“การเลี้ยงดูของพระเจ้ามาทันเวลาเสมอ…..แต่อาจย้ายไปที่อื่นแทน”

การเลี้ยงดูของพระเจ้ามาทันเวลาเสมอ  ในเวลาอันเหมาะสม ไครอสของพระเจ้า

การโยกย้าย คือการย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนี่ง เกิดขึ้นได้หลายเหตุผล  อาจเพราะความไม่เหมาะสม ไม่สามารถ ไม่ใช่ หรือ มีความจำกัดด้วยอะไรบางอย่าง  และการมาแทนที่ ก็อาจไม่ใช่เพราะดีกว่าเสมอไป  แต่อาจเพราะต้องการพิสูจน์ความสามารถของผู้ที่เข้ามาจัดการ ท้าทายฝีมือความสามารถ เช่น  นักพัฒนา นักสร้างสรร อยู่ที่ไหน หยิบจับอะไรที่คนอื่นใช้ไม่ได้ แต่เมื่อมาอยู่ในมือของคนเหล่านี้  กลับกลายเป็นของมีราคาขึ้น  คำที่ยุคของเราใช้ก็คือ value added การเพิ่มคุณค่า

ตัวอย่างในพระคัมภีร์ มีคนที่สังคม หรือสัตว์บางชนิด ที่ไม่น่าจะใช้การได้  ไม่น่าจะพึ่งพาได้ แต่เมื่อมาอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า กลับกลายเป็นอุปกรณ์อันทรงพลังของพระเจ้า และนี่คือเรื่องราวของผู้รับใช้พระเจ้าที่ชื่อเอลียาห์ กับหญิงม่ายชาวศาเรฟัท และอีกา ตัวหนึ่ง ในหนังสือ

1พงศ์กษัตริย์ 17:8-16  8 และ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​มายัง​ท่าน​ว่า​9 “ลุก​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​ศา​เร​ฟัท​เถิด ซึ่ง​ขึ้น​แก่​เมือง​ไซ​ดอน และ​อาศัย​อยู่​ที่​นั่น ดู​เถิด เรา​ได้​บัญชา​หญิง​ม่าย​คน​หนึ่งที่​นั่น​ให้​เลี้ยง​เจ้า”10 ท่าน​จึง​ลุก​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​ศา​เร​ฟัท และ​เมื่อ​มาถึง​ประตู​เมือง​ ดู​เถิด หญิง​ม่าย​คน​หนึ่ง​ที่​นั่น​กำลัง​เ​ก็​บ​ฟืน ท่าน​จึง​เรียก​นาง​ว่า “ขอ​น้ำ​เล็กน้อย​ใส่​ภาชนะ​มา​ให้​ฉัน เพื่อ​ฉัน​จะ​ได้​ดื่ม​น้ำ”11 และ​ขณะ​เมื่อ​นาง​จะ​ไป​เอา​น้ำ​มา ท่าน​ก็​เรียก​นาง​แล้ว​บอก​ว่า “ขอ​นำ​อาหาร​ใส่​มือ​มา​ให้​ฉัน​สัก​หน่อย​หนึ่ง”12 และ​นาง​ตอบ​ว่า “​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​ทรง​พระ​ชนม์​อยู่​แน่​ฉัน​ใด ดิฉัน​ไม่​มี​อะไร​ที่​ปิ้ง​เสร็จ มี​แต่​แป้ง​สัก​กำ​มือ​หนึ่ง​ใน​หม้อ และ​น้ำ​มัน​เล็กน้อย​ที่​ใน​ไห บัดนี้​ดิฉัน​กำลัง​เ​ก็​บ​ฟืน​เล็กน้อย เพื่อ​จะ​เข้า​ไป​ทำ​สำหรับ​ตัว​ดิฉัน และ​บุตร​ชาย​ของ​ดิฉัน เพื่อ​เรา​จะ​ได้​กิน​แล้ว​ก็​จะ​ตาย”13 และ​เอลียาห์​บอก​นาง​ว่า “อย่า​กลัว​เลย จง​ไป​ทำ​ตาม​ที่​เจ้า​พูด แต่​จง​ทำ​ขนม​ก้อน​เล็ก​ให้​ฉัน​ก่อน แล้ว​เอา​มา​ให้​ฉัน ภายหลัง​จึง​ทำ​สำหรับ​ตัว​เจ้า​และ​บุตร​ของ​เจ้า​14 เพราะ​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​อิสราเอล​ตรัส​ดังนี้​ว่า ‘แป้ง​ใน​หม้อ​นั้น​จะ​ไม่​หมด และ​น้ำ​มัน​ใน​ไห​นั้น​จะ​ไม่​ขาด จนกว่า​จะ​ถึง​วันที่​พระ​เจ้า​ทรง​ส่ง​ฝน​ลง​มายัง​พื้นดิน’ ”15 นาง​ก็​ไป​กระทำ​ตาม​คำ​ของ​เอลียาห์ นาง ตัว​ท่าน​และ​ครอบครัว​ของ​นาง​ก็​รับประทาน​อยู่​หลาย​วัน​16 แป้ง​ใน​หม้อ​ก็​ไม่​หมด น้ำ​มัน​ใน​ไห​ก็​ไม่​ขาด ตาม​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​ซึ่ง​ตรัส​ทาง​เอลียาห์

