“เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์…รักกันจริงไม่ทิ้งกันนะ”

เดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก เพราะมีวันวาเลนไทน์  แต่จะเป็นเดือนเดียวเท่านั้นหรือ ที่จะมีความรัก  ความจริง ความรักเกิดขึ้นได้ทุกเวลา (ถ้าเกิดปิ๊งกะใคร ใช่ไม๊?) และความจริง การไม่รัก (เลี่ยงที่จะใช้คำว่า เกลียด) ก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ  บางคนรัก บางคนไม่รู้สึกรัก บางคนรู้สึกเฉยๆ  บางคนจะบอกว่า มีช่วงโปรโมชั่น คือช่วงตื่นเต้นกับความรัก แล้วก็หมดโปร ความรักเจือจาง ไม่สามารถที่จะหาเหตุผลที่จะรัก (โดยเฉพาะสามีภรรยา มักจะอยู่เพื่อลูกละกัน ถ้าไม่มีลูก ก็ทิ้งกันไปนะจ๊ะ)

“เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์…รักกันจริงไม่ทิ้งกันนะ”  ความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์ ไม่ใช่แค่ความสามัคคี ใส่เสื้อสีเดียวกัน อยู่โบสถ์เดียวกัน นั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกัน  แชทไลน์กันถี่ๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ สิ่งเหล่านี้ เกิดขึ้นได้ ต้องเกิดจากการรักกันจริงไม่ทิ้งกัน ใช่หรือเปล่า

จะทำได้จริงหรือ?

เราไม่ใช่สโมสร สมาคม ที่มาพบปะกันทุกวันอาทิตย์ กินข้าว ทำเซลล์ แล้ววันจันทร์ก็กลับไปในอาชีพการงาน  ทำมาหากิน และเผชิญกับปัญหาของเรา แล้ววันอาทิตย์ก็กลับมาเจอกันใหม่  และทักทายกันว่า ดีใจจังที่ได้เจอกันวันนี้ (เพื่ออะไร) แต่มันคือชีวิตจริง

บางคนอาจว่า พวกคริสเตียนกำลังทำอะไรกันในวันอาทิตย์  หรือมาต่ออายุความเป็นสมาชิกโบสถ์นี้ มาหยอดเงินใส่ถุงถวาย มาทำงานการกุศล งานสงเคราะห์ ช่วยเหลือคน แบ่งปัน หนุนใจ สิ่งเหล่านี้เกิดจากแรงจูงใจอะไร  อยู่บ้านนั่งตีพุงดูทีวี ดีกว่าไม๊?

บางคนถึงขนาดถูกถามว่า จ่ายไปเท่าไหร่ ให้กับคริสตจักร

ยิ่งวันนี้ ไฟดับ ไม่มีแอร์ ใช้พัดลม นั่งร้อนกัน  เรายังมา  เราได้อะไร

ข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า พวกเราส่วนใหญ่  มาโบสถ์  เพราะต้องการนมัสการพระเจ้า  ต้องการพักในฝ่ายจิตวิญญาณ ต้องการฟังว่าพระเจ้าจะพูดอะไรกับเราบ้าง ผ่านการนมัสการ ผ่านการฟังคำเทศนา และผ่านการสามัคคีธรรมร่วมกัน นี่แหล่ะคือกุญแจสำคัญของการที่เรายังมาโบสถ์

ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าเทศนาในหัวข้อชื่อว่า  “การเป็นหนึ่งเดียวกัน…เป็นพระพร”   … พระเจ้าทรงบังคับบัญชาพระพร ณ ที่นั่น …ที่ใจของเรา เพราะฉะนั้น เราอยู่ที่ไหน ใจที่เป็นหนึ่งเดียวกันในพระคริสต์ไปกับเราด้วย ที่นั่น มีพระพร

พระพรคืออะไร บางคนคิดว่า คือได้เงินเยอะๆ ทำมาหากินค้าขายคล่อง เฮงเฮง เหมือนตรุษจีน ที่คนจีน จะใส่เสื้อสีแดง พูดแต่อะไรที่เป็นมงคล อวยกันไปอวยกันมา ในไลน์มีแต่เพลงตรุษจีนส่งมา เซ้งลี้ฮ้อ มีเงินไหลเข้ามาเยอะ  คริสเตียนบางคนคิดว่า พระพรคือเรื่องเงินทอง ?

