“ทำดี” (Doing Good Work)
“…การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลัง ในการสร้างเสริมและสะสมความดี…” พระบรมราโชวาทพระราชทาน แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สวนอัมพร 14 สิงหาคม 2525
เมื่อวานข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากอ.หยุ่น ศิษยาภิบาลคนหูหนวก หนึ่งในพันธกิจที่เป็น พันธกิจพี่พันธกิจน้องร่วมกันคริสตจักรเรา อ.หยุ่นแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบว่า คริสตจักรคนหูหนวกธนบุรีเหลือสมาชิกมาโบสถ์ครึ่งเดียว ตอนนี้สมาชิกคนหูหนวกที่เป็นคนไร้บ้านหายไปหมด ไปอยู่ไหน ไปอยู่ที่สนามหลวง เพราะที่สนามหลวงมีแจกข้าว แจกน้ำ แจกของฟรีเยอะแยะ คนหูหนวกเวียนไปรับของ รับข้าว กินทิ้งกินขว้าง หิ้วน้ำเป็นโหลๆกลับที่พักตนเองทุกวัน อ.หยุ่นต้องไปตามคนหูหนวกทุกวัน เพื่ออธิบาย เพื่อสอนคนหูหนวกว่าอย่าทำอย่างนี้ ไม่ดี เพราะคนหูหนวกมีโลกและวัฒนธรรมที่แตกต่างจากเรา คนหูดี อย่างสิ้นเชิง ศีลธรรม มารยาทก็แตกต่างกัน แม้กระทั่งมุมมองการทำดีก็ต่างกัน เมื่อพวกเขามาโบสถ์ ต้องมาสอนกันใหม่ มารยาท การเกรงใจ ความสะอาด แม้กระทั่งการใช้ชีวิตเรื่องเพศ
มัทธิว 5:16 16 ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่าน ผู้ทรงอยู่ในสวรรค์
การทำดีเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าชอบคำอธิบายคำว่า Concern (Make them feel good about themselves) ทำให้เขารู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเขา
คำว่า concern แปลว่า ห่วงใย ใส่ใจ (care) โดยคนที่เราห่วงใย ใส่ใจ เป็นศูนย์กลางของการทำดี ห่วงใยคนที่เรากำลังใส่ใจ บ่อยครั้ง เรามักจะพบการใส่ใจที่ห่วงความรู้สึกของตนเอง มากกว่าความรู้สึกของคนที่เราใส่ใจ (สนใจ)
สุภาษิต 3:4 4 ดังนั้น เจ้าจงหาความพอใจ และชื่อเสียงดี ในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตามนุษย์
อาจตีความพระคัมภีร์ตอนนี้ว่า อย่าแสวงหาแต่ความพอใจของตัวเอง แต่จงทำให้พระเจ้าและคนทั้งปวงพอใจ เราคงเคยได้ยินคำว่า You cannot please everyone ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับประโยคนี้ และที่ข้าพเจ้ากำลังกล่าวถึงนี้ ไม่ได้ต้องการให้พวกเราพยายามเอาใจคนทุกคน คำว่า พอใจ รากศัพท์ภาษาฮีบรูที่หนังสือสุภาษิตตอนนี้ใช้ แปลว่า สิ่งที่ทำ มีทั้งคุณค่าและมีทั้งพระคุณ นี่อาจจะเรียกว่าเป็นนิยามของคำว่า การทำดี
