“สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…พักอย่างพระเยซู”

มีเรื่องเล่าจากมิชชันนารีในอัฟริกาว่า วันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังขับรถไปตามท้องถนน ก็ได้เห็นผู้หญิงอัฟริกันทูนหม้อน้ำไว้บนหัวของเธอ เขาจึงรับเธอขึ้นมาบนรถ ขณะที่ขับรถไป เขาก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า หม้อน้ำยังอยู่บนหัวของผู้หญิงคนนั้น จนเขามองกระจกหลัง ก็ตกใจว่า ทำไมผู้หญิงอัฟริกันยังทูนหม้อน้ำอยู่บนหัวของเธอ เขาจึงบอกเธอว่า เอาหม้อลงวางบนพื้นรถก็ได้ แต่หญิงอัฟริกันตอบเขาว่า ไม่เป็นไร แค่เขารับเธอขึ้นมาบนรถก็เกรงใจจะแย่แล้ว ขืนเอาหม้อน้ำวางบนรถ จะยิ่งเป็นภาระแก่เขามากขึ้น …

คนเรามักเข้าใจผิดคิดว่า สถานที่ สิ่งแวดล้อม เครื่องอำนวยความสะดวกทั้งหลาย ทั้งความสวยงาม จะสามารถปลดปล่อยคนจากความเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้าทั้งร่างกาย จิตใจได้ แต่ในความเป็นจริงเรากลับพบว่า หากจิตใจไม่ได้พัก ต่อให้อยู่ในที่หรุหราราคาแพง บรรยากาศสุดๆ ก็ยังเหน็ดเหนื่อยอยู่ดี  มีคำไทยคำหนึ่งกล่าวว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก เป็นสำนวนบอกว่า คนเราต้องการความสบายใจ มากกว่าสบายตัว  และในยุคของเรา มีผู้คนมากมายกำลังเผชิญกับภาวะแรงกดดันในการดำเนินชีวิตชนิดที่เรียกว่า เพื่อปากท้อง ทำงานก็เพื่อปากท้อง เรียนหนังสือก็เพื่อปากท้อง ทำให้เกิดความเครียด และจิตใจไม่สามารถหยุดนิ่ง เราจึงเห็นผู้คนมากมายเหน็ดเหนื่อย อ่อนกำลังลง และไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่

เมื่อวาน ข้าพเจ้าพาแขก (อินเดีย) ไปตลาดน้ำวัดดอนหวาย แล้วก็ซื้อน้ำมะพร้าวจากร้านที่ผู้หญิงคนหนึ่ง หน้าตาไม่อยากจะขายของ พร้อมจะมีเรื่องกับคนขาย เรียกว่า หน้าไม่รับแขก  เราต่างซื้อน้ำมะพร้าวจากเธอ  และให้เธอเฉาะให้ และดูเธอก็ยังไม่ค่อยรับแขกเท่าไร ข้าพเจ้าก็เลยชมมีดที่ใช้เฉพาะมะพร้าวว่า มันยอดเยี่ยม ถูกออกแบบมาอย่างดีใช้เจาะรู เพื่อใส่หลอดอย่างเดียว ข้าพเจ้าพูดกับผู้หญิงคนนั้นว่า อย่างนี้ก็กินเนื้อมะพร้าวไม่ได้ เธอก็ทำการผ่ามะพร้าวด้วยมีดเล่มเดียวกัน ข้าพเจ้าทึ่งในดีไซน์ของมีดนี้ด้วยความจริงใจ และด้วยอีกความรู้สึกหนึ่งคืออยากจะทำให้เธอผ่อนคลายจากความเครียดอะไรบางอย่าง (ซึ่งโดยปกติ เรามักจะคิดว่า เราคือสาเหตุทำให้เธอเครียดหรือเปล่า)  แล้วข้าพเจ้าก็บอกเธอว่า ซื้ออีกห้าลูก (เพื่อจะเอากลับบ้าน) เพราะว่าราคามะพร้าวร้านนี้ถูกกว่าทุกร้านที่ข้าพเจ้ากินมาตั้งแต่มะพร้าวมีราคาแพง และก็ชวนคุยว่า เก็บได้นานไม๊ เธอก็เริ่มผ่อนคลาย สอนข้าพเจ้าถึงวิธีเก็บมะพร้าวได้นาน  พอเราออกมาจากวัดดอนหวาย และใกล้จะกลับโบสถ์ ดาเนียลพูดกับข้าพเจ้าว่า เขาสังเกตเห็นผู้หญิงขายมะพร้าวอารมณ์ไม่ดี และไม่อยากรับแขกเลย ข้าพเจ้าเลยบอกเขาว่า ข้าพเจ้ารู้สึกตั้งแต่ต้นแล้ว และวิเคราะห์ว่า เธอคงมีปัญหาบางอย่างในใจ กับคนในครอบครัว ข้าพเจ้าก็เลยเล่าเรื่องคนขายสับปะรดที่อารมณ์ไม่ดี และพาลกับคนซื้อ (คือข้าพเจ้าเอง ) แต่ในเหตุการณ์นั้น ข้าพเจ้าไม่สามารถหยุดอารมณ์ของคนขายสับปะรดได้ เขาดูอารมณ์แรงและแรงมากขึ้นเรื่อยๆในมือก็ถือมีดปอกสัปรด ข้าพเจ้าเลยต้องเลี่ยงออกมา ไม่สนทนาต่อ (กลัวถูกเฉือด) นี่คือลักษณะจิตใจของคนที่ไม่ได้พัก และกำลังเหน็ดเหนื่อยกับชีวิตของตัวเอง