ความจริง คำว่า พระพร มีความหมายเดียวกันกับคำว่า ความสุข (เป็นสุข) พระเจ้าทรงบังคับบัญชาพระพร ณ ที่นั่น คือความสุข (แม้ว่า ปัญหาจะเหมือนเดิม กินข้าวจานเดิม ที่เดิม อาหารเหมือนเดิม เจอคนเดิมๆ บ้านเดิมๆ เจ้านายเดิมๆ ลูกน้องเดิมๆ อะไรก็เหมือนเดิม แต่….ใจของเราไม่เหมือนเดิม) ใจเรามีความสุข เพราะพระเจ้าทรงบังคับบัญชาพระพร ที่ใจของเรา

เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ข้าพเจ้าได้ไปร่วมงานเปิดออฟฟิตใหม่ของพี่น้องพวกเรา ข้าพเจ้าแบ่งปันกับพี่น้องที่ไปร่วมงานว่า  นี่เป็นครั้งที่สามที่ได้รับเชิญไปเปิดออฟฟิตให้กับพวกเขา (คู่สามีภรรยา ตั๊กกับรัก)  ข้าพเจ้ายังคงแบ่งปันหลักการเดิม คือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  โดยเฉพาะสามีภรรยา เป็นเหมือนคนๆเดียวกัน ทะเลาะกัน ขัดแย้งกันได้ แต่ต้องรีบคืนดีกันให้เร็วที่สุด  เพราะพระเจ้าทรงบังคับบัญชาพระพร ณ ที่นั่น

ธุรกิจของพวกเขาดีขึ้นและดีขึ้น  ขอบคุณพระเจ้า  นั่นคือ การทำงานที่เริ่มต้นด้วยใจที่ดีต่อกันและกัน (รักกันจริง ไม่ทิ้งกันนะ) ใช่ไม๊? พวกคุณสองคนผ่านเรื่องเลวร้ายมาเยอะ แต่เพราะความรัก ทำให้คุณไม่ทิ้งกัน  นี่คือความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ที่แท้จริง

ขอบคุณที่เชื่อฟัง ศิษยาภิบาลของคุณ  ข้าพเจ้ามีความสุขที่ได้สัมผัสความสุขของคุณสองคน  คุณสองคนรักกันจริงไม่ทิ้งกัน  และอยากจะบอกกับคู่สามีภรรยคู่อื่นๆด้วยว่า คุณอาจจะมีเหตุผลที่จะไม่รัก หรือไม่รู้สึกรักอีกแล้ว ถ้าเขาไม่ทำร้ายคุณ หรือทำให้สวัสดิภาพของคุณแย่ ขอโปรดอย่าทิ้งกันเลย

ลูกๆทั้งหลายของพ่อแม่ก็เช่นกัน แม้ว่าพวกคุณจะมีวันหนึ่งที่พึ่งพาตัวเองได้แล้ว ก็อย่าทิ้งพ่อแม่ไป อยากรีบออกจากบ้านไปอยู่คนเดียว หรืออยู่กับเพื่อนๆ

และพวกเราทั้งหลายที่อยู่คริสตจักรใจสมานเพชรเกษม11 อย่าทิ้งคริสตจักรของคุณไป เพียงเพราะความรู้สึกบางอย่าง ที่มีต่อศิษยาภิบาลอย่างข้าพเจ้า หรือต่อผู้รับใช้ หรือต่อผู้นำ หรือต่อใครบางคน

พี่น้อง ลองอ่านหัวข้อคำเทศนาวันนี้อีกครั้ง  “เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์…รักกันจริงอย่าทิ้งกันนะ”  มีอะไรแตกต่างในประโยคนี้ เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ พระเยซูได้ตรัสเรื่องการเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระองค์ ในหนังสือยอห์น

ยอห์น 15:4 4 จง​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา และ​เรา​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​ท่าน แขนง​จะ​ออก​ผล​เอง​ไม่ได้ นอก​จาก​จะ​ติด​อยู่​กับ​เถา​ฉัน​ใด ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​จะ​เกิดผล​ไม่ได้ นอก​จาก​จะ​เข้า​สนิท​อยู่​ใน​เรา​ฉัน​นั้น​

