จากพระธรรมเอเฟซัสบทที่ 1:3-4  3สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา   ผู้ทรงโปรดประทานพระพรฝ่ายวิญญาณแก่เรานานาประการ   ในสวรรคสถานโดยพระคริสต์ 4ในพระเยซูคริสต์นั้น   พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก   เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์   พระเจ้าทรงเลือกเราก่อนที่พระเจ้าจะสร้างโลก แปลว่าเรามีอยู่แล้วในความคิดของพระเจ้าก่อนที่จะมีโลกนี้ นี่เป็นความมหัศจรรย์มาก และเราเป็นคนที่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิในความคิดของพระองค์  และวันนี้เมื่อเราเป็นตัวเป็นตนแล้ว ความคิดของพระเจ้าที่เกี่ยวกับเราที่บริสุทธิ์ไม่มีตำหนิ กับความจริงที่ปรากฏในสายตาของพระองค์จะต้องเป็นคนเดียวกัน ความคิดของพระเจ้าเกี่ยวกับเราก่อนสร้างโลกคือบริสุทธิ์ แต่พอเรามีตัวตน พระองค์เห็นเราเหมือนอย่างที่อยู่ในความคิดของพระองค์หรือไม่ ขอพระเจ้าช่วยเราให้มองเห็นความจริงว่า ความคิดของพระองค์ที่เป็นความจริงต้องเป็นเรื่องเดียวกัน ลักษณะเดียวกัน ต้องเป็นคนเดียวกัน แต่ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราต้องรับผิดชอบ  พระเจ้ารับผิดชอบเราเมื่อมนุษย์ทำบาปในสวนเอเดน ก่อนที่พระเจ้าสร้างเรานั้นเรามีอยู่แล้ว และเราบริสุทธิ์ ก่อนสร้างโลกนั้นยังไม่มีบาป แต่ว่าก่อนที่เราจะปรากฏนั้น ปรากฏว่าโลกเต็มไปด้วยบาป ทำให้เราไม่ตรงกับความคิดของพระเจ้า และพระเจ้าจึงให้พระเยซูมาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เมื่อเรามาเชื่อในพระเยซูเราตอบสนองการทรงเลือกของพระองค์หมายความว่าในพระเยซูชีวิตเราในสายพระเนตรพระเจ้ากับตัวของเราเป็นเรื่องเดียวกัน คือปราศจากตำหนิ บริสุทธิ์   ให้เราดูที่ 1 ยอห์น 2:1-6  1ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย   ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลาย   เพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป   และถ้าผู้ใดทำบาป   เราก็มีพระองค์ผู้ทูลขอพระบิดาเพื่อเรา   คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น 2และพระองค์ทรงเป็นผู้ลบล้างพระอาชญาที่ตกกับเราทั้งหลาย   เพราะบาปของเรา   และไม่ใช่แต่บาปของเราพวกเดียว   แต่ของมนุษย์ทั้งปวงในโลกด้วย 3เราจะมั่นใจได้ว่าเราคุ้นกับพระองค์โดยข้อนี้   คือถ้าเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ 4คนใดที่กล่าวว่า   “ข้าพเจ้าคุ้นกับพระองค์”   แต่มิได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์   คนนั้นเป็นคนพูดมุสาและความจริงไม่ได้อยู่ในคนนั้นเลย 5แต่ผู้ใดที่ประพฤติตามพระวจนะของพระองค์   ความรักของพระเจ้าก็ถึงความบริบูรณ์ในคนนั้นแล้วอย่างแน่แท้   ด้วยอาการอย่างนี้แหละเราทั้งหลายจึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์ 6ผู้ใดกล่าวว่าตนอยู่ในพระองค์   ผู้นั้นก็ควรดำเนินตามทางที่พระองค์ทรงดำเนินนั้น   และนี่คือวิถีของชีวิตที่ปราศจากตำหนิ เป็นวิถีที่พระเจ้าต้องการให้เราเป็น

