“ชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า”
ช่วงเวลาของการนมัสการสรรเสริญพระเจ้า เป็นเวลาที่ดีอีกช่วงหนึ่งสำหรับชีวิตคริสเตียน เป็นช่วงเวลาที่เราจะถวายพระเกียรติ พระสิริ ต่อพระเจ้าผู้ทรงสมควร เป็นการแสดงถึงการเคารพและการยำเกรงต่อองค์สูงสุด บทเพลงมากมายในพระธรรมสดุดี มีจุดประสงค์เพื่อที่จะยกย่องสรรเสริญพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ หัวข้อเทศนาในเช้าวันนี้คือ ชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า คริสเตียนควรต้องมีชีวิตที่เคารพ ยำเกรงต่อพระเจ้า เรามีชีวิตที่ยำเกรงต่อพระเจ้ามากน้อยแค่ไหน ชีวิต ความประพฤติ การแสดงออกในชีวิตประจำวัน ทั้งต่อหน้าและลับหลัง เรามีความยำเกรงต่อพระเจ้าอย่างไร ขอพระเจ้า และพระคำของพระเจ้าในวันนี้สร้างชีวิตเราให้เป็นชีวิตที่ยำเกรงต่อพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ อย่างแท้จริง ประการแรกเราจะมาทำความเข้าใจกับคำว่า การยำเกรง
1. เหตุผลที่เราต้องยำเกรงพระเจ้า
ในพระธรรมสุภาษิตได้กล่าวถึงการยำเกรงพระเจ้าไว้หลายตอน ซึ่งเป็นบทเรียนที่จะนำเราไปสู่ความเข้าใจ สุภาษิต เป็นดั่งพระธรรมแห่งสติปัญญา เป็นพระธรรมที่สอนเราถึงหนทางของพระเจ้า สุภาษิตเป็นคำสอนของซาโลมอนที่มีต่อบุตรชายเพื่อสำแดงว่าคนหนุ่มจะดำเนินชีวิตอย่างไรที่จะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และแท้ที่จริงเราทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ เข้าใจ และนำคำสอนนี้ไปใช้ในชีวิตของเราทุกคนด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของความยำเกรง เราจำเป็นต้องมีความเข้าใจถึงความยำเกรงพระเจ้าว่าเกี่ยวข้องกับอะไร พระคัมภีร์กล่าวถึงและเน้นย้ำเรื่องการยำเกรงพระเจ้า เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญที่เราจำเป็นต้องรู้ถึงความหมาย และการประพฤติปฎิบัติถึงการยำเกรง เพื่อที่เราจะเติบโตในความสัมพันธ์กับพระเจ้า และการมีความรู้ความเข้าใจในพระองค์ ในการที่จะมีความรู้ความเข้าใจในพระเจ้าได้ก็จะต้องเริ่มต้นด้วยการ ยำเกรงพระเจ้า สุภาษิต 1:7 7ความยำเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของ ความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน โดยทั่ว ๆ ไปคำว่า “เกรงกลัว” มีความหมายว่า ความรู้สึกปั่นป่วนร้อนใจเพราะอยู่ใกล้สิ่งที่ดูเป็นอันตราย สิ่งที่ชั่วร้าย สิ่งที่เจ็บปวด นี่เป็นความรู้สึกที่บรรยายถึงการที่เรากำลังเจอกับบางสิ่งที่น่ากลัว เช่นเจองู ต้องไปหาหมอฟัน ต้องเข้าห้องผ่าตัด หรือในเวลาที่เรารู้สึกตกอยู่ในอันตราย หรือกลัวในสิ่งที่เราไม่รู้ หรือความกลัวลานแบบนักเรียนที่ทำผิดและกลัวจะถูกลงโทษ หรือลูกที่ทำผิดต่อพ่อแม่ นี่ไม่ใช่ความยำเกรงหรือเกรงกลัวพระเจ้าในนิยามของพระคัมภีร์ ไม่ใช่อย่างที่ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตต้องการจะบอกกับเรา แต่เป็นความเกรงกลัว ที่หมายถึง