“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีสายตาฝ่ายวิญญาณ”

เช้าวันหนึ่ง ข้าพเจ้าเตรียมตัวออกขี่จักรยาน โดยปกติ ก็จะมีแว่นสองอัน อันหนึ่งใส อีกอันเป็นปรอทไว้ตัดแสงแดด เช้าวันนั้น  ไม่มีแดด และตั้งใจว่า จะใส่แว่นใส แต่ปรากฏว่า หยิบเอาแว่นเคลือบปรอทมาใส่ ขี่ไปก็นึกในใจว่า ทำไมวันนี้ฟ้ามันหม่นกว่าที่เห็นในตอนแรก ปกติ ยิ่งขี่ยิ่งสาย ดวงอาทิตย์จะขึ้นมาและจะสว่างขึ้น แต่ทำไมฟ้าก็ยังหม่น ดูมืดครึ้ม เลยหยุดขี่ เช็คแว่นตัวเอง อ้าว กลายเป็นแว่นเคลือบปรอท ไม่ใช่แว่นใสอย่างที่เข้าใจ (ความคิดของข้าพเจ้าคิดว่าตัวเองกำลังใส่แว่นใส จึงไม่สงสัยแว่นที่ใส่ แต่สงสัยฟ้าที่หม่น มืดครึ้ม   นักพูดเก่งๆหลายคนมักจะหยิบตัวอย่างของแว่นสีต่างๆมาเปรียบเทียบมุมมองของชีวิต ข้าพเจ้าไม่ใช่นักพูดที่เก่งแต่ข้าพเจ้าอยากจะนำเอาความจริงแห่งพระคัมภีร์ที่กล่าวเกี่ยวกับมุมมองของชีวิตในมิติฝ่ายวิญญาณเพื่อเราได้รู้จักคำว่า สายตาฝ่ายวิญญาณ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่คริสเตียนต้องมี ต้องเป็น

มัทธิว15:12-14 12 ขณะนั้น​พวก​สาวก​มา​ทูล​พระ​องค์​ว่า “​พระ​องค์​ทรง​ทราบ​แล้ว​หรือ​ว่า เมื่อ​พวก​ฟาริสี​ได้​ยิน​คำ​ตรัส​นั้น​เขา​แค้น​เคือง​นัก” 13 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​ตอบ​ว่า “ต้นไม้​ใดๆ ทุก​ต้น ซึ่ง​พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์ มิได้​ทรง​ปลูก​ไว้​จะต้อง​ถอน​เสีย​14 ช่าง​เขา​เถิด เขา​เป็น​คน​นำ​ทาง​ตา​บอด ถ้า​คน​ตา​บอด​นำ​ทาง​คน​ตา​บอด ทั้ง​สอง​จะ​ตก​ลง​ไป​ใน​บ่อ”

พระเยซูทรงตรัสถึงพวกฟาริสีที่เป็นเหมือนคนนำทางตาบอด พวกฟาริสีเคร่งครัดในบัญญัติของโมเสส และเที่ยวสอนคนอื่นแต่ตัวเองทำไม่ได้อย่างที่ตัวเองสอน เป็นคนนำทางตาบอดที่กำลังนำคนตาบอดไปในที่ที่ตัวเองไม่เคยไป ไม่มีประสบการณ์กับสิ่งที่ตนเองกำลังสอนในมิติฝ่ายวิญญาณ มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ไกด์จะไม่มาพาเราไปในที่ที่ตนเองไม่เคยไป พระเยซูกำลังหมายถึงพวกฟาริสีไม่มีสายตาฝ่ายวิญญาณและกำลังนำทาง(เป็นไกด์)พาคนที่ไม่มีสายตาฝ่ายวิญญาณเพื่อให้มองเห็นความจริงในมิติฝ่ายวิญญาณ ซึ่งเป็นไปไม่ได้

การจะได้สายตาฝ่ายวิญญาณ  เริ่มต้นด้วยการมองตนเองในชีวิตภายใน  ในฐานะผู้ฟังที่ตอบสนองด้วยการปฏิบัติ

