป็นคนที่มองคนในแง่ร้าย คนที่อยู่กับความขมขื่น เป็นคนที่ช่างจดจำความผิด คนที่อยู่กับความขมขื่น เป็นคนที่เสแสร้ง (หน้าชื่นอกตรม) คนที่ขมขื่นไม่ใช้เวลากับคน แต่จะอยู่กับการแสวงหาวัตถุสิ่งของเงินทองหรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คน นี่คือสิ่งที่เปโตรวิเคราะห์อาการของซีโมนแล้ว จึงแนะนำว่า วิธีแก้ไข คือต้องมาหาพระเจ้าด้วยท่าทีที่กลับใจใหม่ คือต้องหันหลังให้กับความขมขื่นเหล่านี้ 22 เหตุฉะนั้นจงกลับใจใหม่จากการชั่วร้ายของเจ้านี้ และอธิษฐานขอพระเจ้า ชะรอยพระองค์จะทรงโปรดยกความผิดซึ่งเจ้าคิดในใจของเจ้า เราคิดว่า ซีโมนกลับใจใหม่ไม๊ ข้าพเจ้าคิดว่าไม่ เพราะเขาไม่ทำตามคำแนะนำของเปโตรที่ให้เขาอธิษฐานกับพระเจ้าด้วยตัวเขาเอง แต่นายซีโมนยังใช้เปโตรให้อธิษฐานแทนเขา 24 ฝ่ายซีโมนตอบว่า “ขอท่านอธิษฐานองค์พระผู้เป็นเจ้าเผื่อข้าพเจ้าด้วย เพื่อเหตุการณ์ที่ท่านได้กล่าวแล้วนั้น จะไม่ได้อุบัติกับตัวข้าพเจ้าสักอย่างเดียว”และพระคัมภีร์ก็ไม่ได้บันทึกถึงนายซีโมนต่อไปอีกเลย แต่กลับมาบันทึกถึงฟิลิปแทนในเหตุการณ์ต่อมา ดูเหมือนนายซีโมนจะถูกกล่าวถึงในพระคัมภีร์เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีอย่างเดียว ไม่เหมือนกับอ.เปาโลที่ครั้งหนึ่งมีบทบาทไม่ดี คือข่มเหงคริสเตียน และหลังจากนั้น ก็กลับใจใหม่ พระคัมภีร์ยังบันทึกต่อว่ามีการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่กลับใจใหม่ เป็นชีวิตที่เกิดผล ขอให้เราทั้งหลายตอบสนองด้วยการกลับใจใหม่อย่างแท้จริงต่อการวิเคราะห์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ตรัสผ่านผู้รับใช้ ผ่านพระวจนะ พระคัมภีร์ด้วยสายตรงกับพระเจ้า ไม่ใช่ตอบสนองด้วยการใช้คนอื่นทำแทน เรื่องของการกลับใจใหม่เป็นเรื่องที่ทำแทนกันไม่ได้ เป็นความรับผิดชอบส่วนตัวของเรากับพระเจ้า ข้าพเจ้าหวังใจว่า พี่น้องทุกคนจะรักษาการเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า..และมีชีวิตที่เกิดผล อย่างที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้สำหรับเราแต่ละคน ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงรักษาการเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า อย่าถอนหุ้น อย่าถอนตัว เพราะในหนังสือฮีบรูได้มีบทเรียนของคนที่ครั้งหนึ่งเคยมีส่วนกับพระวิญญาณ แต่ภายหลังก็ได้สูญเสียการมีส่วนนั้นไป ฮีบรู 6:4-8 4 เพราะว่าคนเหล่านั้นที่ได้รับความสว่างมาครั้งหนึ่งแล้ว และได้รู้รสของประทานจากสวรรค์ ได้มีส่วนในพระวิญญาณบริสุทธิ์5 และได้ชิมความดีงามแห่งพระวจนะของพระเจ้า และฤทธิ์เดชแห่งยุคที่จะถึงนั้น6 ถ้าเขาเหล่านั้นได้ชิมแล้วหลงไป ก็เหลือวิสัยที่จะนำเขามาสู่การกลับใจอีกได้ เพราะตัวเขาเองได้ตรึงพระบุตรของพระเจ้าเสียแล้ว และทำให้พระองค์ทรงรับการดูหมิ่นเยาะเย้ย7 ด้วยว่าพื้นแผ่นดินแห่งใดที่ได้รับน้ำฝนอยู่เสมอ และเกิดมีพืชผักขึ้นให้ประโยชน์แก่คนทั้งหลาย ก็ได้รับพระพรจากพระเจ้า8 แต่ถ้าพื้นดินนั้นมีต้นหนามใหญ่และหนามย่อยเกิดขึ้น ก็ไร้ค่าจนเกือบจะถูกแช่งสาป แล้วในที่สุดก็จะถูกเผาไฟ น่าอัศจรรย์ในเนื้อหาสาระตอนนี้ที่กล่าวถึงหนามใหญ่หนามย่อยปกคลุมเหนือพื้นดินนั้นจนแผ่นดินนั้นไม่สามารถเกิดผลได้อีกเลย หนามใหญ่หนามย่อยนั้นเป็นสิ่งเดียวกับกับสิ่งที่พระเยซูได้เปรียบเทียบในคำอุปมาเรื่องความกังวลเกี่ยวกับโลกนี้ และความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติของโลกนี้ นายซีโมนครั้งหนึ่งได้ชิมพระวจนะที่ประกาศโดยฟิลิป แต่ยังคงความลุ่มหลงในทรัพย์สินเงินทองของโลกนี้ ทำให้นายซีโมนเป็นคริสเตียนที่สูญเสียการเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้าไปในระยะเวลาอันสั้น 25 ครั้นพวกอัครทูตเป็นพยาน และประกาศพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว ก็กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และได้ประกาศข่าวประเสริฐตามทางในหมู่บ้านชาวสะมาเรียหลายแห่ง สุดท้ายตอนนี้ปิดจบด้วยการเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้าของเปโตรและยอห์นที่ยังทำงานประจำร่วมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการเป็นพยานและประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์ตามทางกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม ขอให้เราทั้งหลายทำงานที่เป็นงานประจำจริงๆ เรื่องทำมาหากิน เป็นเรื่องรอง แต่งานประจำหลักคือ การเป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า และคือการรักษาหุ้นส่วนของพระเจ้าไว้อย่างต่อเนื่อง บางคนอาจเรียกว่า ต่อสัญญา ถ้าไม่ทำ สัญญาอาจขาดไปเมื่อใดก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกที ตอนเกิดอุบัติเหตุแล้ว
“ชีวิตที่เกิดผล…เป็นหุ้นส่วนกับพระเจ้า”
1.คริสเตียนปลอมๆ ไม่มีหุ้นส่วนกับพระเจ้า
2.คริสเตียนแท้ก็ต้องระวังการสูญเสียหุ้นส่วนกับพระเจ้า