ข้าพเจ้าได้รับคำแนะนำ จากผู้ให้คำปรึกษาและผู้ที่สอนข้าพเจ้าเรื่องบำบัดภายในว่า ต้องไม่ปล่อยให้ตนเองเหนื่อยเกินไป เพราะคุณจะทำบาปได้ และข้าพเจ้าก็พบความจริงนั้น คือ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าทำบาป เป็นเพราะข้าพเจ้าเหนื่อยเกินไป และไม่มีแรงที่จะต่อสู้กับการทดลอง ณ เวลานั้น  มีคำพูดหนึ่งที่กล่าวว่า ปัญหามีไว้ให้แก้ไข การทดลองมีไว้ให้วิ่งหนี  แต่หากเหนื่อยเกินไป เรามักจะขาดสติ ฟิวส์ขาด และใช้แรงสุดท้ายไว้ชนกับการทดลอง แล้วก็จะหมดพลังไปเลย

มีคริสเตียนไม่น้อยที่เป็นเหมือนหญิงชาวอัฟริกันที่ทูนหม้อน้ำนั่งบนรถมิชชันนารี  ไม่ยอมเอาหม้อน้ำลงจากหัวของเธอ ยังคงรู้สึกหนักๆกับการใช้ชีวิตคริสเตียน คริสเตียนคือคนที่ตอบรับคำเชิญชวนของพระเยซูให้ขึ้นมานั่งบนเรือลำเดียวกันกับพระองค์  และพระเยซูทรงตรัสว่า ให้วางหม้อที่ทูนไว้บนหัวได้แล้ว  คริสเตียนบางคนก็คงจะตอบอย่างเดียวกันกับหญิงอัฟริกัน  ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมชีวิตคริสเตียนบางคนจึงแสนเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า และกำลังจะหมดสิ้นพลังชีวิต ทำไมจึงมีคริสเตียนที่ทำบาป ก็เพราะว่า คริสเตียนคนนั้นไม่รู้จักคำว่า พัก และหนีการทดลอง

ข้าพเจ้ามีคำถามกับคนดีๆที่ล้มลง และผิดพลาด ทั้งๆที่คนเหล่านั้น เป็นคนดี บางคนเป็นพระที่เก่ง  มีสติปัญญา และสอนดี บางคนเป็นนักเทศน์ ที่มีงานรับใช้ที่เกิดผลมากมาย และข้าพเจ้าก็ได้รับคำตอบว่า เพราะคนเหล่านี้ ไม่ว่าจะรู้จักพระเจ้าหรือไม่รู้จักพระเจ้า  ต่างปล่อยให้ตนเองเหนื่อยเกินไป จนไม่มีแรงที่จะต่อสู้กับความบาปได้