ยากอบ 1:22-25 22 แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เป็น​คน​ที่​ประพฤติ​ตาม​พระ​วจนะ​นั้น ไม่ใช่​เป็น​แต่​เพียง​ผู้ฟัง​เท่านั้น ซึ่ง​เป็น​การ​ลวง​ตนเอง​23 เพราะ​ว่า​ถ้า​ผู้ใด​ฟัง​พระ​วจนะ และ​ไม่ได้​ประพฤติ​ตาม ผู้​นั้น​ก็​เป็น​เหมือน​คน​ที่​ดู​หน้า​ของ​ตัว​ใน​กระจก​เงา​24 เพราะ​ว่า​เมื่อ​ดู​ตัวเอง​แล้ว​ก็​ไป และ​ก็​ลืม​ใน​ทันที​นั้น​ว่า​ตัวเอง​เป็น​อย่างไร​25 แต่​ผู้​ที่​พิจารณา​ดู​ใน​วิสุทธิ​บัญญัติ ซึ่ง​เป็น​พระ​บัญญัติ​แห่ง​เสรีภาพ และ​ตั้งอยู่​ใน​พระ​บัญญัติ​นั้น มิได้​เป็น​ผู้ฟัง​แล้ว​ก็​หลงลืม แต่​เป็น​ผู้​ที่​ประพฤติ​ปฏิบัติ​ตาม ผู้​นั้น​ก็​จะ​ได้รับ​ความ​สุข​เพราะ​การ​ประพฤติ​ปฏิบัติ​ของ​ตน

พระคัมภีร์ตอนนี้ กำลังบอกเราว่า พระคัมภีร์ไม่ใช่แค่หลักทฤษฏี แต่เป็นปฏิบัติได้จริง ฟังแล้วต้องนำไปปฏิบัติ  พระคัมภีร์รับประกันว่า  ถ้าปฏิบัติตามที่ได้ฟัง จะทำให้ได้รับความสุขเพราะการปฏิบัติของตน  พระคัมภีร์ยังกล่าวถึงการฟังเพื่อจะปฏิบัติตามก็ยังต้องเป็นการฟังที่ได้ยินด้วยใจ  ไม่ใช่แค่หู

ยากอบ 1:19  19 ดูก่อน​พี่​น้อง​ที่​รัก​ของ​ข้าพเจ้า จง​ทราบ​ข้อ​นี้ จง​ให้​ทุก​คน​ไว​ใน​การ​ฟัง ช้า​ใน​การ​พูด ช้า​ใน​การ​โกรธ​

ความหมายของการไวในการฟัง คือการพร้อมและตั้งใจที่จะเข้าใจสิ่งที่ได้ยิน

บางคนฟังยังไม่ทันจบ(ของหู) ตอบโต้ แทนการตอบสนอง  รีบสวนกลับทันที ไม่ใช้จิตพิเคราะห์สิ่งที่ตนเองได้ยิน ใช้ความกลัว และสันชาตญาณของการปกป้องตัวเอง พูดออกมาด้วยความไม่พอใจ อันนี้ ได้พลาดการฝึกที่จะมีสายตาฝ่ายวิญญาณ

ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีสายตาฝ่ายวิญญาณ ผ่านกระบวนการอันดับแรก

1.มองตัวเองก่อน  2ทิโมธี 3:16-17

16 ​พระ​คัมภีร์ ทุก​ตอน​ได้รับ​การ​ดล​ใจ​จาก​พระ​เจ้า และ​เป็น​ประโยชน์​ใน​การ​สอน การ​ตักเตือน​ว่า​กล่าว การ​ปรับปรุง​แก้ไข​คน​ให้​ดี และ​การ​อบรม​ใน​ทาง​ธรรม​17 เพื่อ​คน​ของ​พระ​เจ้า​จะ​พรักพร้อม​ที่​จะ​กระทำ​การ​ดี​ทุก​อย่าง

พระคัมภีร์ตอนนี้เพื่อใช้มองตัวเอง รับการสอน รับการตักเตือน รับการปรับปรุงแก้ไข รับการอบรม เพื่อจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง

ลูกา 6:42  42 เหตุ​ไฉน​ท่าน​จึง​จะ​พูด​กับ​พี่​น้อง​ของ​ท่าน​ว่า ‘พี่​น้อง​เอ๋ย ให้​เรา​เขี่ย​ผง​ออก​จาก​ตา​ของ​เธอ’ แต่​ที่​จริง​ท่าน​เอง​ยัง​ไม่​เห็น​ไม้​ทั้ง​ท่อน​ที่​อยู่​ใน​ตา​ของ​ท่าน ท่าน​คน​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด จง​ชัก​ไม้​ทั้ง​ท่อน​ออก​จาก​ตา​ของ​ท่าน​ก่อน แล้ว​ท่าน​จะ​เห็น​ได้​ถนัด จึง​จะ​เขี่ย​ผง​ออก​จาก​ตา​พี่​น้อง​ของ​ท่าน​ได้​