การเคารพยำเกรง น่าเกรงขาม เคารพอย่างสูงสุดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ออสวอลด์ แซมเบอร์ กล่าวว่า จุดสำคัญของการยำเกรงพระเจ้า คือว่า เมื่อเราเกรงกลัว ยำเกรงพระเจ้าแล้ว เราจะไม่กลัวต่อสิ่งใดอีก แต่หากเราไม่เกรงกลัวพระเจ้า เราจะกลัวในทุกสิ่งรวมทั้งกลัวการลงโทษ เพราะพระลักษณะของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็น ความบริสุทธิ์ ความเที่ยงธรรม ความชอบธรรม ความรักความเมตตาของพระเจ้า เป็นการรู้จักพระเจ้าและเข้าใจว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ใด เรายำเกรงเพราะเรายอมรับว่าว่าพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่แท้จริง คนไทยเรากว่าจะมาเชื่อพระเจ้า ไหว้อะไรต่ออะไรมาเยอะแยะมากมาย หลายคนก่อนจะมาเป็นคริสเตียน เราเชื่อสารพัดสิ่ง เชื่อแม้กระทั่งก้อนหิน ต้นไม้ แต่เมื่อเรามารู้จักกับพระเจ้า เรามาถึงจุดที่เรายอมรับและมีประสบการณ์ในความเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ที่แตกต่างจากทุกสิ่งที่เราเคยกราบไหว้บูชา เรายอมจำนนในความเป็นพระเจ้าของพระองค์ และไม่หันหลังกลับ เรามีประสบการณ์ความเที่ยงธรรม ความรัก ความเมตตาของพระเจ้าซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนมี และสิ่งนี้ควรนำเราไปสู่การยำเกรงต่อพระเจ้า เพราะความเกรงขามของพระเจ้า และฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่งของพระองค์ เหมือนกับที่อิสราเอลที่ได้เห็นพระเจ้าทรงสำแดงบนภูเขาซีนายผ่านฟ้าแลบ ฟ้าร้องที่น่าสะพรึงกลัว มีเมฆทมึนปกคลุมภูเขา จนอิสราเอลต้องขอร้องโมเสสเป็นผู้พูดกับพวกเขาแทนพระเจ้า อพยพ 19:16 16อยู่มาพอถึงรุ่งเช้าวันที่สาม ก็บังเกิดฟ้าร้อง ฟ้าแลบ มีเมฆอันหนาทึบปกคลุมภูเขานั้นไว้กับมีเสียงแตรดังสนั่น จนคนทั้งปวงที่อยู่ในค่ายต่างก็พากันกลัวจนตัวสั่น อพยพ 20:18-19 18 คนทั้งหลายเมื่อได้ยิน ได้เห็นฟ้าร้อง ฟ้าแลบ เสียงแตร และควันที่พลุ่งขึ้นจากภูเขาเช่นนั้น ต่างก็ยืนตัวสั่นอยู่แต่ไกล 19เขาจึงกล่าวแก่โมเสสว่า “ท่านจงนำความมาเล่าเถิด พวกข้าพเจ้าจะฟัง แต่อย่าให้พระเจ้าตรัสกับพวกข้าพเจ้าเลย เกรงว่าข้าพเจ้าจะตาย” และเป็นความน่าเกรงขามที่ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า สดุดี 33:8-9 8ให้แผ่นดินโลกทั้งสิ้นยำเกรงพระเจ้า ให้บรรดาชาวพิภพทั้งปวงยืนตะลึงพรึงเพริดต่อพระองค์ 9เพราะพระองค์ตรัส มันก็เกิดขึ้นมา พระองค์ทรงบัญชา มันก็ออกมา เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างในสรรพสิ่งและมวลมนุษย์ และเราเป็นผู้ที่ถูกสร้าง พระเจ้าเป็นจอมเจ้านาย และเราเป็นทาสรับใช้ พระเจ้าทรงเป็นพระบิดา และเราเป็นลูก ทัศนคติเช่นนี้จะทำให้เรามีท่าทีที่เคารพพระเจ้า และต่อพระคำ และมีความปรารถนาที่จะทำสิ่งที่พระเจ้าบอกแก่เราผ่านพระคัมภีร์ด้วยความเคารพ ด้วยความรัก ไม่ใช่ทำด้วยความกลัว ลูก ๆ ส่วนใหญ่ มีความเกรงกลัวต่อพ่อแม่ ลูก ๆ จะรู้ว่าอาจเจ็บตัวได้ถ้าไม่เชื่อฟัง แต่ถ้าลูกมีความคิดที่เติบโต มีความเข้าใจพ่อแม่ และรู้จักพ่อแม่ รู้หัวใจของพ่อแม่ ความรู้ความเข้าใจนั้นจะเปลี่ยนความกลัว ให้เป็นความยำเกรง เป็นความเคารพ ลูกก็จะรู้ว่า แท้จริงการไม่เชื่อฟังของลูกนั้นคือสิ่งที่ทำให้พ่อแม่เจ็บปวด เสียใจ และเพราะลูก ๆ รักมีความเคารพต่อพ่อแม่ ก็จะทำในสิ่งที่พ่อแม่สบายใจ ภูมิใจ พอใจ ความรู้สึกนี้เช่นเดียวกันกับความรู้สึกของเราต่อพระเจ้า …ฉะนั้นการยำเกรงพระเจ้า คือการแสดงความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อพระเจ้าและนำไปสู่การที่เราต้องการที่จะทำให้พระเจ้าพอพระทัย ไม่ต้องการทำให้พระองค์เจ็บปวด เสียใจ เมื่อเรายำเกรงพระเจ้า อย่าให้มีปัจจัยของการเกรงกลัวที่ปนเปื้อนความรู้สึกที่ว่าจะถูกพระเจ้าลงโทษ แต่ให้ เรายำเกรงเพราะเราเคารพต่อพระเจ้านั่นต่างหากคือหัวใจสำคัญและถูกต้อง เราเกรงกลัวพระเจ้าเพราะอะไร เพราะกลัวถูกลงโทษ เราให้การลงโทษกระตุ้นเราไปสู่การมีชีวิตที่บริสุทธิ์ หรือเราเกรงกลัวพระเจ้าเพราะเราให้เกียรติ เคารพต่อพระเจ้า ต่อน้ำพระทัย ขอให้สิ่งนี้เป็นสิ่งกระตุ้นให้เราเชื่อฟังและมีชีวิตเป็นคนของพระเจ้า
2. ผลจากการยำเกรงพระเจ้า การยำเกรง การเกรงกลัวต่อพระเจ้าสร้างผลประโยชน์ต่อชีวิตของเรา มากมายที่จะนำเราไปสู่ชีวิตที่ปราศจากที่ติในพระคริสต์ นั่นคือ
– การยำเกรงพระเจ้าทำให้เรามีสติปัญญา สุภาษิต 1:7 7ความยำเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน สุภาษิต 9:10 10ความยำเกรงพระเจ้า เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา และซึ่งรู้จักองค์บริสุทธิ์ เป็นความรอบรู้ สุภาษิต 15:33 33ความยำเกรงพระเจ้าเป็นการสอนให้เกิดปัญญา
และความถ่อมใจเดินอยู่ข้างหน้าเกียรติ ที่ ๆ ดีที่สุดที่จะเริ่มต้นในการค้นหาสติปัญญาที่จริงแท้ คือการที่เราจะยำเกรงพระเจ้า การเกรงกลัวพระเจ้าที่แท้จริงนั้นเกิดมาจากความรู้จักถึงฤทธิ์อำนาจที่ไม่สิ้นสุด ความยิ่งใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ ความดีงามที่สมบูรณ์พร้อมของพระเจ้า การที่เราจะเติบโตในพระเจ้าได้นั้นสิ่งแรกเราต้องเรียนรู้ที่จะยำเกรงพระเจ้าก่อนอื่นใด
– การยำเกรงในพระเจ้านำเราสู่ชีวิตที่บริสุทธิ์ ความยำเกรงพระเจ้าเป็นสิ่งจำเป็นที่สร้างอิทธิพลให้เกิดความบริสุทธิ์ในชีวิตคริสเตียน ความยำเกรงพระเจ้าทำให้เราเกลียดชังความบาปและหันจากความชั่ว และทำให้เรามีชีวิตที่ระมัดระวังมีความยับยั้งในถ้อยคำของเราและปกป้องเราจากการฝ่าฝืนมโนธรรม กษัตริย์ซาโลมอนสอนเราว่า เราสามารถหลีกเลี่ยงจากความชั่วได้เมื่อเรายำเกรงพระเจ้า สุภาษิต 3:7 7อย่าคิดว่าตนฉลาด จงยำเกรงพระเจ้า และหันจากความชั่วร้าย สุภาษิต 16:6 6ความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์ได้ลบมลทินบาปชั่ว และคนหลีกความชั่วร้ายได้โดยความยำเกรงพระเจ้า ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ บอกให้เรายำเกรงพระเจ้า