ทำไม พระเยซูต้องแยกตัวเองออกตามลำพังเพื่ออธิษฐานเสมอ  นี่คือวิธีพักของพระเยซู เพื่อจะรับกำลัง เราจะเห็นว่า พระเยซูทำงานเยอะมาก เพราะมีคนมาหาพระเยซูมากมาย เพื่อจะรับการรักษาโรค ขับผี และฟังคำสอน  คำเทศนา พระเยซูเอาเวลาที่ไหนพัก  มีบันทึกว่า พระเยซูทรงเหนื่อยมากจนหลับบนเรือ ความเหนื่อยของพระเยซูทำให้แม้แต่พายุพัดเข้าเรือ พระเยซูยังไม่ตื่น จนสาวกต้องปลุกพระองค์

มัทธิว 8:23-26 23 เมื่อ​พระ​องค์​เสด็จ​ลง​เรือ พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​ก็​ตาม​พระ​องค์​ไป​24 ดู​เถิด เกิด​พายุ​ใหญ่​ใน​ทะเลสาบ​จน​คลื่น​ซัด​ท่วม​เรือ แต่​พระ​องค์​บรรทม​หลับ​อยู่​25 และ​พวก​สาวก​ได้มา​ปลุก​พระ​องค์ ทูล​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ขอ​พระ​องค์​ทรง​โปรด​ช่วย​เถิด พวก​เรา​กำลัง​จะ​จม​อยู่​แล้ว 26 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เหตุ​ไฉน​จึง​ขลาด​นัก ช่าง​มี​ศรัทธา​น้อย​เสีย​จริงๆ” แล้ว​พระ​องค์​ทรง​ลุก​ขึ้น​ห้าม​ลม​และ​ทะเล คลื่น​ลม​ก็​สงบ​เงียบ​ทั่วไป​”

คำที่ใช้สำหรับบรรยายด้วยประโยคว่า บรรทมหลับอยู่ รากศัพท์ภาษากรีกคำนี้ แปลว่า lie down to rest  แปลว่า เอนกายลงและพัก  เป็นอากัปกิริยา ของคนนอนหลับ ไม่ได้นั่งหลับ เป็นท่าทางของการพักผ่อนด้วยการหลับ หลับก็คือ เหมือนปิดสวิท

มีนายแพทย์ท่านหนึ่งได้สอนเรื่องศิลปะการนอนที่มีประสิทธิภาพ เป็นการรักษาร่างกาย ได้ให้ความหมายของการนอนของมนุษย์ คือการหยุดพักร่างกายหลังจากทำงานหนักมา (เพื่อซ่อมแซมและดูแลตนเอง) การนอน มีสองช่วง ที่เรียกว่า ช่วงหลับลึกกับหลับไม่ลึก (หลับตื้น) จำนวนชั่วโมงสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าของการนอน คือที่เราหลับนั้น เราหลับลึกหรือเปล่า (บางคนนอนเยอะ แต่ก็ยังง่วง ไม่อิ่ม)เรียกว่าเป็นการนอนอย่างไม่มีคุณภาพ  นายแพทย์ท่านนี้กล่าวว่า การนอนที่ดี จะทำให้เกิดการซ่อมแซมจากฮอร์โมนที่เรียกว่าฮอร์โมนซ่อมแซม คนที่นอนหลับอย่างไม่มีคุณภาพ จะไม่มีการซ่อมแซมตัวเองเลย หลับลึกเท่านั้นจึงจะมีฮอร์โมนซ่อมแซม และถ้ามีมาก เราจะแข็งแรง ถ้าน้อยเราจะแก่เร็ว  การหลับลึกจะเกิดขึ้นหลังจากหลับไปประมาณชั่วโมงหนึ่ง และในช่วงของการนอน ยังแบ่งออกเป็นสองช่วง คือ นอนแล้วลูกตาไม่กระดุกกระดิก กับลูกตากระดุกกระดิก   หนี่งรอบการนอน ประมาณ 90 นาที มีสี่ระยะ   ในหนึ่งคืนมีรอบการนอน 3-6 รอบ ยิ่งมีรอบการนอนมาก ยิ่งได้พักมาก ซ่อมแซมมาก  ช่วงการนอนมีสามระยะ ระยะแรก เรียกว่า ก่อนเข้าสู่การนอน ระยะที่สอง ครึ่งหลักครึ่งตื่น และระยะที่สามเรียกว่า หลับลึก การนอนน้อยไม่ได้วัดกันที่ชั่วโมงการนอน แต่วัดที่คุณภาพของการนอน เริ่ม 10 นาที(เริ่มหลับ) – 30 นาที (หลับๆตื่น”) (ป้องการความจำเสื่อม) – (หลับลึก) growth hormone จะเกิดช่วงนี้ และจะกลับสู่ระยะเริ่มต้นรอบใหม่ ประมาณ 50 นาที ตื่นมาจะสดชื่น เรากลับมาดูว่า เมื่อสองพันปีที่แล้ว พระคัมภีร์ได้บันทึถึงการหลับของพระเยซูเป็นการพักอย่างมีคุณภาพ   และนี่แหล่ะ คือการใช้ชีวิตที่เป็นต้นแบบของการเชิญชวนให้คนมากมายที่กำลังเหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนัก มาเรียนรู้จากพระองค์

