“ได้เวลาทำงานในยุ้งฉางของพระเจ้า”
เวลานี้ ห้องด้านหน้าของคริสตจักรเรา กลายเป็นเหมือนยุ้งฉางเล็กๆ เก็บข้าวสารไว้หลายร้อยกิโลกรัม อันเนื่องมาจากพี่น้องจากทางภาคเหนือจากบ้านอ.ทาอุ ส่งข้าวสารมาให้เรา และยังมีพี่น้อง พี่นัชชา ปลูกข้าวออแกนิค กข. 43 ที่กำลังเป็นที่เลื่องลือว่า เป็นข้าวสำหรับคนเป็นเบาหวาน ได้ถวายมาให้คริสตจักรเพื่อจะขายเปลี่ยนเป็นเงินมาสนับสนุนงานของคริสตจักร
เมื่อคราวที่แล้วข้าพเจ้าได้แบ่งปันกับพี่น้องถึง เรื่องการจัดเตรียมของพระเจ้าสำหรับคริสตจักรหลายแห่งในประเทศไทยในเวลานี้ เพื่อจะเป็นยุ้งฉางเก็บพืชผลที่เก็บเกี่ยว คือดวงจิตวิญญาณคนมากมายที่มารับเชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้า พระเจ้าได้เตรียมสถานที่โบสถ์หลายแห่ง ให้ขยายพื้นที่ รองรับคนที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น และคริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11ของเราก็ถูกเตรียม ขยายพื้นที่ไว้แล้ว
“ได้เวลาทำงานในยุ้งฉางของพระเจ้า”แล้ว สามอาทิตย์บ่ายที่เราไปอบรมหลักสูตร “ชีวิตคริสเตียนและการเป็นพยาน” CLWC ที่คริสตจักรแสงสว่าง เพื่อจะเตรียมการสำหรับงานประกาศใหญ่ที่จะมีในเดือนมกราคมปีหน้า วันที่ 19-20 เสาร์อาทิตย์ที่ไบเทคบางนา ได้เตรียมพื้นที่รองรับคนมาประชุมถึงสองหมื่นคน พี่น้องพวกเราหลายคนสมัครเป็นพี่เลี้ยง เป็นอันดรูว์ เพื่อเราจะพาคนให้รับเชื่อ มาไว้ในยุ้งฉางของพระเจ้าที่ใจสมานเพชรเกษม 11แห่งนี้
ข้าพเจ้าได้เขียนสูจิบัตรวันนี้ เรื่องวันคริสตมาสของเราสำคัญไฉน? ได้อธิบายว่า ความจริงว่า วันคริสตมาสไม่ได้มีในพระคัมภีร์เลย ไม่มีบันทึกว่าพระเยซูเกิดวันไหน จนถึงวันนี้ วันคริสตมาสก็ไม่ใช่วันเกิดจริงๆของพระเยซู และพระคัมภีร์ก็ไม่ได้เน้นย้ำเรื่องนี้
วันคริสตมาส เป็นแค่สัญลักษณ์ทางศาสนาคริสต์เท่านั้น การจัดคริสตมาสของโบสถ์เราไม่เคยจะตรงวันที่ 25 ธันวาคมสักปี ในสูจิบัตร ข้าพเจ้าได้สรุป ว่า คริสตมาสจะสำคัญก็ต่อเมื่อเราได้นำคนมาในวันคริสตมาส นำคนให้มาได้รู้จักกับพระเยซูคริสต์เจ้า ได้ใกล้ชิดพระเจ้า ความสำคัญจึงเกิดขึ้น คริสตมาสจึงเป็นโอกาสของการหว่าน และการเก็บเกี่ยว ดวงจิตวิญญาณให้เป็นพืชผลเข้ามาไว้ในยุ้งฉางของพระเจ้า
“ได้เวลาทำงานในยุ้งฉางของพระเจ้า” แล้ว ให้เรามองไปรอบๆตัวเรา ใครบ้างที่เราหว่านไปแล้ว ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว พระเยซูคริสต์เจ้าทรงตรัสเกี่ยวกับทุ่งนาที่มีข้าวพร้อมให้เก็บเกี่ยว หมายถึง คน….