ก่อนจะเกิดผล ก็คือ การเข้าสนิทกับพระเยซูคริสต์ คำว่า เข้าสนิท(ติดสนิท)ที่พระเยซูใช้กับสาวกของพระองค์ หมายถึง การให้สาวกมีความเชื่อ และความรักต่อพระเยซูคริสต์ ด้วยการแสดงออก….ในรากศัพทคำนี้ เมโน

(เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์) สำแดงออก…..ด้วยการผูกพัน เชื่อมต่อ เป็นส่วนหนึ่ง อดทน เป็นตัวแทน  คงอยู่ ยืนหยัด รอคอยเสมอ เหมือนพระคริสต์เป็นของตนเอง

คำกรีก เมโน (จำง่าย เมนู เวลาหิว เรามักคิดถึงเมนู อาหาร)  ให้พระองค์อยู่ในความคิดในสมองของเราตลอดเวลา  หัวใจของเราเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ในพระประสงค์เดียวกัน และรับชีวิต พระคุณ กำลัง และการหล่อเลี้ยงของจิตใจจากพระองค์

ส่วนคำว่า เราเข้าสนิท เป็นคำสัญญาเพื่อหนุนใจ  พระเยซูใช้คำว่า  en เอน  เพื่อบอกว่า พระองค์จะเข้ามาก่อเกิดขึ้นในผู้เชื่อ ณ ที่หัวใจ  พระองค์จะทำให้จุดศูนย์ของชีวิตเรามีชีวิต มีกำลัง รับการหล่อเลี้ยงชีวิตและกำลังตลอดเวลา พาเราไปในที่ที่มีพระคุณของพระองค์เสมอ  พระคุณควรจะเป็นเป้าหมายสิ่งเดียวที่เราควรทำที่สุด แต่ยากที่สุดที่เราจะทำได้ด้วยตัวเอง

หนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ One Thing ไม่ใช่หนังสือวรรณกรรมคริสเตียน แต่ก็ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า “ความสำเร็จเกิดขึ้นง่ายมาก แค่ทำสิ่งที่ถูกต้อง ถูกวิธี และถูกเวลา”….แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าอะไร คือ “สิ่งที่ถูกต้อง” และทำให้ถูกวิธีในเวลาที่เหมาะสม…

Gary Keller และ Jay Papasan นำเสนอไว้ในหนังสือ The One Thing ถึงขนาดท้าทายว่าเป็นเคล็ดลับเพื่อสร้างความสำเร็จ ด้วยวิธีใช้เวลาน้อยที่สุด เพราะมุ่งทำ “สิ่งเดียว”….หนังสือเล่มนี้จึงให้หลักที่นำไปใช้กับการบริหารเวลา การบริหารแนวทางดำเนินชีวิต และการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจได้ด้วย

…..น่าสนใจการชูประเด็นว่า ให้ยึดมั่นกับ “สิ่งเดียว” จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการบรรลุเป้าหมายและได้ในสิ่งที่คุณต้องการ

…..ดังนั้น ผู้เขียนจึงแนะให้ “ทำน้อยเข้าไว้” โดยมองข้ามสิ่งที่ “ทำได้” และจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ “ควรทำจริงๆ”

….นั่นคือ เลือกทำแค่ไม่กี่สิ่งที่ส่งผลดี ชัดเจน แทนที่จะทำหลายสิ่งที่ส่งผลลัพธ์เพียงเล็กน้อย ทั้งๆ ที่ชุลมุนกับการทำหลายเรื่องให้เสร็จ ก็เกิดอาการส่งงานไม่ทันกำหนด แถมผลงานยังไม่เรียบร้อย แล้วพลอยทำให้เครียด และเสียสุขภาพอีกต่างหาก

….อย่างไรก็ตาม การจะให้คนยอมรับหลักการ “ทำสิ่งเดียว” ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนส่วนใหญ่มักมีภารกิจมากมายและมีความเชื่อในหลักการอื่นไว้แล้ว

ข้าพเจ้าอยากจะนำไอเดียของหนังสือเล่มนี้มาประยุกต์กับชีวิตคริสเตียนของพวกเรา  One Thing สิ่งเดียวที่เราควรนำมาใช้กับทุกอย่างในชีวิตของเรา มีสิ่งเดียว คือ พระคุณ

