“ปราศจากที่ติ…ในการรู้จักบังคับตน”
คำว่า “แตก” ในความหมายที่เอามาต่อกับสำนวนต่างๆ มีความหมายคือ เผยออกมา ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะไม่มี หรือซ่อนไว้ แต่ซ่อนไม่ไหวต้องแสดงออกมา คำว่า “แตก” ถูกนำมาผนวกกับสำนวนคำมากมาย เช่น เบรกแตก เป็นสำนวนแปลว่า ควบคุมอารมณ์โกรธไม่อยู่ สติแตก แปลว่า ควบคุมสติไม่อยู่ บ้าดีเดือด ติสต์แตก ติสต์มาจากคำว่าอาร์ตติสต์ สมัยก่อนจะเรียกว่าติสต์ แทนคำว่าศิลป์ อาการนี้เป็นอาการของผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากมายเหมือนเป็น ศิลปินบ้าพลัง เป็นมากจนถึงกลายเป็นการไม่รับความคิดเห็นจากผู้อื่นหรือทนรับคำวิจารณ์ อื่นๆไม่ได้ เพราะมีจิตวิญญาณศิลปินสุง จนหลงคิดไปว่าข้านี่แหละเทพที่สุด “แต๋วแตก” ประมาณว่าแอ๊บแมน(ทำตัวเป็นชาย)มาตลอด สุดท้ายก็เผยความแต๋วออกมา เพราะอั้นไว้ไม่อยู่ ตบะแตก บำเพ็ญตบะต่อไปไม่ได้เพราะทนต่อสิ่งเย้ายวนไม่ไหว หมดความอดกลั้น สิ้นความอดทน นำมาใช้เป็นสำนวนแปลว่า ควบคุมตัณหาความอยากไม่อยู่ ยังมีอาการอีกมากมายที่คนในยุคนี้ได้เผยออกมาโดยไม่เก็บซ่อนไว้อีกต่อไปและพยายามทำให้สังคมยอมรับตัณหาความอยากต่างๆของผู้คน จนกลายคนกลุ่มใหญ่ เสียงส่วนใหญ่ ที่บอกว่า ยอมรับได้ จากสีดำกลายเป็นเทาๆ จากไม่ถูกต้อง กลายเป็นต้องถูก เพราะคนส่วนใหญ่เขาทำกัน พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสไว้ว่า มัทธิว7:13 13 “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่ และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก คนจำนวนมากเลือกเข้าไปทางประตูใหญ่และทางกว้าง เพราะเป็นทางที่ตามใจปรารถนากิเลศตัณหาความอยากของตนเอง พระคัมภีร์เรียกการเลือกประตูใหญ่และทางกว้างว่า เป็นการสนองต่อความต้องการของเนื้อหนัง กาลาเทีย 5:19-21 19 การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การลามก20 การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน21 การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนกับที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า คำตรัสของพระเยซูคริสต์เจ้าในมัทธิวบทที่ 7:14 ได้กล่าวต่อไปอีกว่า 14 เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย ประตูคับและทางแคบไม่ได้ปรากฏให้พบได้ง่าย คนที่ตั้งใจที่จะหาประตูคับและทางแคบจึงจะพบ แสดงว่า ถ้าไม่มีความตั้งใจ ไม่มีการพบประตูคับและทางแคบด้วยความบังเอิญ เพราะประตูคับกับทางแคบ เป็นความหมายของการรู้จักบังคับตนที่ไม่สามารถพบได้ในมนุษย์ เพราะการรู้จักบังคับตนเป็นคุณลักษณะในผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ กาลาเทีย 5:22-23 22 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ 23 ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย คำว่า ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นเอกพจน์ ไม่ใช่มีหลายๆผล แต่เป็นผลเดียวที่มีเก้าคุณลักษณะในผลเดียว ข้าพเจ้าเคยยกตัวอย่างผลส้มโชกุแท้จะต้องมีคุณลักษณะเด่นของส้มห้าชนิดในผลเดียว (ถ้าข้าพเจ้าจำไม่ผิด เพราะคุณพ่อของเพื่อนข้าพเจ้าอยู่ที่ยะลาเป็นคนผสมพันธ์คนแรกและขายกิ่งพันธุ์ให้คนอื่นๆนำไปปลูก ส้มโชกุนที่มีลักษณะไม่ครบ ไม่ใช่ส้มโชกุนแท้ ทำนองเดียวกัน ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะต้องมีครบทั้งเก้าอย่างจึงจะเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์แท้ หากมีอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ยังเป็นผลที่เลียนแบบ ไม่ใช่ผลแท้ คนที่ไม่ใช่คริสเตียนจะมีผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ ส่วนเนื้อหนังไม่สามารถเรียกว่าผล เพราะเนื้อหนังออกผลไม่ได้ รากศัพท์ภาษากรีกเรียกว่าสิ่งที่ออกมาจากเนืัอหนังว่า เป็นการออกแรงทำงาน ข้าพเจ้าเชื่อว่าคริสเตียนทุกคนมีผลแท้ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพียงแต่ว่ามีคริสเตียนไม่น้อยที่ไม่สามารถเห็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ก็เพราะเป็นการพยายามที่จะตอบสนองต่อความต้องการของเนื้อหนัง แทนที่จะต่อสู้กับเนื้อหนัง ถ้อยคำการเชิญชวนของพระเยซูคริสต์เจ้าในการเรียกคนให้ติดตามพระองค์ ซึ่งบันทึกในหนังสือพระกิตติคุณถึงสามเล่มเหมือนกัน มัทธิว 16: 24 มาระโก8:34 ลูกา 9:23 “ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามา ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวัน และตามเรามา การต่อสู้กับเนื้อหนังมีเป้าหมายไม่ใช่แค่การปฏิเสธความต้องการของตนเองแต่ต้องเดินต่อไปให้สุดทางคือการแบกกางเขน คริสเตียนทุกคนมีกางเขนของตนเองที่ต้องแบก เป็นความอดทน เป็นความเจ็บปวด และอาจจะเป็นความอับอาย เป็นการทรงเรียกเฉพาะสำหรับคริสเตียนแต่ละคน ให้รับด้วยความเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระเจ้า เพื่อจะเดินในเส้นทางอย่างเดียวกันกับพระเยซูคริสต์เจ้า ที่พระองค์ทรงตรัสว่า ตามเรามา การเอาชนะตัวเองและรับแบกกางเขน คือ การรู้จักบังคับตนที่เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้คริสเตียนค้นพบประตูที่คับและทางที่แคบได้ มันไม่ใช่ความพยายามของเนื้อหนัง เพราะเนื้อหนังจะไม่สามารถ แต่ต้องเป็นผลจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น ดังนั้น นิยามของคำว่า การรู้จักบังคับตน จึงไม่เหมือนกับนิยามของโลกนี้ที่คนพยายามเป็นคนดีมากมายพยายามกระทำกัน นี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสกับนิโคเดมัส (ฟาริสีที่แอบมาหาพระเยซูในเวลากลางคืน เพื่อจะรับคำสอนจากพระเยซู) พระเยซูตรัสกับเขาว่า ยอห์น 3:3-7 3 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่ ผู้นั้นจะเห็นแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้”4 นิโคเดมัสทูลพระองค์ว่า “คนชราแล้วจะบังเกิดใหม่อย่างไรได้ จะเข้าในครรภ์มารดาครั้งที่สองและบังเกิดใหม่ได้หรือ”5 พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้6 ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ7 อย่าประหลาดใจที่เราบอกท่านว่า ท่านทั้งหลายต้องบังเกิดใหม่ ฝรั่งจะมีคำหนึ่งสำหรับเชิญคนให้ออกมาหน้าธรรมมาสต์ นั่นคือ คุณเป็น New born again Christianแล้วหรือยัง แปลว่า คุณเป็นคริสเตียนที่บังเกิดใหม่แล้วหรือยัง เพราะว่ามีคนที่อ้างว่าตนเองเป็นคริสเตียนจากการเกิดในครอบครัวคริสเตียน แต่ดำเนินชีวิตที่มีแต่การงานของเนื้อหนัง พระเยซูทรงใช้คำว่า บังเกิดใหม่ เพื่อให้นิโคเดมัสรู้ว่า แม้เขาจะเป็นยิว เป็นฟาริสี