ยอห์น 4:35-36 35 ท่านทั้งหลายว่า อีกสี่เดือนจะถึงฤดูเกี่ยวข้าวมิใช่หรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่า เงยหน้าขึ้นดูนาเถิด ว่าทุ่งนาเหลืองอร่าม ถึงเวลาเกี่ยวแล้ว36 คนเกี่ยวก็กำลังได้รับค่าจ้าง และกำลังส่ำสมพืชผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์ เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน
คำที่ใช้ในภาษาบำบัดภายใน ของเอลียาห์เฮ้าส์ มีประโยคคำว่า สุกงอมพร้อมให้พระเจ้าเก็บเกี่ยว Ripe to reap หมายถึง คนที่บาดเจ็บมากจนไม่สามารถจะทนต่อไปได้แล้ว ต้องการความช่วยเหลือการช่วยกู้จากพระเจ้า ยอมที่จะให้พระเจ้าเปิดแผลและทำการเยียวยารักษา คนจะมาไม่ถึงการเยียวยาของพระเจ้า หากเขายังไม่เข้าในยุ้งฉางของพระเจ้า
ถ้าเรามองออกไปที่ผู้คนข้างนอก หรือคนรอบตัวเรา หรือดูในอินเตอร์เน็ต ในเฟสบุ้ค ไลฟ์สดมากมาย ที่ทำลายชีวิตตนเองทำร้ายชีวิตคนอื่น ส่งต่อบาดแผลให้กับคนอื่น คนกำลังเจ็บปวด มีบาดแผลเหวอะหวะ แทบทุกคน เราจะเห็นความพยายามแสวงหาทางออก การขอความช่วยเหลือ การช่วยกู้ นี่แหล่ะคือข้าวที่เหลืองอร่าม ที่อยู่ในทุ่งนาจิตใจของคน
มีคำพูดหนึ่งกล่าวว่า ทรัพยากรที่มีค่าที่สุด คือคน แต่ในสำนวนพระคัมภีร์ พระเจ้าเรียกคนด้วยคำเปรียบเทียบเป็นพืชผล เป็นแกะ ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางการค้า พระคัมภีร์ใหม่ เรียกคนว่า สิ่งของที่มีค่าที่ถูกปล้นไป ถูกยึดไว้ ให้หมดอิสรภาพ การเสด็จมาของพระเยซูคริสต์เจ้าคือการมาช่วยปลดปล่อยคนให้ออกจากการถูกควบคุม ถูกรังควาน
มัทธิว 9:36-38 36 และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นประชาชนก็ทรงสงสารเขา ด้วยเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งดุจฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง37 แล้วพระองค์ตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากนักหนา แต่คนงานยังน้อยอยู่38 เหตุนั้นพวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์”
นี่ก็เป็นอีกครั้งที่พระเยซูทรงใช้ประโยคเดียวกัน คนคือพืชผล เป็นแกะ เป็นสิ่งมีค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า และกำลังตกอยู่ในภาวะที่น่าสงสารอย่างยิ่ง พระเยซูตรัสกับพวกสาวกของพระองค์เรื่องคนงานยังน้อยอยู่
การให้สาวกเป็นผู้อ้อนวอนพระเจ้าเจ้าของนา ส่งคนงานมา ทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญ เรามาดูในบริบทต่อไปที่พระเยซูตรัสอีก
