“ผู้รับใช้ของพระคริสต์…ทำงานของพระคริสต์”

ในช่วงนี้ มีการนำเรื่องราวของในหลวงร. 9 มากมายเสนอขึ้นมาเพื่อระลึกถึงพระองค์ท่าน มีเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าประทับใจ ก็คือเรื่องการทำบัตรประชาชนของพระองค์ท่าน  เจ้าหน้าที่ที่อำเภอได้ถามว่า จะให้ลงว่า พระองค์ทรงทำงานอะไร ในหลวงทรงตอบว่า ทำราชการ มีพระองค์ท่านเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ทรงทำงานของตัวของพระองค์เอง นอกนั้น คนที่รับราชการ ที่เป็นข้าราชการ ต่างทำงานของพระองค์ท่านทั้งสิ้น งานที่บรรดาข้าราชการทำ คืองานของในหลวงท่าน  ข้าพเจ้าชื่นชอบเรื่องราวนี้ และอยากอัญเชิญมาเปรียบเทียบกับ งานของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์  กับคำว่า ผู้รับใช้ของพระคริสต์ในชีวิตของคริสเตียนทุกคน

กาลาเทีย 1:10 10 บัดนี้​ข้าพเจ้า​กำลัง​พูด​เอา​ใจ​มนุษย์​หรือ ข้าพเจ้า​ทำ​ให้​เป็น​ที่​ชอบ​พระ​ทัย​พระ​เจ้า​มิใช่​หรือ ข้าพเจ้า​อุตส่าห์​ประจบประแจง​มนุษย์​หรือ ถ้า​ข้าพเจ้า​กำลัง​ประจบประแจง​มนุษย์​อยู่ ข้าพเจ้า​ก็​ไม่ใช่​ผู้รับ​ใช้​ของ​พระ​คริสต์​

กาลาเทีย 1:10 10 บัด​นี้​ข้าพ​เจ้า​กำ​ลัง​แสวง​หา​การ​ยอม​รับ​จาก​มนุษย์​หรือ​จาก​พระ​เจ้า? ข้าพ​เจ้า​อุตส่าห์​เอา​ใจ​มนุษย์​หรือ? ถ้า​ข้าพ​เจ้า​กำ​ลัง​เอา​ใจ​มนุษย์​อยู่ ข้าพ​เจ้า​ก็​ไม่​ใช่​ทาส​ของ​พระ​คริสต์(2011)

อ.เปาโลผู้เขียนหนังสือกาลาเทียตอนนี้ได้ใช้คำว่า  ข้าพเจ้า​ก็​ไม่ใช่​ผู้รับ​ใช้​ของ​พระ​คริสต์ หรือในฉบับแปล 2011 ใช้คำว่า ข้าพ​เจ้า​ก็​ไม่​ใช่​ทาส​ของ​พระ​คริสต์ เงื่อนไขสำคัญของการ…เป็นหรือไม่เป็น …ผู้รับใช้ของพระคริสต์ อยู่ที่ตรงว่า การยอมรับของมนุษย์หรือการยอมรับของพระเจ้า มนุษย์พอใจ หรือพระเจ้าทรงพอพระทัย   คำที่เป็นกุญแจสำคัญก็คือ การแสวงหา  คือการค้นหาว่า อะไรคือความพอใจและยอมรับ ของมนุษย์ และอะไรคือความพอใจและยอมรับของพระเจ้า มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า มาตรฐานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน  แล้วมาตรฐานของพระเจ้ากับมนุษย์เหมือนกันไม๊

มีคนยกตัวอย่างเรื่องมาตรฐานความบริสุทธิ์ของพระเจ้า ด้วยเรื่องน้ำดื่ม กับเรื่องไข่เน่า  เอาเรื่องไข่เน่าก่อนละกัน ถ้าเอาไข่ผสมกับไข่เน่า ตีเข้ากัน เอาไปทอดเป็นไข่เจียว เราจะทานไม๊ ข้าพเจ้าคนหนึ่งหล่ะ ที่ไม่ยอมกินแน่นอน (ถ้ารู้ก่อนนะ) ถ้าไม่รู้และเผลอกินเข้าไป ก็จะรีบคายออกมา เพราะกลิ่นและรสชาดมันบอกว่า มีไข่เน่าผสมอยู่ นี่คือมาตรฐานความสะอาดของมนุษย์ที่ใส่ใจต่อสุขภาพ

ส่วนเรื่องน้ำดื่ม ถ้ามีน้ำแก้วหนึ่งที่สะอาด แต่หยดเชื้อโรคลงไปหยดหนึ่ง เราจะดื่มไม๊ (ถ้าเรารู้ เราจะไม่ดื่มแน่นอน) แต่ถ้าไม่รู้ เราดื่มเข้าไป ร่างกายของเราจะมีมาตรฐานการต่อต้านทันที แสดงอาการ อุณภูมิที่เปลี่ยนไป ท้องเสีย ไข้ขึ้น แล้วแต่ว่า เชื้อโรคนั้นจะรุนแรงขนาดไหน

ทำนองเดียวกัน ถ้าชีวิตของเราไม่บริสุทธิ์เพียงพอสำหรับมาตรฐานสวรรค์  ถ้าสวรรค์รับไว้ ก็ทำให้สวรรค์ป่วย แต่สวรรค์มีเครื่องตรวจจับที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด สวรรค์ปฏิเสธชีวิตของคนที่มีบาปทันที  (แต่คริสเตียนได้เข้าสวรรค์ด้วยพระคุณ ผ่านทางพระเยซูคริสต์ ตามมาตรฐานของพระเจ้า (พระเยซูต้องจ่ายราคาสูงเพื่อเราจะเข้าสวรรคได้ ไม่ใช่ตามมาตรฐานของมนุษย์) ทั้งหมดนี้ เป็นตัวอย่างภาพของมาตรฐานระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ที่มนุษย์จะยอมรับพอใจ ในระดับไหน คนที่เรียกว่า perfectionist คือพวกที่มีมาตรฐานสุดๆของมนุษย์ก็ยังไม่เท่ากับมาตรฐานของพระเจ้า พระคัมภีร์ได้ใช้คำว่า

1โครินธ์ 1:19-20,25 19 เพราะ​มี​คำ​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า เรา​จะ​ทำลาย​สติปัญญา​ของ​คน​มี​ปัญญา และ​จะ​ทำ​ให้​ความ​ฉลาด​ของ​คน​ฉลาด​สูญ​สิ้น​ไป 20 คน​มี​ปัญญา​แห่ง​ยุค​นี้​อยู่​ที่​ไหน บัณฑิต​แห่ง​ยุค​นี้​อยู่​ที่​ไหน นัก​โต้​ปัญหา​แห่ง​ยุค​นี้​อยู่​ที่​ไหน ​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​กระทำ​ปัญญา​ของ​โลก​ให้​โฉด​เขลา​ไป​แล้ว… 25 เพราะ​ความ​เขลา​ของ​พระ​เจ้า​ยัง​มี​ปัญญา​ยิ่ง​กว่า​ปัญญา​ของ​มนุษย์ และ​ความ​อ่อนแอ​ของ​พระ​เจ้า​ก็​ยัง​เข้มแข็ง​ยิ่ง​กว่า​กำลัง​ของ​มนุษย์

มีสิ่งหนึ่งที่แปลกประหลาดมากกับพระคัมภีร์ตอนนี้ ตรงกันข้ามกลับมาตรฐานเรื่องความบริสุทธิ์ของพระเจ้าที่สูงเกินมนุษย์จะไปถึง  แต่มาตรฐานของพระเจ้าในการเลือกผู้รับใช้ของพระองค์ที่จะทำงานของพระคริสต์  กลับต่ำกว่ามาตรฐานของมนุษย์ หรือเรียกว่า ติดลบ คือ คนไม่เอา แต่พระเจ้าเอา