พัฒนาการสายตาฝ่ายวิญญาณเริ่มจากมองตัวเอง และทำความสะอาดตาของตัวเอง ด้วยการชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของตัวเอง ที่พระเยซูทรงเปรียบเทียบ ไม้ทั้งท่อนอยู่ในตา (เป็นการบ่งบอกว่า คนเรามักจะมองไม่เห็นจุดบกพร่องของตัวเอง ทั้งๆที่มันใหญ่ก็ยังมองข้าม มองไม่เห็น เพราะความลำเอียง คิดเข้าข้างตัวเองว่าตัวเองดีแล้ว ไม่เห็นเป็นไร ไม่เห็นจะผิดตรงไหน พระคัมภีร์ได้เตือนว่า ยิ่งไม่ใส่ใจต่อการจัดการตัวเองเท่าไร สิ่งที่เป็นผงในตาของคนอื่น มันจะเป็นไม้ท่อนใหญ่บังตาของตัวเองเท่านั้น และนี่คืออุปสรรคต่อการมีสายตาฝ่ายวิญญาณ (ฟังเท่าไรก็ไม่เข้าใจ มองเท่าไรก็มองไม่เห็น)

1โครินธ์ 10:12  12 เหตุ​ฉะนั้น​คน​ที่​คิด​ว่า​ตัวเอง​มั่นคง​ดี​แล้ว ​ก็​จง​ระวัง​ให้​ดี กลัว​ว่า​จะ​ล้ม​ลง​

“คิดว่า”   รากศัพท์ภาษากรีกแปลว่า จินตนาการ แสดงว่า ตัวเองยังไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่เป็นการคิดเอง เออเอง ว่าตนเองมั่นคงดีแล้ว พระคัมภีร์เตือนว่า จงระวังให้ดี เกรงว่าจะล้มลง นั่นคือ คนที่คิดอย่างนั้น มีสิทธิ์ไปไม่ตลอดรอดฝั่ง คำสุภาษิตที่ว่า หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน (ต้องรอดู โดยเฉพาะคนอายุยังน้อย ยังมีเวลาอีกนานที่จะรอการพิสูจน์)

ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีสายตาฝ่ายวิญญาณ เพื่อจะเป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณแก่คนอื่น เพื่อนำไปสู่ความจริงของพระเจ้า ด้วยประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณเท่านั้น จำไว้ว่า ไกด์จะไม่นำไปในที่ที่ไกด์ไม่เคยไป อย่าให้คนนำทางตาบอดนำทางคุณ และอย่าเป็นคนนำทางตาบอดเสียเอง  สายตาฝ่ายวิญญาณจะเกิดขึ้นได้ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวกับพระเจ้า ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นตัวเองก่อน

อิสยาห์ 6:5-8 5 และ​ข้าพเจ้า​ว่า “วิบัติ​แก่​ข้าพเจ้า เพราะ​ข้าพเจ้า​พินาศ​แล้ว เพราะ​ข้าพเจ้า​เป็น​คน​ริม​ฝีปาก​ไม่​สะอาด และ​ข้าพเจ้า​อยู่​ใน​หมู่​ชน​ชาติ​ที่​ริม​ฝีปาก​ไม่​สะอาด เพราะ​นัยน์ตา​ของ​ข้าพเจ้า​ได้​เห็น​กษัตริย์ คือ​พระ​เจ้า​จอม​โยธา” 6 แล้ว​ตน​หนึ่ง​ใน​เส​ราฟิม​บิน​มา​หา​ข้าพเจ้า ใน​มือ​มี​ถ่าน​เพลิง ซึ่ง​เขา​เอา​คีม​คีบ​มา​จาก​แท่น​บูชา​7 และ​เขา​ถูกต้อง​ปาก​ของ​ข้าพเจ้า​พูด​ว่า “ดู​เถิด สิ่ง​นี้​ได้​ถูกต้อง​ริม​ฝีปาก​ของ​เจ้า​แล้ว กรรม​ชั่ว​ของ​เจ้า​ก็​ถูก​ยก​เสีย และ​เจ้า​ก็​จะ​รับ​การ​ลบ​มลทิน​บาป”8 และ​ข้าพเจ้า​ได้​ยิน​พระ​สุรเสียง​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ตรัส​ว่า “เรา​จะ​ใช้​ผู้ใด​ไป และ​ผู้ใด​จะ​ไป​แทน​เรา” แล้ว​ข้าพเจ้า​ทูล​ว่า “ข้า​พระ​องค์​อยู่​นี่ ​พระ​เจ้า​ข้า ขอ​ทรง​ใช้​ข้า​พระ​องค์​ไป​เถิด”