ลุกา 10:1-2 1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้น พระเยซูทรงตั้งสาวกอื่นอีกเจ็ดสิบคนไว้ และใช้เขาออกไปทีละสองคนๆ ให้ล่วงหน้าพระองค์ไปก่อน ให้เข้าไปทุกเมืองและทุกตำบลที่พระองค์จะเสด็จไปนั้น พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ข้าวที่ต้องเกี่ยวนั้นมีมากแต่คนงานยังน้อยอยู่ เหตุฉะนั้น พวกท่านจงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์
ในหนังสือลูกาตอนนี้ พระเยซูก็พูดประโยคเดียวกันอีก แต่คราวนี้ พระองค์ไม่รอให้คนมาหาพระองค์แล้ว พระองค์ส่งสาวกออกไปเจ็ดสิบคน ไปเป็นคู่ๆ
….ให้เข้าไปทุกเมืองและทุกตำบลที่พระองค์จะเสด็จไปนั้น แปลว่า ต้องมีคนไปก่อนที่พระเยซูจะเสด็จไปถึง สาวกของพระเยซูจะต้องไปก่อน ไปพร้อมกับคำอธิษฐานต่อพระบิดาบนฟ้าสวรรค์
….จงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์ แปสว่า พบใครก็ทำภารกิจ เก็บเกี่ยว
ลูกา 10:5-6 5 ถ้าจะเข้าไปในเรือนใดๆ จงพูดก่อนว่า ‘ให้ความสุขมีแก่เรือนนี้เถิด’6 ถ้าลูกแห่งสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา ถ้าหาไม่ สันติสุขของท่านจะกลับอยู่กับท่านอีก
พี่น้อง Theme คริสตมาสของเราปีนี้ คือ “สันติสุขคริสตมาสมีแก่ทุกคน” Christmas Shalom คือให้เราทุกคนจงออกไปอย่างสาวกเจ็ดสิบคนที่พระเยซูส่งออกไป พร้อมกับ Themeว่า ให้ความสุขมีแก่เรือนนี้เถิด
6 ถ้าลูกแห่งสันติสุขอยู่ที่นั่น สันติสุขของท่านจะอยู่กับเขา ถ้าหาไม่ สันติสุขของท่านจะกลับอยู่กับท่านอีก
นี่คือวิธีประกาศ และการทำงานของคนของพระเจ้าที่จะเก็บเกี่ยวพืชผลเข้ามาในยุ้งฉางของพระองค์ พืชผลที่เข้ามาในยุ้งฉางของพระเจ้าจะถูกเปลี่ยนเป็นคนงานทันที พร้อมกับรับค่าจ้างจากพระเจ้า
ลูกา 10:7,17-20 7 จงอาศัยอยู่ในเรือนนั้น กินและดื่มของซึ่งเขาจะให้นั้น ด้วยว่าผู้ทำงานสมควรจะได้รับค่าจ้างของตน…..17 ฝ่ายสาวกเจ็ดสิบคนนั้นกลับมาด้วยความปรีดีทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ถึงผีทั้งหลายก็ได้อยู่ใต้บังคับของพวกข้าพระองค์โดยพระนามของพระองค์”18 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “เราได้เห็นซาตาน ตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ19 ดูเถิด เราได้ให้พวกท่านมีอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่ากำลังศัตรู ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดจะทำอันตรายแก่ท่านได้เลย20 แต่ว่าอย่าเปรมปรีดิ์ในสิ่งนี้ คือที่พวกผีอยู่ใต้บังคับของพวกท่าน แต่จงเปรมปรีดิ์ เพราะชื่อของท่านจดไว้ในสวรรค์”
จะเห็นว่า สาวกเจ็ดสิบคนได้นำการปลดปล่อยคนที่พวกเขาไปพบเจอ ปลดปล่อยคนออกจากการรังควาญของผีร้าย ก็คือออกจากมือมาร