1โครินธ์ 1:27-29  27 แต่​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​เลือก​คน​ที่​โลก​ถือ​ว่า​โง่​เขลา เพื่อ​ทำ​ให้​คน​มี​ปัญญา​อับ​อาย และ​ได้​ทรง​เลือก​คน​ที่​โลก​ถือ​ว่า​อ่อนแอ เพื่อ​ทำ​ให้​คน​ที่​แข็งแรง​อับ​อาย​28 ​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​เลือก​สิ่ง​ที่​โลก​ถือ​ว่า​ต่ำ​ต้อย​และ​ดู​หมิ่น และ​เห็น​ว่า​ไร้​สาระ เพื่อ​ทำลาย​สิ่ง​ซึ่ง​โลก​เห็น​ว่า​สำคัญ​29 เพื่อ​มิ​ให้​มนุษย์​สัก​คน​หนึ่ง​อวด​ต่อ​พระ​เจ้า​ได้​

และนี่คือสิ่งที่เรียกว่า  งานของพระเจ้าล้วนๆ ไม่ใช่งานของมนุษย์

โรม 15:3 3 เพราะ​ว่า​พระ​คริสต์​ไม่​ทรง​ทำ​สิ่ง​ที่​พอ​พระ​ทัย​พระ​องค์​เอง….

พระเยซูคริสต์มุ่งทำงานของพระเจ้ามิใช่เพื่อให้ตัวพระองค์พอใจ แต่เพื่อให้พระเจ้าพระบิดาพอพระทัย  พระเยซูคริสต์ทรงวางรูปแบบตัวอย่างในการทำงานของพระองค์แก่สาวกของพระองค์ เพื่อผู้เชื่อทุกคนจะเป็นผู้รับใช้อย่างพระคริสต์  เราทุกคนต่างมีงาน ภารกิจที่รับผิดชอบในบทบาทของตัวเราเอง เพื่อแสวงหาความพอพระทัยและการยอมรับของพระเจ้า(ก่อน) และการยอมรับและความพอใจของมนุษย์จะตามมา

โรม 14:18 18 ผู้​ที่​ปรนนิบัติ​พระ​คริสต์​ใน​การ​เหล่า​นั้น ​ก็​เป็น​ที่​พอ​พระ​ทัย​พระ​เจ้า และ​เป็น​ที่​พอใจ​ของ​มนุษย์​ด้วย​

มีคริสเตียนไม่น้อยที่มุ่งจะทำให้พระเจ้าพอใจ โดยไม่สนใจว่า ใครหน้าไหนจะพอใจหรือไม่พอใจ อันนี้ก็ไม่ใช่  พระคัมภีร์ได้บอกแล้วว่า ถ้าพระเจ้าทรงพอพระทัย ความพอใจและการยอมรับของมนุษย์ก็จะตามมาด้วย

สุภาษิต 16:7 7 เมื่อ​ทาง​ของ​มนุษย์​เป็น​ที่​โปรด​ปราน​แก่​พระ​เจ้า แม้​ศัตรู​ของ​เขา​นั้น​พระ​องค์​ก็​ทรง​กระทำ​ให้​คืน​ดี​กับ​เขา​ได้

พระเจ้าจะเป็นผู้ทำให้มนุษย์ยอมรับและพอใจเกิดขึ้นแก่มนุษย์  แม้แต่ศัตรู พระเจ้าก็ยังทำให้ยอมรับและหันกลับมาพอใจได้

สุภาษิต 14:35 35 ข้าราชการ​ผู้​ประกอบ​กิจ​อย่าง​เฉลียว​ฉลาด​ก็​ได้รับ​ความ​โปรด​ปราน​จาก​พระ​ราชา แต่​พระ​พิโรธ​ของ​พระ​องค์​ก็​ตก​ลง​บน​ผู้​ที่​ประพฤติ​น่า​ละอาย

