“กลับบ้าน”
มีคนไทยที่อเมริกาโพสต์ข้อความว่า ถ้าทำได้ อยากกลับประเทศไทย เพราะว่า คือบ้าน และที่สำคัญ คนติดเชื้อน้อย มีการดูแลอย่างดี และปลอดภัยสูง เนื่องจากการสาธารณสุข ความเข้มงวดในการป้องกันโรค มีมากกว่าหลายๆประเทศ และมีสัมภาษณ์จากคนที่กลับจากต่างประเทศ เข้าสู่การกักตัว 14 วัน (เพื่อดูอาการโรคที่จะแสดงภายใน 14 วัน) คนเหล่านั้นชื่นชมว่า อยากรับการกักตัวนานๆ เพราะได้รับการดูแลใส่ใจอย่างดี อยู่ฟรี กินฟรี สถานที่โรงแรมอย่างดี คนไทย ภูมิใจกับประเทศไทย (บ้านของคนไทย) ที่คนไทยได้รับการต้อนรับกลับบ้าน อบอุ่น นี่คือประเทศไทย ภูมิใจที่เป็นคนไทย มีบ้านคือประเทศไทย ความรู้สึกเป็นครอบครัวเดียวกัน คนไทยด้วยกัน มีความเป็นคนไทยเหมือนกัน
วันนี้ ข้าพเจ้าใช้คำว่า บ้านหลังนี้ กับคริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 การเปิดโบสถ์วันแรก วันนี้ หลังจากเรางดการมารวมตัวกันนานนับสามเดือน เราประยุกต์การนมัสการผ่านออนไลน์ เพื่อให้พี่น้องนมัสการ ฟังคำเทศนาที่บ้าน บางคนอาจจะถามแบบนี้ แล้วเรายังเปิดโบสถ์ทำไมอีก คำตอบก็คือ ก็เพราะคริสตจักรคือครอบครัว ที่เป็นบ้านของเรา (การรวมตัวกันขอผู้เชื่อ คือการได้กลับบ้านฝ่ายวิญญาณ เพื่อจะยืนหยัด ในความเชื่อที่เรากำลังรอคอยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์เจ้าด้วยกัน (ให้เราหันไปพูดกับคนข้างๆว่า เราจะไปพร้อมกัน เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมารับเรา ไม่ว่าจะเป็นหรือจะตาย) พระคัมภีร์บอกเราว่า คนที่ตายไปก่อนก็จะฟื้นขึ้นมาและมาพร้อมกับพระเยซูรับคนที่ยังเป็นอยู่ ไปด้วยกันกับพระองค์ ตามคำสัญญาว่า พระองค์จะกลับมาอีก
ยอห์น 14:1-3 1 “อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย2 ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน3 เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย
คำว่า ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย คำว่า พระนิเวศน์ ที่พระเยซูคริสต์ทรงใช้อย่างเจาะจง แปลว่า บ้านของพระเจ้า G3614 οἰκία oikia ออยเคีย แปลว่า ที่พักอาศัยสำหรับครอบครัว พระเยซูคริสต์ทรงใช้คำอุปมาเรื่องเกี่ยวกับกลับบ้าน พ่อที่รอคอยลูกชายคนเล็กกลับบ้าน คือคำอุปมาเปรียบเทียบ พระเจ้าพระบิดาผู้ทรงรอคอยมนุษย์ทุกคนให้กลับมาเพื่อพบกับพระเจ้า
คำอุปมาของพระเยซูเรื่องบุตรหายไป เป็นหนึ่งในสามเรื่องที่พระเยซูทรงตรัสในบริบทเดียวกัน เรื่องแรกคือแกะหนึ่งตัวหายไป ผู้เลี้ยงยอมทิ้งแกะเก้าสิบเก้าตัว เพื่อไปตามหาแกะหนึ่งตัวนั้น เรื่องสอง เหรียญสิบเหรียญหายไปหนึ่งเหรียญ เจ้าของจะพยายามหาให้เจอ ทั้งจุดตะเกียง กวาดบ้าน หาให้ละเอียดไม่หยุด ไม่เลิก จนกว่าจะหาพบ พระเยซูทรงกล่าวถึงสองเรื่องแรก นี้ และปิดท้ายของสองเรื่องด้วยคำว่า
ลูกา 15:7,10 7 เราบอกท่านทั้งหลายว่า เช่นนั้นแหละ จะมีความปรีดีในสวรรค์ เพราะคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่ มากกว่าเพราะคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ต้องการกลับใจใหม่…. 10 เช่นนั้นแหละ เราบอกท่านทั้งหลายว่าจะมีความปรีดีในพวกทูตของพระเจ้า เพราะคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่”
พอมาถึงคำอุปมาเรื่องที่สาม การเปรียบเทียบ เป็นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ที่มีพ่อและลูก แต่คราวนี้ พ่อไม่ได้ไปตามหาลูก แต่พ่อกลับรอคอยลูก(ลูกชายคนเล็กที่อยากจะออกไปใช้ชีวิตอย่างที่ตนเองชอบ