บทเรียนที่เราจะเรียนรู้เรื่องการทำดี จากทั้งแบบอย่างของในหลวงที่ทรงทำดีเพื่อความพอใจของคนทั้งปวงแล้ว สำหรับเราซึ่งเป็นคริสเตียน เราจะต้องทำดีเพื่อให้พระเจ้าทรงพอพระทัยด้วย ในหนังสือปฐมกาล มีคำว่า ทำดีที่พระเจ้าใช้กับคาอิน คาอินกับอาแบลเป็นพี่น้องกัน คาอินเป็นพี่ อาแบลเป็นน้อง ทั้งสองคนเป็นลูกของอาดัมและเอวา
ปฐมกาล 4:1-10 1 ฝ่ายชายนั้นสมสู่อยู่กับเอวาภรรยาของตน นางก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชื่อคาอิน นางจึงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงโปรดให้ฉันได้ผู้ชายคนหนึ่ง”2 ต่อมานางก็ให้กำเนิดน้องชายของเขาชื่ออาแบ.อาแบลเป็นคนเลี้ยงแกะ ส่วนคาอินเป็นคนทำไร่ไถนา3 อยู่มาวันหนึ่งคาอินนำพืชผลที่เกิดจากไร่นามาถวายพระเจ้า4 ส่วนอาแบลก็นำแกะหัวปีจากฝูงและไขมันของแกะมาถวาย พระเจ้าทรงพอพระทัยอาแบลและเครื่องบูชาของเขา5 แต่คาอินกับเครื่องบูชาของเขานั้น พระองค์ไม่พอพระทัย คาอินก็โกรธแค้นนัก หน้าบูดบึ้งอยู่6 พระเจ้าจึงตรัสถามคาอินว่า “เจ้าโกรธเคืองหน้าบูดบึ้งอยู่ทำไม 7 ถ้าเจ้าทำดี เราก็จะพอใจรับเจ้ามิใช่หรือ ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู อยากตะครุบเจ้า เจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้นให้ได้” 8 ฝ่ายคาอินก็พูดชวนอาแบลน้องชายของตนว่า “เราไปนากันเถอะ” เมื่ออยู่ที่นาด้วยกัน คาอินก็โถมเข้าฆ่าอาแบลน้องชายของตนเสีย9 พระเจ้าตรัสถามคาอินว่า “อาแบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน” คาอินจึงทูลว่า “ข้าพระองค์ไม่ทราบ ข้าพระองค์หรือเป็นผู้ดูแลน้อง”10 พระองค์ตรัสว่า “เจ้าทำอะไรไป โลหิตของน้องเจ้าส่งเสียงร้องฟ้องขึ้นมาจากดิน
จะเห็นว่า คาอินกับอาแบลมีงานที่ทำแตกต่างกัน อาแบลเลี้ยงแกะ แต่คาอินทำไร่ไถนา ลักษณะงานแตกต่างกัน การเลี้ยงแกะ ต้องทำทุกวัน พาไปหาอาหาร อยู่กับแกะตลอดเวลา เป็นผู้เลี้ยงที่ต้องมีความใส่ใจห่วงใยในเวลาเดียวกัน แต่การทำไร่ไถนา รดน้ำพรวนดิน ก็จบ เมื่อถึงเวลาทั้งสองนำผลจากงานที่ตนเองทำมาถวายแด่พระเจ้า พระคัมภีร์บันทึกว่า พระเจ้าทรงพอพระทัยของถวายของอาแบล ซึ่งเป็นแกะ แต่ของคาอินไม่ทำให้พระเจ้าพอพระทัย คาดว่า คาอินนำผลจากไร่นามาถวายแด่พระเจ้า ตรงนี้เป็นบทเรียนสำหรับเราในวันนี้ มีสองประการ
1.การทำดีให้คนอื่นพอใจ(Making them Feel Good about them self) ปฐมกาล 4:3-5
3 อยู่มาวันหนึ่งคาอินนำพืชผลที่เกิดจากไร่นามาถวายพระเจ้า4 ส่วนอาแบลก็นำแกะหัวปีจากฝูงและไขมันของแกะมาถวาย4 ส่วนอาแบลก็นำแกะหัวปีจากฝูงและไขมันของแกะมาถวาย พระเจ้าทรงพอพระทัยอาแบลและเครื่องบูชาของเขา5 แต่คาอินกับเครื่องบูชาของเขานั้น พระองค์ไม่พอพระทัย….