หนังสือสุภาษิตยังได้กล่าวถึงข้าราชการทำงานของพระราชาก็จะทำให้พระราชาโปรดปราน   สิ่งที่ทำให้พระราชาพิโรธ ก็คือ ข้าราชการประพฤติน่าละอาย ด้วยการไม่ได้ทำงานเพื่อพระราชา แต่เพื่อความพอใจของตนเอง พระคัมภีร์กล่าว่า เป็นการประพฤติที่น่าละอาย

พระเจ้าทรงคาดหวังให้ผู้รับใช้ของพระคริสต์ทุกคน (คริสเตียน ผู้เชื่อ)ทำงานที่พระคริสต์คาดหวัง ทำให้พระเยซูคริสต์ทรงพอพระทัย  เราอยู่ในยุคที่คริสเตียนไม่น้อย พยายามที่จะทำสิ่งหนึ่งก็คือ contextualization คือพยายามจะเอาบริบทของคนที่ไม่เป็นคริสเตียนเป็นตัวตั้ง เพื่อจะสร้างสัมพันธ์ เพื่อจะสร้างช่องทางที่จะให้คนที่ไม่รู้จักพระเจ้าได้ยิน ได้ฟังข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ เพื่อการประกาศ แต่เกิดอะไรขึ้น กับการใช้ความพยายามนั้น มีคนเรียกคำว่า contexualization ว่า คอนเท็กชั่วร้าย เพราะได้ทำให้ข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์กลายเป็นข่าวประเสริฐอื่น ที่พยายามทำให้คนพอใจ ทำให้คนยอมรับ

มาดูตัวอย่างตอนหนึ่งที่คนในยุคของพระเยซูได้ทำให้พระวิหารของพระเจ้าเละเทะสกปรก จนพระเยซูต้องชำระพระวิหาร….อะไรเกิดขึ้นกับพระวิหารของพระเจ้า ในหนังสือยอห์นได้บรรยายดังนี้

ยอห์น 2:13-17 13 เทศกาล​ปัสกา​ ของ​พวก​ยิว​ใกล้​เข้า​มา​แล้ว ​พระ​เยซู​เสด็จ​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม​14 ​ใน​บริเวณ​พระ​วิหาร​พระ​องค์​ทรง​เห็น​คนขาย​วัว ขาย​แกะ ขาย​นกพิราบ และ​คน​รับ​แลก​เงิน​ที่​กำลัง​แลก​เงิน​อยู่​15 ​พระ​องค์​ทรง​เอา​เชือก​ทำ​เป็น​แส้​ไล่​คน​เหล่า​นั้น พร้อม​กับ​แกะ​และ​วัว​ออกไป​จาก​บริเวณ​พระ​วิหาร และ​พระ​องค์​ทรง​เท​เงิน​และ​คว่ำ​โต๊ะ​ของ​คน​รับ​แลก​เงิน​16 และ​พระ​องค์​ตรัส​แก่​บรรดา​คนขาย​นกพิราบ​ว่า “จง​เอา​ของ​เหล่า​นี้​ไป​เสีย อย่า​ทำ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​บิดา​เรา​ให้​เป็น​แหล่ง​ค้าขาย”17 พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​ก็​ระลึก​ขึ้น​ได้​ถึง​คำ​ที่​เขียน​ไว้​ว่า “ความ​ร้อน​ใจ​ใน​เรื่อง​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​องค์​จะ​ท่วม​ท้น​ข้า​พระ​องค์ ”

พระเยซูทรงร้อนใจเรื่องพระนิเวศของพระเจ้าอย่างชนิดที่เรียกว่า ท่วมท้นพระองค์เอง เพราะพระเยซูมองเห็นการใช้พระวิหารของคนยิวในเวลานั้น เป็นเรื่องของการค้า ผลประโยชน์ ความสะดวก มักง่าย ไม่ใช่ความจริงใจต่อพระเจ้า ไม่ได้มาหาพระเจ้า มาเพื่อทำศาสนกิจ เป็นหน้าที่เท่านั้น ทุกอย่างเป็นเรื่องผลประโยชน์ ใช้เงินซื้อหมด มีโต๊ะแลกเงิน มีสัตว์บูชาขาย มีบริการโน่นนี่นั่น เป็นตัวของคนที่มาวิหารพอใจ เจ้าหน้าที่ของวิหารพอใจ เมื่อพระเยซูล้มโต๊ะแลกเงิน ขับไล่คนค้าขายออกไป สั่งสอนประชาชนใหม่ คนที่ไม่พอใจมากที่สุดคือ…

