“เปลี่ยน…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า”
วีดีโอ เปลี่ยนคำ เปลี่ยนโลก
(คนตาบอด ขอทาน เขียนคำว่า ฉันเป็นคนตาบอด แต่เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งเปลี่ยนคำ เป็น วันนี้เป็นวันที่สวยงาม แต่ฉันมองไม่เห็น ทำให้คนสงสาร เรื่องนี้ชื่อเรื่อง แค่เปลี่ยนคำพูดตัวเอง ก็จะเปลี่ยนโลกของตัวเองไปด้วย
เปลี่ยนถ้อยคำของคุณ เปลี่ยนโลกของคุณ Change your words Change your world เรื่องนี้ให้บทเรียนแก่เราว่า เรากำลังแสดงตัวเราให้คนอื่นมองรู้จักเราแบบไหน
มีคนหนึ่งกล่าวว่า เขาอยากให้คนอื่นอิจฉาเขา มากกว่าให้คนอื่นสงสารเขา คือคำกล่าวที่เป็นจริงว่า ใครๆก็อยากเป็นที่อิจฉาของคนอื่น คำว่า เป็นที่อิจฉา แสดงว่า ต้องมีอะไรที่ดีกว่า (ชีวิตที่ดีกว่า)
ถ้อยคำเดิมของคนตาบอดเพียงแค่แสดงตัวว่าเขาน่าสงสาร ขอให้คนที่ผ่านไปมาแสดงความสงสารเขาด้วย ช่วยเขาด้วย
แต่…..ผู้หญิงที่เปลี่ยนถ้อยคำบนป้ายให้กับคนตาบอด มองเห็นจุดขายที่คนตาบอดจะได้ความสงสารจากคนที่เดินผ่านไปมา นั่นคือ ทำให้คนที่ตาดีทั้งหลายรู้สึกว่า เขาเป็นที่อิจฉาของคนขอทานตาบอด ความรู้สึกดีกว่าของตัวเองเกิดขึ้น และความรู้สึกสงสารตามมา
เราคงเคยได้ยินเรื่องราวของคนที่บ่นว่า ตนเองไม่มีรองเท้า แต่เมื่อเห็นคนที่ไม่มีเท้า ก็จะเลิกบ่น เพราะมีเท้าที่ไม่มีรองเท้า ก็ยังดีกว่าไม่มีเท้าที่จะใส่รองเท้า คำพูดของเราจะเปลี่ยน เมื่อเราหยุดที่จะมองตัวเองน่าสงสาร
เปลี่ยน…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
ในพระคัมภีร์ใหม่ มีเรื่องราวของคนๆหนึ่งที่อยากจะเปลี่ยนเพื่อชีวิตที่ดีกว่า มาดูกันว่า คนๆนี้ เขาอยากเปลี่ยนอะไร
ลูกา 18:35-43 35 เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้เมืองเยรีโค มีคนตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ริมหนทาง36 เมื่อเขาได้ยินเสียงประชาชนเดินผ่านไปจึงถามว่าเรื่องอะไรกัน37 เขาจึงบอกว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธเสด็จไป38 คนตาบอดนั้นจึงร้องว่า “ท่านเยซู บุตรดาวิดเจ้าข้าขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด”39 คนที่เดินไปข้างหน้านั้นจึงห้ามเขาให้นิ่ง แต่เขายิ่งร้องขึ้นว่า “บุตรดาวิดเจ้าข้าขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด”40 พระเยซูทรงประทับยืนอยู่ สั่งให้พาคนตาบอดมาหาพระองค์ เมื่อเขามาใกล้แล้วพระองค์ทรงถามเขาว่า41 “เจ้าปรารถนาจะให้เราทำอะไรให้เจ้า” เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า โปรดให้ข้าพระองค์เห็นได้”42 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า “จงเห็นเถิด ความเชื่อของเจ้าได้กระทำให้ตัวเจ้าหายปกติ”43 ในทันใดนั้นเขาก็เห็นได้ และตามพระองค์ไปพลางถวายสาธุการแด่พระเจ้า และเมื่อคนทั้งปวงได้เห็นเช่นนั้น ก็สรรเสริญพระเจ้า
