ความล้มเหลวถูกปลูกด้วยเมล็ดแห่งความกลัว
การกลัวความล้มเหลว=พบความล้มเหลวแล้ว
ความล้มเหลวที่จะกล่าวจากพระคำ..คือความล้มเหลว “ในการใช้วิธีของพระเจ้าบนโลก”
แต่ … แม้ชีวิตบนโลก..พระเจ้ามีเป้าหมายให้เราประสบผลสำเร็จ ..แต่ไม่ใช่ด้วยวิธีอะไรก็ได้..แต่ต้องเป็นวิธีของพระองค์เท่านั้น
เพราะความสำเร็จที่พระเจ้าวางไว้ให้เรามันไม่ใช่มีความหมายแค่โลกนี้..แต่ที่สำคัญที่สุดคือ…การยืนยันถึงโลกหน้าด้วย
ลก.22:32
32แต่เราได้อธิษฐานเผื่อตัวท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้ขาด และเมื่อท่านได้หันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้องทั้งหลายของท่าน”
32But I have prayed for thee, that thy faith fail not: and when thou art converted, strengthen thy brethren.
ความเชื่อที่ล้มเหลว..คือความล้มเหลวของชีวิตคต.
พระเยซูบอกสาวกว่า…สิ่งที่พระองค์อธิษฐานเผื่อพวกเขาคือ “ให้ความเชื่อของพวกเขาไม่ล้มเหลว”
คต.อยู่ด้วยความเชื่อ … ถ้าคต.ล้มเหลวในความเชื่อ เราก็กลายเป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์ เท่านั้น (ผู้ชอบธรรมดำรงชีวิตด้วยความเชื่อ”)
คริสเตียนแปลว่า “พระคริสต์น้อย” ..เป็นคำที่ถูกเรียก..แบบเยาะเย้ย ..ถากถาง..แดกดัน…จากยิว หรือ คนไม่เชื่อ ….ไม่ใช่ชื่อที่น่าภูมิใจในตอนนั้น …
แต่มีความหมายชัดเจนว่า ..คือผู้ที่เป็นอย่างพระคริสต์..เป็นลูกศิษย์พระคริสต์ .. เป็นคนที่เดินตามแบบพระคริสต์…
และสิ่งที่ทำให้เป็นเช่นนั้นคือ”ความเชื่อ”……..
พระเยซูอธิษฐานเผื่อสาวกทุกคน….และตัวอย่างที่เห็นชัดคือเปโตร
หลังจากที่Je.ตรัส …ข้อต่อไปก็เป็นคำทำนายถึงความล้มเหลวของเปโตร(แต่พระองค์ไม่ได้ทำนายว่า..ความเชื่อของเปโตรล้มเหลว)
ลก22:33ฝ่ายเขาจึงทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์พร้อมแล้วที่จะไปกับพระองค์ ถึงจะต้องติดคุกและถึงความตายก็ดี” 34พระองค์ตรัสว่า “เปโตรเอ๋ย เราบอกท่านว่าวันนี้ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธว่าไม่รู้จักเราถึงสามครั้ง”
เป็นการทำนายถึงความล้มเหลว 3 ครั้งติดกัน…
หลังจากนั้นJe.ก็ถูกจับ…
และเปโตรก็เผชิญหน้ากับความล้มเหลว..เมื่อมีคนชี้ว่าเขาคือสาวกพระเยซู
60แต่เปโตรพูดว่า “พ่อเอ๋ย ที่ท่านว่านั้นข้าไม่รู้เรื่อง” เมื่อเปโตรกำลังพูดยังไม่ทันขาดคำ ในทันใดนั้นไก่ก็ขัน 61องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวดูเปโตร แล้วเปโตรก็ระลึกถึงคำขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้แก่เขาว่า “ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง” 62แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้เป็นทุกข์นัก
เปโตรร้องไห้แบบคนล้มเหลว…ให้นึกถึงสภาพการล้มละลาย