การได้มองเห็นความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ทำให้อิสยาห์มองเห็นตัวเองเป็นคนปากสกปรก อยู่ในท่ามกลางคนปากสกปรกด้วย เมื่อมาถึงการมองเห็นธาตุแท้ของตัวเอง เกิดการสารภาพบาป และนี่แหล่ะคือผู้รับใช้ของพระเจ้าที่จะไปแทนพระองค์ได้ พระเจ้าจึงถามอิสยาห์ว่า ใครที่พระเจ้าจะใช้การได้ อิสยาห์ตอบสนองทันที ว่า ตัวของเขาพร้อมแล้วที่จะให้พระเจ้าใช้ เพราะเขาได้เห็นพระเจ้า และเห็นตัวเอง (เห็นว่า ตัวเองไม่ได้แตกต่างไปจากคนอื่น ไม่ดีไปกว่าคนอื่น สิ่งที่จะทำให้อิสยาห์แตกต่างคือ การยอมรับว่าตัวของอิสยาห์เองต้องพบกับความวิบัติแน่ๆ ถ้าพระเจ้าไม่ช่วย พระเจ้าจึงส่งไฟแห่งการชำระมาให้อิสยาห์

1ยอห์น 1:9 9 ถ้า​เรา​สารภาพ​บาป​ของ​เรา ​พระ​องค์​ทรง​สัตย์​ซื่อ​และ​เที่ยง​ธรรม ​ก็​จะ​ทรง​โปรด​ยก​บาป​ของ​เรา และ​จะ​ทรง​ชำระ​เรา​ให้​พ้น​จาก​การ​อธรรม​ทั้งสิ้น​

วันนี้ การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คืองานเดียวกันกับเสราฟิม คือการชำระเราด้วยไฟ การพูดภาษาแปลกๆ คือเครื่องหมายของการบัพติสมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้พระองค์ควบคุมชำระลิ้นของเรา (ลิ้นเป็นส่วนที่ควบคุมยากที่สุดของอวัยวะทั้งหมดของร่างกาย) ท่าที่เราจะมีประสบการณ์กับการชำระด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ต้องสารภาพบาปก่อน

ยากอบ 3:6  6 และ​ลิ้น​นั้น​ก็​เป็น​ไฟ ลิ้น​เป็น​โลก​ที่​ไร้​ธรรม​ใน​บรรดา​อวัยวะ​ของ​เรา เป็น​เหตุ​ให้​ทั้ง​กาย​มลทิน​ไป​ทำ​ให้​วัฏฏะ​แห่ง​ชีวิต​เผา​ไหม้ และ​มัน​เอง​ก็​ติด​ไฟ​โดย​นรก​

อ.เปาโลหนุนใจให้คริสเตียนมีประสบการณ์การพูดภาษาแปลกๆ และมีการแปลภาษาแปลกๆนั้น เพื่อจะเสริมสร้างคริสตจักรให้เจริญขึ้น

1โครินธ์ 14:4-5 4 ฝ่าย​คน​ที่​พูด​ภาษา​แปลกๆ นั้น ​ก็​ทำ​ให้​ตนเอง​เจริญ​ฝ่าย​เดียว แต่​ผู้เผย​พระ​วจนะ​นั้น​ย่อม​ทำ​ให้​คริสตจักร​จำเริญ​ขึ้น​5 ข้าพเจ้า​ใคร่​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย พูด​ภาษา​แปลกๆ ได้ แต่​ยิ่ง​กว่า​นั้น​อีก ข้าพเจ้า​ปรารถนา​จะ​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เผย​พระ​วจนะ​ได้ เพราะ​ว่า​ผู้เผย​พระ​วจนะ​ได้​นั้น​ก็​ใหญ่​กว่า​คน​ที่​พูด​ภาษา​แปลกๆ ได้ เว้น​แต่​เขา​สามารถ​แปลภาษา​นั้นๆ ออก เพื่อ​คริสตจักร​จะ​ได้รับ​ความ​เจริญ​ขึ้น

พัฒนาการของผู้รับใช้ของพระคริสต์…จะมีสายตาฝ่ายวิญญาณได้ ด้วยการยอมให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ชำระปากและลิ้นของตัวเอง(บ่อยๆ) และพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ที่จะรับการสื่อสารจากพระเจ้า(ผู้เผยพระวจนะ) มีถ้อยคำของพระเจ้าออกจากปากของตัวเอง ก่อนจะมีถ้อยคำของพระเจ้าจากปากของตัวเอง ต้องมีสายตาฝ่ายวิญญาณมองเห็นอย่างที่พระเจ้ามองเห็น พระเจ้าทรงมองเห็นอย่างไร