เมืองเยรีโคเป็นทางผ่านที่พระเยซูกำลังเดินทางเพื่อไปยังเมืองเยรูซาเล็ม ระยะทางไม่ไกล แต่พระเยซูทรงเสด็จมาจากกาลิลี (บ้านนอก) เพื่อเข้าเมืองศูนย์กลางของประเทศ ในช่วงเวลานี้ เยรูซาเล็มเป็นที่ตั้งของพระวิหารศูนย์กลางกิจกรรมทางศาสนายูดาห์ เพราะว่า ธรรมบัญญัติของคนยิว กำหนดให้ผู้ชายยิวทุกคนต้องมายังเยรูซาเล็มปีละสามครั้ง ตามเทศกาลใหญ่สามเทศกาล ได้แก่ เทศกาลปัสกา เทศกาลอยู่เพิง และเทศกาลเพนตาคอส พระเยซูก็ต้องเดินทางมาจากบ้านเกิดของพระองค์ เวลานั้น พระเยซูทรงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนยิวมากมาย พระองค์ทรงเทศนา สั่งสอน และทำการอัศจรรย์รักษาโรคคนเจ็บคนป่วย ผู้คนจึงติดตามพระเยซูไปทุกที่ เพื่อฟัง เพื่อรับการทำพันธบริการจากพระเยซู พระเยซูเริ่มต้นพันธกิจของพระองค์เมื่อพระองค์อายุสามสิบปี และพระองค์ทรงทำพันธกิจอยู่สามปีครึ่ง จึงถูกตรึงที่กางเขน และฟื้นขึ้นมาจากความตาย และถูกรับขึ้นไปบนท้องฟ้า สาวกของพระเยซูประกาศเรื่องราวคำสอนของพระเยซูต่อจากนั้น และดำเนินในทางเดียวกันกับพระเยซู คือทำพันธบริการไปด้วย เรื่องราวของพระเยซูจึงถูกเรียกว่า ข่าวดี ข่าวประเสริฐ ข่าวที่ทำให้คนเปลี่ยน…เพื่อมีชีวิตที่ดีกว่า เพราะขณะที่พระเยซูยังอยู่บนโลก พระองค์ก็ทำให้ชีวิตคนเปลี่ยน…และมีชีวิตที่ดีกว่า อย่างเรื่องราวของคนตาบอดที่ใกล้เมืองเยรีโค
เรื่องราวของคนตาบอดที่อยากจะเปลี่ยน…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า
35 เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้เมืองเยรีโค มีคนตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ริมหนทาง36 เมื่อเขาได้ยินเสียงประชาชนเดินผ่านไปจึงถามว่าเรื่องอะไรกัน37 เขาจึงบอกว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธเสด็จไป
เริ่มต้นจากการสังเกตด้วยการได้ยิน มีบางอย่างผิดปกติไปจากเดิม จากที่เขาขอทาน จะมีคนสนใจบ้างไม่สนใจบ้าง แต่ตอนนี้ ดูเหมือนไม่มีใครสนใจเขาแล้ว 36 เมื่อเขาได้ยินเสียงประชาชนเดินผ่านไป….
ความผิดสังเกต น่าจะเกิดจากคนตาบอดขอทาน รู้สึกว่า คนที่ตนเองเรียกร้องให้สนใจตนเอง เพื่อบอกคนเหล่านั้นว่า ฉันน่าสงสาร มีใครจะช่วยฉันได้บ้าง คนที่ผ่านขอทานไป คงจะคิดว่า ตอนนี้ ฉันก็น่าสงสารเหมือนกัน และฉันพบคนที่จะทำให้ฉันมีชีวิตที่ดีกว่า คือพระเยซูกำลังผ่านมาพอดี
คำพยานของคนมากมายที่มีประสบการณ์กับพระเยซู แล้วเป็นที่น่าอิจฉาของคนมากมาย พระเยซูทรงสามารถเปลี่ยนชีวิตคนๆนั้นได้ พระองค์ขับผี ออกจากคน พระเยซูรักษาโรคที่ไม่หายให้หายได้ พระเยซูทำสิ่งที่ไม่มีให้มีได้
36 เมื่อเขาได้ยินเสียงประชาชนเดินผ่านไปจึงถามว่าเรื่องอะไรกัน37 เขาจึงบอกว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธเสด็จไป
ขอทานได้ยินข่าวดี ข่าวประเสริฐ ที่จะสามารถเปลี่ยนชีวิตของตนเองให้ดีกว่า เงินไม่สามารถซื้อการมองเห็นได้ เงินแค่ประทังชีวิตไปวันๆ ถ้ายังตาบอดสภาพที่ต้องขอทาน แต่การมองเห็นได้ คือชีวิตที่ขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