มัทธิว 11:28-30   28 บรรดา​ผู้​ทำงาน​เหน็ด​เหนื่อย​และ​แบก​ภาระ​หนัก จง​มา​หา​เรา และ​เรา​จะ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย หาย​เหนื่อย​เป็น​สุข​29 จง​เอา​แอก​ของ​เรา​แบก​ไว้ แล้ว​เรียน​จาก​เรา เพราะ​ว่า​เรา​สุภาพ​และ​ใจ​อ่อน​น้อม และ​จิตใจ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​ได้​พัก30 ด้วย​ว่า​แอก​ของ​เรา​ก็​พอเหมาะ และ​ภาระ​ของ​เรา​ก็​เบา”

พระเยซูต้องการจะสอนเคล็ดลับของการดำเนินชีวิต ที่ขยัน ทำงานหนัก เกิดผลมาก ไม่หมดพลัง ไม่หมดไฟ แต่ยิ่งมีพลัง มีไฟมากขึ้น  แม้จะถูกพายุพักกระหน่ำ ก็ยังพักได้ และหายเหนื่อย เป็นสุข ให้เราเรียนจากพระเยซูในชีวิตจริง

 1.พักทั้งกายและจิตใจ  มัทธิว 8:23

23 เมื่อ​พระ​องค์​เสด็จ​ลง​เรือ พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​ก็​ตาม​พระ​องค์​ไป

พระเยซูเสด็จลงเรือ สาวกก็ตามพระเยซูลงไปในเรือลำเดียวกันกับพระเยซู ก่อนหน้านี้ มีคนมากมาย พาทั้งคนป่วย คนถูกผีเข้า มาหาพระเยซู และสาวกก็ต้องเป็นลูกมือในการรับแขก ที่ไม่ค่อยจะน่าต้อนรับเท่าไร โดยเฉพาะคนถูกผีเข้า เป็นอะไรที่ดูน่าจะวุ่นวาย และไม่ได้พัก   เราลองจิตนาการสภาพของโรงพยาบาลในสนามรบ  ที่มีแต่คนบาดเจ็บ รอคอยคิว ร้องโอดครวญ บางคนก็อาจจะบ่น ต่อว่า และบางคนก็กำลังจะตาย คิดดูว่า หมอกับผู้ช่วยต้องอยู่ในสภาพอย่างนี้ตลอดทั้งวัน จนค่ำ ในหนังสือมัทธิวบรรยายายว่า มีคนถูกผีเข้ามากมายถูกนำมาให้พระเยซูขับผีออกในเวลาค่ำ หลังจากขับผี ก็ต้องรักษาให้คนหายป่วย แสดงให้เห็นถึงงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องในพันธกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้คน