 

ย้อนกลับไปยังที่มาที่ไปของความแห้งแล้งขัดสน  ในบทเดียวกันนี้ ตั้งแต่ข้อที่หนึ่ง  ความแห้งแล้งขัดสนนี้ มจากฝนไม่ตกต้องแผ่นดินอย่างต่อเนื่อง  และจะเป็นอย่างนี้นานถึงสามปีครึ่ง  เป็นมาจากพระเจ้าที่ต้องการให้บทเรียนกับกษัตริย์อาหับที่กระทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้า

1พงศ์กษัตรยิ์ 17:1  1 ฝ่าย​เอลียาห์​ชาว​ทิช​บี​ผู้​ซึ่ง​ตั้ง​อาศัย​อยู่​ใน​กิเล​อาด ได้​ทูล​อา​หับ​ว่า “​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​แห่ง​อิสราเอล ผู้​ซึ่ง​ข้า​พระ​บาท​ปฏิบัติ​ทรง​พระ​ชนม์​อยู่​แน่​ฉัน​ใด จะ​ไม่​มี​น้ำค้าง​หรือ​ฝน​ใน​ปี​เหล่า​นี้ นอก​จาก​ตาม​คำ​ของ​ข้า​พระ​บาท”

บทสนทนาตอนนี้  เกิดขึ้นขณะที่เอลียาห์ได้เข้าเฝ้าอยู่ต่อหน้ากษัตริย์อาหับเพื่อจะตำหนิอาหับเรื่องรูปเคารพ และเตือนถึงผลลัพธ์จากรูปเคารพ (วันนี้ ในสูจิบัตรได้เขียนบางส่วนเกี่ยวกับพันธกิจที่เอลียาห์ทำในยุคนั้น)  หลังจากนั้น พระเจ้าทรงเรียกให้เอลียาห์ไปซ่อนตัว  ในช่วงที่เกิดกันดารอาหาร ฝนไม่ตก ที่ลำธาเครีธ และพระเจ้าทรงให้อีกาคาบขนมปังและเนื้อมาเลี้ยงเอลียาห์ทุกวัน

1 พงศ์กษัตริย์ 17:5-7  5 ท่าน​จึง​ไป​และ​กระทำ​ตาม​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า ท่าน​ไป​อาศัย​อยู่​ที่​ข้าง​ลำ​ธารเค​รีท ซึ่ง​อยู่​ทาง​ตะวันออก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน​6 และ​กา​ก็​นำ​ขนม​ปัง​และ​เนื้อ​มา​ให้​ท่าน​ใน​เวลา​เช้า และ​นำ​ขนม​ปัง​และ​เนื้อ​มา​ใน​เวลา​เย็น​และ​ท่าน​ก็​ดื่ม​น้ำ​จาก​ลำ​ธาร​7 และ​ต่อมา​ภายหลัง​ลำ​ธาร​ก็​แห้ง เพราะ​ไม่​มี​ฝน​ใน​แผ่นดิน​

คนของพระเจ้า ต้องรับมือกับสถานการณ์ยากลำบากนี้ แต่พระเจ้ามีวิธีเลี้ยงดู คนของพระองค์  (ด้วยช่องทางพิเศษ)  สังเกตว่า เอลียาห์รับคำสั่งจากพระเจ้า และทำตาม (ยากไม๊ ลำบากของจริง)  ในภาวะยากลำบากที่เอลียาห์รู้ว่า จะต้องเกิด และเกิดขึ้นแล้ว ต้องยอมรับความจริงว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบากนี้อย่างไร  โดยการพึ่งพาพระเจ้า

5 ท่าน​จึง​ไป​และ​กระทำ​ตาม​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า….  พระวจนะว่ายังไง

2 แล้ว​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​มายัง​ท่าน​ว่า​3 “จง​ออกไป​จาก​ที่นี่​และ​หัน​ไป​ทาง​ตะวันออก และ​ซ่อน​ตัว​อยู่​ที่​ข้าง​ลำ​ธารเค​รีท ซึ่ง​อยู่​ทาง​ตะวันออก​ของ​แม่น้ำ​จอร์แดน​4 เจ้า​จะ​ดื่ม​น้ำ​จาก​ลำ​ธาร และ​เรา​ได้​บัญชา​ให้​กา​เลี้ยง​เจ้า​ที่​นั่น”

พระวจนะของพระเจ้าจะชัดเจน ว่าต้องอยู่ตรงไหน ใช้ชีวิตอย่างไร อาศัยอะไรเลี้ยงชีพ รักษาชีวิต ที่สำคัญ อีกา เป็นสัตว์ที่ยากจะแบ่งปันอาหารของมันให้กับใคร แต่คราวนี้ พระเจ้าใช้อีกาเอาอาหาร (ขนมปังและเนื้อ) มาเลี้ยงคนของพระองค์  จนกว่าน้ำในลำธารแห้ง (แล้งจัด) นี่ไม่ใช่ภาวะแค่เงินฝืด แต่ไม่มีอะไรจะกินแล้ว

8 และ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​มายัง​ท่าน​ว่า​9 “ลุก​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​ศา​เร​ฟัท​เถิด ซึ่ง​ขึ้น​แก่​เมือง​ไซ​ดอน และ​อาศัย​อยู่​ที่​นั่น ดู​เถิด เรา​ได้​บัญชา​หญิง​ม่าย​คน​หนึ่งที่​นั่น​ให้​เลี้ยง​เจ้า”

นี่เป็นความเสี่ยงที่ต้องใช้ความเชื่อของเอลียาห์ในการเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า เพราะว่า การไปในพื้นที่ที่ขึ้นกับเมืองไซดอน เป็นอะไรที่อันตรายมาก เพราะเวลานั้น พระนางเยเซเบล(มเหสีของกษัตริย์อาหับลั่นวาจาว่า จะเอาชีวิตของเอลียาห์  เพราะเอลียาห์ได้ประหารพวกนักบวชของนางตายหมด) แค้นนี้ต้องชำระ และเยเซเบล เป็นราชธิดาของกษัตริยเมืองไซดอน  แน่นอนว่า เอลียาห์กำลังเสี่ยงถึงชีวิตในการที่จะต้องไปที่เมืองศาเรฟัทตามคำบัญชาของพระเจ้า ความเชื่อที่จะดำรงชีวิตอยู่ต่อไป เอลียาห์ต้องรักษาชีวิตการเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าเอาไว้ เปลี่ยนจากหนี เป็นเข้าไป และอยู่ในพื้นที่แห่งความเกลียดของเยเซเบล

10 ท่าน​จึง​ลุก​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​ศา​เร​ฟัท และ​เมื่อ​มาถึง​ประตู​เมือง​ ดู​เถิด หญิง​ม่าย​คน​หนึ่ง​ที่​นั่น​กำลัง​เ​ก็​บ​ฟืน ท่าน​จึง​เรียก​นาง​ว่า “ขอ​น้ำ​เล็กน้อย​ใส่​ภาชนะ​มา​ให้​ฉัน เพื่อ​ฉัน​จะ​ได้​ดื่ม​น้ำ”11 และ​ขณะ​เมื่อ​นาง​จะ​ไป​เอา​น้ำ​มา ท่าน​ก็​เรียก​นาง​แล้ว​บอก​ว่า “ขอ​นำ​อาหาร​ใส่​มือ​มา​ให้​ฉัน​สัก​หน่อย​หนึ่ง”

เอลียาห์รับพระวจนะจากพระเจ้าว่า พระองค์จะให้หญิงม่ายเลี้ยงดู ในยามยากลำบาก คำว่า หญิงม่ายก็บ่งบอกถึงสถานะที่แย่อยู่แล้ว ยังจะต้องไปให้หญิงม่ายเลี้ยงดูอีก เลอียาห์รู้ว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ยากที่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ แต่เพราะนี่คือคำสั่งของพระเจ้า เอลียาห์ต้องทำตาม และอะไรเกิดขึ้น หญิงม่ายตอบเอลียาห์อย่างชนิดที่ถ้าคนอื่นได้ยิน ก็น่าอายมาก