– ประการแรกคือ  ไม่ทำบาป เราจะไม่คิดถึงเรื่องบาปการทำบาป เราได้ทุ่มเทขนาดไหนที่เราจะป้องกันตัวเราในการใช้ชีวิตให้ออกห่างจากความบาป  เราจะทุ่มเททำอะไรก็ได้เพื่อจะได้ไอโฟน 6  แต่เราทุ่มเทขนาดไหนที่จะให้ชีวิตออกห่างจากความบาป  ถ้าเราจะไม่ทำบาปเราต้องเรียนรู้แนวทางการดำเนินชีวิตที่ไม่ทำบาปจาก 1 ยอห์นตอนนี้ เราไม่ได้บังเกิดใหม่เพื่อเราจะไปทำบาป ฉะนั้นเจตนาของการทำบาปต้องไม่เกิดขึ้นในความคิดของเรา จำไว้ว่าเราอยากทำบาปเพราะเราถูกผูกไว้กับทรัพย์สินของโลกนี้ เราเรียกว่าพระพรฝ่ายวัตถุ ถ้าเราผูกติดกับมันเราจะไปทำบาป แต่เราต้องผูกติดกับพระพรฝ่ายวิญญาณ 1 ยอห์น 4 :7-8   7ท่านที่รักทั้งหลาย   ขอให้เรารักซึ่งกันและกัน   เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า   และทุกคนที่รักก็บังเกิดมาจากพระเจ้า   และรู้จักพระเจ้า 8ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า   เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก  ความรักมาจากพระเจ้า แล้วรักอะไร รักคน ความรักถ้าเราไม่ใช้กับคนเราก็รักโลก 1 ยอห์น 2:15-17 15อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก   ถ้าผู้ใดรักโลก   ความรักต่อพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น 16เพราะว่าสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก   คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา   และความทะนงในลาภยศไม่ได้เกิดมาจากพระบิดา   แต่เกิดมาจากโลก 17และโลกกับสิ่งที่ยั่วยวนของโลกกำลังล่วงไป   แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์   พระพรฝ่ายวัตถุนั้นขัดแย้งกับน้ำพระทัยพระเจ้า สิ่งที่ชัดเจนคือเราจะไม่ทำบาป ถ้าเราไปติดกับพระพรฝ่ายวัตถุเราทำบาปแน่หนีไม่พ้น แต่ถ้าเราเผลอ พลาดไปทำบาป ไม่ต้องกลัวเพราะพระเจ้าจะช่วยเรา ฉะนั้นชีวิตจึงต้องสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้า เราต้องสนิทคุ้นเคยกับพระองค์ เห็นหน้ากันทุกวันเสมอ ๆ

– ประการที่ 2 การรู้จักพระเจ้า  ใน 1 ยอห์น 1:3 บอกว่าถ้าเราประพฤติตามบัญญัติพระองค์ เราจะมั่นใจว่าเรารู้จักพระองค์  นี่คือหัวใจสำคัญ คือการที่เราต้องรู้จักพระองค์ และเราไม่ได้รู้จักพระองค์ผ่านการอ่านพระคัมภีร์เท่านั้น  แต่ต้องเกิดจากประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ อย่าแค่อ่านแล้ววิเคราะห์จะทำให้เรายิ่งสงสัย    แต่เราต้องทำตามพระคัมภีร์ไม่ใช่วิเคราะห์ เมื่อเราทำตามผลกระทบจะออกมาเป็นบวกเสมอ ถ้าจะดำเนินชีวิตที่ปราศจากตำหนิเราต้องทำตามพระคัมภีร์จริง ๆ  ขอพระเจ้าช่วยให้เราเห็นความจริง ถ้าเราต้องการคุ้นเคยกับพระเจ้าเราต้องปฎิบัติตามจริง ๆ พระเจ้าบอกถ้าศัตรูหิวให้เขากิน ถ้าเราวิเคราะห์เราจะไม่เข้าใจว่าทำไมพระองค์ให้ทำแบบนั้น การประพฤติตามจะทำให้เราสนิทสนมกับพระเจ้ามากยิ่งขึ้นจริง ๆ วันนี้เราไม่มีทางเข้าใจพระเจ้าผ่านการอ่านเท่านั้น แต่การที่จะเข้าใจเราต้องทำตามพระองค์เท่านั้น