มัทธิว 8:16-17  16 พอ​ค่ำ​ลง เขา​พา​คน​ผี​เข้า​สิง​เป็น​อัน​มาก​มา​หา​พระ​องค์ ​พระ​องค์​ก็​ทรง​ขับ​ผี​ออก​ด้วย​พระ​ดำรัส และ​บรรดา​คน​เจ็บป่วย​ทั้ง​หลาย​นั้น ​พระ​องค์​ก็​ได้​ทรง​รักษา​ให้​หาย​17 ทั้งนี้​เพื่อ​จะ​ให้​สำเร็จ​ตาม​พระ​วจนะ​โดย​อิสยาห์​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ที่ว่า ท่าน​ได้​แบก​ความ​เจ็บ​ไข้​ของ​เรา​ทั้ง​หลาย และ​หอบ​โรค​ของ​เรา​ไป

คำว่า เมื่อพระองค์เสด็จลงเรือ ก็คือช่วงเวลาพัก (จากการทำงาน) คือเคลียร์งานออกหมดแล้ว และสาวกก็ตามพระเยซูลงเรือ คือสาวกก็เคลียร์งานของตนเองด้วยเช่นกัน  ภาพนี้ทำให้เราได้เห็นว่า ภารกิจของเรากับพระเยซูคืออันเดียวกัน ถ้าพระเยซูทำงาน เราก็ทำงาน ถ้าพระองค์หยุด เราก็หยุด   มีคำถามว่า พระเจ้าทรงหยุดพักการงานของพระองค์ในวันที่เจ็ด  เวลานี้ พระเจ้าทรงหยุดพัก หรือทรงทำงาน  หนังสือฮีบรูได้กล่าวถึงเป้าหมายของคริสเตียนคือการได้เข้าสู่ที่พักของพระเจ้า เป็นการบอกกับเราว่า เส้นทางสู่ความไพบูลย์ของพระเยซู  ก็คือเส้นทางแห่งการมุ่งหน้าสู่วาระแห่งการพักผ่อนด้วย เรามาหาพระเยซูแล้ว แต่เรายังไม่รู้สึกว่าได้พัก ยังเหน็ดเหนื่อย (ในจิตใจ) ข้าพเจ้าไม่หมายความว่า เราจะไม่เหน็ดเหนื่อยฝ่ายร่างกาย เราจะเห็นว่า พระเยซูทรงลงเรือ คือการหยุดการความเหน็ดเหนื่อยฝ่ายร่างกายให้กับพระองค์เอง และให้กับสาวกด้วย การอยู่ลำพังกับพระเยซูคือการหยุดพักทั้งกายและจิตใจ  พี่น้องบางคน ไฮเปอร์มาก วันหยุดยังยุ่ง ยังทำงาน คำว่า พักของพระเจ้า คือพักจากการทำงาน  และต้องพักทางจิตใจด้วย

 2.ซ่อมแซมและรักษาจิตวิญญาณ   มัทธิว 8:24

24 ดู​เถิด เกิด​พายุ​ใหญ่​ใน​ทะเลสาบ​จน​คลื่น​ซัด​ท่วม​เรือ แต่​พระ​องค์​บรรทม​หลับ​อยู่

ฮอร์โมนซ่อมแซมร่างกายจะทำงาน เมื่อเราหลับ  ในมิติฝ่ายวิญญาณ ฮอร์โมนซ่อมแซมและรักษาฝ่ายวิญญาณ จะทำงานเมื่อเราได้พักฝ่ายวิญญาณ ไม่ใช่หลับฝ่ายวิญญาณ   คริสเตียนมีคำพูดติดตลกว่า เขาอดอาหารบ่อย ฟังดูดี เหมือนมนุษย์ฝ่ายวิญญาณ แต่การอดอาหารของเขาคือ ไม่อ่านพระคัมภีร์ เพราะพระวจนะของพระเจ้าคืออาหารฝ่ายจิตวิญญาณ   ในทำนองเดียวกัน มีคริสเตียนที่หลับบ่อย หลับนาน คือการหลับฝ่ายวิญญาณ แต่นั่นไม่ใช่การพัก และไม่ทำให้เกิดการซ่อมแซมและรักษาฝ่ายจิตวิญญาณเลย

เอเฟซัสื 5:14    14 เหตุ​ฉะนั้น​จึง​มี​คำ​กล่าว​ว่า นี่​แน่ะ​คน​ที่​หลับ​อยู่ จง​ตื่น​ขึ้น และ​จง​ฟื้น​ขึ้น​มา​จาก​ความ​ตาย และ​พระ​คริสต์​จะ​ทรง​ส่อง​สว่าง​แก่​ท่าน

