“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในด้านความอดกลั้นใจที่มีความปรานี”
เราคงเคยได้ยินคำว่า Automatic response แปลเป็นไทยว่า ตอบสนองแบบอัตโนมัติ คือ ไม่ต้องใช้ความคิดเป็นปฏิกิริยาแบบเคยชิน คำพูดบางคำที่หลุดออกมาประจำ เวลาไม่พอใจ เช่น ไอ้เวร หรือการฟาดมือใส่คนอื่น หรือการปกป้องตัวเอง เช่น ถ้าถูกด่าก็จะด่ากลับทันที ถ้าถูกตีก็จะตีกลับทันที ถ้าถีบมาก็ถีบกลับทันที หรือถ้าให้ทำอะไรก็จะบ่นทันที แม้กระทั่งความคิดก็เช่นกัน ถ้าได้รับข่าวสารที่เป็นลบมา ก็จะตอบสนองด้วยความคิดในทางลบทันที หรือการกระทำที่เป็นร้าย ก็จะคิดร้ายกลับทันที นี่คือภาพให้เราได้เห็นถึงการไม่มีความอดกลั้นใจที่มีความปรานี ในความหมายของคุณลักษณะของผลพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น ความอดกลั้นใจจะต้องแสดงออกเป็นความปรานี จะรู้ว่ามีความปรานีก็ต่อเมื่อแสดงออกมาเป็นการกระทำ ความอดกลั้นใจ ไม่ใช่ความอดทนในการรอคอยสิ่งดีที่จะมา หรือรอคอยพระคุณมากขึ้น หรือรอคอยพระสิริของพระเจ้า แต่เป็นความอดทนนานและอดทนต่อสิ่งเลวร้ายด้วยความชื่นชมยินดี ได้รับกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์เต็มด้วยฤทธิ์เดช ตามพระกำลังของพระองค์ ช้าในการโกรธ พร้อมให้อภัยเมื่อถูกทำให้บาดเจ็บ หรือถูกหมิ่นประมาท และอดกลั้นต่อกันและกัน ซึ่งมักจะมีคุณลักษณะของความสุภาพอ่อนโยนแสดงออกมาพร้อมกับความถ่อมใจ สุภาพ มีมารยาททั้งคำพูดการแสดงท่าทางและการกระทำในการเลียนแบบความสุภาพของพระเยซูคริสต์ และเห็นพ้องกับพระปัญญาจากเบื้องบนผ่านพระกิตติคุณ ฟังแล้ว บางคนอาจพูดว่า มีแต่เทวดาเท่านั้นที่ทำได้ เป็นการบอกว่า เป็นไปไม่ได้ ในสมัยพระเยซูคริสต์ก็มีคนพูดทำนองนี้เช่นกัน มัทธิว19:23-26 23 พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ก็ยาก24 เราบอกท่านทั้งหลายอีกว่า ตัวอูฐจะลอดรูเข็มก็ง่ายกว่าคนมั่งมีจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า”25 เมื่อพวกสาวกได้ยินก็ประหลาดใจมาก จึงทูลว่า “ถ้าอย่างนั้นใครจะรอดได้”26 พระเยซูทอดพระเนตรดูพวกสาวก และตรัสว่า “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่พระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง” เรื่องของความอดกลั้นใจที่มีความปรานีก็เช่นเดียวกัน “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่พระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง”ก็เพราะเป็นสิ่งที่เหลือกำลังของมนุษย์ มีแต่เทวดาเท่านั้นที่ทำได้ ความอดกลั้นใจที่มีความปรานีจึงเป็นคุณลักษณะของผลพระวิญญาณบริ สุทธิ์ที่เนื้อหนังของมนุษย์ทำไม่ได้ ต้องเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น และเป็นคุณลักษณะของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เป็นลักษณะเด่นเฉพาะที่ไม่มีใครอยากเลียนแบบ เพราะเลียนแบบได้ยากมากที่สุด เป็นคุณลักษณะที่บ่งชี้ถึงความเป็นของแท้…คำเทศนาบนภูเขาของพระเยซูเรื่องผู้เป็นสุข โดยเฉพาะการเผชิญกับการข่มเหงด้วยความรู้สึกไม่เป็นทุกข์ใจ ทุกข์แต่กายเท่านั้น มัทธิว 5:10-12 10 “บุคคลผู้ใดต้องถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขา 11 “เมื่อเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายเป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข12 จงชื่นชมยินดี เพราะว่าบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ เพราะเขาได้ข่มเหงผู้เผยพระวจนะทั้งหลาย ที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน พระเยซูย้ำว่า รางวัลแห่งสวรรค์เป็นของคนที่สามารถจัดการกับจิตใจของตนเองในภาวะที่ร่างกายทุกข์แต่ใจถูกต้องต่อพระเจ้า ถูกต้องกับคนอื่น แม้คนอื่นจะไม่ถูกต้องกับเขาก็ตาม จิตใจที่เป็นสุขยังเป็นความถูกต้องกับตัวเองด้วย หนังสือสุภาษิต 17:22 22 ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี แต่จิตใจที่หมดมานะทำให้กระดูกแห้ง รากศัพท์ภาษาฮีบรูคำว่า ใจร่าเริง แปลว่า ใจที่ถูกต้อง ส่วนคำว่า จิตใจที่หมดมานะ คือจิตใจที่ถูกตีอย่างแรงหรือถูกทำให้ป่วย ใครตีใครทำให้ป่วย มีคำหนึ่งกล่าวว่า ไม่มีใครสามารถทำอะไรใจของเราได้นอกจากตัวของเราเอง ที่ตอบสนองกับสถานการณ์ หรือบุคคลภายนอก สำนวนที่หนังสือวิวรณ์ได้กล่าว ถึงการเคาะประตูที่เป็นจิตใจของมนุษย์ วิวรณ์ 3:20-22 20 นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าผู้ใดได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาผู้นั้นและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา21 ผู้ใดมีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นนั่งกับเราบนพระที่นั่งของเรา เหมือนกับที่เรามีชัยชนะแล้ว และได้นั่งกับพระบิดาของเราบนพระที่นั่งของพระองค์22 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความซึ่งพระวิญญาณได้ตรัสไว้แก่คริสตจักรทั้งหลายเถิด’ ” ชัดเจนว่า นี่เป็นงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อช่วยให้คนของพระเจ้ามีจิตใจที่ถูกต้อง ด้วยการรักษาใจให้มีชัยชนะ และไปถึงรางวัลแห่งสวรรค์สูงสุด คือได้นั่งในที่นั่งเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ที่ทรงทำสำเร็จแล้ว นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ ดังนั้น พี่น้องจงจดจ่อกับความอดกลั้นใจที่มีความปรานี เพราะพระเจ้าจะเสริมกำลังให้เราสามารถทำได้ อ.เปาโลได้กล่าวด้วยประสบการณ์ของท่านว่า ฟิลิปปี 4:11-13 11 ข้าพเจ้าไม่ได้บ่นถึงเรื่องความขัดสน เพราะข้าพเจ้าจะมีฐานะอย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น12 ข้าพเจ้ารู้จักที่จะเผชิญกับความตกต่ำ และรู้จักที่จะเผชิญกับความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ข้าพเจ้ารู้จักเคล็ดลับที่จะเผชิญกับความอิ่มท้องและความอดอยาก ความสมบูรณ์พูนสุข และความขัดสน13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า เปาโลไม่ได้บ่น แต่ยังรักษาท่าทีของจิตใจที่ถูกต้องเอาไว้ได้ และรู้ว่า การเผชิญกับสถานการณ์ที่อยากจะอัตโนมือ อัตโนปาก หรืออัตโนเท้าคือ อยากตอบโต้ อยากวิ่งหนี ความอยากนั้นเป็นความอ่อนแอของเนื้อหนัง เป็นธรรมชาติที่เราอ่อนแอ จงจำไว้ว่า “ฝ่ายมนุษย์ก็เหลือกำลังที่จะทำได้ แต่พระเจ้าทรงกระทำให้สำเร็จได้ทุกสิ่ง”คือการยอมรับความจริงว่าเราต้องการพระเจ้าเสริมกำลังเรา ให้เราอ่านหนังสือกาลาเทีย 5:19-23 19 การงานของเนื้อหนังนั้นเห็นได้ชัด