รู้พระคัมภีร์มากมาย ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติได้อย่างเคร่งครัด แต่นั่นก็เป็นการงานของเนื้อหนัง นิโคเดมัสไม่สามารถเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าได้ 5 พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากน้ำและพระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้6 ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ วันนี้คุณเป็นคริสเตียนบังเกิดใหม่หรือไม่ มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า หากเรายังมีความรู้สึกต่อสู้กันภายในตัวเรา ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Struggling (ไม่ใช่ความสับสน) แต่เป็นความชัดเจนของการต่อสู้ภายใจตัวเอง ระหว่างความดีกับความชั่ว เป็นการต่อสู้ระหว่างความสว่างกับความมืด เป็นการต่อสู้ระหว่างนิสัยที่ดีกับนิสัยที่ไม่ดี เป็นการต่อสู้ระหว่างการให้อภัยกับการไม่ให้อภัย เป็นการต่อสู้ระหว่างการเอาชนะตัวเองกับการพ่ายแพ้ความปรารถนากิเลศตัณหาความอยากของตนเอง นี่คือสัญญาณที่ดีของชีวิตคริสเตียนที่คุณกำลังจะเดินเข้าไปในโซนที่เรียกว่า การรู้จักบังคับตนเอง ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่า ข้าพเจ้าเชื่อว่า คริสเตียนทุกคนมีผลแท้ของพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว แต่ว่า…มันไม่ปรากฏเด่นชัด เพราะว่า การงานของเนื้อหนังบดบัง หรือการต่อสู้ที่พ่ายแพ้ต่อเนื้อหนังอยู่เนืองๆ ทำให้คริสเตียนมากมายท้อใจ และรู้สึกกลัว รู้สึกไม่มั่นใจว่าตนเองมีผลพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ คำตรัสของพระเยซูคริสต์อีกตอนหนึ่งได้บ่งชี้ช่องทางในการเกิดผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ยอห์น 15:7-8 7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น 8 พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา คำว่า เกิดผลมากตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องของผลงาน แต่ข้าพเจ้าเข้าใจว่า คือผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเด่นชัดมากเมื่อเราเดินในเงื่อนไขของพระเยซูคริสต์ คือเข้าสนิทอยู่ในพระองค์ และให้ถ้อยคำของพระองค์ฝังอยู่ในเรา นี่คือกุญแจสำคัญของการปราศจากที่ติ…ในการรู้จักบังคับตน
1.รู้จักบังคับตนเหมือนอย่างพระคริสต์
7 ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา….ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น ความหมายของคำว่า “เข้าสนิท” ในภาษากรีกคำนี้คือ ในด้านความสัมพันธ์แปลว่า เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างไม่มีวันแยกขาดจากกัน พระเยซูคริสต์ทรงเปิดโอกาสให้ผู้ที่เชื่อในพระองค์ทุกคนมีความสัมพันธ์กับพระองค์โดยไม่มีเส้นกั้น ว่ามาได้แค่นี้ มากกว่านี้ไม่ได้ ในความสัมพันธ์ของมนุษย์ส่วนใหญ่จะมีเส้นกั้นอาณาเขต ที่ไม่อนุญาตให้ก้าวล้ำอาณาเขตส่วนตัว ถ้าก้าวล้ำมาโดยไม่ได้อนุญาต เป็นเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาษา ท่าทาง หรือสถานที่ที่หวงแหน เป็นต้น ขนาดสามีภรรยา ก็ยังมีอาณาเขตหวงแหน เช่น รถยนต์ที่ซื้อมาใหม่ เครื่องเสียงที่ชื่นชอบ ของสะสมที่คลั่งไคล้ อาหารการกินที่ขาดไม่ได้ หากไปแตะ ไปทำให้เสียหาย หรือขัดใจ เป็นได้ทะเลาะกันบ้านแตก เบรกแตก อดกลั้นมาจนไม่อดกลั้นอีกต่อไป การบังคับตนได้ระดับหนึ่ง ไม่ได้ยาวนาน เพราะเป็นแค่เงื่อนไข หากไม่ต้องมีเงื่อนไขกันอีกต่อไป การบังคับตนก็หมด บางคนเป็นเรื่องของมารยาทที่ไม่ต้องรักษามารยาทกันอีกต่อไป ก็ไม่มีการบังคับตน หากไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่มีการบังคับตน หากไม่ต้องรักษาหน้าก็ไม่มีการบังคับตน หากไม่ต้องอายต่อกันอีก ก็ไม่มีการบังคับตน ที่เรียกว่า สติแตก แต๋วแตก ตบะแตก เบรกแตก สารพัดแตกที่ไม่ต้องซ่อน ก็เอาออกมาเผยตัวตนที่แท้จริง รากศัพท์ของคำว่า การรู้จักบังคับตน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Temperance ภาษาไทยแปลว่า การรู้จักประมาณตน ในอรรถาธิบายพระคัมภีร์ของกริลล์ อธิบายว่า คือการรู้จักบังคับตนในเรื่อง ไม่คบชู้ ในเรื่องไม่มีความสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ในเรื่องการไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งมลทิน ในการไม่มักมากในกาม และในเรื่องการพอประมาณในเรื่องความสนุกสนานและการบันเทิง ซึ่งคนจำนวนมากในยุคนี้ต่างไม่มีเบรก ไม่มีตบะ และไม่มีสติในเรื่องเหล่านี้ แต่คนของพระเจ้าต้องมีเบรก มีตบะและมีสติ โดยการเดินตามพระเยซูคริสต์เจ้าผู้บุกเบิกเส้นทางนี้แก่เรา ฮีบรู12:1-2 1 เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา2 หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความรื่นเริงยินดีที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ทรงถือว่าความละอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญและพระองค์ได้ประทับ ณ เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า นี่คือผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้านการรู้จักบังคับตนเพื่อพาผู้เชื่อทุกคนให้เดินในทางแคบเหมือนอย่างพระเยซูคริสต์เจ้า อย่างคนมีเบรก อย่างคนมีสติ อย่างคนมีตบะ….
2.รู้จักบังคับตนโดยการเชื่อฟังถ้อยคำของพระคริสต์
7 ….และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น “ถ้อยคำ” ที่พระเยซูคริสต์ทรงใช้คำนี้ คือคำว่า เรม่า Rhema แปลว่า คำพูด ความหมายของพระเยซูคริสต์ตรงนี้คือ การรับการสื่อสารจากพระองค์โดยตรง และตลอดเวลา ไม่ขาดการสื่อสารกับพระเยซูคริสต์เจ้าเลย เรียกว่า ไม่มีช่องว่างในการสื่อสาร ปัญหาความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ในที่ทำงาน ในทุกที่ ส่วนใหญ่มาจากช่องว่างในการสื่อสาร คือสื่อสารไม่มากเพียงพอ จึงทำให้ไม่เข้าใจกัน เข้าใจกันผิด เข้าใจกันคนละอย่าง เข้าใจคลาดเคลื่อน การสื่อสารกับพระเยซูคริสต์โดยการเอาถ้อยคำของพระองค์ฝังอยู่ในเรานั้น คือการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพกับพระเยซูคริสต์เจ้า คำว่า ฝังคือคำเดียวกันกับคำว่า เข้าสนิท คือ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีการแยกขาด ไม่มีช่องว่าง แสดงให้เห็นว่า เป็นการรับการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง พระเยซูคริสต์ทรงตรัสถึงบทบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์ว่า ยอห์น14:26 26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้วนี่คือ เรม่า