พระคัมภีร์บันทึกเรื่องการถวายแด่พระเจ้าตรงนี้น้อยมาก ไม่มีการบอกว่า พระเจ้าเรียกร้องให้คาอินกับอาแบลนำของมาถวายแด่พระเจ้า แทบไม่มีการบอกว่าต้องถวายอะไร และตรงนี้อาจเป็นต้นแบบของการเอาแกะมาเป็นเครื่องถวายแด่พระเจ้า พระคัมภีร์บันทึกแต่ว่า ของถวายที่เป็นแกะของอาแบล เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า แต่ของถวายของคาอินไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า จะโทษคาอินก็ไม่ได้ เพราะพระเจ้าไม่ได้บอกก่อนว่า พระองค์ต้องการอะไร (พูดตามภาษาชาวบ้านอย่างเราๆ) หรือคิดอีกมุมหนึ่ง ถ้าพระเจ้าบอกไว้ก่อนว่าพระองค์จะพอใจของถวายแบบไหน การทำดีจะเกิดขึ้นได้อย่างไร พระเจ้าทรงใช้คำว่า ทำดี กับการถวายสิ่งที่ทำให้พระองค์พอพระทัย
บางคนอาจว่า แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่า อะไรที่ทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย
โรม12:1-2 1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย2 อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม
ฉบับแปล 2011 ให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต
สิ่งที่แตกต่างระหว่างของถวายแด่พระเจ้าของคาอินกับอาแบล คือ ของถวายที่ตายแล้ว กับที่ยังมีชีวิตอยู่ พระเจ้าทรงสนพระทัยชีวิต ไม่ใช่ตายแล้ว และเป็นชีวิตที่ยาวนาน ไม่ใช่สั้นๆ พระเจ้าทรงเรียกการถวายของถวายที่มีชีวิตว่า การทำดี
7 ถ้าเจ้าทำดี เราก็จะพอใจรับเจ้ามิใช่หรือ…
แต่คาอินปฏิเสธการทำดีนิยามของพระเจ้า เขาคิดแต่การทำดีในนิยามของตนเอง คือเขารู้สึกดีที่ได้ถวาย แต่คนรับคือพระเจ้าไม่รู้สึกดีกับของถวายของเขา พระเจ้าต้องการสอนให้คาอินเรียนรู้การทำดีที่แท้จริง คือการทำให้คนรับพอใจ ไม่ใช่ตัวเองพอใจ
เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว มีคำสัมภาษณ์จากนักหนังสือพิมพ์ถามในหลวงว่า พระองค์อยากให้ประวัติศาสตร์จดจำพระองค์อย่างไร ในหลวงทรงตอบว่า พระองค์ให้ความสนใจน้อยมากกับการที่ประวัติศาสตร์จะจดจำพระองค์อย่างไร แต่ถ้าจะเขียนเกี่ยวกับพระองค์ ในทางที่ดี ก็ขอให้เขียนถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำแล้วเป็นประโยชน์ได้อย่างไร” ในสายพระเนตรของพระองค์ ความหมายคำว่า เป็นประโยชน์ คือวิธีแก้ปัญหาที่มีผลต่อประชาชนอย่างจริงจัง คือสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในอันตราย…. และวิธีเดียวที่จะรู้ว่าอะไรคือประโยชน์ และเข้าใจปัญหาคือการออกไปในพื้นที่นั้นๆ ที่ที่ประชาชนอาศัยอยู่