มาระโก 11:18 18 เมื่อ​พวก​มหา​ปุโรหิต​และ​พวก​ธรรมาจารย์​ทราบ​อย่าง​นั้น จึง​หา​ช่อง​ที่​จะ​ประหาร​พระ​องค์​เสีย เพราะ​เขา​กลัว​พระ​องค์ ด้วย​ว่า​ประชาชน​ประหลาด​ใจ​ด้วย​คำ​สั่ง​สอน​ของ​พระ​องค์​

พวกปุโรหิต พวกธรรมาจารย์ หาทางกำจัดพระเยซู (ไม่พอใจ) แต่ประชาชนประหลาดใจ (พอใจ) กับคำสั่งสอนของพระเยซู ประชาชนยอมรับพระเยซู เพราะพระเยซูกำลังทำให้ประชาชนได้หันกลับมาใส่ใจต่อการมาหาพระเจ้า และพบกับพระเจ้า  ทำให้ประชาชนมองเห็นตัวตนของตัวเอง และไปถึงความต้องการการช่วยเหลือจากพระเจ้าที่แท้จริง

วิธีคิดวิธีมองของผู้รับใช้ของพระคริสต์…ทำงานของพระคริสต์ จะมีมุมมองที่แตกต่างจากคนทั่วไป และแสดงออกถึงความรู้สึก…..

1.มีงานเข้าตลอดเวลา มัทธิว 2:13-14

13 เทศกาล​ปัสกา​ ของ​พวก​ยิว​ใกล้​เข้า​มา​แล้ว ​พระ​เยซู​เสด็จ​ขึ้น​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเล็ม​14 ​ใน​บริเวณ​พระ​วิหาร​พระ​องค์​ทรง​เห็น​คนขาย​วัว ขาย​แกะ ขาย​นกพิราบ และ​คน​รับ​แลก​เงิน​ที่​กำลัง​แลก​เงิน​อยู่

คำว่า งานเข้า เป็นสำนวนของคนในยุคของเรา เมื่อมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น และมองว่า ปัญหานี้คือความรับผิดชอบของตนเอง พระเยซูทรงมองเห็นว่า งานเข้า เมื่อพระองค์เสด็จมาถึงกรุงเยรูซาเล็มเหมือนกับคนยิวทั่วไปที่มาเยรูซาเล็มในเวลานั้น ในเทศกาลปัสกา  สำหรับผู้ชายยิวทุกคน จะต้องมาเยรูซาเล็มปีละสามครั้ง ในเทศกาลประจำปีใหญ่ๆ และพระเยซูมาถึง พระองค์ก็ไปยังวิหาร เพราะคือสถานที่ผู้ชายยิวจะต้องเข้าไปทำหน้าที่ของตนเองต่อพระเจ้า

ปัสกาคือการรำลึกถึงการไถ่ที่พระเจ้าทรงนำอิสราเอลออกจากอียิปต์ พระเจ้าสั่งโมเสสให้กำชับคนอิสราเอลให้ทำพิธีปัสกาต่อๆกันไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน เพื่อจะระลึกถึงและไม่ลืม