เราจะเห็นว่า พระเยซูทรงหลับในฝ่ายร่างกาย หลับอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้เกิดการซ่อมแซมและรักษาฝ่ายร่างกาย แม้พายุใหญ่พัดน้ำเข้าเรือ พระเยซูหลับลึก ไม่ตื่นเอง พระองค์กำลังพักจากหน้าที่การงานจริงๆ  ไม่มีความกังวล พายุใหญ่แค่ไหนก็รบกวนการพักของพระองค์ไม่ได้ อันตรายแค่ไหนก็ไม่สามารถจะขโมยการพักของพระเยซูไปได้   น่าสนใจตรงนี้ว่า ในยุคของเรา การพักในฝ่ายของร่างกายและจิตใจ ถูกรบกวนด้วยสิ่งที่มีมาเขย่าอารมณ์ความรู้สึก ที่เราเรียกว่า พายุ คลื่นชีวิต มรสุมชีวิต ได้มาขโมยสันติสุข การพักผ่อนของจิตใจไปได้ง่ายๆ  ผลจากการถูกขโมย คือการทะเลาะกันในครอบครัว การมีเรื่องกับชาวบ้านได้ง่ายๆ การพร้อมจะมีเรื่องได้ทุกเวลา อารมณ์เสียตลอดเวลา มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้ว่า พูดอย่างนี้ มีพฤติกรรมอย่างนี้ เดี๋ยวได้ทะเลาะ เดี๋ยวได้มีเรื่อง  ความเป็นลูกพระเจ้าหายไปไหน

มัทธิว 5:9  9 “บุคคล​ผู้ใด​สร้าง​สันติ ผู้​นั้น​เป็น​สุข เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​จะ​ทรง​เรียก​เขา​ว่า​เป็น​บุตร

Peace maker แปลว่า ผู้สร้างสันติ คือชื่อเรียก หรือนิคเนมของคริสเตียน หมายความว่า  อยู่ที่ไหน ก็จะทำให้พายุอารมณ์ของคนสงบลงได้

มาระโก 5:15  15 เมื่อ​เขา​มาถึง​พระ​เยซู​ก็​เห็น​คน​ที่​ผี​ทั้ง​กอง​ได้​สิง​นั้น นุ่ง​ห่ม​ผ้า​นั่ง​อยู่​มี​สติ​อารมณ์​ดี เขา​จึง​เกรง​กลัว​นัก

เราทุกคนต้องการการซ่อมแซมและรักษาทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ   การไม่รับการซ่อมแซมและรักษา ก็คือการเก็บบาดแผลไว้ และสิ่งที่น่ากลัวก็คือ การส่งต่อบาดแผลนั้นไปยังคนที่อยู่รอบข้างเรา ทำให้เราทำบาป กับคนที่เรารัก ทำให้เราควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่บาดแผล และความเจ็บปวดของชีวิตกำลังควบคุมตัวเรา จงพักอย่างพระเยซู เพื่อนำไปสู่การเยียวยารักษาบาดแผลที่แท้จริง

3.พายุใหญ่สยบได้ด้วยความสงบนิ่งของจิตใจ   มัทธิว 8:25-26

25 และ​พวก​สาวก​ได้มา​ปลุก​พระ​องค์ ทูล​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ขอ​พระ​องค์​ทรง​โปรด​ช่วย​เถิด พวก​เรา​กำลัง​จะ​จม​อยู่​แล้ว” 26 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เหตุ​ไฉน​จึง​ขลาด​นัก ช่าง​มี​ศรัทธา​น้อย​เสีย​จริงๆ” แล้ว​พระ​องค์​ทรง​ลุก​ขึ้น​ห้าม​ลม​และ​ทะเล คลื่น​ลม​ก็​สงบ​เงียบ​ทั่วไป​”