พระคัมภีร์อีกตอนหนึ่งที่พระเยซูได้ตรัสถึงกำลังที่มากกว่าของสาวกที่ทำงานเป็นคนงานของพระเจ้า เพื่อจะนำคนออกจากการควบคุม ยึดครอง คนที่ถูกเก็บไว้ในตึกของมารซาตาน
มัทธิว 11:20-23 20 แต่ถ้าเราขับผีออกด้วยนิ้วพระหัตถ์ของพระเจ้า แผ่นดินของพระเจ้าก็มาถึงท่านแล้ว21 เมื่อคนมีเรี่ยวแรงถืออาวุธเฝ้าตึกของตนอยู่ สิ่งของของเขาก็ไม่เป็นอันตราย22 แต่เมื่อคนมีกำลังมากกว่าเขามาต่อสู้ชนะเขา คนนั้นก็ชิงเอาเครื่องอาวุธที่เขาได้วางใจนั้นไปเสีย แล้วแบ่งปันของที่เขาได้ริบเอาไปนั้น23 ผู้ใดไม่อยู่ฝ่ายเราก็เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา และผู้ใดไม่รวบรวมไว้กับเรา ก็เป็นผู้กระทำให้กระจัดกระจายไป
คน กลายเป็นสิ่งที่อาณาจักรสองอาณาจักรกำลังแย่งชิงกัน อาณาจักรของมารซาตานได้ขโมยคนไปควบคุมเป็นทาส อาณาจักรของพระเจ้าต้องทำการช่วยเหลือคนจากการยึดครองของมารกลับมาสู่อิสรภาพ
เมื่อคนมีเสรีภาพโดยพระเจ้า คนๆนั้นถูกเปลี่ยนสถานะเป็นพืชผล เป็นแกะที่รับการคุ้มครองด้วยยุ้งฉาง และจากผู้เลี้ยง คือพระเจ้า ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ คือผู้ที่ทำหน้าที่ รวบรวม คำว่า รวบรวม ในคำนี้ คือคำกรีกเดียวกันที่แปลว่า เก็บเกี่ยวไว้ในยุ้งฉางของพระเจ้า
มัทธิว 13:30 30 ให้ทั้งสองจำเริญไปด้วยกันจนถึงฤดูเกี่ยว และในเวลาเกี่ยวนั้นเราจะสั่งผู้เกี่ยวว่า ‘จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อนเผาไฟเสีย แต่ข้าวดีนั้นจงเก็บไว้ในยุ้งฉางของเรา’ ”
ผู้เกี่ยวของพระเจ้าในข้อนี้ หมายถึงทูตสวรรค์ จะมาทำหน้าที่อีกครั้ง (ครั้งสุดท้าย) หลังจากการเก็บเกี่ยวที่สาวกของพระเยซูทำหน้าที่เป็นคนงานของพระเจ้า ได้ทำการรวบรวม ข้าวดี คำว่า เก็บในข้อนี้ ถูกแยกใช้คำต่างจากคำว่า เก็บข้าวละมาน (ข้าวที่ไม่ได้มาจากเมล็ดหว่านของพระเยซู จะถูกเก็บแบบคัดแยกออกไปต่างหาก เพื่อวัตถุประสงค์ทำลาย แต่ข้าวดี จะถูกเก็บแบบรวบรวมไว้ในยุ้งฉางของพระเจ้า
การทำงานของคริสเตียนที่ประกาศนำคนมาเข้ายุ้งฉางของพระเจ้า คือการเก็บข้าวดี
นี่คือคำเตือนของพระเยซูโดยใช้คำเรียกคนว่าเป็นข้าวที่รับการเก็บเกี่ยวในครั้งสุดท้าย และ ยุ้งฉางของพระเจ้า คือที่ปลอดภัย จากการถูกคัดแยกเพื่อทำลายในวันสุดท้ายของโลกนี้
พระเจ้าไม่ต้องการให้คนถูกทำลาย เวลาที่เราทั้งหลายยังมีชีวิตอยู่ คือเวลาแห่งการทำงานในยุ้งฉางของพระเจ้า เราทุกคนเป็นคนทำงานที่จะต้องออกไปอย่างสาวกเจ็ดสิบคน