ข้าพเจ้ารู้สึกละอายใจ กับการที่ในหลวงทรงทำเป็นแบบอย่างแก่เราในเรื่องการอุทิศตัวเพื่อช่วยเหลือคนอื่นให้ Feel good about themselves ในขณะที่เรามีคำสอนของพระเยซูคริสต์เจ้าให้เราเป็น เราสอนคนอื่นให้เป็น แต่เราไม่ได้เป็นอย่างที่เราสอน
ถ้อยคำของมหาตะ คานธี กล่าวว่า I like your Christ but do not like your Christians. Your Christians are so unlike your Christ. แปลว่า ฉันชอบพระคริสต์ของคุณ แต่ฉันไม่ชอบชาวคริสเตียนของคุณ เพราะชาวคริสเตียนของคุณช่างไม่เหมือนพระคริสต์ของคุณเลย อาจเพราะสมัยนั้น อินเดียตกเป็นอาณานิคมของคนอังกฤษที่ประกาศตัวว่าเป็นคริสเตียน แต่ข่มเหง และเอาคนอินเดียมาเป็นทาสรับใช้ มหาตมะ คานธี ต่อสู้ด้วยวิธีสันติ เพื่อให้อังกฤษปล่อยอินเดียให้เป็นอิสระ
วันนี้ มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า We like Jesus but not the church แปลว่า เราชอบพระเยซู แต่เราไม่ชอบคริสตจักร
เราคงต้องกลับมาศึกษาพระคัมภีร์ของเราใหม่แล้ว เรามีคำสอนที่ดี คำสอนที่ฉลาด แต่ทำไมคริสเตียนจึงรับผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม ทำไม
มีคนไม่พอใจกับความเป็นคริสเตียนของเรา พวกเราบางคนอาจพูดว่า มันยากที่จะทำให้ทุกคนพอใจ You cannot please everyone อีกครั้งที่เราเอาประโยคนี้มาแก้ตัว Excused แสดงว่า เราไม่เชื่อว่า พระคัมภีร์ตอนนี้ (สุภาษิต) เป็นจริงได้
สุภาษิต 3:4 4 ดังนั้น เจ้าจงหาความพอใจ และชื่อเสียงดี ในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตามนุษย์
แล้วทำไม ในหลวงทำได้ ในอดีต ถึงวันนี้ พระเยซูทรงทำได้ บางคนอาจเถียงว่า ในหลวงก็มีคนไม่ชอบ พระเยซูก็มีคนไม่ชอบ พระเยซูคริสต์ทรงตรัสไว้ก่อนแล้วว่า
ยอห์น 3:20 เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาถึงความสว่าง ด้วยกลัวว่าการกระทำของตนจะปรากฏ
ยอห์น 15:19 ถ้าท่านทั้งหลายเป็นของโลก โลกก็จะรักท่านซึ่งเป็นของโลก แต่เพราะท่านไม่ใช่ของโลก เพราะเราได้เลือกท่านออกจากโลก เหตุฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังท่าน
โปรดสังเกตว่า คนที่ไม่ชอบในหลวง มีน้อย เพราะเขาถูกขัดผลประโยชน์ เช่นเดียวกัน คนที่ไม่ชอบพระเยซูในเวลานั้น เป็นพวกฟาริสี ปุโรหิต เพราะพวกเขาเห็นพระเยซูเป็นผู้ที่ทำให้เขาหาประโยชน์จากประชาชนไม่ได้อีกต่อไป พระเยซูอยู่ ทำให้ประชาชนตาสว่าง และสื่อสารกับพระเจ้าได้โดยตรง ไม่ต้องพึ่งพาพวกคนกลางอีกต่อไป ในกิจการ เปาโลถูกต่อต้าน จากพวกที่หล่อรูปพระ เพราะคนหมดศรัทธา เอาพระและหนังสือเกี่ยวกับเวทมนต์ไปเผา คนที่กลัวสูญเสียผลประโยชน์จะไม่ชอบเปาโล
แต่วันนี้ คนที่ไม่ชอบคริสตจักร ไม่ชอบคริสเตียน ยังมีคนที่เสียผลประโยชน์ แต่มีอีกลุ่มก็คือคนที่รู้สึกไม่ดีกับคริสเตียน (มีเยอะ) เพราะเขารู้สึกไม่ดีกับการทำดีของคริสเตียนและคริสตจักร