คือการล่วงประเวณี การโสโครก การลามก20 การนับถือรูปเคารพ การถือวิทยาคม การเป็นศัตรูกัน การวิวาทกัน การริษยากัน การโกรธกัน การใฝ่สูง การทุ่มเถียงกัน การแตกก๊กกัน21 การอิจฉากัน การเมาเหล้า การเล่นเป็นพาลเกเร และการอื่นๆ ในทำนองนี้อีกเหมือนที่ข้าพเจ้าได้เตือนท่านมาก่อน บัดนี้ข้าพเจ้าขอเตือนท่านเหมือนกับที่เคยเตือนมาแล้วว่า คนที่ประพฤติเช่นนั้นจะไม่มีส่วนในแผ่นดินของพระเจ้า 22 ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ23 ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย หนังสือกาลาเทียบอกเราชัดเจนว่า ธรรมชาติของเราคือการงานของเนื้อหนังที่มีอะไร….Automatic Response การตอบสนองแบบอัตโนมัติในทางลบ ทางร้าย ทางโกรธ ทางแตกแยก ทางพาลเกเร และอะไรอื่นๆในทำนองนี้ คำถามก็คือว่า เราเคยสนใจจริงจังกับการสังเกตธรรมชาติเนื้อหนังในตัวเราหรือไม่ หรือเราดำเนินชีวิตแบบตอบสนองแบบอัตโนมัติ ไม่ต้องคิดก่อนทำ ทำไปเลย ทำบ่อยๆ ทำเรื่อยๆ จนชาชิน ไม่รู้สึกว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราควรจะอยู่กับมันอีกต่อไป ครั้งหนึ่ง แอร์ห้องนอนของข้าพเจ้าอยู่ๆก็ไม่เย็น มีแต่ลม ข้าพเจ้ารู้ว่าจะไม่ฝืนใช้แอร์ต่อไป ก็เลยปิดแอร์ทันที และเรียกช่างแอร์มาดู เมื่อช่างแอร์มาดูก็พูดกับข้าพเจ้าว่า ถ้าข้าพเจ้าฝืนเปิดแอร์ต่อไปได้ซ่อมใหญ่แน่ แค่เปลี่ยนตัวตัดอัตโนมัติใหม่ เสียเงินไม่กี่ตังค์ ไม่ต้องเติมน้ำยาแอร์ เพราะไม่ได้มีปัญหากับน้ำยาแอร์ บทเรียนนี้สอนข้าพเจ้าว่า ถ้ามีบางอย่างในตัวเราผิดปกติ ต้องรีบหยุด อย่าฝืนต่อไป รับการตรวจสอบโดยผู้ชำนาญคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เปลี่ยนพฤติกรรมที่เสียๆของเราใหม่ ชีวิตของเราก็จะกลับมาเย็นเหมือนแอร์ห้องนอนข้าพเจ้า แต่ถ้าเราฝืน ดำเนินชีวิตอย่างไม่คิด ตอบสนองด้วยเนื้อหนังแบบอัตโนมือ อัตโนเท้า อัตโนปาก อัตโนความคิด ทั้งชีวิตของเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ความพินาศสันตโรแน่ๆ คุณลักษณะของผลพระวิญญาณบริสุทธิ์เรื่องความอดกลั้นใจที่มีความปรานี ทำให้มุมมองชีวิตของเราเปลี่ยนไปดังนี้
1.ใส่ใจชีวิตอัตโนมัติของตนเอง 1เธสะโลนิกา 5:15ก
15 ระวังให้ดี อย่าให้คนใดทำชั่วตอบแทนการชั่ว
พระคัมภีร์ได้แนะเราว่า อย่าให้คนใดทำชั่วตอบแทนการชั่ว ต้องใช้ความระวัง ถ้าไม่ระวัง การตอบสนองอย่างอัตโนมัติจะทำงานทันที 1เปโตร 4:7-11 7 อวสานของสิ่งทั้งปวงก็ใกล้จะมาถึงแล้ว เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงมีสติสัมปชัญญะ และจงรู้จักสงบใจเพื่อแก่การอธิษฐาน8 ที่สำคัญยิ่งกว่าอะไรหมดก็คือจงรักซึ่งกันและกันให้มาก เพราะว่าความรักลบล้างความผิดมากมายได้9 ท่านทั้งหลายจงต้อนรับเลี้ยงดูซึ่งกันและกันโดยไม่บ่น10 ตามซึ่งทุกคนได้รับของประทานที่ทรงประทานให้แล้ว ก็ให้ใช้ของประทานนั้นเพื่อประโยชน์แก่กันและกัน เป็นผู้รับมอบฉันทะที่ดี ที่แจกและสำแดงพระคุณนานาประการของพระเจ้า11 ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดจะพูด ก็ให้กล่าวเหมือนหนึ่งกล่าวพระภาษิตของพระเจ้า ถ้าคนใดกระทำบริการ ก็จงให้บริการตามกำลังซึ่งพระเจ้าทรงโปรดประทาน เพื่อว่าพระเจ้าจะทรงได้เกียรติในการทั้งปวง