พระคุณที่ทำให้เราได้รับสิ่งที่ไม่สมควรได้รับ รับการให้อภัย อย่างที่ไม่สมควรให้อภัย รับสิ่งที่มีคุณค่าอย่างที่ไม่สมควรได้รับคุณค่า รับความรอดอย่างไม่สมควรจะรอด และรับความรักอย่างไม่สมควรได้รับความรัก  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราจะสามารถ ที่จะแบ่งปัน หยิบยื่น และมีพระคุณมากเพียงพอแก่ทุกมุมของชีวิตของตนเองและแก่คนรอบข้าง เมื่อเราให้พระคริสต์จะทรงบังคับบัญชาพระคุณของพระองค์   (ถ้าเราบังคับบัญชาพระคุณของพระเจ้าด้วยตัวเราเอง เราอาจจะทำไม่ได้กับบางคน….ใช่ม่ะ

เราจะพบกับคำว่า ยาก และเป็นไปไม่ได้ ๆๆๆๆๆ

แต่พระคุณ  คือการเป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์…ที่จะนำเราไปสู่การรักจริง ไม่ทอดทิ้งกัน

เนื่องจากการเกิดผลที่ตามมา……

การเกิดผลที่พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสในข้อนี้ หมายถึง ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่ผลงาน ผลของความสำเร็จใดๆ

กาลาเทีย 5:22-23 22 ฝ่าย​ผล​ของ​พระ​วิญญาณ​นั้น คือ​ความ​รัก ความ​ปลาบ​ปลื้ม​ใจ สันติ​สุข ความ​อด​กลั้น​ใจ ความ​ปรานี ความ​ดี ความ​สัตย์​ซื่อ​23 ความ​สุภาพ​อ่อน​น้อม การ​รู้จัก​บังคับ​ตน เรื่อง​อย่าง​นี้​ไม่​มีธรรม​บัญญัติ​ห้าม​ไว้​เลย​

ผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์มีเก้าลักษณะ การจัดอันดับแรก แสดงว่า จะต้องเป็นลักษณะเด่นที่สุดของผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์

นั่นคือ ความรัก

1เปโตร 4:8  8 ที่​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​อะไร​หมด​ก็​คือ​จง​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน​ให้​มาก เพราะ​ว่า​ความ​รัก​ลบ​ล้าง​ความ​ผิด​มาก​มาย​ได้

ความรักสำคัญยิ่งกว่าอะไรหมด

1โครินธ์ 13:13 13 ดังนั้น​ยัง​ตั้งอยู่​สาม​สิ่ง คือ​ความ​เชื่อ ความ​หวัง​ใจ และ​ความ​รัก แต่​ความ​รัก​ใหญ่​ที่สุด​

นอกจาสำคัญแล้ว ความรัก ยิ่งใหญ่สุด และทรงอิทธิพลมากสุด

ข้าพเจ้าเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีจุดอ่อน  มีความเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง เจ็บปวดเป็น ร้องไห้บ่อยๆ โกรธได้อย่างรวดเร็ว แต่อิทธิพลของความรักที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้พยายามทำให้เกิดจุดแข็งในชีวิตของข้าพเจ้า  และข้าพเจ้าก็เชื่อแน่ว่า พี่น้องก็เป็นเหมือนข้าพเจ้า

นานมาแล้ว มีรายการทีวีหนึ่งชื่อว่า กำจัดจุดอ่อน โดยเอาคนมาแข่งขันกัน ใครมีจุดอ่อนก็ถูกเอาออกไป คนมากมายมักจะมองที่จุดอ่อนว่าคือปัญหาที่ต้องจัดการ ต้องแก้ไข แต่มีหนังสือเล่มหนึ่ง ได้เขียนเกี่ยวกับการทำให้จุดแข็งให้แข็งแกร่งมากขึ้น  อย่าไปใช้เวลากับจุดอ่อนมากเกินไป เมื่อจุดแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าใด จุดอ่อนจะด้อยลงไปและไม่ต้องไปจดจ่อ เสียเวลากับจุดอ่อนนั้น หรือบางที แทบจะไม่แสดงออกของจุดอ่อนเลย