12 และ​นาง​ตอบ​ว่า “​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​ทรง​พระ​ชนม์​อยู่​แน่​ฉัน​ใด ดิฉัน​ไม่​มี​อะไร​ที่​ปิ้ง​เสร็จ มี​แต่​แป้ง​สัก​กำ​มือ​หนึ่ง​ใน​หม้อ และ​น้ำ​มัน​เล็กน้อย​ที่​ใน​ไห บัดนี้​ดิฉัน​กำลัง​เ​ก็​บ​ฟืน​เล็กน้อย เพื่อ​จะ​เข้า​ไป​ทำ​สำหรับ​ตัว​ดิฉัน และ​บุตร​ชาย​ของ​ดิฉัน เพื่อ​เรา​จะ​ได้​กิน​แล้ว​ก็​จะ​ตาย”

คำว่า “พระเยโฮวาห์พระเจ้า….ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เป็นคำเดียวกันกับที่เอลียาห์ใช้พูดด้วยสิทธิอำนาจในการเตือนกษัตริย์อาหับ เรื่องผลจากบาปที่อาหับไม่เชื่อฟังเรื่องรูปเคารพ จะทำให้ฝนไม่ตกต้องแผ่นดิน ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งหมด มาถึงตอนนี้ หญิงม่ายชาวศาเรฟัทได้เอาประโยคนี้มาย้อนกับเอลียาห์โดยไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างไร เป็นเอลียาห์ ก็น่าจะรู้สึกเจ็บปวด ในการต้องใช้คำว่า พระเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เอลียาห์จะต้องอดทน และรักษาชีวิตให้อยู่รอดตามที่พระเจ้าสั่ง  ด้วยการตอบหญิงม่ายว่า

13 และ​เอลียาห์​บอก​นาง​ว่า “อย่า​กลัว​เลย จง​ไป​ทำ​ตาม​ที่​เจ้า​พูด แต่​จง​ทำ​ขนม​ก้อน​เล็ก​ให้​ฉัน​ก่อน แล้ว​เอา​มา​ให้​ฉัน ภายหลัง​จึง​ทำ​สำหรับ​ตัว​เจ้า​และ​บุตร​ของ​เจ้า​14 เพราะ​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​อิสราเอล​ตรัส​ดังนี้​ว่า ‘แป้ง​ใน​หม้อ​นั้น​จะ​ไม่​หมด และ​น้ำ​มัน​ใน​ไห​นั้น​จะ​ไม่​ขาด จนกว่า​จะ​ถึง​วันที่​พระ​เจ้า​ทรง​ส่ง​ฝน​ลง​มายัง​พื้นดิน’ ”

จง​ไป​ทำ​ตาม​ที่​เจ้า​พูด   คือ ทำอาหารเพื่อจะกิน กับลูกด้วย(แม้จะน้อยจากการต้องแบ่งส่วนให้เอลียาห์ก่อน)  ตรงนี้ แสดงถึงความเชื่อของเอลียาห์ กำลังถ่ายทอดไปยังหญิงม่าย  เสี่ยงอีกรอบ ที่จะถูกหญิงม่ายตำหนิ และอาจเจอสังคมตำหนิ คนอ่านอย่างเราก็อาจจะตำหนิ  หาว่า เอาเปรียบหญิงม่าย  แต่เอลียาห์ไม่ไดจบแค่ตรงนั้น  ยังมีคำที่น่าสนใจ คือประโยคที่ว่า 14 เพราะ​พระ​เยโฮวาห์​พระ​เจ้า​ของ​อิสราเอล​ตรัส​ดังนี้​ว่า ‘แป้ง​ใน​หม้อ​นั้น​จะ​ไม่​หมด และ​น้ำ​มัน​ใน​ไห​นั้น​จะ​ไม่​ขาด จนกว่า​จะ​ถึง​วันที่​พระ​เจ้า​ทรง​ส่ง​ฝน​ลง​มายัง​พื้นดิน’ ”

นี่เป็นถ้อยคำพยากรณ์ของเอลียาห์เอง ไม่ใช่พระวจนะของพระเจ้าที่มาถึงเอลียาห์  พระเจ้าเพียงแค่ตรัสว่า