ขอทาน รู้ว่า ตนเองมองไม่เห็น แต่ปากยังพูดได้ เขารีบเปลี่ยนคำพูดของตนเองทันที เปลี่ยนคำขอทาน เปลี่ยนเป้าหมาย จากคนไปที่พระเยซู
38 คนตาบอดนั้นจึงร้องว่า “ท่านเยซู บุตรดาวิดเจ้าข้าขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด”39 คนที่เดินไปข้างหน้านั้นจึงห้ามเขาให้นิ่ง แต่เขายิ่งร้องขึ้นว่า “บุตรดาวิดเจ้าข้าขอทรงเมตตาข้าพระองค์เถิด”
พระเยซูเสด็จมาใกล้เขามาก และคนตาบอดคนนี้จะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านเลยไป
ยิ่งถูกห้าม ยิ่งร้องเสียงดัง ขอทานเปลี่ยนเป้าหมาย เปลี่ยนคำที่เรียก เปลี่ยนเรื่องเงินเป็นสุขภาพ ความต้องการจะเปลี่ยนความมืดบอดของตนเองให้เป็นแสงสว่าง เปลี่ยนความไม่มีให้มี ไม่เคยมี ก็เชื่อว่าต้องมี
การเรียกชื่อพระเยซูว่า บุตรดาวิด มีความหมายอย่างมาก เพราะพระคัมภีร์เดิมได้พยากรณ์ว่า พระเมสสิยาห์ พระผู้ช่วยปลดปล่อยคนยิวจะมาเกิดจากเชื้อสายของดาวิด (พระเยซูเป็นเชื้อสายของดาวิดจริงๆ) แต่คนตาบอดเรียกพระเยซูด้วยความเชื่อ ไม่ใช่ด้วยความรู้ (ที่เป็นชีวประวัติของพระเยซู)
มีคำพูดเรื่องความเชื่ออย่างนี้ว่า ความเชื่อว่าพระเยซูมีอยู่จริง ไม่ใช่เชื่ออย่างประวัติศาสตร์ พระเยซูไม่ใช่ประวัติศาสตร์ แต่พระองค์คือปัจจุบัน คำที่พระเยซูตรัสเป็นพระมหาบัญชากับเหล่าสาวกว่า จงออกประกาศข่าวประเสริฐ คือการมีชีวิตอยู่กับข่าวประเสริฐ ไปไหนก็ไปสั่งสอนให้คนอยู่ด้วยข่าวประเสริฐ (เป็นสาวกของพระเยซู)
มัทธิว 28:19-20 19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
คำสุดท้ายของพระมหาบัญชา คือคำว่า ….เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค คือปัจจุบัน พระเยซูต้องการให้ผู้ที่เชื่อในพระองค์ เชื่อเป็นปัจจุบัน ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ เหมือนกับความเชื่อของคนตาบอดที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า การแสดงออกจึงเป็นการตะโกนร้องหาพระเยซู แม้คนจะห้าม ก็ไม่หยุดที่จะต้องหาพระเยซู จนพระเยซูต้องหยุดเดินผ่านไป
40 พระเยซูทรงประทับยืนอยู่ สั่งให้พาคนตาบอดมาหาพระองค์ เมื่อเขามาใกล้แล้วพระองค์ทรงถามเขาว่า41 “เจ้าปรารถนาจะให้เราทำอะไรให้เจ้า”…
คำว่า ประทับยืนอยู่ คือ หยุดนิ่ง คือท่าทีของการรอคอย ที่จะพบ ในพระคัมภีร์มีคำว่า พระเยซูเสด็จผ่านไป บ่อยมาก พระเยซูไม่หยุดนิ่ง เพราะพระองค์กำลังแสวงหาคนที่ต้องการความช่วยเหลือ พระองค์ไปทุกที่ เคลื่อนที่ตลอดเวลาเพื่อไปหาคนเดือดร้อน คนที่กำลังรอคอยพระองค์
คนตาบอดไม่ได้รอคอยพระเยซู พระองค์จึงผ่านเขาไป คนที่ติดตามพระเยซูก็ผ่านเขาไปด้วย จนเมื่อคนตาบอดพบว่า นี่คือโอกาสที่พระเยซูกำลังจะผ่านเขาไป ใครคือคนที่จะพาคนตาบอดมาหาพระเยซู คนตาดี…ที่ติดตามพระเยซู คือพวกเราที่นั่งกันอยู่ที่นี่ คนที่เปลี่ยน…และได้รับชีวิตที่ดีกว่าแล้ว คือพวกเราใช่ไม๊? เราทุกคนคือคนที่เคยพบกับคำถามของพระเยซูมาก่อนใช่ไม๊?
