“Rapture  คริสเตียนจะถูกรับขึ้นไป”

2เปโตร 3:10-14 10 แต่​ว่า​วัน​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​นั้น จะ​มาถึง​เหมือน​อย่าง​ขโมย​แอบ​ย่อง​มา และ​ใน​วัน​นั้น ท้องฟ้า​จะ​ล่วง​เสีย​ไป​ด้วย​เสียง​ที่​ดัง​กึกก้อง และ​โลกธาตุ​จะ​สลาย​ไป​ด้วย​ไฟ และ​แผ่นดิน​โลก​กับ​สิ่ง​สารพัด​ที่​มี​อยู่​ใน​โลก​นั้น จะต้อง​ไหม้​เสีย​สิ้น 11 เมื่อ​เห็น​แล้ว​ว่า​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​จะต้อง​สลาย​ไป​หมด​สิ้น​เช่นนี้ ท่าน​ทั้ง​หลาย​ควร​จะ​เป็น​คน​เช่นใด​ใน​ชีวิต​ที่​บริสุทธิ์​และ​ดี​งาม​12 จง​เฝ้า​รอ​และ​เร่ง​วัน​ของ​พระ​เจ้า​ให้​มาถึง ซึ่ง​วัน​นั้น​ท้องฟ้า​จะ​ถูก​ไฟ​ผลาญ​สลาย​ไป และ​โลกธาตุ​ก็​จะ​ถูก​ไฟ​เผา​ให้​สลาย​ไป​13 แต่​ว่า​ตาม​พระ​สัญญา​ของ​พระ​องค์​นั้น เรา​จึง​คอย​ท้องฟ้า​อากาศ​ใหม่​และ​แผ่นดิน​โลก​ใหม่ ที่​ซึ่ง​ความ​ชอบธรรม​จะ​ดำรง​อยู่ 14 เหตุ​ฉะนั้น​พวก​ที่​รัก เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ยัง​คอย​สิ่ง​เหล่า​นี้​อยู่ ท่าน​ก็​จง​อุตส่าห์​ให้​พระ​องค์​ทรง​พบ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​มี​ใจ​สงบ ปราศจาก​มลทิน​และ​ข้อ​ตำหนิ​

มีคริสเตียนหัวหมอบางคนพูดว่า ถ้าอย่างนั้นเราไปสร้างหนี้สินไว้เยอะๆดีกว่า เวลาถูกรับไป Rapture ไม่ต้องใช้หนี้ซะเลย (ชักดาบ)

แต่พระคัมภีร์ได้พูดเกี่ยวกับหนี้สินอย่างนี้

โรม 13:8  8 อย่า​เป็น​หนี้​อะไร​ใคร นอก​จาก​ความ​รัก​ซึ่ง​มี​ต่อ​กัน เพราะ​ว่า​ผู้​ที่​รัก​เพื่อน​บ้าน​ ​ก็​ได้​ปฏิบัติ​ตาม​ธรรม​บัญญัติ​ครบถ้วน​แล้ว​

อาจตีความจากพระคัมภีร์สองตอนนี้ว่า ขอให้เรารีบเคลียร์ตัวเองก่อนถูกรับขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์  ไม่เป็นหนี้การยกโทษให้อภัยกันและกันแล้ว ยังไม่เป็นหนี้สินต่างๆด้วย พยายามใช้หนี้ให้ทัน อย่าเอาหนี้ติดตัวไปเข้าสวรรค์เลย หนี้อะไรไม่ทุกข์เท่าหนี้ภายในจิตใจ ค้างคาใจ ยังไม่ได้ใช้หนี้ใคร

