“อยากไม่เหน็ดเหนื่อย….ไม่อ่อนเปลี้ยไม๊?”
อิสยาห์ 40:28-31 28 ท่านไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าพระทัยของพระองค์ก็เหลือที่จะหยั่งรู้ได้ 29 พระองค์ประทานกำลังแก่คนอ่อนเปลี้ย และแก่ผู้ที่ไม่มีกำลัง พระองค์ทรงเพิ่มแรง 30 แม้คนหนุ่มๆ จะอ่อนเปลี้ยและเหน็ดเหนื่อย และชายฉกรรจ์จะล้มลงทีเดียว 31 แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระเจ้าจะเสริมเรี่ยวแรงใหม่ เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่เหน็ดเหนื่อย เขาจะเดินและไม่อ่อนเปลี้ย คำว่า ไม่รู้เหน็ดเหนื่อย (ภาษาฮีบรูใช้คำว่า Saga ซากา กับการวิ่ง แปลว่า ไม่รู้สึกหอบ แฮกๆ) กับอีกคำว่า ไม่อ่อนเปลี้ย ใช้กับการเดิน (ภาษาฮีบรูใช้คำว่า Yaw-af ยาวอัฟ แปลว่า ไม่รู้สึกเป็นลมหมดแรงจากการต่อสู้) วิ่งไม่หอบ เดินเท่าไหร่ก็ไม่เป็นลม อิสยาห์ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้เปรียบเทียบคนที่รอคอยพระเจ้าจะมีกำลังมากเป็นพิเศษกว่าใคร โดยยกตัวอย่างคนหนุ่ม ที่มีกำลังมากกว่าคนทุกวัย (ก็ยังอ่อนเปลี้ย และถูกโค่นล้มลงได้) คนของพระเจ้ามีโอกาสที่จะมาถึงจุดอ่อนเปลี้ย ไม่มีกำลังได้ แต่…ถ้าคนของพระเจ้า รู้จักที่จะรอคอยพระเจ้า ตามความหมายของคำว่า รอคอย (ภาษาฮีบรูใช้คำว่า to bind together แปลว่า ผูกเข้าด้วยกัน แบบบิดแน่น การรอคอยที่เกาะติดทุกสถานการณ์ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของพระเจ้าในชีวิตของตนเอง ผู้รอคอยนั้นจะพบกับการเสริมกำลังเรี่ยวแรงใหม่จากพระเจ้าแน่นอน (นี่คือสัญญา) ใครเชื่อ คนนั้นก็จะได้การเสริมกำลังเรี่ยวแรงใหม่ พระเยซูคริสต์เจ้าได้เป็นต้นแบบของผู้รอคอยพระเจ้าและรับการเสริมกำลังเรี่ยวแรงใหม่ พระองค์ทำงานหนัก มีความทานทน ต่อแรงกดดันได้อย่างพิเศษ ในขณะที่พระองค์ก็ทรงอยู่ในสภาพมนุษย์เหมือนกับเราทั้งหลาย พระเยซูคริสต์ทรงเชิญชวนคนที่เหน็ดเหนื่อยให้มาเรียนรู้วิธีการรอคอยพระเจ้าอย่างที่อิสยาห์ได้กล่าวถึง มาเรียนรู้จากพระองค์เองเลย เป็นการสาธิตจากตัวจริงเสียงจริง มัทธิว 11:28-30 28 บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพและใจอ่อนน้อม และจิตใจท่านทั้งหลายจะได้พัก30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา” มาเรียนที่จะรู้จักการรอคอยพระเจ้าอย่างพระเยซูคริสต์ว่าพระองค์ทำอย่างไร ในขณะที่พระองค์ทำพันธกิจตอนกลางวัน กลางคืนอธิษฐาน เช้าอธิษฐาน พักในเวลาที่เดินทาง สอนในเวลาที่คนต้องการคำสอน เยียวยาคนที่เจ็บป่วยและต้องการการรักษา ปลอปล่อยคนที่ถูกบีบบังคับ ทำให้คนมีเสรีภาพ ตอบปัญหา ตั้งคำถาม ได้อย่างตรงประเด็น และยังสอนสร้างสาวกรุ่นต่อไป ให้ไปสร้างสาวกรุ่นต่อไป พระกิตติคุณสี่เล่มได้บันทึกถึงการทำงานของพระเยซู และการรับการเสริมกำลังเรี่ยวแรงใหม่จากพระเจ้า พระองค์ไม่ต้องใช้เทคโนโลยี่ เครื่องช่วย อุปกรณ์เสริมใดๆทั้งสิ้น ไม่ต้องใช้เงินมากมาย ไม่ต้องใช้คนมากมาย อยากไม่รู้เหน็ดเหนื่อย…ไม่อ่อนเปลี้ยไม๊? ….แค่ทำตามที่พระเยซูทำ เป็นอย่างที่พระองค์เป็น…