41 “เจ้าปรารถนาจะให้เราทำอะไรให้เจ้า”
พระเยซูกำลังถามเราในวันนี้อีกว่า เราอยากจะเปลี่ยน…เพื่อชีวิตที่ดีกว่าอีกไม๊? หรือพอใจอยู่แค่นี้
….เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า โปรดให้ข้าพระองค์เห็นได้”
คนตาบอดขอให้พระเยซูเปลี่ยน….เพื่อชีวิตของเขาจะดีขึ้น เปลี่ยนจากตาบอด ให้มองเห็นได้
นิมิต คือคำที่เรียกมิติการมองเห็นของคริสเตียนที่ลึกกว่ามิติทางกายภาพ
คนมากมายกลายเป็นเหยื่อของพวกหมอดู ก็เพราะต้องการจะมีมิติการมองเห็นที่ตนเองจำกัด
แต่พระเจ้าทรงประทานการมองเห็นให้กับคริสเตียน ด้วยความเชื่อ
ฮีบรู 11:1 1 ความเชื่อคือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง
และนี่คือสิ่งที่คนตาบอดมี คือความเชื่อ
42 พระเยซูตรัสแก่เขาว่า “จงเห็นเถิด ความเชื่อของเจ้าได้กระทำให้ตัวเจ้าหายปกติ”43 ในทันใดนั้นเขาก็เห็นได้ และตามพระองค์ไปพลางถวายสาธุการแด่พระเจ้า และเมื่อคนทั้งปวงได้เห็นเช่นนั้น ก็สรรเสริญพระเจ้า
ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าได้ฟังอ.ลอว์เรนซ์ คอง ศิษยาภิบาลคริสตจักร FCBC (Faith Community Baptist Church) สิงคโปร์เทศน์ตอนหนึ่งว่า มีการอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงทำสามอย่าง Sign Miracle and Wonder
Sign หมายสำคัญ คือการขับผีออก
Miracle การอัศจรรย์ คือ คนหายโรค
Wonder เรื่องประหลาด คือคน ไม่มีลูกตา (ตาบอด) แล้วกลับมีลูกตาขึ้นมา และมองเห็นได้
หมอลูกาบันทึกตอนนี้ด้วยคำว่า คนตาบอดคนนี้ได้รับการมองเห็น (จากเมื่อก่อนไม่มี ไม่เคยมีการมองเห็น)
บทเรียนของคนตาบอดคนนี้ คือการขอด้วยความเชื่อ และได้รับ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง…ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม
1.เปลี่ยน….เป้าหมายของชีวิต : พระเยซูผู้เดียว
ฮีบรู 12:1-2 1 เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา2 หมายเอาพระเยซูเป็นผู้บุกเบิกความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อของเราสมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงอดทนต่อกางเขน เพื่อความรื่นเริงยินดีที่ได้เตรียมไว้สำหรับพระองค์ ทรงถือว่าความละอายนั้นไม่เป็นสิ่งสำคัญและพระองค์ได้ประทับ ณ เบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า
พระเยซูคือผู้บุกเบิกความเชื่อ ตัวจริง เสียงจริง พระองค์พิสูจน์แล้วว่า หนทางที่พระองค์เดิน เป็นไปได้ ทำได้ และพระองค์ก็ถึงเส้นชัยแล้ว คนที่เดินตามพระเยซู ก็จะถึงเส้นชัยเหมือนกัน
2.เปลี่ยน…การมองแต่ตัวเอง(ผู้เดียวน่าสงสาร)
โรม 8:15 15 เหตุว่าท่านไม่ได้รับน้ำใจทาสซึ่งทำให้ตกในความกลัวอีก แต่ท่านได้รับพระวิญญาณผู้ทรงให้เป็นบุตรของพระเจ้า ให้เราทั้งหลายร้องเรียกพระเจ้าว่า “อับบา” คือพระบิดา