ในพิธีปัสกา (ในยุคปัจจุบันของครอบครัวคนยิว) จะมีการร้องเพลง  เพลงที่ร้องโต้ตอบกัน เด็กจะถามผู้ใหญ่ว่า ทำไม ผู้ใหญ่จะร้องตอบเด็กว่า เพราะพระเจ้าทรงนำอิสราเอลออกจากอียิปต์ ออกจากความเป็นทาสสู่ความเป็นไท กินผักขม ขนมปังไร้เชื้อ เพื่อให้รู้ว่า ชีวิตขมๆได้รับการช่วยเหลือ และด้วยความเร่งรีบอย่างไม่ทันเตรียมตัว การช่วยกู้ก็มาถึง จึงต้องกินขนมปังที่ไม่มีเวลาหมัก เทศกาลปัสกาคือการแสดงการรู้จักพระเจ้า ไม่ลืมพระเจ้า พระองค์เป็นผู้เดียวที่ช่วยกู้อิสราเอล

แต่อะไรเกิดขึ้นแก่ลูกหลานอิสราเอลในยุคของพระเยซู คนยิวทำปัสกาให้ไร้ความหมาย เป็นเพียงพิธีกรรมทางศาสนา และยังกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของพวกที่เรียกตัวเองว่า ผู้รับใช้ของพระเจ้า (ปุโรหิตและธรรมาจารย์) คนเหล่านี้ก็ทำหน้าที่ในวิหารให้กลายเป็นเรื่องปากท้องของตนเอง ไม่ได้อยู่เพื่อทำงานของพระเจ้าอีกต่อไป

งานเข้า  พระเยซูไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นต่อไป พระองค์จึงต้องทำงานของพระองค์ คือชำระพระวิหาร ใครคือคนที่ต้องแอ๊กชั่น พระเยซูไม่รอคนอื่นทำ พระองค์ทำเอง

วันนี้ เราเห็นอะไรที่เป็นงานเข้าสำหรับส่วนรวม   อะไรคืองานของพระคริสต์ที่เราต้องแอ๊กชั่น  ไม่ต้องรอคนอื่น เราเห็นปัญหา นั่นหมายความว่า เราคือคนที่ต้องลงมือทำ มีคนไม่น้อย ที่มองเห็นปัญหา แต่แสดงออกด้วยการบ่น การแก้ตัว และโยนเป็นความผิดของคนอื่น

สุภาษิต 14:35 35 ข้าราชการ​ผู้​ประกอบ​กิจ​อย่าง​เฉลียว​ฉลาด​ก็​ได้รับ​ความ​โปรด​ปราน​จาก​พระ​ราชา แต่​พระ​พิโรธ​ของ​พระ​องค์​ก็​ตก​ลง​บน​ผู้​ที่​ประพฤติ​น่า​ละอาย

 

 

“งานเข้า” เป็นอะไรที่คนที่รู้หน้าที่ของตัวเอง จะทำด้วยความกระตือรือร้น

2.ธรรมชาติงานของพระคริสต์ มัทธิว 2:15-16

15 ​พระ​องค์​ทรง​เอา​เชือก​ทำ​เป็น​แส้​ไล่​คน​เหล่า​นั้น พร้อม​กับ​แกะ​และ​วัว​ออกไป​จาก​บริเวณ​พระ​วิหาร และ​พระ​องค์​ทรง​เท​เงิน​และ​คว่ำ​โต๊ะ​ของ​คน​รับ​แลก​เงิน​16 และ​พระ​องค์​ตรัส​แก่​บรรดา​คนขาย​นกพิราบ​ว่า “จง​เอา​ของ​เหล่า​นี้​ไป​เสีย อย่า​ทำ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​บิดา​เรา​ให้​เป็น​แหล่ง​ค้าขาย”

ธรรมชาติงานของพระคริสต์ เหมือนกับ จมูกของเราถูกสร้างมาเพื่อทำหน้าที่หายใจ สิ่งที่จะเข้าทางจมูกคืออากาศ  จะเอาจมูกไปทำหน้าที่ตามธรรมชาติอย่างปากที่มีหน้าที่กินดื่มไม่ได้ มีแต่สำลักและทำให้ตายได้ เพราะฉะนั้น อวัยวะแต่ละส่วนมีธรรมชาติของอวัยวะนั้นๆ  เช่นเดียวกัน งานของพระคริสต์ก็มีธรรมชาติเฉพาะเจาะจง  และผู้รับใช้ของพระคริสต์ทุกคน ก็ต้องทำงานของพระคริสต์เหมือนกัน อย่างจมูกของมนุษย์ทุกคนก็ทำหน้าที่หายใจเหมือนกัน ไม่ว่าจมูกนั้นจะไปอยู่บนใบหน้าของใครก็ตาม