มีผู้ชายคนหนึ่ง มาหาข้าพเจ้าและยื่นเงินคืนให้ข้าพเจ้า(ลืมไปแล้ว) เขาบอกว่าเขาเคยยืมเงินจากข้าพเจ้าตอนเข้าเดือดร้อน ข้าพเจ้าในความรู้สึกตอนให้เงินเขา ไม่ได้คิดว่ให้ยืม แต่ให้เลย เงินไม่มาก แค่สองพันบาท และข้าพเจ้าก็บอกกับเขาว่า ให้ไม่ได้ให้ยืม ข้าพเจ้าไม่ได้รับเงินคืนจากผู้ชายคนนั้น และเขาก็กลับไปด้วยความสบายใจว่า ไม่ได้ติดหนี้อะไรข้าพเจ้าอีก ในเวลาต่อมา ข้าพเจ้าทรงทราบภายหลังว่า เขาเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวบางอย่าง

นี่คือ ความรู้สึกของคนที่รู้ว่า เขากำลังจะจากร่างกายที่เสื่อมสลายนี้ไป และอยากจะจากไปอย่างไม่เป็นหนี้ค้างอะไรใคร

มีคนไม่น้อย ที่ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนหรือไม่เป็นคริสเตียน ต่างรู้สึกว่า ถ้าจะตาย ก็ของให้จากร่างกาย จากไป อย่างไม่มีอะไรค้างคาใจไป ด้วยคำว่า อโหสิกรรม แปลว่า ยกโทษให้อภัย แต่..น้อยนักจะคิดถึงการค้างหนี้สิน หนี้เงิน และคิดว่า การตายจะจบเรื่องหนี้สินได้

เรารู้หรือไม่ว่า กฏหมายใหม่ หรือวิธีการพิจารณาของศาลในยุคของเรา มีการให้หนี้สินที่ค้างของคนตาย ตกไปเป็นของผู้สืบสันดาน คือลูกๆ และแก่คนในครอบครัว อย่างเช่นสามีหรือภรรยาได้ เพราะมีบางคนไปก่อหนี้ ก่อนตาย (สร้างภาระให้กับผู้ให้กู้ยืม)

ข้าพเจ้าอยากจะตีความคำว่า อย่าเป็นหนี้อะไรใคร  ทั้งหนี้ใจ และหนี้สินด้วย (อย่าไปก่อหนี้ก่อนพระเยซูมา หรือก่อนที่เราจะถูกรับขึ้นไป และถ้าเป็นหนี้ ก็ให้รีบชดใช้ ให้หมดหนี้จะดีกว่า

การถูกรับขึ้นไปของคริสเตียน เป็นอะไรที่เราต้องเคลียร์ตัวเองให้มากที่สุด ก่อนถูกรับไป  เมื่อเราเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า เราได้รับสถานะใหม่เป็นบุตรของพระเจ้าแล้ว พระเจ้าทรงยกโทษให้อภัยเราแล้ว เรารับการช่วยกู้ให้รอดจากสิ่งที่กำลังจะเกิดแก่โลกนี้แน่นอน

1เธสะโลนิกา 4:17 17 หลังจาก​นั้น​เรา​ทั้ง​หลาย​ซึ่ง​ยัง​เป็นอยู่ จะ​ถูก​รับ​ขึ้น​ไป​ใน​เมฆ​พร้อม​กับ​คน​เหล่า​นั้น และ​จะ​ได้​พบ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ใน​ฟ้า​อากาศ อย่าง​นั้น​แหละ เรา​ก็​จะ​อยู่​กับ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​เป็น​นิตย์

2เปโตร 3:13-14 13 แต่​ว่า​ตาม​พระ​สัญญา​ของ​พระ​องค์​นั้น เรา​จึง​คอย​ท้องฟ้า​อากาศ​ใหม่​และ​แผ่นดิน​โลก​ใหม่ ที่​ซึ่ง​ความ​ชอบธรรม​จะ​ดำรง​อยู่ 14 เหตุ​ฉะนั้น​พวก​ที่​รัก เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ยัง​คอย​สิ่ง​เหล่า​นี้​อยู่ ท่าน​ก็​จง​อุตส่าห์​ให้​พระ​องค์​ทรง​พบ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​มี​ใจ​สงบ ปราศจาก​มลทิน​และ​ข้อ​ตำหนิ​