คนที่มองตัวเองน่าสงสาร มาจากความกลัว แต่คนของพระเจ้าเป็นลูกพระเจ้าแล้ว หยุดมองตัวเองน่าสงสารได้แล้ว เพราะความจริง เราได้หลุดจากสภาพของความน่าสงสารไปแล้ว เราคือลูกของพระเจ้าที่ทูตสวรรค์ต่างมองด้วยความอิจฉาว่า ทำไมพระเจ้าจึงวางเราต่ำกว่าพระองค์หน่อยเดียว คือ สูงกว่าเหล่าทูตสวรรค์ สูงกว่ามารซาตาน เพียงแต่เราถูกจำกัดไว้ด้วยร่างกายเรือนดินเท่านั้น อ.เปาโลถึงพูดว่า ตายก็คือกำไร คือจะได้หลุดจากเรือนดิน และรอรับกายใหม่ที่ไม่จำกัดอีกต่อไป
3.เปลี่ยน…ถ้อยคำที่พูดเป็นความเชื่อ
ฮีบรู 11:4 4 เพราะอาแบลมีความเชื่อ จึงได้นำเครื่องบูชาอันประเสริฐกว่าของคาอินมาถวายแด่พระเจ้า ซึ่งทำให้ท่านได้รับการรับรองว่าเป็นคนชอบธรรม พระเจ้าก็ได้ทรงยืนยันโดยการทรงรับของถวายของท่าน แม้ว่าอาแบลตายไปแล้วก็จริง แต่เพราะท่านมีความเชื่อ ท่านจึงยังคงพูดอยู่
คนที่มีความเชื่อ แม้ตายความเชื่อก็ยังพูด แต่คนที่ไม่มีความเชื่อ แม้มีชีวิตอยู่ คำพูดก็เหมือนตาย อาเบลเป็นตัวอย่างของคนที่มีความเชื่อถึงชีวิตที่ดีกว่า เพราะฉะนั้น อาเบล จึงให้เครื่องบูชาที่ประเสริฐกว่าคาอิน คือเครื่องบูชาอันมีชีวิต บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิแด่พระเจ้า
เปาโลเข้าใจเรื่องนี้ จึงเขียนในหนังสือโรมว่า
โรม 12:1-2 1 พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่านทั้งหลาย2 อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม
อย่าแค่พูด แต่จงแสดงออกเป็นการกระทำด้วยความเชื่อ
เปลี่ยน…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า จากหัวข้อประจำปีปีนี้ของคริสตจักรเรา การเปลี่ยนที่นำไป…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า จะทำให้พระคำตอนนี้สำเร็จในเราทุกคน
ฟิลิปปี 1:27 27 ขอแต่เพียงให้ท่านดำเนินชีวิตให้สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ เพื่อว่าแม้ข้าพเจ้าจะมาหาท่านหรือไม่ก็ตาม ข้าพเจ้าก็จะได้รู้ข่าวของท่านว่า ท่านเชื่อมั่นคง เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อสู้เหมือนอย่างเป็นคนเดียวเพื่อความเชื่ออันเกิดจากข่าวประเสริฐนั้น
ชีวิตที่เปลี่ยน…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า จะจบสวย จบดี และปากของเขาจะมีแต่เสียงเพลงแห่งการสรรเสริญพระเจ้า และคนทั้งปวงที่พบเจอก็จะสรรเสริญพระเจ้าตามไปด้วย อย่างคนตาบอดที่มองเห็นได้แสดงออกถึงชีวิตที่ดีกว่าเดิม ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ลูกา 18:43 43 ในทันใดนั้นเขาก็เห็นได้ และตามพระองค์ไปพลางถวายสาธุการแด่พระเจ้า และเมื่อคนทั้งปวงได้เห็นเช่นนั้น ก็สรรเสริญพระเจ้า
“เปลี่ยน…เพื่อชีวิตที่ดีกว่า”
1.เปลี่ยน….เป้าหมายของชีวิต: พระเยซูผู้เดียว
2.เปลี่ยน…การมองแต่ตัวเอง(ผู้เดียวน่าสงสาร)
3.เปลี่ยน…ถ้อยคำที่พูดเป็นความเชื่อ