ถ้อยคำของพระเยซูคริสต์ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำมาใส่ไว้ในการสื่อการกับผู้เชื่อเพื่อให้รู้จักบังคับตนโดยคำบัญชาของพระเยซูคริสต์ให้เชื่อฟังถ้อยคำของพระคริสต์ คริสเตียนรู้จักบังคับตนเองเพราะการเชื่อฟังถ้อยคำที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เตือนจากถ้อยคำของพระเยซูคริสต์นั่นเอง พระเยซูกำลังพูดกับเราผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่คือวิถีชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในการรู้จักบังคับตนเอง หากวันนี้ เสียงของพระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังเตือนเราเรื่องอะไรอยู่ นั่นคือพระเยซูกำลังพูดกับเรา และถ้าเราตอบสนอง ท่านจะขอสิ่งใด ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น ข้าพเจ้าอยากจะท้าทายพวกเราที่นี่ว่า ถ้าเราใส่ใจเรื่องการรู้จักบังคับตนโดยการเชื่อฟังถ้อยคำของพระเยซูคริสต์ เราจะไม่ผิดหวังในสิ่งที่เราปรารถนาแน่นอน
3.พระเจ้าได้รับเกียรติ…เราได้รับผลดี
8 พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมาก ท่านก็เป็นสาวกของเรา เราคงเคยได้ยินคำว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว และที่นี่ ข้าพเจ้าอยากจะบอกกับเราว่า การดำเนินชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในการรู้จักบังคับตน จะทำให้พระเจ้าได้รับเกียรติ…เราได้รับผลดี อย่างเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อ.สุรเชษฐ์ อ.คงกรช อ.เสาวลักษณ์และทีมเซเว่นเดย์มาสอนเราเรื่องการใส่ใจเรื่องสุขภาพและการกินอาหารตามคำสอนในพระคัมภีร์ และเรื่อง NEWSTART มีคำว่า Temperance ซึ่งเป็นคำเดียวกันกับคำว่า รู้จักบังคับตน หากเราปฏิบัติตามคำแนะนำ ตอบสนองต่อการประเมินผลตรวจของสุขภาพ เราจะได้สุขภาพที่ดีและแข็งแรง แน่นอนพระเจ้าได้รับเกียรติ เพราะเราสามารถเป็นพยานถึงชีวิตที่แข็งแรง สุขภาพร่างกายจิตใจที่ดีได้ การเกิดผลมาก คือการรู้จักบังคับตนได้มาก เป็นการมีวินัยกับตนเอง เรื่องการกิน พระเยซูคริสต์ทรงตรัสว่า ท่านก็เป็นสาวกของเรา แปลว่า ผู้ที่เกิดผลมากและทำให้พระเจ้าได้รับเกียรติ คือ นักเรียนที่เรียนรู้การรู้จักบังคับตนจากพระเยซู การทดลองที่พระเยซูคริสต์ทรงเอาชนะตนเองและชนะมาร เรื่องแรกก็คือเรื่องกิน พระเจ้าได้รับเกียรติ เพราะพระเยซูทรงรู้จักบังคับตน ไม่ยอมผ่อนปรนกับความหิวของพระองค์เอง และไม่ยอมทำตามคำแนะนำของมารที่มาทดลองพระองค์ วันนี้ เรามีอะไรที่เราจะถวายเกียรติแด่พระเจ้าที่กำลังจ่อตรงหน้าเราเป็นการทดลองที่ต้องใช้การรู้จักบังคับตนของตัวเราเอง หรือเราตามใจปาก ตามใจกิเลศตัณหา ความมักมากในเรื่องอะไรอยู่ ถ้าเราไม่ใช้การรู้จักบังคับเหมือนพระเยซู และไม่เชื่อฟังถ้อยคำของพระองค์ ก็ยากที่เราจะบังคับตนเองได้ สุดท้ายพระเจ้าไม่ได้รับเกียรติจากเราและเรายังรับผลเลวร้ายจากการไม่รู้จับบังคับตนเอง ขอให้เราทั้งหลายใส่ใจและจริงจังกับการดำเนินชีวิตที่มีศัตรูที่ต้องต่อสู้คือตัวเราเอง เพื่อเราจะมีชีวิตที่ปราศจากที่ติ….ในด้านการรู้จักบังคับตน อาเมน
“ปราศจากที่ติ…ในการรู้จักบังคับตน”
1.รู้จักบังคับตนเหมือนอย่างพระคริสต์
2.รู้จักบังคับตนโดยการเชื่อฟังถ้อยคำของพระคริสต์
3.พระเจ้าได้รับเกียรติ…เราได้รับผลดี