ซึ่งจะนำไปสู่การมีชีวิตที่บริสุทธิ์ ผู้ที่เคารพยำเกรงพระเจ้าแท้จะไม่ทำสิ่งใดที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสีย การไม่ให้เกียรติ หรือสร้างความเจ็บปวดต่อพระเจ้า คนที่ยำเกรงพระเจ้าจะมีชีวิตที่ไกลห่างจากความชั่วร้าย เมื่อความบาปเป็นศัตรูของพระเจ้า ความบาปก็เป็นศัตรูของเราด้วย สุภาษิต 8:13 13ความยำเกรงพระเจ้าเป็นความเกลียดชังความชั่วร้าย เราเกลียดความเย่อหยิ่งและความจองหอง และทางของความชั่วร้ายกับวาจาตลบตะแลง โยบคือบุคคลหนึ่งที่เป็นตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่มากในความยำเกรงพระเจ้า และความยำเกรงนั้นส่งผลให้โยบมีชีวิตที่บริสุทธิ์ ชอบธรรม โยบ 1:8 8และพระเจ้าตรัสกับซาตานว่า “เจ้าได้ไตร่ตรองดูโยบผู้รับใช้ของเราหรือไม่ ว่าในแผ่นดินโลกไม่มีใครเหมือนเขา เป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม เกรงกลัวพระเจ้าและหันเสียจากความชั่วร้าย ให้พระเจ้าพูดอย่างนี้กับซาตานด้วย ว่า เจ้าได้ไตร่ตรองดูใจสมานเพชรเกษม11ของเราหรือไม่ ว่าในแผ่นดินโลกไม่มีใครเหมือนเขา เป็นคนดีรอบคอบและเที่ยงธรรม เกรงกลัวพระเจ้าและหันเสียจากความชั่วร้าย
– การยำเกรงพระเจ้าทำให้ชีวิตยืนยาว สุภาษิต 10:27 27ความยำเกรงพระเจ้านั้นยืดชีวิตให้ยาวไป แต่ปีเดือนของคนชั่วร้ายนั้นจะสั้นเข้า แม้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในเส้นทางของชีวิต แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ที่มีชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้าจะมีชีวิตอยู่ไปจนแก่เฒ่าดีกว่าผู้ที่มีชีวิตตามเนื้อหนังและวิถีของโลกนี้ โดยประมาณ 60% ของผู้คนที่เจ็บป่วยไม่สบายพบว่าความเจ็บป่วยนั้นมาจาก ความกลัว ความโศกเศร้าเสียใจ ความอิจฉา ความขุ่นเคืองไม่พอใจ ความรู้สึกผิด ความเกลียดชังขมขื่น ความกดดันทางอารมณ์ รวมทั้งเจ็บป่วยเพราะสุรา บุหรี่ สิ่งเสพติด การเสื่อมทรามทางศีลธรรม แต่ผู้ที่มีชีวิตยำเกรงพระเจ้าด้วยการเชื่อฟังพระคำ จะส่งผลให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีกว่า
– ความยำเกรงพระเจ้าสร้างความมั่นคง สุภาษิต 14:26 26ความยำเกรงพระเจ้าทำให้คนอยู่อย่างอุ่นใจ ลูกหลานของเขาจะมีที่พึ่ง เมื่อพ่อแม่มีมรดกให้ลูกหลาน ลูกหลานก็จะรู้สึกอุ่นใจ มั่นคง ไม่ต้องคิดกังวลถึงอนาคต เราในฐานะที่เป็นพ่อแม่คริสเตียนเราอาจไม่ได้ร่ำรวนมีเงินทองมากมาย แต่เราก็สามารถสร้างมรดกให้ลูกหลานได้ ด้วยการมีชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า แล้วลูกหลานของเราจะมีที่พึ่ง มีความมั่นคงในชีวิตอนาคต ถ้าพ่อแม่เป็นห่วงอนาคตลูก จงยำเกรงพระเจ้า เมื่อเราดำเนินชีวิตในความยำเกรงพระเจ้า เราสามารถมีความมั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงอยู่ข้างเรา การมีคนเก่ง ๆ อยู่ข้างเรา ทีมเรา เรารู้สึกอย่างไร มั่นใจ ที่ คจ.