นี่คือคำกำชับของอัครสาวกของพระเยซูคริสต์อย่างเปโตร ที่ย้ำว่า เตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการถูกรับขึ้นไป

เปโตรเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์กับการถูกรับขึ้นไปของพระเยซู และเป็นคนหนึ่งที่ได้ยินทูตสวรรค์พูดกับสาวกที่มองดูการเสด็จขึ้นไปบนฟ้าของพระเยซูว่า

กิจการ 1:10-11   10 เมื่อ​เขา​กำลัง​เขม้น​ดู​ฟ้า เวลา​ที่​พระ​องค์​เสด็จ​ขึ้น​ไป​นั้น มี​สอง​คน​สวม​เสื้อ​ขาว​มา​ยืน​อยู่​ข้างๆ เขา​สอง​คน​นั้น​กล่าว​ว่า “ชาว​กาลิลี​เอ๋ย เหตุ​ไฉน​ท่าน​จึง​เขม้น​ดู​ฟ้า​สวรรค์ ​พระ​เยซู​องค์​นี้​ซึ่ง​ทรง​รับ​ไป​จาก​ท่าน​ขึ้น​ไป​ยัง​สวรรค์​นั้น จะ​เสด็จ​มา​อีก​เหมือน​อย่าง​ที่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ได้​เห็น​พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ยัง​สวรรค์​นั้น”

เปโตรคือสาวกที่ยอมตายถูกตรึงกางเขนกลับหัว เพราะการยืนหยัดว่า พระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย และถูกรับขึ้นไปบนฟ้าสวรรค์ตาหน้าต่อตาของตนเอง และเป็นคนที่เล่าเรื่องนี้ให้ลูกา คนที่บันทึกหนังสือกิจการนี้ (ลูกาในเวลานั้น ติดตามเปโตรไปทุกที่เพื่อเป็นล่าม ให้กับเปโตร เนื่องจากเปโตรเทศนาอย่างชาวประมงที่ไร้การศึกษา และภาษากรีกของเปโตรน่าจะไม่ช่ำชองเท่าลูกา ในการสื่อสารกับยิวยุคภายใต้อาณานิคมของโรมัน

เรื่องการถูกรับขึ้นไป Rapture ของพระเยซูคริสต์คือต้นแบบของการถูกรับไปของคริสเตียนทุกคนที่จะถูกรับไปในรูปแบบเดียวกัน  Rapture

ขอให้พี่น้องคุ้ยเคยกับคำๆนี้เพราะว่า ไม่ว่าเราจะตายไปก่อนพระเยซูมาหรือ ยังมีชีวิตอยู่ขณะพระองค์มา เราทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะมีประสบการณ์กับ Rapture นี้แน่นอน

บางคนอาจสงสัยว่า ที่พระเยซูตรัสว่า บางคนจะถูกรับไป บางคนจะถูกทิ้งไว้หมายถึงใคร  คนที่ถูกทิ้งไว้คือใคร