แต่สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร…..จะสำเร็จหรือล้มเหลวต้องวัดวันสุดท้าย
และเราก็รู้ว่า …เปโตรพบความสำเร็จ…ในพระคริสต์แท้จริง…”ความเชื่อเขาไม่ล้มเหลวแม้เขาอยู่ภาวะล้มละลาย”
เขากลับมาพบความสำเร็จได้อย่างไร?…
เปโตรมีลักษณะชัยชนะความล้มเหลวอยู่ 3 ประการที่น่าสนใจ
ไม่มีคำว่า “ล้มเหลว” ในชีวิต
จึงทำให้เขาเป็นผู้แสวงหาความสำเร็จ
ลก.5:4-6
4เมื่อพระองค์ตรัสสอนเสร็จแล้ว จึงตรัสแก่ซีโมนว่า “จงถอยออกไปที่น้ำลึกหย่อนอวนต่างๆลงจับปลา” 5ซีโมนทูลตอบพระองค์ว่า “พระอาจารย์เจ้าข้า ข้าพระองค์ทั้งหลายทอดอวนคืนยังรุ่ง ไม่ได้อะไรเลย แต่ข้าพระองค์จะหย่อนอวนลงตามพระดำรัสของพระองค์” 6เมื่อเขาหย่อนลงแล้ว ก็ล้อมปลาไว้เป็นอันมาก จนอวนของเขาขาด
เขาอาจไม่มั่นใจในสิ่งที่พระเยซูบอกเลย …แต่เขาเชื่อว่า … ดีกว่านั่งเฉยๆบนความล้มเหลววันนี้..หัวใจเขาแสวงหาความสำเร็จ..
เขาสำเร็จเพราะเขาขยับตามพระคำ
ขอให้ขยับ…สักวันจะสำเร็จ
…..หลายคนมีความคิดว่า ….การรอคอยพระเจ้า…คือการไม่ทำอะไรจนกว่าจะมั่นใจว่าพระเจ้าทรงนำ…
และสุดท้าย…..ก็ไม่เคยมั่นใจเลย
…….หลายคนคิดว่าความเชื่อคือการอยู่นิ่งๆ
……. หลายคนคิดว่า..ความเชื่อคือการตะลุยเสี่ยงตาย…แต่ลืมสำรวจว่า…วิธีตะลุยนั้นเป็นวิธีของใครที่เราใช้
ข้าพเจ้าเชื่อว่าเปโตรไม่น่ามั่นใจในวิธีของพระเยซู..แต่เมื่อเขาเรียกพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ..เขาก็ควรจะเชื่อฟัง”
ถ้าเราเรียกพระเยซูเป็นพระเจ้า…เราก็ควรอย่างยิ่งที่จะเชื่อฟัง
🤗อีกตัวอย่าง…เปโตรผู้แสวงหาความสำเร็จ
มธ.14:28 ..>เปโตรเดินบนทะเล
28ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์” 29พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เมื่อเปโตรลงจากเรือแล้ว เขาก็เดินบนน้ำไปหาพระเยซู
เปโตร..ยอมเสี่ยงถ้าชีวิตจะใกล้ความสำเร็จมากขึ้น….
เราจะยอมเสี่ยงเมื่อหัวใจเราเดินข้ามคำว่า “ล้มเหลว”
และหลายครั้งเราเป็นแบบเปโตร
เริ่มต้นเราขยับด้วยความเชื่อในพระคำ(เสียง)
แต่สักพัก..เราเริ่มกลัว..เพราะสิ่งที่พระองค์ให้ทำกลับเป็นสิ่งที่ทวนโลก..หรือขัดกับตรรรกะของเรา…และเราก็ล้มเหลว..ตกน้ำ
และความคิดหนึ่งเข้ามา….ว่า…เราเดินตามพระคำไม่ได้..ไม่เวิร์ค…..พระเจ้าคงไม่นำเรา
และเราก็เริ่มเดินห่างจากวิธีของพระองค์ไปเรื่อยๆ
แต่สำหรับเปโตร…เขาอาจอายที่จมในทะเลต่อหน้าเพื่อน…แต่เขาไม่ยอมห่างจากพระองค์
อย่าให้ความอาย ความกลัว ยับยั้งชีวิตเรากับพระเจ้า
เปโตรกล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึก “ล้มเหลว”
ก่อนที่เปโตรจะพบความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่สุดในชีวิต…..
พระเยซูสอนให้เขาเผชิญหน้ากับความจริงที่จะทำให้ตนเองรู้สึกล้มเหลว..มาเป็นระยะๆ..แต่ที่ดูเข้มข้นสุดๆคือ…..