โรม 3:20,22-23 20 เพราะ​ว่า​ใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระ​เจ้า​ไม่​มี​ผู้​หนึ่ง​ผู้ใด​เป็น​คน​ชอบธรรมโดย​การ​ประพฤติ​ตาม​ธรรม​บัญญัติ​ได้ เพราะ​ว่าธรรม​บัญญัติ​นั้น​ทำ​ให้​เรา​รู้จัก​บาป​ได้​….22 คือ​ความ​ชอบธรรม​ของ​พระ​เจ้า ซึ่ง​ทรง​ประทาน​โดย​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​แก่​ทุก​คน​ที่​เชื่อ เพราะ​ว่า​คน​ทั้ง​หลาย​ไม่​ต่างกัน​23 เพราะ​ว่า​ทุก​คน​ทำ​บาป และ​เสื่อม​จาก​พระ​สิริ​ของ​พระ​เจ้า​

เราทุกคนไม่ต่างกัน ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีสายตาฝ่ายวิญญาณที่จะมองทุกคนไม่ต่างกัน ไม่มีใครดีกว่าใคร ทุกคนต่างทำบาป และต้องการรับการชำระบาปจากพระเจ้า การประพฤติของเราไม่ได้ทำให้เราดีกว่าคนอื่น แต่การประพฤติที่ตอบสนองจากการได้ยินทำให้เรารับการพัฒนาขึ้น การที่เราพัฒนาขึ้นก็ไม่ได้ทำให้เราดีกว่าคนอื่น แต่ทำให้เรามีสายตาฝ่ายวิญญาณที่จะมองอย่างที่พระเจ้ามอง การมองอย่างที่พระเจ้ามองก็ไม่ได้ทำให้เราดีกว่าคนอื่น เรามองเห็นอย่างพระเจ้ามองก็เพื่อเราจะทำให้คนอื่นมาถึงความจริงของพระเจ้า การนำคนอื่นมาถึงความจริงของพระเจ้าก็ยังไม่ได้ทำให้เราดีกว่าคนอื่น เรายังคงต้องพึ่งพาความชอบธรรมของพระเยซูคริสต์เพื่อเราจะรอด โดยพระคุณของพระเจ้า

ฉะนั้น สายตาฝ่ายวิญญาณมีไว้เพื่อมองตัวเองก่อนเสมอ และรับการชำระด้วยความจริงของพระเจ้า

1ยอห์น 1:10 10 ถ้า​เรา​กล่าว​ว่า​เรา​ไม่ได้​ทำ​บาป ​ก็​เท่ากับ​เรา​ทำ​ให้​พระ​องค์​เป็น​ผู้​ตรัส​มุสา และ​พระ​ดำรัส​ของ​พระ​องค์​ก็​มิได้​อยู่​ใน​เรา​ทั้ง​หลาย​เลย​

บาป แปลว่า พลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้า  นั่นคือ ขณะที่เรายังอยู่ในร่างกายนี้ เรามีโอกาสพลาดไปจากน้ำพระทัยพระเจ้าได้ตลอดเวลา เพราะตัณหาของตา ตัณหาของเนื้อหนัง และความปรารถนาอย่างโลกนี้ ในหนึ่งยอห์นจึงเตือนคริสเตียนเรื่องอย่ารักโลก….

1ยอห์น 2:15-17 15 อย่า​รัก​โลก​หรือ​สิ่งของ​ใน​โลก ถ้า​ผู้ใด​รัก​โลก ความ​รัก​ต่อ​พระ​บิดา​ไม่ได้​อยู่​ใน​ผู้​นั้น​16 เพราะ​ว่า​สารพัด​ซึ่ง​มี​อยู่​ใน​โลก คือ​ตัณหา​ของ​เนื้อ​หนัง​และ​ตัณหา​ของ​ตา และ​ความ​ทะนง​ใน​ลาภ​ยศ​ไม่ได้​เกิด​มา​จาก​พระ​บิดา แต่​เกิด​มา​จาก​โลก​17 และ​โลก​กับ​สิ่ง​ที่​ยั่วยวน​ของ​โลก​กำลัง​ล่วง​ไป แต่​ผู้​ที่​ประพฤติ​ตาม​พระ​ทัย​ของ​พระ​เจ้า​จะ​ดำรง​อยู่​เป็น​นิตย์​