มัทธิว 24:26-42 36 “แต่​วัน​นั้น โมง​นั้น ไม่​มี​ใคร​รู้ ถึง​บรรดา​ทูตสวรรค์​หรือ​พระ​บุตร​ก็​ไม่​รู้ รู้​แต่​พระ​บิดา​องค์​เดียว37 ด้วย​สมัย​ของ​โน​อาห์ ได้​เป็น​อย่างไร เมื่อ​บุตร​มนุษย์​เสด็จ​มา ​ก็​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น​38 เพราะ​ว่า​เมื่อก่อน​วัน​น้ำ​ท่วม​นั้น คน​ทั้ง​หลาย​ได้​กิน​และ​ดื่ม​กัน ทำ​การ​สมรส​และ​ยก​ให้​เป็น​สามี​ภรรยา​กัน จนถึง​วันที่​โน​อาห์​เข้า​ใน​นาวา​39 และ​น้ำ​ท่วม​มา​กวาด​เอา​เขา​ไป​สิ้น โดย​ไม่​ทัน​รู้ตัว​ฉัน​ใด เมื่อ​บุตร​มนุษย์​จะ​เสด็จ​มา​ก็​จะ​เป็น​ฉัน​นั้น​40 เมื่อ​นั้น​ชาย​สอง​คน​อยู่​ที่​ทุ่ง​นา จะ​ทรง​รับ​คน​หนึ่ง ทรง​ละ​คน​หนึ่ง​41 หญิง​สอง​คน​โม่​แป้ง​อยู่​ที่​โรง​โม่ จะ​ทรง​รับ​คน​หนึ่ง ทรง​ละ​คน​หนึ่ง​42 เหตุ​ฉะนั้น​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​เฝ้า​ระวัง​อยู่ เพราะ​ท่าน​ไม่​รู้​ว่า องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ของ​ท่าน​จะ​เสด็จ​มา​เวลา​ไหน​

นักเทศน์มากมายตีความตอนนี้ว่า  หมายถึงคริสเตียนทั้งสองคน คนหนี่งจะถูกละไว้ คนหนึ่งจะถูกรับไป (ข้าพเจ้าเองก็เข้าใจอย่างนั้น) แล้วอะไรคือมาตรฐาน การกรทำของคนหรือ ในขณะที่เราสอนให้ผู้เชื่อใช้ความเชื่อในพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่การกระทำ By faith alone  เราสอนว่า เราเป็นคนดี เราจึงทำดี ไม่ใช่การทำดี เพื่อให้เราเป็นคนดี และการเป็นคนดีของเรา คือการได้รับความชอบธรรมของพระเยซูมาแล้ว เราจะทำดีได้ขนาดไหน ไม่สำคัญ แต่ขอให้เราเป็นคนดีก่อน การทำดีจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติของชีวิตใหม่

2โครินธ์ 5:17 17 เหตุ​ฉะนั้น​ถ้า​ผู้ใด​อยู่​ใน​พระ​คริสต์​ ผู้​นั้น​ก็​เป็น​คน​ที่​ถูก​สร้าง​ใหม่​แล้ว สิ่ง​สารพัด​ที่​เก่าๆ ​ก็​ล่วง​ไป นี่​แน่ะ​กลาย​เป็น​สิ่ง​ใหม่​ทั้งนั้น​

การใช้คำให้กับสิ่งเก่า กับสิ่งใหม่ที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆกัน เป็นคำกริยา เป็นปัจจุบัน สิ่งเก่าล่วงไป อย่างต่อเนื่อง และสิ่งใหม่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นิสัยเก่าๆที่คนไทยเรียกว่า สันดาน ที่ฝังรากลึก ต้องใช้เวลาขุด ไม่ใช่ปุบปับจะออกหมด พระคัมภีร์ถึงได้กล่าวว่าพระเจ้าต้องใช้ความอดกลั้นอดทนกับเรา

2เปโตร3:9  9 องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​ไม่ได้​ทรง​เฉื่อย​ช้า​ใน​เรื่อง​พระ​สัญญา​ของ​พระ​องค์ ตาม​ที่​บาง​คน​คิด​นั้น แต่​พระ​องค์​ได้​ทรง​อด​กลั้น​พระ​ทัย​ไว้ เพราะ​เห็น​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​มา​ช้า​นาน ​พระ​องค์​ไม่​ทรง​ประสงค์​ที่​จะ​ให้​ผู้​หนึ่ง​ผู้ใด​พินาศ​เลย แต่​ทรง​ปรารถนา​ที่​จะ​ให้​คน​ทั้ง​ปวง​กลับ​ใจ​เสีย​ใหม่​

