“พระเจ้า….ตัวเอง… หรือมาร?”
เอเฟซัส 6:10-13 10 สุดท้ายนี้ขอท่านจงมีกำลังขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในฤทธิ์เดชอันมหันต์ของพระองค์11 จงสวมยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้า เพื่อจะต่อต้านยุทธอุบายของพญามารได้12 เพราะว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ13 เหตุฉะนั้นจงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะได้ต่อต้านในวันอันชั่วร้ายนั้น และเมื่อเสร็จแล้วจะอยู่อย่างมั่นคงได้ เราอยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์การค้น พบความรู้ใหม่ๆมากมายเท่าที่สายตาของเราจะมองเห็น มีการบัญญัติศัพท์ใหม่ๆเรียกการค้นพบสิ่งที่เล็กลงไปกว่าที่เราเคยรู้จัก เช่น นาโน หรืออนุภาคที่เล็กมากๆ จนเราอาจจะมองข้ามโลกในมิติฝ่ายวิญญาณที่ต้องอาศัยตาฝ่ายวิญญาณมอง พระคัมภีร์ข้างต้นได้กล่าวถึงการต่อสู้ในมิติฝ่ายวิญญาณที่ไม่ใช่เนื้อหนังและเลือด ซึ่งมีอยู่จริง มีหลายอย่างที่มนุษย์เองไม่สามารถหาคำอธิบายด้วยเหตุผลจากวิธีการทางวิทยาศาสตร์ แต่มันมีอยู่จริง นั่นคือสิ่งที่อยู่ในมิติฝ่ายวิญญาณ ซึ่งส่งผลกระทบต่อมิติของร่างกาย และจิตใจ และจิตวิญญาณของคนทุกคน คริสตจักรได้รับการเปิดเผยและมีคำเตือนถึงการดำเนินชีวิตให้ใส่ใจเรื่องนี้ด้วย เพราะคริสเตียนถูกเรียกด้วยอีกคำว่า มนุษย์ฝ่ายวิญญาณ 1โครินธ์ 2:14-15ก 14 แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้า ใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยวิญญาณ15 แต่มนุษย์ฝ่ายวิญญาณวิจัยสิ่งสารพัดได้….. คำที่เป็นกุญแจสำคัญในการเป็นมนุษย์ฝ่ายวิญญาณที่มีความสามารถในการวิจัยสิ่งสารพัดได้ก็คือ คำว่า สังเกตด้วยวิญญาณ(ฉบับแปล 2011แปลว่า ต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณ) รากศัพท์ภาษากรีกใช้สองคำ คำขยายใช้คำว่า Spiritually แปลว่า ไม่ใช้เนื้อหนังวินิจฉัย ส่วนอีกคำใช้คำว่า Discernment แปลว่า การแยกความแตกต่าง นั่นคือต้องไม่ใช้เนื้อหนังมามีส่วนในการวินิจฉัย หรือแยกแยะความแตกต่างในมิติฝ่ายวิญ ญาณหรือพูดแบบง่ายๆ เหมือนการสวมแว่นเอ๊กซเรย์ จึงจะมองทะลุ และเห็นสิ่งที่ตาเนื้อหนังมองไม่เห็น คำไทยมีคำว่า ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ จะมองให้ทะลุใจต้องมองตา เพราะสายตามันจะฟ้อง เช่นเดียว กัน จะมองมิติฝ่ายวิญญาณให้ทะลุ ต้องใช้ตาพระวิญญาณช่วยมอง พระคัมภีร์กล่าวถึงบทบาทของพระวิญ ญาณบริสุทธิ์ ผู้สถิตภายในผู้เชื่อ พระองค์จะสำแดงสิ่งสารพัดที่พระเยซูสอนแก่ผู้ที่เชื่อวางใจในพระเยซู ยอห์น 14:26 แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้น จะทรงสอนท่านทั้งหลายทุกสิ่ง และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวไว้แก่ท่านแล้ว คำว่า สอน ที่พระวิญญาณบริสุทธ์จะสอนเราทั้งหลาย นั่นหมายความว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำบทบาทเป็นครู และเราอยู่ในบท บาทการเป็นนักเรียน ในทุกๆวัน พระวิญญาณบริสุทธิ์พร้อมที่จะสอนนักเรียน(ผู้เชื่อ)ให้ออกไปสู่โลกภาย นอกพร้อมกับสายตาฝ่ายวิญญาณเพื่อจะแยกแยะให้ออกว่า พระเจ้า ตัวเอง หรือมาร? คุณกำลังใช้ตาแบบใด