เด็กเมื่อมีการเล่นเกมส์ ต้องมีการแบ่งทีม ทีมไหนมีพี่หยุง ทีมนั้นจะรู้สึกชิลมั่นใจชนะแน่ และในชีวิตคริสเตียนเรารู้สึกมั่นใจและมั่นคงแน่เมื่อพระเจ้าอยู่ด้วยกับเรา จะต้องต่อสู้กับอะไรแค่ไหน จะต้องเจอกับปัญหา การทดสอบอะไร เราผ่านแน่ เราชนะ โรม 8:31 31ถ้าเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไร ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเรา ใครจะขัดขวางเรา การมีความยำเกรงพระเจ้าในชีวิตจะผลิตความรู้สึกมั่นคงที่แข็งแรง และยังส่งผลให้มีสามัคคีธรรมที่ใกล้ชิดกับพระบิดาเป็นพระพรซ้อนพระพรตามมาอีกด้วย
– ความยำเกรงให้ผลผลิตแห่งชีวิต สุภาษิต 14:27 27ความยำเกรงพระเจ้าเป็นน้ำพุแห่งชีวิต เพื่อผู้หนึ่งผู้ใดจะหลีกจากบ่วงของความมรณาได้ เมื่อเรามีความยำเกรงพระเจ้า จิตวิญญาณของเราจะแข็งแรงขึ้น ๆ ความยำเกรงพระเจ้าเป็นดั่งน้ำพุที่ไหลล้นอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาภายใจจิตวิญญาณของเรา ทำให้จิตวิญญาณของเรามีชีวิตชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำพุแห่งชีวิต ไม่แห้ง ไม่ตาย ไม่ไร้ชีวิตชีวา และนำเราไปสู่การมีชีวิตคริสเตียนที่สะอาดบริสุทธ์ และไม่ต้องการที่จะยุ่งเกี่ยวกับการทดลอง หรือกับดักของความชั่วความบาปใด ๆ
– ความยำเกรงไม่ทำให้เราขาดแคลน พี่น้องเคยเห็นป้าย “บ้านนี้อยู่แล้วดี” “ร้านนี้ค้าขายแล้วร่ำรวย” มั้ย เราคิดว่าป้ายนั่นทำให้เป็นอย่างนั้นได้จริง ๆ รึเปล่า เป็นความจริงว่าทุกคนอยากมี แต่พระเจ้ามีมุมมองให้เราคิดเรื่องนี้อย่างไร สุภาษิต 15:16 16มีทรัพย์น้อยแต่มีความยำเกรงพระเจ้า ดีกว่ามีคลังทรัพย์ใหญ่ แต่มีความลำบากอยู่ด้วย พระคัมภีร์ข้อนี้สอนเราว่า แม้ว่ามีทรัพย์น้อยแต่มีชีวิตที่อยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า ก็ดีกว่าการที่จะมีทรัพย์สมบัติมากมายแต่มีสารพัดปัญหารุมเร้าตามมาด้วย ประเด็นไม่ใช่อยู่ที่มีมากมีน้อย ประเด็นที่สำคัญคือ เมื่อเราอยู่ในน้ำพระทัยของพระเจ้า และมีชีวิตอย่างยำเกรงพระเจ้า ชีวิตเราก็จะเป็นความรับผิดชอบของพระเจ้าที่จะดูแลชีวิตของเรา มัทธิว 6:25-33 25“เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ 26จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้ส่ำสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ 27มีใครในพวกท่านโดยความกระวนกระวาย อาจต่อชีวิตให้ยาวออกไปอีกสักศอกหนึ่งได้หรือ 28ท่านกระวนกระวายถึงเครื่องนุ่งห่มทำไม จงพิจารณาดอกไม้ที่ทุ่งนาว่า มันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย 29แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่ากษัตริย์ซาโลมอนเมื่อบริบูรณ์ด้วยสง่าราศี ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่าดอกไม้นี้ดอกหนึ่ง 30แม้ว่าพระเจ้าทรงตกแต่งหญ้าที่ทุ่งนาอย่างนั้น ซึ่งเป็นอยู่วันนี้และรุ่งขึ้นต้องทิ้งในเตาไฟ โอ ผู้มีความเชื่อน้อย พระองค์จะไม่ทรงตกแต่งท่านมากยิ่งกว่านั้นหรือ 31เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม 32เพราะว่าพวกต่างชาติแสวงหาสิ่งของทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่า ท่านต้องการสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ 33แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้ การมีมากมายไม่ใช่คำตอบของชีวิต ให้เราเชื่อและวางใจในพระเจ้าในการจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นในชีวิตของเรา ชีวิตที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติสิ่งของคือการที่เรากำลังเติมปัญหาให้กับชีวิต ยิ่งเติมเต็มทรัพย์ ปัญหาก็มากเหลือจะรับ แต่ชีวิตที่อยู่ในความเชื่อ ในความยำเกรงพระเจ้าคือชีวิตที่ปราศจากความกังวล
– ความยำเกรงพระเจ้าสร้างความพึงพอใจและความปลอดภัย สุภาษิต 19:23 23ความยำเกรงพระเจ้านำไปสู่ชีวิต และบุคคลผู้ได้รับแล้วก็หยุดด้วยความพอใจ จะไม่มีอันตรายใดมาเยี่ยมกรายเขา ผู้ที่มีชีวิตยำเกรงพระเจ้าจะเป็นคนที่มีความพึงพอใจในชีวิต นั่นเพราะเป็นชีวิตที่มีเป้าหมาย และเป็นเป้าหมายที่มีความชัดเจน แน่นอนที่จะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และชีวิตเช่นนี้เป็นชีวิตที่ การันตีรับรองได้เลยว่า จะไปถึงเป้าหมาย ถึงจุดหมายปลายทาง ถึงความสำเร็จอย่างแน่นอน ดังนั้นคนที่ยำเกรงพระเจ้าเช่นนี้จะมีทุกอย่าง จะได้รับทุกอย่างตามที่ต้องการ ตามความจำเป็นในชีวิต และเป็นชีวิตที่พบสันติสุข เมื่อเราเรียนรู้ที่จะเดินในทางของพระเจ้าด้วยความพึงพอใจ ด้วยความยินดีที่จะเดินที่จะทำตามด้วยหัวใจที่ยำเกรง เราจะมีความพึงพอใจแบบถาวร ไม่ใช่แค่สุขชั่วครู่ชั่วยามแล้วก็หายไป แบบ 3 วันสุข 4 วันทุกข์ เป็นความพึงพอใจที่นับวันเราจะยิ่งอยากทำให้พระเจ้ามีความสุข ข้อพระคัมภีร์ตอนนี้บอกเราว่า อันตรายจะไม่กล้ำกรายเข้ามา ฉะนั้นผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าไม่ต้องกลัวการพิพากษา ไม่ต้องกลัวการลงโทษ ไม่ต้องกลัวการตกนรก ไม่ต้องกลัวสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ด้วย เพราะความยำเกรงในพระเจ้าจะทำให้เรายิ้มได้เมื่อภัยมาและพระเจ้าทรงล้อมรอบชีวิตเราอยู่ โยบ 1:10 10พระองค์มิได้ทรงกั้นรั้วรอบตัวเขา และครัวเรือนของเขา และทุกสิ่งที่เขามีอยู่เสียทุกด้านหรือ พระองค์ได้ทรงอำนวยพระพรงานน้ำมือของเขา และฝูงสัตว์ของเขาได้ทวีขึ้นในแผ่นดิน
– การยำเกรงพระเจ้านำพระพรที่ยิ่งใหญ่ สุภาษิต 22:4 4บำเหน็จของความถ่อมใจและความยำเกรงพระเจ้า คือความมั่งคั่งเกียรติและชีวิต ผู้ที่เลือกมีชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้าสามารถมั่นใจได้เลยว่า การตัดสินใจเช่นนี้จะนำพระพรที่ยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิต มีความมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณเกิดขึ้น ทั้งความเชื่อ ความชื่นชมยินดี ความหวัง ความมั่นคง พระสัญญาของพระเจ้าในการทรงสถิตอยู่ และพระเจ้าทรงให้เกียรติต่อผู้ที่ยำเกรงในพระองค์ รวมถึงความครบบริบูรณ์ของชีวิต ความยำเกรงพระเจ้าจะผลิตชีวิตที่เป็นไปได้ให้เกิดขึ้น เราอาจรู้สึกว่าสิ่งนี้สิ่งนั้นก็เป็นไปไม่ได้ในชีวิต แต่ถ้าเรามีความยำเกรงพระเจ้า ทุกสิ่งเป็นไปได้ทั้งสิ้นการยำเกรงพระเจ้าเป็นเรื่องที่เราต้องตัดสินใจ เป็นเรื่องส่วนตัวส่วนบุคคล ไม่มีใครตัดสินใจที่จะยำเกรงพระเจ้าให้ใครได้ ไม่มีใครทำให้เราได้ ไม่มีใครทำให้เรายำเกรงพระเจ้าได้ ไม่มีใครบังคับเราได้แม้แต่คำเทศนาในวันนี้ แต่เป็นการตัดสินใจของเราที่จะมีชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้าด้วยตัวของเราเอง เป็นการตัดสินใจที่จะให้เกีรยติ ให้ความเคารพต่อพระเจ้า และการตัดสินใจที่จะยำเกรงพระเจ้าเพี่อจะมีชีวิตที่ปราศจากที่ติ ปราศจากมลทินมากขึ้น ๆ แต่การตัดสินใจที่จะมีชีวิตที่อยู่นอกเหนือน้ำพระทัย ไม่อยู่ในความยำเกรง ตัดสินใจที่จะทำในสิ่งที่ตนเองพอใจ มีชีวิตอยู่เพื่อตัวเอง คือชีวิตที่ปราศจากพระพรและนำไปสู่การพิพากษาในชีวิต หากเราได้รับความรอดแล้ว ก็อย่าดำเนินชีวิตไปพร้อมกับความบาปเลย วิวรณ์ 3:19 19เรารักผู้ใดเราก็ตักเตือนและตีสอนผู้นั้น เหตุฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจเสียใหม่ เมื่อเรามีชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า เราจะมีชีวิตที่ถวายเกียรติพระเจ้าในการกระทำทุกสิ่งทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง มันทำให้เราปลอดภัยจากบาป เมื่อเรามีชีวิตที่ยำเกรงเราจะให้พระองค์มาเป็นที่หนึ่งในชีวิต เราจะให้น้ำพระทัยพระองค์สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ ในชีวิต เมื่อเรายำเกรง ชีวิตเราจะให้การอธิษฐานนำหน้า เราจะให้ความสำคัญต่อการอ่านพระคัมภีร์ การดำเนินชีวิตตามพระคำ เมื่อเรามีชีวิตที่ยำเกรงหนทางของพระเจ้าจะเป็นทางเดียวในชีวิต แต่ชีวิตที่ไม่ยำเกรง พระเจ้าจะมาเป็นที่สอง สิ่งอื่นจะมานำหน้าแทนที่พระเจ้า และชีวิตจะประสบกับปัญหาและการทดลองไม่รู้จบ มีความเจ็บปวดในหัวใจเมื่อมีชีวิตไม่ยำเกรงพระเจ้า ซึ่งนั่นไม่ใช่เส้นทางที่พระเจ้ากำหนดไว้ในชีวิตคริสเตียน การมีชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้าก็ดีกว่าและดีที่สุด ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในหัวใจของเราเวลานี้ ถ้าเรายังไม่ได้มีชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้าอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเรายังไม่ได้เคารพ ให้เกียรติพระเจ้าอย่างที่พระองค์ทรงสมควรได้รับ ถ้าเรายังไม่ได้ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ ถึงพระสิริของพระองค์ เป็นสิ่งที่เราต้องตัดสินใจที่จะมีชีวิตที่ยำเกรงพระเจ้า สดุดี 86:11 11ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสอนพระมรรคา ของพระองค์แก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะดำเนินในความจริงของพระองค์ ขอทรงสำรวมใจของข้าพระองค์ ให้ยำเกรงพระนามของพระองค์