พระเยซูคริสต์เจ้าทรงให้บัญญัติแก่สาวกของพระองค์

ยอห์น 13:34-35 34 เรา​ให้​บัญญัติ​ใหม่​ไว้​แก่​เจ้า​ทั้ง​หลาย คือ​ให้​เจ้า​รัก​ซึ่ง​กัน​และ​กัน เรา​รัก​เจ้า​ทั้ง​หลาย​มา​แล้ว​อย่างไร เจ้า​จง​รัก​กัน​และ​กัน​ด้วย​อย่าง​นั้น​35 ถ้า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​รัก​กัน​และ​กัน ดังนี้​แหละ​คน​ทั้ง​ปวง​ก็​จะ​รู้​ได้​ว่า​เจ้า​ทั้ง​หลาย​เป็น​สาวก​ของ​เรา”

นี่คือจุดแข็งของคริสเตียน คือ การรักกันและกัน ถ้าเราไม่รักกัน คือความผิดปกติ ถ้าเราไม่ขอโทษกัน ก็ผิดปกติ ถ้าเราไม่ให้อภัยกัน ยิ่งผิดปกติ ถ้าเรายังขมขื่น คาใจกัน  อันนี้ คือเข้าขึ้นโคม่า ของชีวิตการเป็นคริสเตียน  การรักกันและกัน คือจุดแข็งที่เราต้องทำให้แกร่งยิ่งขึ้น

อะไรทำให้แกร่งยิ่งขึ้น บางคนอาจตอบว่า รักมากขึ้น รักยังไง ข้าพเจ้าอยากจะบอกว่า สิ่งที่ทำให้ความรักกันและกันของเราแกร่งมากขึ้น คือการให้อภัยกันได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ขอโทษกันง่ายขึ้น เร็วขึ้น  เปลี่ยนความขมให้กลายเป็นความหวานได้อย่างรวดเร็ว ออกจากการวนเวียนอยู่กับความคิดเดิมๆ ออกจากการจดจำความผิดที่มีแต่จะให้ทิ้งกันไป แต่…

เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์ ต้องรักกันจริง ไม่ทิ้งกันนะ สุดท้ายขอจบอย่างรวดเร็ว ด้วยข้อพระคัมภีร์เกี่ยวกับความรัก

1โครินธ์ 13:4-7 4 ความ​รัก​นั้น​ก็​อดทน​นาน​และ​กระทำ​คุณ​ให้ ความ​รัก​ไม่​อิจฉา ไม่​อวด​ตัว ไม่​หยิ่ง​ผยอง​5 ไม่​หยาบ​คาย ไม่​คิดเห็น​แก่​ตนเอง​ฝ่าย​เดียว ไม่​ฉุนเฉียว ไม่​ช่าง​จดจำ​ความ​ผิด​6 ไม่​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​มี​การ​ประพฤติ​ผิด แต่​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​ประพฤติ​ชอบ​7 ความ​รัก​ทน​ได้​ทุก​อย่าง​แม้​ความ​ผิด​ของ​คน​อื่น และ​เชื่อ​ใน​ส่วน​ดี​ของ​เขา​อยู่​เสมอ และ​มี​ความ​หวัง​อยู่​เสมอ และ​ทน​ต่อ​ทุก​อย่าง

นิยามของความรัก สรุปได้สองข้อใหญ่ๆ ได้แก่

 1.อดทนนาน

4 ความ​รัก​นั้น​ก็​อดทน​นาน​และ​กระทำ​คุณ​ให้ ความ​รัก​ไม่​อิจฉา ไม่​อวด​ตัว ไม่​หยิ่ง​ผยอง​5 ไม่​หยาบ​คาย ไม่​คิดเห็น​แก่​ตนเอง​ฝ่าย​เดียว ไม่​ฉุนเฉียว ไม่​ช่าง​จดจำ​ความ​ผิด

2.ทนได้ทุกอย่าง

6 ไม่​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​มี​การ​ประพฤติ​ผิด แต่​ชื่น​ชม​ยินดี​เมื่อ​ประพฤติ​ชอบ​7 ความ​รัก​ทน​ได้​ทุก​อย่าง​แม้​ความ​ผิด​ของ​คน​อื่น และ​เชื่อ​ใน​ส่วน​ดี​ของ​เขา​อยู่​เสมอ และ​มี​ความ​หวัง​อยู่​เสมอ และ​ทน​ต่อ​ทุก​อย่าง

“เป็นหนึ่งเดียวกันกับพระคริสต์…รักกันจริงไม่ทิ้งกันนะ”

1.อดทนนาน

2.ทนได้ทุกอย่าง

By admin