ประการที่ 3 ต้องประพฤติตามด้วยความจริงใจ  ยอห์น 14:15 15“ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา   ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา  เมื่อเราประพฤติตามบัญญัติพระเจ้าเราต้องประพฤติด้วยความจริงใจ ไม่ใช่จำใจ คือกลัวว่าพระเจ้าจะบอกว่า “เราไม่รู้จักเจ้า”  ก็เลยต้องจำใจ กี่คนที่วันนี้ประพฤติตามบัญญัติพระเจ้าเพราะกลัวไปไม่ถึงสวรรค์ การประพฤติตามบัญญัติอย่างจริงใจตั้งอยู่บนฐานของความเข้าใจว่าพระเจ้าจะไม่มีทางพูดกับเราว่าพระองค์ไม่รู้จักเราเพราะ พระองค์ทรงเลือกเราก่อนที่ทรงสร้างโลก  วันนี้เราจะไม่ประพฤติตามบัญญัติด้วยความจำใจเพราะพระองค์รักเรา   สดุดี 40:8  8ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์   ข้าพระองค์ปีติยินดีที่กระทำตามน้ำพระทัยพระองค์    พระธรรมของพระองค์อยู่ในจิตใจของ ข้าพระองค์”  กี่คนที่คิดถึงพระเจ้าแต่ไม่ปฎิบัติตามบัญญัติของพระองค์ นั่นไม่จริงใจ ถ้าเราคิดถึงพระบัญญัติพระเจ้า เราจะไม่คิดถึงเวปโป๊ ไม่คิดถึงความโกรธ ความแค้น และเราไม่ใช่ทำตามบัญญัติพระเจ้าเพราะความจำเป็นเดี๋ยวไม่ได้รับพระพร  นั่นคือลูกจ้าง ที่กลัวไม่ได้รับเงินเดือนแต่เราเป็นลูกของพระเจ้า  ฉะนั้นเราไม่ได้ทำตามพระบัญญัติพระเจ้าด้วยความจำเป็น แต่ด้วยจริงใจ

สดุดี 119 :34  34ขอประทานความเข้าใจแก่ข้าพระองค์   เพื่อข้าพระองค์จะรักษาพระธรรมของพระองค์ไว้    และปฏิบัติด้วยสุดใจของข้าพระองค์  

ถ้าเรามีความจริงใจต่อพระเจ้าเราจะไม่ปฎิบัติตามแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เราจะไม่ทำตามข้อที่เราเห็นด้วยเท่านั้น แต่เราจะปฎิบัติตามด้วยสุดใจ และเราต้องอธิษฐานที่จะขอพระเจ้าช่วยให้เรามีความเข้าใจด้วย

– เราต้องดำเนินชีวิตเหมือนพระเยซู  1ยอห์น 1: 5-7    5นี่เป็นข้อความที่เราได้ยินจากพระองค์   และบอกแก่ท่านทั้งหลาย   คือว่าพระเจ้าทรงเป็นความสว่าง   และความมืดในพระองค์ไม่มีเลย 6ถ้าเราจะว่าเราร่วมสามัคคีธรรมกับพระองค์และยังดำเนินอยู่ในความมืด   เราก็พูดมุสา   และไม่ได้ดำเนินชีวิตตามความจริง 7แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง   เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง   เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน   และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์   ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น  เพราะฉะนั้นเราต้องดำเนินชีวิตอยู่ในความสว่างเหมือนที่พระองค์ทรงเป็น ความมืดคือความบาป แต่เราอยู่ในความสว่างเราก็บริสุทธิ์ ปราศจากตำหนิ ไม่ว่าเราจะอยู่ไหนทำอะไรเราต้องมีพระคำของพระองค์ เพราะพระคำพระเจ้าเป็นสิ่งที่นำชัยชนะมาสู่เรา

1 ยอห์น 2:13-14  13ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา   ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน   เพราะท่านทั้งหลายได้คุ้นกับพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาล   ท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่มๆ   ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะท่านทั้งหลายได้ชนะมารร้ายนั้น   ท่านทั้งหลายผู้เป็นลูก   ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะท่านทั้งหลายได้คุ้นกับพระบิดา 14ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา   ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน   เพราะท่านทั้งหลายได้คุ้นกับพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาล   ท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่มๆ   ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะท่านทั้งหลายมีกำลังมาก   และพระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่ในท่านทั้งหลาย   และท่านชนะมารร้ายนั้นแล้ว     เพราะฉะนั้นอ่านการ์ตูนน้อย ๆ หน่อย ดูทีวีน้อย ๆ หน่อย บางคนรู้หมดละครเรื่องไหน รายการไหนเป็นอย่างไร  เราต้องรู้พระคัมภีร์ให้มากขึ้น เพื่อเราจะปราศจากตำหนิและบริสุทธิ์

By admin