โดยทางพระเยซูคริสต์ พระสิริและไอศวรรยานุภาพจงมีแด่พระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน พระคัมภีร์เตือนถึงการมีสติสัปชัญญะ คือการใส่ใจตัวเองว่ามีความอ่อนแอและต้องการความช่วยเหลืออย่างไร การรู้จักสงบใจ คือการฝึกจิตใจให้ไปในทางที่ควร คำแนะนำคือ ทางที่ควรคือ การอธิษฐาน การอธิษฐานคือการคุยกับพระเจ้า เป็นการฝึกตอบสนอองต่อทุกสถานการณ์ด้วยการคุยกับพระเจ้า ไม่ใช่บ่นกับพระเจ้า คำว่า บ่น ในที่นี้ยังแปลว่า คำราม มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า อย่าให้เราบ่นอย่างอิสราเอลที่ถูกพระเจ้าลโทษเพราะการบ่น บางคนอาจจะคิดว่า การบ่นไม่น่าจะเสียหายอะไร แต่นี่ก็คือ อัตโนปากที่ไม่ระวัง 1โครินธ์ 10:10-13 10 อย่าให้เราบ่นเหมือนอย่างที่บางคนในพวกเขาได้บ่น แล้วก็ต้องพินาศด้วยองค์เพชฌฆาต11 เหตุการณ์เหล่านี้ได้บังเกิดแก่เขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้บันทึกไว้เพื่อเตือนสติเราทั้งหลาย ซึ่งกำลังประสบวาระสุดท้ายแห่งบรรดายุคเก่า12 เหตุฉะนั้นคนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังให้ดี กลัวว่าจะล้มลง13 ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่าน นอกเหนือจากการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ทั้งหลาย พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อท่านถูกทดลองนั้น พระองค์จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้ พระคัมภีร์ตอนนี้บอกเราอีกอย่างว่า เราสามารถทนได้ อย่าเป็นคนที่ทนอะไรไม่ได้ แล้วตอบแทนการชั่วด้วยการชั่ว หรือบางทียังไม่ทันจะมีสิ่งชั่วเกิดขึ้น ก็ตอบแทนเป็นการชั่วตลอดเวลา เป็นอัตโนใจ อัตโนความคิดตนเองไปเสียก่อนแล้ว ขอเรากลับมาใส่ใจว่าเรากำลังทำ คิด รู้สึกแบบไหนอย่างอัตโนมัติอยู่ ทางดีหรือทางร้าย ถ้าทางร้ายก็แสดงว่า ต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติ ต้องรีบแก้ไขอย่างรวดเร็ว ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในด้านความอดกลั้นใจที่มีความปรานี จะเป็นชีวิตที่พร้อมรับการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์
2.จงทำดีกับทุกคน 1เธสะโลนิกา 5:15ข
แต่จงหาทางทำดีเสมอต่อพวกท่านเอง และต่อคนทั้งปวงด้วย
นี่คือธรรมชาติใหม่ที่ต้องให้เป็นอัตโนมัติในการทำดี โดยเฉพาะการทำดีกับทุกคน รากศัพท์ภาษากรีก คำว่า หาทางทำดีเสมอ แปลว่า จงไล่กวดสิ่งที่ดีให้ทันตลอดเวลา แสดงว่า โอกาสในการทำดีนั้นจะผ่านมาและผ่านไปเร็ว เอเฟซัส 5:15-16 15 เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา16 จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว โอกาสที่จะทำดีนั้นไม่ได้มาง่ายๆ และไม่อยู่อ้อยอิ่งนานๆ คนที่ปล่อยให้โอกาสในการทำดีผ่านไปโดยไม่ได้ฉวยโอกาสนั้นไว้ คือคนโง่ คือคนที่ไม่ระวังในการดำเนินชีวิต เป็นคนที่ประมาท มีคำแนะนำสำหรับคนที่ขี่จักรยานว่า เวลาขี่ผ่านผู้คน หรือคนขี่จักรยาน ให้ทักทาย และดีดกระดิ่งอย่างสุภาพหนึ่งครั้ง เพราะเราไม่รู้ว่า วันใด เราอาจต้องการความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้น นี่คือคำแนะนำของคนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นคริสเตียน