ข้าพเจ้าไปทำพันธกิจช่วยคนที่รับผลจากสึนามิที่พังงา มีคนต่อต้านคริสตจักรที่ลงไปแจกของแล้วแทรกใบปลิวในถุงข้าวของที่แจก คน….ต่อต้านชนิดที่ไม่ยอมรับของแจก แต่ทีมที่ข้าพเจ้าไป เราไม่เคยมีการแทรกใบปลิวอย่างนั้น แต่เรารับผลกระทบจากการกระทำของคริสจักรบางแห่งเหล่านั้น เราประชุมกันว่าเราจะไม่อ้าง ไม่ประกาศ เรามาช่วยให้คนพ้นจากความเดือดร้อนจริงๆ จนทุกครั้งที่ข้าพเจ้าบินลงไปกว่าสามปี ทุกอาทิตย์ จะมีคนมาจูงมือข้าพเจ้าเข้าบ้านเขา และขอให้นำรับเชื่อ ข้าพเจ้าประหลาดใจ ว่า เขารู้ได้อย่างไรว่าข้าพเจ้าเป็นศิษยาภิบาล เป็นอาจารย์ เป็นครั้งแรกในชีวิตของข้าพเจ้าที่ต้องพูดว่า อยากเป็นคริสเตียนจริงๆหรือ ไม่จำเป็นต้องเป็นคริสเตียน คุณก็ได้รับของแจก ได้รับการช่วยเหลือ เวลานั้น ข้าพเจ้าทำโครงการหลายอย่าง สร้างอาชีพ กองทุนหมุนเวียน และหลายอย่าง พวกเขาตอบเป็นคำเดียว เขาอยากได้พระเจ้าที่ข้าพเจ้ามี เขาเห็นพระของเขาลอยไปกับน้ำ เขาไม่สามารถคว้าพระที่ลอยไปกับน้ำได้ แล้วพระเหล่านั้นจะช่วยเขาได้อย่างไร การได้พระเจ้าที่ช่วยเขาได้ ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเอง เขาไม่แตกต่างจากข้าพเจ้า เขาเดือดร้อน เขาก็ร้องต่อพระเจ้าของคริสเตียนด้วยตัวเอง วันนี้ เรากำลังทำให้คนรู้สึกดีเกี่ยวกับตัวเขาอย่างไร ทำดี…ให้คนรู้สึกดี อย่าห่วงความรู้สึกของตนเองมากกว่าความรู้สึกของคนอื่น
2.ห่วงใยหรือใส่ใจของแท้ (Real Concern) ปฐมกาล 4:6-10
…คาอินก็โกรธแค้นนัก หน้าบูดบึ้งอยู่6 พระเจ้าจึงตรัสถามคาอินว่า “เจ้าโกรธเคืองหน้าบูดบึ้งอยู่ทำไม 7 ถ้าเจ้าทำดี เราก็จะพอใจรับเจ้ามิใช่หรือ ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู อยากตะครุบเจ้า เจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้นให้ได้” 8 ฝ่ายคาอินก็พูดชวนอาแบลน้องชายของตนว่า “เราไปนากันเถอะ” เมื่ออยู่ที่นาด้วยกัน คาอินก็โถมเข้าฆ่าอาแบลน้องชายของตนเสีย9 พระเจ้าตรัสถามคาอินว่า “อาแบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน” คาอินจึงทูลว่า “ข้าพระองค์ไม่ทราบ ข้าพระองค์หรือเป็นผู้ดูแลน้อง”10 พระองค์ตรัสว่า “เจ้าทำอะไรไป โลหิตของน้องเจ้าส่งเสียงร้องฟ้องขึ้นมาจากดิน
พระเจ้ากำลังสอนคาอินเรื่องการทำดีที่แท้จริง คือการห่วงใยใส่ใจของแท้ ถ้าไม่ใช่ของแท้ ไม่ใช่การทำดีทั้งสิ้น แต่เป็นกับดักที่ทำให้บาปเข้ามาบงการชีวิต
7 ถ้าเจ้าทำดี เราก็จะพอใจรับเจ้ามิใช่หรือ ถ้าเจ้าทำไม่ดี บาปก็หมอบอยู่ที่ประตู อยากตะครุบเจ้า เจ้าจะต้องเอาชนะบาปนั้นให้ได้”