งานของพระคริสต์อยู่ในชีวิตของผู้เชื่อทุกคน  ทำงานกับคนทุกประเภท ทุกชนชั้น ทุกฐานะ ทุกเวลา พระเยซูได้ตรัสถึงธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้างมา เช่น ฝนตกแก่คนดี และคนชั่วเหมือนกัน

มัทธิว 5:43-45 43“ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​คำ​ซึ่ง​กล่าว​ไว้​ว่า จง​รัก​คน​สนิท  และ​เกลียด​ชัง​ศัตรู​44 ฝ่าย​เรา​บอก​ท่าน​ว่า จง​รัก​ศัตรู​ของ​ท่าน และ​จง​อธิษฐาน​เพื่อ​ผู้​ที่​ข่ม​เหง​ท่าน​45 ทำ​ดังนี้​แล้ว​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จะ​เป็น​บุตร​ของ​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์ เพราะ​ว่า​พระ​องค์​ทรง​ให้​ดวง​อาทิตย์​ของ​พระ​องค์ ขึ้น​ส่อง​สว่าง​แก่​คน​ดี​และ​คน​ชั่ว​เสมอ​กัน และ​ให้​ฝน​ตก แก่​คน​ชอบธรรม​และ​คน​อธรรม​

พระเยซูจัดการคว่ำโต๊ะของคนแลกเงิน เอาแส้ไล่คนที่ขายวัวแกะ บอกกับคนขายนกพิราบ ให้ออกไป ไม่ว่าใครหน้าไหน ถูกจัดการหมด ไม่มียกเว้น เพื่อในมีท่าทีที่ถูกต้องต่อพระวิหารของพระเจ้า

มัทธิว 21:13 13 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “มี​พระ​วจนะ​เขียน​ไว้​ว่า นิเวศ​ของ​เรา​เขา​จะ​เรียก​ว่า เป็น​นิเวศ​อธิษฐาน  แต่​เจ้า​ทั้ง​หลาย​มา​กระทำ​ให้​เป็น ถ้ำ​ของ​พวก​โจร ”

ธรรมชาติงานของพระคริสต์ เกี่ยวข้องกับคนทุกเพศทุกวัย ทุกสถานที่ ทุกสถานการณ์ ไม่ใช่ชั่วโมงออฟฟิต ไม่มีวันหยุด ไม่มีการเว้น ข้ามคนบางคน ข้าพเจ้าอ่านบทความหนึ่ง ชื่อว่า เมื่อในหลวงร.9 อวยพรวันเกิดดร.สุเมฆ เรารู้ว่าดร.สุเมฆเป็นคนถวายงานใกล้ชิดในหลวงมากที่สุดคนหนึ่ง  และในคำอวยพรวันเกิดของในหลวงร.9 ที่ให้กับดร.สุเมฆคือคำว่า  งานยังไม่เสร็จ  แปลว่า การมีชีวิตอยู่ผ่านวันเกิดไปอีกหนึ่งปี ก็เพื่อจะทำงานของพระองค์ต่อไป

ธรรมชาติงานของพระคริสต์ คือไม่มีวันที่จะยกเลิก มีความต้องการอยู่มาก ไม่มีคำว่า เสร็จ  พระเยซูคริสต์ทรงตรัสว่า

ลูกา10:2 2 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “ข้าว​ที่​ต้อง​เกี่ยว​นั้น​มี​มาก​แต่​คนงาน​ยัง​น้อย​อยู่ เหตุ​ฉะนั้น พวก​ท่าน​จง​อ้อน​วอน​พระ​องค์​ผู้​ทรง​เป็น​เจ้า​ของ​นา ให้​ส่ง​คนงาน​มา​เ​ก็​บ​เกี่ยว​พืชผล​ของ​พระ​องค์