สายตาฝ่ายวิญญาณมีไว้เพื่อตรวจสอบตัวเอง เพื่อจัดการกับตาฝ่ายเนื้อหนังของตนเอง ตราบใดที่สายตาของตัวเราเองยังจดจ้องอยู่กับสิ่งของของโลกนี้  เรายังยึดติดอยู่กับโลกนี้ จงรู้เถิดว่า คุณกำลังใช้สายตาของเนื้อหนังมากกว่าสายตาฝ่ายวิญญาณ และมีโอกาสที่จะเดินออกไปจากทางของพระเจ้า การล้มลงของเอวาในสวนเอเดนก็เพราะยิ่งมองทุกวันผลไม้ที่พระเจ้าห้ามนั้นก็ยิ่งน่ากิน แต่บางคนไม่ใช่แค่มอง แต่ได้ชิมควาบาปนั้นแล้ว อย่างที่ยากอบได้กล่าวไว้ว่า

ยากอบ 1:14-15 14 แต่​ทุก​คน​ถูก​ล่อ​ลวง​ด้วย​ตัณ​หา​ของ​ตัว​เอง คือ​ถูก​ตัณ​หา​นั้น​ล่อ​ลวง​และ​ชัก​นำ15 เมื่อ​ตัณ​หา​ฟัก​ตัว​ขึ้น​แล้ว​ก็​ก่อ​ให้​เกิด​บาป และ​เมื่อ​บาป​เจริญ​เต็ม​ที่​แล้ว​ก็​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​ตาย

คำที่ยากอบใช้ เป็นคำของนักตกปลา Entice คือสร้างให้เกิดความอยากแก่ปลาที่ถูกล่อด้วยเหยื่อให้ตอดทีละนิด จนเหยื่อตายใจ ก็จะฮุบคำโต และติดเบ็ด คำๆนี้เป็นคำเดียวกันกับการล่อให้คนติดกับดักการล่อลวงด้วยกิเลศตัณหาความอยากของตนเอง สายตาที่จับจ้องด้วยตัณหา บดบังสายตาฝ่ายวิญญาณ   ต้องมองตัวเองให้ออกว่า ความอยากของตัวเอง กำลังเป็นอุปสรรคต่อการมีสายตาฝ่ายวิญญาณอยู่หรือไม่  ประการที่สอง สายตาฝ่ายวิญญาณ

2.เกิดจากการอธิษฐาน  เอเฟซัส 1:17-19

17 ข้าพเจ้า​อธิษฐาน​ว่า ขอ​พระ​เจ้า​แห่ง​พระ​เยซู​คริสต​เจ้า​ของ​เรา คือ​พระ​บิดา​ผู้​ทรง​พระ​สิริ​ทรง​โปรด​ประทาน​ให้​ท่าน​ทั้ง​หลาย มี​จิตใจ​อัน​ประกอบด้วย​สติปัญญา และ​ความ​ประจักษ์​แจ้ง​ใน​เรื่อง​ความ​รู้​ถึง​พระ​องค์​18 และ​ขอ​ให้​ตา​ใจ​ของ​ท่าน​สว่าง​ขึ้น เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​รู้​ว่า ใน​การ​ที่​พระ​องค์​ทรง​เรียก​ท่าน​นั้น ​พระ​องค์​ได้​ประทาน​ความ​หวัง​อะไร​แก่​ท่าน และ​รู้​ว่า มรดก​ของ​พระ​องค์​สำหรับ​ธรรมิก​ชน​มี​สง่า​ราศี​อัน​อุดม​บริบูรณ์​เพียงไร​19 และ​รู้​ว่า ฤทธานุภาพ​อัน​ใหญ่​ของ​พระ​องค์​มี​มาก​ยิ่ง​เพียงไร สำหรับ​เรา​ทั้ง​หลาย​ที่​เชื่อ ตาม​อำนาจ​ของ​พระ​กำลัง และ​ฤทธานุภาพ​อัน​ใหญ่​ยิ่ง​ของ​พระ​องค์​

สายตาฝ่ายวิญญาณ เกิดจากชีวิตการอธิษฐาน ในเอเฟซัสตอนนี้ อ.เปาโลได้อธิษฐานขอให้ตาใจของพี่น้องคริสเตียนในเมืองเอเฟซัสสว่างขึ้น คือมองเห็นในมิติฝ่ายวิญญาณ ข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ มักจะถูกใช้เพื่อต่อสู้กับการคุกคามของวิญญาณชั่ว ผีที่เราขับออกจากคน อิทธิพลของอำนาจมืดต่างๆ เมื่อสายตาฝ่ายวิญญาณของคนที่ถูกขับผีออกได้มองเห็นความจริงเรื่องฤทธิ์เดของพระเยซูคริสต์ คนเหล่านั้นก็หลุดจากความกลัว และมีชัยชนะมีแรงต่อต้านกับอำนาจของผีได้