บาป แปลว่า พลาดไปจากเป้าหมาย miss the mark พลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า บาปอยู่ใกล้ และหมายจะควบคุมชีวิต การเอาชนะบาป คือการหันกลับมาสู่เป้าหมาย น้ำพระทัยของพระเจ้า คือการทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย แต่น่าเสียดายที่คาอินไม่ฟัง และที่น่าสังเกตว่า ความใกล้ชิดของคาอินกับพระเจ้า พิเศษมาก เขาสามารถได้ยินเสียงของพระเจ้า พระเจ้าทรงพูดกับเขา พระเจ้าทรงแสดงความห่วงใยใส่ใจต่อคาอิน แต่คาอินเพิกเฉยความห่วงใยใส่ใจ ความได้ใกล้ชิดพระเจ้า คาอินห่วงความรู้สึกของตนเอง การห่วงความรู้สึกของตนเอง ทำให้คาอินกลายเป็นคนหูหนวกในฝ่ายวิญญาณ เสียงของพระเจ้าไม่สามารถเข้าไปถึงจิตสำนึกภายในของคาอิน เขาปิดหูฝ่ายวิญญาณ และฟังเสียงของตนเอง
ยอห์น 8:43-47 43 เหตุไฉนท่านจึงไม่เข้าใจถ้อยคำที่เราพูด นั่นเป็นเพราะท่านทนฟังคำของเราไม่ได้44 ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่ปฐมกาล และมิได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสาและเป็นพ่อของการมุสา45 แต่ท่านทั้งหลายมิได้เชื่อเรา เพราะเราพูดความจริง46 มีผู้ใดในพวกท่านหรือ ที่ชี้ให้เห็นว่าเราได้ทำผิด ถ้าเราพูดความจริง ทำไมท่านจึงไม่เชื่อเรา47 ผู้ที่มาจากพระเจ้าก็ย่อมฟังพระวจนะของพระเจ้า ท่านทั้งหลายมิได้มาจากพระเจ้า เหตุฉะนั้นท่านจึงไม่ฟัง”
พระเยซูทรงยกตัวอย่างของผู้ฆ่าคนในปฐมกาล นั่นหมายถึง คาอินฆ่าน้อง เพราะการไม่ฟังถ้อยคำของพระเจ้า การไม่เชื่อฟังของมนุษย์คู่แรก คือการทำบาปที่ส่งต่อมายังรุ่นลูก เขาก็ไม่ฟังพระเจ้า และได้ทำบาปมากขึ้น ด้วยการฆ่าน้อง ตอนจบของคาอินที่ฆ่าน้อง ทำให้เราอาจวิเคราะห์ได้ว่า ในตอนต้นของชีวิตคาอิน ไม่ได้เริ่มต้นด้วยการเชื่อฟัง การดำเนินชีวิตที่ไม่เชื่อฟังเพาะเชื้อในตัวเขาจนจิตใจแข็งกระด้างเกินกว่าที่จะฟังคำเตือนตรงจากพระเจ้า
ขออย่าให้พวกเราเป็นอย่างคาอิน ที่ความใกล้ชิดพระเจ้า แต่ไม่สามารถเปลี่ยนหรือตอบสนองต่อพระเจ้าเลย ความโกรธยังมีอิทธิพลเหนือชีวิตของคาอิน จนทำให้เขากลายเป็นฆาตรกรคนแรกของโลก ฆ่าน้องตัวเอง และมีพ่อเป็นมารเต็มตัว คือโกหกต่อหน้าพระเจ้าได้อย่างไม่รู้สึกอะไร จนต้องจำนนต่อหลักฐาน
9 พระเจ้าตรัสถามคาอินว่า “อาแบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน” คาอินจึงทูลว่า “ข้าพระองค์ไม่ทราบ ข้าพระองค์หรือเป็นผู้ดูแลน้อง” 10 พระองค์ตรัสว่า “เจ้าทำอะไรไป โลหิตของน้องเจ้าส่งเสียงร้องฟ้องขึ้นมาจากดิน
“ทำดี” (Doing Good Work)
1.การทำดีให้คนอื่นพอใจ (Feeling Good about them self)
2. ห่วงใยหรือใส่ใจของแท้ (Real Concern)