….จงอ้อนวอนพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของนา ให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวพืชผลของพระองค์ แปสว่า พบใครก็ทำภารกิจ เก็บเกี่ยว
เพราะว่าเวลาใกล้จะหมดแล้ว เวลาการเก็บเกี่ยวของทูตสวรรค์จะมาคัดแยก เราต้องรีบ ช่วย คนในครอบครัวของเรา คนที่เรารัก คนที่เป็นเพื่อน คนรอบตัวเรา
วีดีโอ มือของบางคนช่วยคนให้รอดตายได้ ช่วยคนรอดตายแบบหวุดหวิด
พระเจ้าทรงมองเห็นคนมีปัญหาเยอะมาก มากจนยุ้งฉางของพระองค์ทั่วโลกก็ไม่เพียงพอ พระองค์ทรงขยายยุ้งฉางของพระองค์ทุกรูปแบบ ทั้งคริสตจักรที่เป็นตัวอาคารมีทุกขนาด ทุกรูปแบบ ทั้งเป็นเจ้าของเอง ทั้งเช่า ทั้งยืม และตามบ้าน ตามท้องถนน ตามร้านกาแฟ ตามสวนสาธารณะ
คนงานของพระเจ้ามีทุกประเภท ทุกวัย ทุกเพศ ทุกฐานะ ทุกชนชั้น ทุกพื้นที่ การขยายยุ้งฉางของพระเจ้ายิ่งกว่า 7/11
รานั่งที่นี่ เป็นพนักงานสาขาไหน? คำตอบ คือ สาขาเพชรเกษม 11 ไง……
ยุ้งฉางของพระเจ้ามีไว้เก็บพืชผลของพระเจ้า เวลานี้ คริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 เป็นยุ้งฉางที่เตรียมไว้แล้ว เราทุกคน คือคนงานที่จะทำหน้าที่ในยุ้งฉางนี้…..สถานที่แห่งนี้ ถูกเตรียมไว้ให้เราช่วยชีวิตคน
36 คนเกี่ยวก็กำลังได้รับค่าจ้าง และกำลังส่ำสมพืชผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์ เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะชื่นชมยินดีด้วยกัน
จะมีนายจ้างคนไหนที่ใจกว้างอย่างพระเจ้า ที่พระองค์ทรงซื้อเราด้วยราคาสูง และจ่ายค่าตอบแทนล่วงหน้าให้กับเรา ตั้งแต่เรายังไม่ลงมือทำงานให้กับพระองค์เลย และพระองค์ได้เตรียมค่าจ้าง รางวัล ผลตอบแทนที่เกินค่าแรง กำลังของเราแน่นอน
อ.เปาโลได้กล่าวว่า
ฟิลิปปี 3:14 14 ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ
ข้าพเจ้าเคยไปหาคนงานที่หมอชิด เอารถคันใหญ่ ถือเงินเป็นฟ่อน ไปยืนตะโกนว่า ใครอยากได้เงิน มาขึ้นรถคันนี้ มีงาน มีที่พัก มีอาหาร คนที่ลงรถที่หมอชิด ขึ้นมาเต็มรถสองแถวใหญ่ มาพัก ที่โรงงาน วันรุ่งขึ้นหายไปเกือบหมด ข้าพเจ้าไปอีก ไปที่วัดสวนแก้ว ทำอย่างเดียวกัน พระพยอมออกมามองหน้า กลัวข้าพเจ้าจะมาหลอกคนงาน ข้าพเจ้าไม่ได้หลอก มีงาน มีเงิน ของจริง
พระเยซูทรงทำแบบนี้เหมือนกัน พระองค์เรียกให้เราทำงาน มีงาน ค่าตอบแทน มีที่พัก มีรางวัล แต่คริสเตียนจำนวนไม่น้อย มารับเชื่อ แล้ววันรุ่งขึ้น หายไปเกือบหมด คนที่จะทำงานมีน้อยจริงๆ
ขอให้พวกเราอย่าหายไป แต่อยู่ทำงานร่วมกับพระเยซูคริสต์ด้วยกัน
“ได้เวลาทำงานในยุ้งฉางของพระเจ้า” แล้ว
มัทธิว 22:9 9 เหตุฉะนั้นจงออกไปตามทางหลวงพบใครๆ ก็ให้เชิญมาในงานนี้’