8 และ​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​มายัง​ท่าน​ว่า​9 “ลุก​ขึ้น​ไป​ยัง​เมือง​ศา​เร​ฟัท​เถิด ซึ่ง​ขึ้น​แก่​เมือง​ไซ​ดอน และ​อาศัย​อยู่​ที่​นั่น ดู​เถิด เรา​ได้​บัญชา​หญิง​ม่าย​คน​หนึ่งที่​นั่น​ให้​เลี้ยง​เจ้า”

คำของเอลียาห์ ที่มีความเชื่อเวลานี้ เต็มขนาดของความเชื่อที่พร้อมจะรับการเลี้ยงดูของพระเจ้าที่มาทันเวลาแล้ว  เอลียาห์มองเห็นเข้าไปในไหแป้งและไหน้ำมันของหญิงม่ายจะไม่ขาดตลอดช่วงเวลาที่ยากลำบาก ขณะที่หญิงม่ายเลี้ยงดูผู้รับใช้ของพระเจ้า

นี่เป็นอะไรบางอย่างที่ท้าทายสันชาตญาณการอยู่รอดของคน  เรื่องปากท้องที่สำคัญ เวลานี้ ถูกท้าทายด้วยความเชื่อฟัง จากคำของพระเจ้าที่ทรงใช้คำว่า พระองค์ทรงบัญชาหญิงม่ายให้เลี้ยงเอลียาห์ (อย่างเฉพาะเจาะจง) เอลียาห์เชื่อ ว่าสิ่งที่เขาพูดกับหญิงม่ายเป็นคำบัญชาของพระเจ้า นางจะเชื่อ และนางก็เชื่อจริงๆ (Amazing) หญิงม่ายคนนี้ก็ยอมเสี่ยง อาหารมื้อสุดท้าย ของนางและลูกชาย

15 นาง​ก็​ไป​กระทำ​ตาม​คำ​ของ​เอลียาห์ นาง ตัว​ท่าน​และ​ครอบครัว​ของ​นาง​ก็​รับประทาน​อยู่​หลาย​วัน​16 แป้ง​ใน​หม้อ​ก็​ไม่​หมด น้ำ​มัน​ใน​ไห​ก็​ไม่​ขาด ตาม​พระ​วจนะ​ของ​พระ​เจ้า​ซึ่ง​ตรัส​ทาง​เอลียาห์

วันนี้  ไหแป้งและไหน้ำมันของพี่น้อง กำลังต้องการความเชื่อจากพระวจนะของพระเจ้าที่ผ่านคริสตจักรของพระองค์ ความเชื่อของผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องร่วมกันกับสมาชิก  อย่างความเชื่อของเอลียาห์และหญิงม่ายต้องร่วมกัน  ทำให้สามารถผ่านความยากลำบากช่วงนี้ไปให้ได้ จนกว่าฝนจะเทลงมาอีกครั้ง

และเรื่องราวในประวัติศาสตร์ตอนนี้ ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ของประวัติศาสตร์คนอิสราเอลในยุคของพระเยซูคริสต์ ที่น่าสนใจ  พระเยซูได้นำเรื่องราวของเอลียาห์ และหญิงม่ายชาวศาเรฟัท มาตอบโต้พวกยิวในธรรมศาลาที่ไม่ยอมรับพระเยซู  ด้วยการปรามาทพระองค์ว่าเป็นแค่ลูกช่างไม้ ยากจน พูดตามภาษาชาวบ้าน ก็คือ พระเยซูไม่มีเงิน จะมาเป็นผู้นำให้กับคนอิสราเอลให้พ้นความทุกข์ยากลำบากในเวลานั้นได้อย่างไร

ลูกา 4:24-27  24 ​พระ​องค์​ตรัส​อีก​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ไม่​มี​ผู้เผย​พระ​วจนะ​คน​ใด​ได้รับ​การ​ต้อนรับ​ใน​เมือง​ของ​ตน25 แต่​เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า มี​หญิง​ม่าย​หลาย​คน​ใน​พวก​อิสราเอล ใน​คราว​เอลียาห์​เมื่อ​ท้องฟ้า​ปิด​เสีย​ถึง​สาม​ปี​กับ​หก​เดือน จึง​เกิด​กันดาร​อาหาร​มาก​ทั่ว​แผ่นดิน26 และ​เอลียาห์​มิได้​รับ​ใช้​ให้​ไป​หา​หญิง​ม่าย​คน​ใด เว้น​แต่​หญิง​ม่าย​คน​หนึ่ง​ใน​บ้าน​ศา​เร​ฟัท​แขวง​เมือง​ไซ​ดอน

