“เรื่องน้ำ…น้ำ..กับน้ำใจ”
ถึงวันสงกรานต์ทุกปี มีเรื่องน้ำมาเกี่ยวข้องทุกที ปีนี้ เรื่องน้ำๆ อาจจะต้องจริงจังกัน เพราะว่าในขณะที่เราอยู่ในเมืองหลวง มีน้ำใช้อย่างไม่ขาดแคลน พี่น้องในต่างจังหวัดหลายแห่งขาดแคลนน้ำมาหลายเดือนแล้ว ต้องซื้อน้ำจากรถที่เอาไปขายมาประทังชีวิต ข้าพเจ้าได้อ่านในบางข่าว ราคาค่าน้ำที่พี่น้องต่างจังหวัดบางแห่งถึงขนาดต้องจ่ายสัปดาห์ละ 300-500 บาท แพงมาก ดังนั้น สงกรานต์ปีนี้ เรื่องน้ำๆ ที่คนอีกพื้นที่หนึ่งจะใช้อย่างสาดเสียเทเสีย เทียบกับอีกฝากหนึ่งของชีวิตที่กำลังขาดน้ำเหมือนอยู่ในทะเลทราย เพื่อเห็นแก่คนที่กำลังต้องการน้ำ เราจึงควรตระหนักว่า เราจะใช้น้ำอย่างประหยัดกันอย่างไร รณรงค์ในการใช้น้ำอย่างมีคุณค่า อย่าใช้น้ำสิ้นเปลือง ปล่อยทิ้งขว้าง หรืออาบน้ำเป็นชั่วโมง บริหารการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้เราทั้งหลายมีความรับผิดชอบร่วมกันกับสังคมโดยรวม ในขณะที่ภาครัฐกำลังรณรงค์ให้เราช่วยกันประหยัดน้ำในภาวะที่กำลังขาดแคลนน้ำ สิ่งที่ต้องไม่ขาดแคลนคือน้ำใจ อย่าแล้งน้ำใจต่อกัน พระคัมภีร์สอนคริสเตียนให้ไม่แล้งน้ำใจ โรม 12:13 13 จงเห็นอกเห็นใจช่วยธรรมิกชนเมื่อเขาขัดสน จงมีน้ำใจอัธยาศัยไมตรี คำว่า น้ำใจ ในที่นี้ ใช้คำว่า การให้การต้อนรับแขกแปลกหน้า ในเวลาเดียวกันกับที่ช่วย เหลือพี่น้องกันเอง ในสังคมข้างนอกกำลังขาดแคลนน้ำใจประเภทนี้ คือถ้าไม่ใช่คนกันเอง ไม่ใช่คนรู้จัก ก็จะได้ รับการปฏิบัติที่แตกต่าง ด้อยกว่า หรือไม่ได้รับการใส่ใจเลย ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไป ทำให้สังคมเต็มไปด้วยภาวะที่ขาดแคลนน้ำใจอัธยาศัยไมตรี ขอให้สังคมของเราไม่ขาดแคลนน้ำใจอัธยาศัยไมตรี และที่ต้องตระหนักยิ่งกว่านั้นก็คือ คนในบ้านเดียวกัน อย่าแล้งน้ำใจต่อกัน ลูกอย่าแล้งน้ำใจต่อพ่อแม่ สามีภรร ยาอย่าแล้งน้ำใจต่อกัน พี่น้องต้องมีน้ำใจต่อกันและกัน จะโกรธกันนานมาแค่ไหน ก็จงวางความโกรธลง และแสดงน้ำใจต่อกัน เพื่อนบ้านอย่าแล้งน้ำใจต่อเพื่อนบ้าน อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองฝ่ายเดียว เรื่องน้ำๆกับน้ำใจ ดูจะคู่กันเหมือนกับที่พระเยซูได้ขอน้ำดื่มจากหญิงสะมาเรียที่บ่อน้ำ ยอห์น 4:6-10 6 บ่อน้ำของยาโคบอยู่ที่นั่น พระเยซูทรงดำเนินทางมาเหน็ดเหนื่อย จึงประทับลงที่ข้างบ่อนั้น เป็นเวลาประมาณเที่ยง 7 มีหญิงชาวสะมาเรียคนหนึ่งมาตักน้ำ พระเยซูตรัสกับนางว่า “ขอน้ำให้เราดื่มบ้าง”8 ขณะนั้นสาวกของพระองค์เข้าไปซื้ออาหารในเมือง9 หญิงชาวสะมาเรียทูลพระองค์ว่า “ไฉนท่านผู้เป็นยิวจึงขอน้ำดื่มจากดิฉัน ผู้เป็นหญิงชาวสะมาเรีย” (เพราะพวกยิวไม่คบหาชาวสะมาเรียเลย)10 พระเยซูตรัสตอบนางว่า “ถ้าเจ้าได้รู้จักของที่พระเจ้าประทาน และรู้จักผู้ที่พูดกับเจ้าว่า ‘ขอน้ำให้เราดื่มบ้าง’ เจ้าก็คงจะได้ขอจากท่านผู้นั้น และท่านผู้นั้นก็คงจะให้น้ำธำรงชีวิตแก่เจ้า” เพราะพระเยซูไม่ได้คิดอย่างคนยิว และพระองค์ไม่ได้แล้งน้ำใจอย่างคนยิวที่กระทำต่อชาวสะมาเรีย พระเยซูได้แสดงน้ำใจผ่านเรื่องน้ำ ทำให้หญิงสะมาเรียที่บ่อน้ำกลับใจใหม่ และเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ เรื่องน้ำๆกับน้ำใจ ทำให้คนบาปคนหนึ่งเห็นคุณค่าชีวิตของตนเอง วันนี้ เรื่องน้ำๆกับน้ำใจกำลังใกล้ตัวเราเข้ามาทุกที คนที่เราจะมีน้ำใจเรื่องน้ำๆคือใคร….