แต่ยังรู้ว่า โอกาสไม่ได้มาง่ายๆในการพบปะผู้คน อย่าให้โอกาสในการสร้างมิตรภาพสั้นๆนั้นผ่านไป เพราะทุกวันนี้มีโอกาสที่เราจะพบกับสิ่งเลวร้ายและต้องการความช่วยเหลือ นี่เป็นคำแนะนำที่มีนัยของการฝึกให้เป็นอัตโนมัติในการตอบสนองกับทุกสิ่งที่มีชีวิตที่ทักทายกันได้ ก็จงทักทาย ต่อพวกท่านเอง และต่อคนทั้งปวงด้วย ไม่อคติ ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ต้องมีใจเที่ยงธรรม เหมือนผู้พิพากษา ข้าพเจ้าเคยไปที่ศาลฟังผู้พิพากษาพิจารณาคดี ได้ยินทนายพูดถึงผู้พิพากษาว่า ท่านจะมีความปรานี โดยเฉพาะคนที่อ่อนแอ คนที่เป็นผู้เสียหาย และเข้มงวดกับคนที่สร้างความเสียหาย แต่ถ้าคนที่สร้างความเสียหายหรือที่เรียกว่า จำเลย สำนึกผิดและชดใช้ความเสียหาย ผู้พิพากษาก็มีความเมตตาปรานีต่อจำเลย ผ่อนหนักเป็นเบาให้ นี่คือลักษณะของคนที่ทำดีต่อทุกคน มีความปรานีกับทุกคน
3. มีอารมณ์ดีตลอดเวลา 1เธสะโลนิกา 5:16
16 จงชื่นบานอยู่เสมอ
มีคำแนะนำให้ผู้ป่วยจิตเวชออกกำลังกายติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ร่างกายหลั่งสารความสุข มีฤทธิ์เท่ากับยาต้านเศร้าจำนวนเป็นมิลลิกรัมที่ออกฤทธิ์แทนยาได้เลย ข้าพเจ้าเชื่อว่า คุณลักษณะของผลพระวิญญาณบริสุทธิ์เรื่องความอดทนต่อสิ่งเลวร้ายด้วยความชื่นชมยินดีจะเกิดขึ้นได้ เหมือนผลจากการออกกำลังกายทำให้ร่างกายหลั่งสารความสุข ถ้าคริสเตียนถูกขับเคลื่อนในฝ่ายวิญญาณโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์บ่อยๆ ชีวิตในมิติฝ่ายวิญญาณก็จะแสดงออกเป็นคุณลักษณะของผลพระวิญญาณ มีฤทธิ์และกำลังที่จะถูกต้องกับพระเจ้า กับคนอื่น และกับตนเองได้ อย่างคำเทศนาบนภูเขาของพระเยซูเรื่อง เป็นสุข ที่สวนทางกับการตอบสนองของคนทั่วไปที่ไม่สามารถเป็นสุขได้ การดำเนินชีวิตก็จะมุ่งเป้าของการดับเหตุที่เป็นทุกข์ เพื่อจะหาความสุข แต่คริสเตียนจะต้องเข้าใจว่า ความชื่นบานตลอดเวลา สามารถเกิดขึ้นได้ในการดำเนินชีวิตปกติ ไม่ต้องสรุปให้เทวดาเป็นแพะแห่งสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้ ด้วยความไม่ใส่ใจของตนเอง ให้เราสำรวจ อารมณ์ของตนเองว่า หมู่นี้อารมณ์ของตัวเราเองเป็นอย่างไร หากเราอารมณ์เสียบ่อยๆ แน่นอน ยากที่ความอดกลั้นใจที่มีความปรานีจะเกิดขึ้นได้ แต่ในทางตรงกันข้าม มีแต่จะหลุด และควบคุมตัวเองไม่ได้ และไม่ต้องพูดถึงความปรานีเลย เพราะรังสีอำมหิตจะเปล่งประกายแทน 16 จงชื่นบานอยู่เสมอ รากศัพท์ภาษากรีกใช้คำว่า ภาษาอังกฤษว่า every when แปลว่า ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะมีสิ่งที่ทำให้อารมณ์ดี หรือไม่ดี ก็มีความชื่นบานได้ คนอารมณ์ดีมองโลกในแง่ดี แต่คนอารมณ์ร้าย มักมองโลกในแง่ร้าย คนอารมณ์ดีให้อภัยง่าย แต่คนอารมณ์ไม่ดี แม้ทุกอย่างจะเคลียร์แล้วก็ยังไม่อยากจะให้อภัย เพราะอารมณ์ไม่ดี คนอารมณ์ดีพาให้คนรอบข้างอารมณ์ดีไปด้วย ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในด้านความอดกลั้นใจที่มีความปรานี อยู่ในผู้เชื่อทุกคนแล้ว เพียงแต่ใส่ใจให้มากขึ้นเท่านั้น
“ชีวิตที่ปราศจากที่ติ…ในด้านความอดกลั้นใจที่มีความปรานี”
1.ใส่ใจชีวิตอัตโนมัติของตนเอง
2.จงทำดีกับทุกคน
3. มีอารมณ์ดีตลอดเวลา