ถ้าอย่างนั้น ใครคือคนที่ถูกละไว้ น่าสนใจมากว่า มีคนตีความอีกแบบหนึ่ง คือ ถ้าเรารับเชื่อ ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า เราเชื่อในพระสัญญาของพระองค์ เราหันกลับมาหาพระเจ้า (กลับใจใหม่) เรารอด

ยอห์น 3:16 16 เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​รัก​โลก จน​ได้​ทรง​ประทาน​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​องค์ เพื่อ​ทุก​คน​ที่​วางใจ​ใน​พระ​บุตร​นั้น​จะ​ไม่​พินาศ แต่​มี​ชีวิต​นิรันดร์​

ความเชื่ออย่างเดียวทำให้ได้รับความรอดหรือ? ยากอบได้โต้แย้งเรื่องนี้ว่า

ยากอบ 2:17-25 17 ความ​เชื่อ​ก็​เช่น​เดียว​กัน ถ้า​ไม่​ประพฤติ​ตาม​ก็​ไร้​ผล 18 แต่​บาง​คน​จะ​กล่าว​ว่า “คน​หนึ่ง​มี​ความ​เชื่อ​แต่​อีก​คน​หนึ่ง​มี​การ​ประพฤติ” จง​แสดง​ให้​ข้าพเจ้า​เห็น​ความ​เชื่อ​ของ​ท่าน ที่​ไม่​มี​การ​ประพฤติ​ตาม และ​ด้วย​การ​ประพฤติ​ตาม ข้าพเจ้า​จะ​แสดง​ให้​ท่าน​เห็น​ความ​เชื่อ​ของ​ข้าพเจ้า​19 ท่าน​เชื่อ​ว่า​พระ​เจ้า​ทรง​เป็น​หนึ่ง นั่น​ก็​ดี​อยู่​แล้ว แม้​พวก​ปีศาจ​ก็​เชื่อ และ​กลัว​จน​ตัว​สั่น​20 แน่ะ​คน​โฉด​เขลา ท่าน​ต้อง​การ​ให้​พิสูจน์​หรือ​ว่า ความ​เชื่อ​ที่​ไม่​ประพฤติ​ตามนั้น​ไร้​ผล​21 เมื่อ​อับราฮัม​บิดา​ของ​เรา ได้​พาอิศอัค​บุตร​ของ​ท่าน​มา​ถวาย​บน​แท่น​บูชา จึง​ได้​ความ​ชอบธรรม​เพราะ​การ​ประพฤติ​ไม่ใช่​หรือ22 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เห็น​แล้ว​ว่า ความ​เชื่อ​มี​กำลัง​ร่วมกับ​การ​ประพฤติ​ตาม​ของ​ท่าน และ​ความ​เชื่อ​นั้น​จะ​บริบูรณ์​ด้วย​การ​ประพฤติ​23 และ​พระ​คัมภีร์​ก็​สำเร็จ​ที่ว่า อับราฮัม​เชื่อ​พระ​เจ้า และ​พระ​องค์​ทรง​ถือ​ว่า ความ​เชื่อ​นั้น​เป็น​ความ​ชอบธรรม​แก่​ท่าน  และ​ท่าน​ได้​ชื่อ​ว่า เป็นสหาย​ของ​พระ​เจ้า 24 ท่าน​ทั้ง​หลาย​ก็​เห็น​แล้ว​ว่า ผู้ใด​จะ​เป็น​คน​ชอบธรรม​ได้ ​ก็​เนื่อง​ด้วย​การ​ประพฤติ และ​มิใช่​ด้วย​ความ​เชื่อ​เพียง​อย่าง​เดียว​25 เช่น​เดียว​กัน ราหับ​หญิง​แพศยา​ก็​ได้​ความ​ชอบธรรม​เนื่อง​ด้วย​ความ​ประพฤติ​มิใช่​หรือ เมื่อ​นาง​ได้​รับรอง​ผู้​ส่ง​ข่าว​เหล่า​นั้น และ​ส่ง​เขา​ไป​เสีย​ทาง​อื่น26 เพราะ​กาย​ที่​ปราศจาก​จิต​วิญญาณ​นั้น​ไร้​ชีพ​แล้ว​ฉัน​ใด ความ​เชื่อ​ที่​ปราศจาก​การ​ประพฤติ​ตาม​ก็​ไร้​ผล​ฉัน​นั้น