มธ.16:23
23พระองค์จึงหันพระพักตร์ตรัสกับเปโตรว่า “อ้ายซาตาน จงถอยไปข้างหลังเรา เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเรา เพราะเจ้ามิได้คิดตามพระดำริของพระเจ้า แต่ตามความคิดของมนุษย์”
ก่อนที่พระเยซู กำหราบเปโตรนี้ ..พระองค์บอกเป้าหมายชีวิตชัดเจนแก่เขา ในข้อ18
18ฝ่ายเราบอกท่านด้วยว่า ท่านคือเปโตร และบนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และประตูแห่งนรกจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นก็หามิได้ 19เราจะมอบลูกกุญแจของอาณาจักรแห่งสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน ท่านจะผูกมัดสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นก็จะถูกมัดในสวรรค์ และท่านจะปล่อยสิ่งใดในโลก สิ่งนั้นจะถูกปล่อยในสวรรค์”
เรามักคิดว่า ..ถ้าเราได้รับความไว้วางใจจากผู้ใหญ่ ให้ทำงานใหญ่..นั่นหมายถึง..เรามักถูกรับรองว่าดีพร้อมทุกๆอย่างแล้ว…และไม่ควรถูกตำหนิ…แต่จริงๆไม่เป็นเช่นนั้น
จริงๆแล้ว..เราถูกมองว่า “ใช้การได้..ถ้า…เติบโตขึ้นอีกต่างหาก….และจะไปถึงจุดนั้น…..ต้องมีการเข้มงวดกับชีวิตด้วย..และยอมรับการตักเตือน และจัดการสิ่งที่ขัดขวางเป้าหมายในตัวของเรา
พระเจ้ามองการไกลจนถึงจบ…แต่เรามักมองอะไรสั้นๆเสมอ
เรามักไม่พอใจเวลาพี่เลี้ยงหรือผู้นำ คอมเมนท์เราแรงๆ ….
ข้าพเจ้าโดนบ่อย
….เชื่อว่า…ตัวเองคงเป็นอย่างนั้นชัดมากและจริงสุดๆ…จนไม่สามารถหลีกเลี่ยงคำพูดที่ทำให้อ่อนลงหรือดูดีได้
….แต่..ถ้าเรามั่นใจในคนที่เราเรียกว่าอาจารย์/พระเจ้า…อย่าเพิ่งสรุปว่าคำพูดนั้น ..กำลัง “ด่า” เรา..แต่มันคือคำสอนและตักเตือนที่มีค่ายิ่ง
…. เผชิญหน้ากับมัน…ทำความเข้าใจ..และยอมแก้ไข ..ขอบคุณที่มีคนหนึ่งรักเราจนกล้าบอกสภาพเราจริงๆได้
เปโตรกำลังถูกตักเตือนให้เอาความคิดแบบโลกที่ซาตานให้ออกไป..
ถ้าจะทำคริสตจักร…ความคิดที่เห็นแก่ตัว..เย่อหยิ่ง..เอาตัวรอด..ต้องไม่ใช่ลักษณะของคริสตจักร
แม้จะอายอีกครั้ง…..เปโตรไม่หนีพระเยซู … เขายังตามติดพระเยซูต่อไป…………………..กับผู้ที่ด่าเค้าว่า “อ้ายซาตาน”..ด้วยความรัก.