คำว่า ผีหลอก ไม่ได้มาแหกอกควักไส้อย่างในหนัง แต่ผีหลอก คือหลอกให้เรามองไม่เห็นความจริงของพระเจ้า และตกอยู่ในอิทธิพลของความกลัว ตำรวจที่ไม่ดีชอบหากินกับความไม่รู้กฏหมายของประชาชน ตำรวจที่ไม่ดีจะกลัวคนที่รู้กฏหมาย และคนที่ไม่รู้กฏหมายก็มักจะกลัวตำรวจโดยไม่รู้สาเหตุ แต่คนที่รู้กฏหมายจะไม่กลัว  พวกเรารู้กฏหมายเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานของการเป็นคนไทยไม๊ มีคนไทยไม่น้อยไม่รู้กฏหมายเรื่องนี้ และถูกละเมิดสิทธิ์โดยไม่รู้ตัว และบางทีก็ไปละเมิดสิทธิ์ของคนอื่นด้วย

ในมิติฝ่ายวิญญาณ คริสเตียนมีสิทธิอำนาจที่ได้มาโดยการรับเชื่อในพระเยซูคริสต์ มีสิทธิ์เหนือผีร้าย และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคริสเตียนก็ทำให้เรายิ่งมีสิทธิอำนาจในระดับที่สูงขึ้นไปอีกด้วย ยิ่งมีความเข้าใจและมีสายตาฝ่ายวิญญาณก็ยิ่งทำให้เราใช้สิทธิอำนาจได้อย่างถูกต้อง

มัทธิว 18:18-20 18 เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า สิ่ง​สารพัด​ซึ่ง​ท่าน​จะ​กล่าว​ห้าม​ใน​โลก ​ก็​จะ​ถูก​กล่าว​ห้าม​ใน​สวรรค์ และ​สิ่ง​ซึ่ง​ท่าน​จะ​กล่าว​อนุญาต​ใน​โลก ​ก็​จะ​ได้รับ​อนุญาต​ใน​สวรรค์​เหมือน​กัน19 เรา​กล่าว​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​อีก​ว่า ถ้า​ใน​พวก​ท่าน​ที่​อยู่​ใน​โลก​สอง​คน​จะ​ร่วม​ใจ​กัน​ขอ​สิ่ง​หนึ่ง​สิ่ง​ใด ​พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์​ก็​จะ​ทรง​กระทำ​ให้​20 ด้วย​ว่า​มี​สอง​สาม​คน​ประชุม​กัน​ที่​ไหนๆ ใน​นาม​ของ​เรา เรา​จะ​อยู่​ท่ามกลาง​เขา​ที่​นั่น”

การอธิษฐาน คือกุญแจสำคัญทำให้สายตาฝ่ายวิญญาณเปิดออก สว่างขึ้น  ดังนั้นคริสเตียนต้องอธิษฐาน และการเข้าเป็นกลุ่มที่แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เช่น กลุ่มในรุ่งอรุณ ยิ่งทำให้สายตาฝ่ายวิญญาณได้รับการพัฒนา และมองเห็นสิทธิอำนาจฝ่ายวิญญาณได้ชัดเจนยิ่งขึ้น   หากเรามองย้อนกลับไปที่บุคคลในพระคัมภีร์ทั้งใหม่และเก่า บุคคลเหล่านั้น มีชีวิตแห่งการอธิษฐานทั้งสิ้น

ตัวอย่าง เอลีชาได้อธิษฐานขอพระเจ้าทรงเปิดตาฝ่ายวิญญาณของคนรับใช้ให้มองเห็นกองทัพทูตสวรรค์ที่มาอยู่ฝ่ายเอลีชา ขณะที่กองทัพของซีเรียมาล้อมเมืองที่เอลีชาอยู่ ด้วยสายตาฝ่ายวิญณาณ เอลีชาพูดว่า ฝ่ายเรามีมากกว่าฝ่ายเขา

ตัวอย่าง เปโตกับยอห์น ได้เจอกับขอทานที่ประตูทางเข้าพระวิหาร ขณะนั้นเป็นเวลาอธิษฐาน เปโตรกับยอห์นกำลังไปอธิษฐาน แต่เมื่อถูกขัดจังหวะด้วยคนขอทาน การอธิษฐานดำเนินไปได้โดยไม่ต้องเข้าไปในพระวิหาร และด้วยสายตาฝ่ายวิญญาณ เปโตรมองเห็นความต้องการของขอทานไม่ใช่ที่เงิน แต่ที่การหายโรค เดินได้ การอัศจรรย์เกิดขึ้น คนขอทานเดินได้ นี่คือผลของสายตาฝ่ายวิญญาณ