สิ่งที่ยากอบกล่าวนี้ คือการประพฤติตอบสนองต่อน้ำพระทัยพระเจ้า คือการทำดีตามน้ำพระทัยพระเจ้า จะยืนยันว่า ความเชื่อที่เรามีนั้น คือความมั่นใจในความรอด

โรม 10:9-10 9 คือ​ว่า​ถ้า​ท่าน​จะ​รับ​ด้วย​ปาก​ของ​ท่าน​ว่า ​พระ​เยซู​ทรง​เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า และ​เชื่อ​ใน​จิตใจ​ว่า ​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​ชุบ​พระ​องค์​ให้​เป็น​ขึ้น​มา​จาก​ความ​ตาย ท่าน​จะ​รอด​10 ด้วย​ว่า ความ​เชื่อ​ด้วย​ใจ​ก็​นำไปสู่​ความ​ชอบธรรม และ​การ​ยอมรับ​สัจจะ​ของ​พระ​เจ้า​ด้วย​ปาก​ก็​นำไปสู่​ความ​รอด​

ยากอบไม่ได้ขัดแย้งกับพระธรรมโรมตอนนี้เลย แต่กลับสนับสนุนเสียด้วยซ้ำ เพราะยากอบใช้คำว่า ถ้าความเชื่อปราศจากการประพฤติก็ไร้ผล  คำว่า ไร้ผล แปลว่า ตาย

ความเชื่อที่แท้ต้องไม่ตาย ใช้ความเชื่อกับคนรอบข้าง  มีความหวังกับคน นั่นคือความเชื่ออย่างเดียวกันกับพระเจ้า คนบางคนน่าสิ้นหวัง แต่สำหรับพระเจ้า พระองค์มีความหวังกับคนทุกคน แม้คนที่เลวร้ายที่สุด พระเจ้าก็ยังมองเห็นโอกาสที่จะให้คนๆนั้นกลับใจใหม่ นี่คือความเชื่อที่ไม่ตาย  และเป็นความเชื่อที่ยากอบกำลังบอกกับคริสเตียนยุคนั้นถึงคริสเตียนยุคนี้ว่า นี่คือความเชื่อที่จะสร้างความมั่นใจในการถูกรับไป Rapture เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมา และเป็นรากฐานของจิตใจในการทำดีที่จะผ่านการพิสูจน์ด้วยไฟของพระเจ้า เพื่อรับบำเหน็จ เข้าสู่สวรรค์อย่างคนที่ไม่ต้องอยู่อย่างอับอายขายหน้าอย่างคนที่รอดอย่างไฟ(เปลือยกาย)

คลิปวิดีโอที่เราได้รับชม คือ เป็นการตีความของพี่น้องคริสเตียนคนหนึ่ง ที่น่าสนใจ มีสถานที่สามแห่งที่แตกต่างกันในสวรรค์

อ.เปาโลก็ได้แบ่งปันประสบการณ์ว่า ได้เข้าไปในสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่า สวรรค์ชั้นที่สาม ทำให้บางคนตีความเข้าใจว่า มีสวรรค์สามชั้น แต่ความจริง คือสถานที่แตกต่างกันในสวรรค์สามแห่ง แห่งแรก ที่เรียกว่า

สวรรคสถานแห่งที่หนึ่ง  คือสถานที่คริสเตียนเข้าสวรรค์อย่างรอดอย่างไฟ คืออยู่อย่างอับอาย ไม่มีบำเหน็จ แต่รอดตายการโลกธาตุที่แตกสลายไป รับกายใหม่ แต่กายนั้นไม่ได้มีสง่าราศรี อย่างที่ควรจะได้รับ