นี่คือเซรุ่มที่จะทำให้ ..เปโตรเผชิญหน้ากับความล้มเหลวสุดๆได้ …เซรุ่มที่เต็มด้วยความรัก
ถ้าเรายังคงติดตามคนที่กำหราบเราด้วยความมั่นใจว่าเขารักเราได้…นั่นคือข้อพิสูจน์ถึงความสนิทสนมที่มีต่อกัน
เปโตรกับพระเยซู..สนิทสนมกัน
ความสนิทสนมยิ่งสร้างความเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อ..ดูเหมือนความสัมพันธ์นั้นล้มเหลว
หลังจากนั้น
ลก.22:61องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหลียวดูเปโตร แล้วเปโตรก็ระลึกถึงคำขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งพระองค์ได้ตรัสไว้แก่เขาว่า “ก่อนไก่ขัน ท่านจะปฏิเสธเราถึงสามครั้ง” 62แล้วเปโตรก็ออกไปข้างนอกร้องไห้เป็นทุกข์นัก
เปโตรสบตากับพระเยซูที่เขากำลังทรยศ
มันเป็นเหตุการณ์ที่…น่าอับอาย เจ็บปวด …ล้มเหลว …. ในเวลาเดียวกัน
เหตุการณ์นี้..สามารถให้เราออกจากความเชื่อได้ไม่ยาก..แค่กระดกลิ้นนิดเดียว
วิธีที่ถูกต้องในการเผชิญหน้ากับความล้มเหลว..คือการตัดสินใจสู้กับมันและเคลื่อนต่อไป
การไม่เผชิญหน้าฯ ..คือการมัวคร่ำครวญถึงอดีต…และหยุดทุกอย่างไว้
ถ้าใจยังติด/ติดใจ..อยู่ในอดีต…เราไม่มีทางที่จะไปได้ไกลกว่าที่เคยไป
ซมอ. 16:1 ซามูเอลครำ่ครวญถึงซาอูล
เอลียา1พกษ19:4..เอลียาคร่ำครวญถึงผลร้ายที่เกิดขึ้นในการรับใช้
แต่ถ้าพวกเขาไม่ลุกขึ้น … ความสำเร็จที่พระเจ้าวางไว้ก็ล้มเหลวตามพวกเขาจริงๆ
เปโตรถ่อมใจ และหาโอกาส กลับมาในเส้นทางแห่งความเชื่อ
และมีชีวิตอยู่ในคำอธิษฐานของพระเยซูคริสต์ตลอดชีวิต
ยน.21:4-8
4แต่ครั้นรุ่งเช้าพระเยซูประทับยืนอยู่ที่ฝั่ง แต่เหล่าสาวกไม่รู้ว่าเป็นพระเยซู 5พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า “ลูกเอ๋ย มีอาหารบ้างหรือเปล่า” เขาทูลตอบพระองค์ว่า “ไม่มี” 6พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงทอดอวนลงทางด้านขวาเรือเถิด แล้วจะได้ปลาบ้าง” เขาจึงทอดอวนลงและได้ปลาเป็นอันมากจนลากอวนขึ้นไม่ได้ 7สาวกคนที่พระเยซูทรงรักจึงบอกเปโตรว่า “เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า” เมื่อซีโมนเปโตรได้ยินว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็หยิบเสื้อคลุมชาวประมงของเขามาสวมรัดไว้ (เพราะเขาเปลือยเปล่าอยู่) แล้วก็กระโดดลงทะเล 8แต่สาวกอื่นๆนั้นนั่งเรือเล็กๆมา ลากอวนที่ติดปลาเต็มนั้นมาด้วย (เพราะเขาอยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก ไกลประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น)
เปโตรมาหาพระเยซู..ไม่ได้เดินบนทะเลอีกแล้ว …แต่เขาว่ายน้ำไปหา (คนอื่นอยู่ในเรือเหมือนเดิม)….เขาไม่โอ้อวดเหมือนเดิมอีก
เปโตรมาหาพระเยซูพร้อมความล้มเหลวที่โหยหาความสำเร็จที่แท้จริงในพระองค์
เขากล้าเผชิญ..และกล้ายอมรับสิ่งที่ล้มเหลว..และที่สำคัญ..กล้ายืนหยัดในความจริง(คือพระคริสต์)ตลอด 3 ปี ที่เค้าอยู่กับพระองค์(เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง)
เราอยู่กับพระเจ้ามานาน..เราค้นพบความจริงจากพระองค์แค่ไหน..ที่จะทำให้ ..เราไม่ล้มเหลวในความเชื่อ..วันที่ดูเหมือนทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด
ความล้มเหลวไม่ได้วัดตรงที่เรายังมาโบสถ์หรือยังไม่เปลี่ยนศาสนาหรือยังรับใช้…..แต่วัดตรงที่เราหยุดพัฒนาชีวิตฝ่ายวิญญาณ..หยุดรับการสอน…หยุดถูกสอนถูกเตือน..และที่สำคัญเราหยุดความเชื่อมั่นในพระคำ
ความล้มเหลวอาจบอกเราให้”อาย” ที่จะเริ่มต้น..และหยุดอยู่ที่นั่น ..