กิจการ 3:4-10 4 ฝ่าย​เปโตร​กับ​ยอห์น​เพ่ง​ดู​เขา​บอก​ว่า “จง​ดู​เรา​เถิด”5 คน​ขอทาน​นั้น​ได้​เขม้น​ดู คิด​ว่า​จะ​ได้​อะไร​จาก​ท่าน​6 ​เปโตร​กล่าว​ว่า “เงิน​และ​ทอง​เรา​ไม่​มี แต่​ที่​เรา​มี​อยู่​เรา​จะ​ให้​ท่าน คือ​ใน​พระ​นาม​แห่ง​พระ​เยซู​คริสต์​ชาว​นาซาเร็ธ จง​เดิน​เถิด”7 แล้ว​เปโตร​จับ​มือ​ขวา​ของ​เขา​พยุง​ขึ้น และ​ใน​ทันใด​นั้น​เท้า​และ​ข้อ​เท้า​ของ​เขา​ก็​มี​กำลัง​8 เขา​จึง​กระโดด​ขึ้น​ยืน​และ​เดิน​เข้า​ไป​ใน​พระ​วิหาร ด้วย​กัน​กับ​เปโตร​และ​ยอห์น​ เดิน​เต้น​โลด​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​ไป​9 คน​ทั้ง​ปวง​เห็น​เขา​เดิน​และ​สรรเสริญ​พระ​เจ้า​10 จึง​รู้​ว่า​เป็น​คน​นั้น​ซึ่ง​นั่ง​ขอทาน​อยู่​ที่​ประตู​งาม​แห่ง​พระ​วิหาร เขา​จึง​พา​กัน​มี​ความ​ประหลาด​และ​อัศจรรย์​ใจ​อย่าง​ยิ่ง ใน​เหตุการณ์​ที่​เกิดขึ้น​แก่​คน​นั้น​

วันนี้ คนที่เรากำลังพบเจอในชีวิตประจำวันของเรา  เรารู้หรือไม่ว่า เขากำลังต้องการอะไร มีคำพูดหนึ่งกล่าวเกี่ยวกับ Eye contact คือการมองลึกเข้าไปอ่านในใจคนที่กำลังพูดกับเราว่า แท้จริง เขากำลังต้องการอะไร ไม่ใช่แค่คำพูด แต่ลึกเข้าไปในจิตใจ สายตาฝ่ายวิญญาณคือเครื่องมือของผู้รับใช้ของพระคริสต์ที่พระเจ้าต้องการให้เราทุกคนมีไว้เพื่อ รับใช้คน วิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆในมิติฝ่ายวิญญาณ ประการสุดท้าย สายตาฝ่ายวิญญาณคือ….

3.คือช่องทางที่พระเจ้าสื่อสารในยุคสุดท้าย กิจการ 2:17

17 ‘พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า​ใน​วาระ​สุดท้าย เรา​จะ​เท​ฤทธิ์​เดช​แห่ง​พระ​วิญญาณ​ของ​เรา​โปรด​ประทาน​แก่​มนุษย์​ทั้ง​ปวง บุตรา​บุตรี​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​กล่าว​คำ​พยากรณ์ คน​หนุ่ม​ของ​ท่าน​จะ​เห็น​นิมิต และ​คน​แก่​จะ​ฝัน​เห็น

นี่คือคำที่เปโตรอธิบายด้วยพระคัมภีร์ต่อคนที่มาถามเหตุการณ์ที่สาวก 120 คนไปรวมตัวกันที่ห้องชั้นบน และรับบัพติสมาพูดภาษาต่างๆมากมาย ในยุคของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเคลื่อนไหวไปทั่วโลก คนหนุ่มคนสาวเห็นนิมิต มีคำพยากรณ์ออกมาจากปากของคนมากมาย สายตาฝ่ายวิญญาณเกิดขึ้นในท่ามกลางผู้เชื่อทุกคน สิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวตอนนี้ กำลังบอกว่า มันจะเป็นเรื่องปกติในยุคของเรา ถ้าไม่เกิดสิ่งนี้ในท่ามกลางพวกเรา แสดงว่า มันผิดปกติ เพราะในยุคสุดท้าย พระเจ้าจะสื่อสารกับเราในช่องทางเหล่านี้ ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีสายตาฝ่ายวิญญาณ มองเห็นในมิติที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เรากำลังส่งต่อ สืบต่อเรื่องนี้อย่างไร

“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…มีสายตาฝ่ายวิญญาณ”

1.มองตัวเองก่อน 

2.เกิดจากการอธิษฐาน 

3.คือช่องทางที่พระเจ้าสื่อสารในยุคสุดท้าย

By admin