แสดงว่า งานของพระคริสต์ไม่มีวันเสร็จ ยังต้องการแรงงานอีกมาก ความต้องการของคนมีจำนวนมากจริงๆ นี่คือธรรมชาติงานของพระคริสต์

3.ร้อนใจอย่างท่วมท้น มัทธิว 2:17

17 พวก​สาวก​ของ​พระ​องค์​ก็​ระลึก​ขึ้น​ได้​ถึง​คำ​ที่​เขียน​ไว้​ว่า “ความ​ร้อน​ใจ​ใน​เรื่อง​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​องค์​จะ​ท่วม​ท้น​ข้า​พระ​องค์ ”

สดุดี 69:7-9 7 เพราะ​เห็น​แก่​พระ​องค์ ข้า​พระ​องค์​ได้​แบก​รับ​การ​เยาะ​เย้ย ความ​ขาย​หน้า​ได้​คลุม​หน้า​ข้า​พระ​องค์ 8 ข้า​พระ​องค์​กลาย​เป็น​แขก​แปลก​หน้า​สำ​หรับ​พี่​น้อง และ​เป็น​คน​ต่าง​ด้าว​สำ​หรับ​บุตร​ทั้ง​หลาย​ของ​มาร​ดา 9 ความ​ร้อน​ใจ​ใน​เรื่อง​พระ​นิ​เวศ​ของ​พระ​องค์​ได้​เผา​ผลาญ​ข้า​พระ​องค์ และ​คำ​เยาะ​เย้ย​ของ​ผู้​ที่​เยาะ​เย้ย​พระ​องค์​ตก​แก่​ข้า​พระ​องค์

ความร้อนใจอย่างท่วมท้น ทำให้ผู้รับใช้ของพระคริสต์…ทำงานของพระองค์โดยไม่เกรงกลัวคำเยาะเย้ย ไม่หวั่นเกรงว่า ตัวเองจะกลายเป็นคนแปลกหน้า สำหรับพี่น้อง (ไม่กลัวที่จะถูกเกลียดชังจากพี่น้อง) เป็นคนต่างด้าวสำหรับพี่น้องของตัวเอง เรียกว่า กลายเป็นตัวประหลาด ในสายตาของคนใกล้ตัว เพราะความร้อนใจอย่างท่วมท้นเรื่องพระนิเวศของพระเจ้าในตัวของคน ใม่ใช่ตัวอาคาร ต้องการให้คนถูกต้องต่อพระเจ้า ต้องการให้คนใกล้ชิดพระเจ้า ต้องการให้คนนมัสการพระเจ้า รักพระเจ้าอย่างที่พระองค์ทรงเป็น

ขอให้เราทุกคน จงเป็นผู้รับใช้ของพระคริสต์…ทำงานของพระคริสต์  ให้พระเจ้าทรงพอพระทัย ไม่ใช่มนุษย์พอใจ แต่ในเวลาต่อมา มนุษย์จะเข้าใจ และพอใจในงานที่เราทำ

พระเยซูทำหลายอย่าง ที่สาวกของพระองค์เองในเวลานั้น ก็ไม่เข้าใจ และรับไม่ได้ แต่ในเวลาต่อมา (เราจะเห็นบันทึกในหนังสือพระกิตติคุณี่เล่ม มักจะเขียนว่า ในเวลานั้น พวกเขาไม่เข้าใจ เพื่อบอกว่า ในภายหลังพวกเขาเข้าใจแล้ว  พระเยซูไม่รอให้พวกสาวกเข้าใจ เพราะงานของพระองค์ต้องดำเนินไป

 “ผู้รับใช้ของพระคริสต์…ทำงานของพระคริสต์”

1.มีงานเข้าตลอดเวลา มัทธิว 2:13

2.ธรรมชาติงานของพระคริสต์

3.ร้อนใจอย่างท่วมท้น

By admin