หลังจากพระเยซูได้หลับลึก พระองค์ถูกปลุกให้ตื่น พระเยซูไม่ได้งัวเงียเลย ในขณะที่สาวกไม่ได้หลับ ยังตื่นกับพายุใหญ่ ยิ่งมองพายุใหญ่ขึ้น ยิ่งหลับไม่ลง แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อย  ความไม่สามารถจะวางใจอะไรได้ทำให้เกิดความวิตกกังวล และเป็นสิ่งรบกวนการพักที่มีคุณภาพ ข้าพเจ้าเคยพบคนไม่น้อยที่ต้องพึ่งยานอนหลับ ตลอดชีวิตนับสิบปี กินยาก็ยังนอนไม่หลับ จนสมองด้านความจำถดถอย มีผู้หญิงคนหนึ่งได้แบ่งปันประสบการณ์เรื่องความจำของเธอว่า เธอร้องไห้ เมื่อเธอจำไม่ได้ว่า จอดรถไว้ที่ไหน ตอนไปช้อปปิ้ง เพราะเธอกินยานอนหลับมานับสิบปี ความวิตกกังวลของชีวิต ทำให้เธอต้องกินยานอนหลับเมื่อมาเป็นคริสเตียน ก็ยังนอนไม่หลับ ยังไม่สามารถที่จะพัก ให้หายเหนื่อยเป็นสุขได้ แม้จะลงเรือลำเดียวกันกับพระเยซู แล้วก็ตาม ชีวิตคริสเตียน เหมือนกำลังอยู่ในเรือที่กำลังจะจม น่าสนใจมากกับคำที่สาวกใช้กับพระเยซูเมื่อพวกเขาปลุกพระเยซูให้ตื่นจากหลับ สาวกมองเห็นเรือกำลังจะจม  คำภาษากรีกใช้คำว่า เรากำลังจะตาย เรากำลังจะพินาศ  คือการพูดเกินความเป็นจริง สาวกส่วนใหญ่ เป็นชาวประมง น่าจะว่ายน้ำเก่งกว่าพระเยซูด้วยซ้ำ แต่กลับมองเรื่องการจมน้ำ เป็นเรื่องน่ากลัว นี่คือการปล่อยให้ความกลัวทำงานจนเกินความเป็นจริง นี่คือการไม่ได้พัก อย่างมีคุณภาพทั้งสามด้าน ทำให้สาวกลืมความจริงว่า สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่จินตนาการ และประสบการณ์ที่พวกเขามีในพระเยซูหายไปหมด  พระเยซูใช้คำว่า “เหตุ​ไฉน​จึง​ขลาด​นัก… แปลว่า สติปัญญาหายไปไหนหมด กลายเป็นคนที่กลัว   ช่าง​มี​ศรัทธา​น้อย​เสีย​จริงๆ  สองสิ่งที่ทำให้จิตใจของคนเราไม่สงบ ก็คือ ความกลัว กับไม่มีความเชื่อเลย ว่าเขาจะรอด จะปลอดภัย และจะอยู่ต่อไปได้  และสองสิ่งนี้แหล่ะที่ทำให้จินตนาการของคนเราเลยเถิดหลุดกรอบของความจริงของชีวิตที่ว่า ยังมีความหวัง ยังไงก็ยังมีความหวัง แต่คนที่หลุดจากกรอบของความจริง จะมีแต่คำว่า สิ้นหวัง

แล้ว​พระ​องค์​ทรง​ลุก​ขึ้น​ห้าม​ลม​และ​ทะเล คลื่น​ลม​ก็​สงบ​เงียบ​ทั่วไป​”  พระเยซูทรงใช้ความสงบนิ่งของพระองค์สยบพายุใหญ่ เป็นการสอนสาวกว่า ความวิตกกังวล และจิตใจที่ไม่สงบนิ่งนั้น จะทำให้พวกเขาเป็นเหยื่อของพายุใหญ่ และมันไม่มีทางที่จะสยบพายุใหญ่ได้ ความสงบนิ่งเท่านั้นที่จะสยบพายุในชีวิตได้ จงพักอย่างที่พระเยซู แล้วคุณจะไปต่อได้ (Victim, Survivor, Thither)  อาเมน

 “สู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์…พักอย่างพระเยซู”

1.พักทั้งกายและจิตใจ 

2.ซ่อมแซมและรักษาจิตวิญญาณ  

3.พายุใหญ่สยบได้ด้วยความสงบนิ่งของจิตใจ  

By admin