คนที่มีหัวใจแห่งความสำเร็จ…จะไม่ยอมให้..ความอาย..มาขัดขวางหัวใจเขาได้….ยอมหน้าด้าน..รับความสำเร็จที่มีพระคริสต์อยู่ตรงนั้น
พระเจ้าไม่มีเป้าหมายให้ชีวิตเราล้มเหลว..📖พระองค์มาเพื่อเราจะรับชีวิตที่ครบบริบูรณ์
พระเยซูอธิษฐานเผื่อเราเสมอ 📖ที่พระหัตถ์ขวาของพระบิดา
เราต้องมีชีวิตที่ร่วมมือกับพระองค์จึงสำเร็จ
จบลงที่ 2พกษ7:3-8 3มีคนโรคเรื้อนสี่คนอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง เขาพูดกันว่า “เราจะนั่งที่นี่จนตายทำไมเล่า 4ถ้าเราว่า ‘ให้เราเข้าไปในเมือง’ การกันดารอาหารก็อยู่ในเมือง และเราก็จะตายที่นั่น และถ้าเรานั่งที่นี่เราก็ตายเหมือนกัน ฉะนั้นบัดนี้จงมาเถิด ให้เราเข้าไปในกองทัพของคนซีเรีย ถ้าเขาไว้ชีวิตของเรา เราก็จะรอดตาย ถ้าเขาฆ่าเรา ก็ได้แต่ตายเท่านั้นเอง”
5ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นในเวลาโพล้เพล้เพื่อจะไปยังค่ายของคนซีเรีย แต่เมื่อเขามาถึงริมค่ายของคนซีเรียแล้ว ดูเถิด ไม่มีใครที่นั่นสักคน 6เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำให้กองทัพของคนซีเรียได้ยินเสียงรถรบ เสียงม้า และเสียงกองทัพใหญ่ เขาจึงพูดกันและกันว่า “ดูเถิด กษัตริย์แห่งอิสราเอลได้จ้างบรรดากษัตริย์แห่งคนฮิตไทต์ และบรรดากษัตริย์แห่งอียิปต์มารบเราแล้ว” 7เขาจึงลุกขึ้นหนีไปในเวลาโพล้เพล้ และทิ้งเต็นท์ ม้าและลาของเขา ทิ้งค่ายไว้อย่างนั้นเอง และหนีไปเอาชีวิตรอด 8และเมื่อคนโรคเรื้อนเหล่านี้มาถึงที่ริมค่าย เขาก็เข้าไปในเต็นท์หนึ่งกินและดื่ม และขนเงิน ทองคำและเสื้อผ้าเอาไปซ่อนไว้ แล้วเขาก็กลับมาเข้าไปในอีกเต็นท์หนึ่งขนเอาข้าวของออกไปจากที่นั่นด้วยเอาไปซ่อนไว้
คนโรคเรื้อน ..โดยลักษณะและชีวิตของเขา ก้อน่าอับอายอยู่แล้ว…ชีวิตเหมือนล้มเหลวตั้งแต่รู้ว่าเป็นโรคเรื้อน…แต่เขาไม่ยอมตายแบบนั่งรอความตาย…เขายอมเดินไปข้างหน้า~แม้มันคือความตายเหมือนกัน
แต่..สิ่งที่เขาทำ..แค่ขยับ..ทำให้เขาเห็นสิ่งที่พระเจ้าทำ … พระเจ้าเตรียมและอิสราเอลก็หลุดจากการโอบล้อมของซีเรียได้
พระเจ้าไม่ได้ให้คนโรคเรื้อนทำในสิ่งที่เขาทำไม่ได้…แค่ขยับตัวก็สุดสำหรับเขา..แต่เขาทำได้.. พระเจ้าให้เราทำในสิ่งที่เราทำได้เสมอ..แต่พระเจ้าไม่ได้ให้เราทำในสิ่งที่เราอยากทำทุกอย่าง
เราจะเคลื่อนเมื่อเราเห็น..แต่พระเจ้าให้เราเคลื่อนด้วยหัวใจที่ยังมีความเชื่อแม้มองไม่เห็น..เป็นความเชื่อที่ไม่มีวันล้มเหลว
“เมื่อมีความเชื่อในพระเจ้า…เราจะไม่มีวันล้มเหลว”