สวรรคสถานแห่งที่สอง คือ สถานที่ที่คริสเตียนอีกประเภทหนึ่งได้เข้าไปแต่ยังเข้าไปไม่ถึงสวรรค์ชั้นที่สาม สวรรค์ชั้นนี้ เป็นคริสเตียนที่ดำเนินชีวิตที่รักแต่ตัวเอง รอดก็จริง มีเสื้อที่สวมไส่คือสิ่งที่ตนเองรัก หากเทียบศักดิ์ศรีการเข้าสวรรค์แล้ว ก็คือการอยู่อย่างน่าเสียดายที่พลาดโอกาสได้เข้าสวรรค์ชั้นที่สาม

สวรรคสถานแห่งที่สาม (ที่เปาโลได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียน) คริสเตียนที่รอด ถูกรับขึ้นไป จะมีมงกุฎ มีเสื้อแห่งความชอบธรรม อยู่ในพระนิเวศของพระเจ้า มีพื้นที่ส่วนตัว ได้ร่วมโต๊ะกับพระเจ้า ได้นมัสการพระเจ้า และอยู่กับพระสิริของพระเจ้า ในฟ้าใหม่แผ่นดินใหม่ เยรูซาเล็มใหม่  อยากไปไหน ก็ไปได้ทุกที่ แฮปปี้

ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับการตีความนี้ เราทุกคนที่เชื่อ รอดแน่นอน และจะพบกับการถูกรับขึ้นไป Rapture แต่ว่า จะรอดอย่างไฟ รอดอย่างเข้าสวรรค์ class 1 class 2 หรือ class 3 อยู่ที่เราดำเนินชีวิตในโลกนี้ เพื่อเข้าสู่การพิสูจน์ด้วยไฟของพระเจ้าอย่างไร

แล้วคนที่ถูกละไว้คือใคร คือคนที่จะเป็นพยานว่า การถูกรับไป Rapture มีจริง คือคนที่ไม่เชื่อเรื่องการรถูกรับไป นั่นเอง แต่เราคือคนที่เชื่อใช่ไม๊?

2เปโตร 3:13-14 13 แต่​ว่า​ตาม​พระ​สัญญา​ของ​พระ​องค์​นั้น เรา​จึง​คอย​ท้องฟ้า​อากาศ​ใหม่​และ​แผ่นดิน​โลก​ใหม่ ที่​ซึ่ง​ความ​ชอบธรรม​จะ​ดำรง​อยู่ 14 เหตุ​ฉะนั้น​พวก​ที่​รัก เมื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ยัง​คอย​สิ่ง​เหล่า​นี้​อยู่ ท่าน​ก็​จง​อุตส่าห์​ให้​พระ​องค์​ทรง​พบ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​มี​ใจ​สงบ ปราศจาก​มลทิน​และ​ข้อ​ตำหนิ​

ความเชื่อที่มีการประพฤติ ก็ work  ด้วย การดำเนินชีวิตที่

1.มีใจสงบ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง

2.ปราศจากมลทิน จากกิเลศตัณหาทั้งหลาย

3.ปราศจากข้อตำหนิ  ดีรอบคอบ (ดีพร้อม) ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเหมาะสม และดีที่สุดอย่างผู้เชี่ยวชาญในการดี

ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่จะกำหนดว่า เราจะอยู่สวรรคสถานแห่งไหน หลังจากถูกรับขึ้นไป Rapture

โปรดระวัง การตัดสินใจแบบสิ้นคิด คือ ขอแค่สวรรคสถานแห่งที่ 3 ก็พอ เพราะนั่นคือสถานะที่จะอยู่อย่างน่าอายชั่วนิรันดร์ (ขออย่าเป็นอย่างนั้นเลย) เราควรจะเจอกันในสวรรคสถานแห่งที่  3 (พระเจ้าทรงคาดหวังทุกคนอยู่ที่นั่น The best )

By admin