คนยิวเหล่านั้น โกรธ  นี่คือประวัติศาสตร์ของการย้ายพระพรการเลี้ยงดูจากคนอิสราเอล ไปสู่คนต่างชาติ (หญิงม่ายชาวศาเรฟัท)  ความโกรธของคนยิวในเวลานั้นที่ถูกตอบโต้กลับด้วยความจริงของประวัติศาสตร์  พวกเขาจึงหมายจะฆ่าพระเยซู ด้วยการผลักให้ตกหน้าผา

29 จึง​ลุก​ขึ้น​ผลัก​พระ​องค์​ออก​จาก​เมือง​ พา​ไป​ยัง​แง่​ของ​เงื้อม​เขา​ที่​เมือง​ของ​เขา​ซึ่ง​ตั้งอยู่​บน​เนิน​นั้น หมาย​จะ​ผลัก​พระ​องค์​ลง​ไป​30 แต่​พระ​องค์​ทรง​ดำเนิน​ผ่าน​ท่ามกลาง​เขา​พ้น​ไป​

คำว่า  แต่​พระ​องค์​ทรง​ดำเนิน​ผ่าน​ท่ามกลาง​เขา​พ้น​ไป​   การบันทึกพระคัมภีร์ตอนนี้  อาจบ่งบอกว่า นี่คือ การย้ายพันธกิจของพระองค์ไปจากนาซาเร็ธ นับจากนั้น ชาวนาซาเร็ธ ที่เป็นบ้านที่พระเยซูทรงเติบโต  ก็ไม่ได้รับการเยี่ยมเยียนจากพระเยซู  ไม่พบการบันทึกในพระคัมภีร์ว่าพระเยซูทรงกลับไปยังนาซาเร็ธอีก  จากเหตุการณ์ที่คนยิวมาล้อมพระเยซูที่นาซาเร็ธ ทำให้พระเยซูไปที่เมืองคาเปอนาอุมแทน

ลูกา 4:31-32,36-37  31 ​พระ​องค์​เสด็จ​ลง​ไป​ถึง​เมือง​คาเปอร​นาอุม​แคว้น​กาลิลี และ​ได้​ทรง​สั่ง​สอน​เขา​ทั้ง​หลาย​ใน​วันสะบาโต32 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​อัศจรรย์​ใจ​ด้วย​การ​สอน​ของ​พระ​องค์ เพราะ​คำ​ของ​พระ​องค์​ประกอบด้วย​สิทธิอำนาจ….36 คน​ทั้ง​ปวง​ก็​ประหลาด​ใจ​นัก พูด​กัน​ว่า “คน​นี้​เป็น​อย่างไร​หนอ เพราะ​ว่า​ท่าน​ได้​สั่ง​ผี​โสโครก​ด้วย​สิทธิอำนาจ​และ​ด้วย​ฤทธิ์​เดช พวก​มัน​ก็​ออกมา” 37 กิตติศัพท์​ของ​พระ​องค์​จึง​ได้​เลื่อง​ลือ​ไป​ทุก​ตำบล​ที่​อยู่​รอบ​นั้น​

ชาวเมืองอื่นได้รับพระพรจากการทำพันธกิจของพระเยซู  ที่ควรจะเกิดที่นาซาเร็ธ เหมือนกับที่หญิงม่ายชาวศาเรฟัทได้รับการเลี้ยงดูผ่านพันธกิจของเอลียาห์  จงเรียนรู้ประวัติศาสตร์การเลี้ยงดูและพันธกิจของพระเจ้า และอย่าย่ำในรอยของประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์  ตอนนี้ เพราะ

 “การเลี้ยงดูของพระเจ้ามาทันเวลาเสมอ…..แต่อาจย้ายไปที่อื่นแทน”

  1. เคยเกิดขึ้นแล้ว ก็อาจเกิดขึ้นอีก
  2. การเลี้ยงดูจะมาในที่มีการยอมรับ และร่วมมือ กับพระเยซู
  3. ต้องใช้ความเชื่อ คู่กับการเชื่อฟัง

 

By admin