11 พระเยซูตรัสว่า “ชายคนหนึ่งมีบุตรสองคน12 บุตรคนเล็กพูดกับบิดาว่า ‘พ่อ ขอแบ่งทรัพย์สินส่วนที่ตกเป็นของลูกให้ลูกด้วย’ บิดาจึงแบ่งสมบัติให้แก่บุตรทั้งสอง13 ต่อมาไม่กี่วัน บุตรคนเล็กนั้นก็รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเดินทางไปยังเมืองไกล และผลาญทรัพย์สินของตนที่นั่นด้วยการใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือย14 เมื่อใช้จ่ายจนหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว ก็เกิดกันดารอาหารอย่างรุนแรงทั่วเมืองนั้น เขาจึงเริ่มขาดแคลน 15 เขาไปอาศัยอยู่กับชาวเมืองนั้นคนหนึ่ง และคนนั้นก็ใช้เขาไปเลี้ยงหมูที่ทุ่งนา16 เขาอยากจะอิ่มท้องด้วยฝักถั่วที่หมูกินนั้น แต่ไม่มีใครให้อะไรเขาเลย……
ภาพที่พระเยซูคริสต์ทรงเล่ามาถึงตอนนี้ คือ สภาพของลูกชายคนเล็กที่ต้องเผชิญในที่เมืองไกล (ไกลบ้าน) ก็คือ ไม่มีบ้าน ไม่มีความเป็นครอบครัว ไม่มีเมตตา แม้แต่อาหารของหมูที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจ ก็ยังสำคัญต่อหมู มากกว่าคน แสดงให้เห็นว่า ชีวิตคนไม่มีค่าอะไรเลยกับคนในเมืองนั้น
ความสำนึกของการเป็นครอบครัวกลับมา ในความคิดของลูกชายคนเล็ก
17 เมื่อเขาสำนึกตัวได้ จึงพูดว่า ‘ลูกจ้างของพ่อไม่ว่าจะมีมากสักแค่ไหนก็ยังมีอาหารเหลือเฟือ แต่ข้ากลับต้องมาอดตายที่นี่18 ข้าน่าจะลุกขึ้นไปหาพ่อ และพูดกับท่านว่า “พ่อ ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย19 ไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป ขอโปรดให้ลูกอยู่ในฐานะของลูกจ้างคนหนึ่งของท่านเถิด” ’20 แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดา แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาก็เห็นเขาและมีใจสงสาร จึงวิ่งออกไปกอดคอและจูบแก้มของเขา
คำอุปมามาถึงตอนนี้ คือภาพที่พระเยซูคริสต์ทรงเปรียบความสัมพันธ์ของครอบครัว ยังไงก็ตัดกันไม่ขาด ยังไงก็ยังมีการรอคอยที่จะได้พบกันอีก และคาดหวังที่จะได้อยู่ด้วยกัน พ่อ คือพระบิดาบนฟ้าสวรรค์ กำลังรอคอย มนุษย์ทุกคนให้กลับบ้าน เหมือนบุตรน้อยที่หายไป หลงไปกับความปรารถนาของตนเอง ในความเป็นพระเจ้าพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงมีความสัพพัญญู ล่วงรู้ทุกอย่าง และทรงรู้ว่า อนาคตของโลกนี้ ก็เหมือนเมืองไกลที่ลูกชายคนเล็กต้องการไป เป็นคำที่คนในยุคนี้ใช้คำว่า โลกกว้าง แต่ความจริง มันจำกัดมากในใจของคน พระเยซูทรงใช้คำว่า ….
แต่ไม่มีใครให้อะไรเขาเลย…… นี่คือความไม่มีน้ำใจของคนสำหรับคนที่ไม่ใช่ครอบครัวของเขา
ตัวอย่างที่เราได้เห็นคนไทยอยากกลับมาประเทศไทย เพราะในต่างประเทศ เขาเป็นเหมือนคนแปลกหน้า แปลกถิ่น ไม่ได้รับการดูแลใส่ใจก่อนคนในประเทศนั้น อย่างประเทศอเมริกา ที่ผู้นำของประเทศนี้ใช้คำว่า America first เขายังดูแลคนในประเทศของเขาไมได้ดีเท่าคนไทย ดูแลกันในประเทศของเรา นี่คือ สิ่งที่คนไทยมากมาย อยากกลับประเทศไทย ในยามนี้
คำอุปมาของพระเยซูคริสต์เรื่องพ่อกับลูกที่หายไปกลับมาบ้าน เขาได้รับการดูแลอย่างดี….
22 แต่บิดาสั่งพวกบ่าวของตนว่า ‘จงรีบไปเอาเสื้อที่ดีที่สุดออกมาสวมให้เขา เอาแหวนมาสวมที่นิ้วมือ และเอารองเท้ามาสวมให้ด้วย23 และจงไปเอาลูกวัวตัวที่อ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกันเพื่อความรื่นเริง24 เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้วแต่กลับเป็นขึ้นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก’ พวกเขาต่างก็มีความรื่นเริง
ความเป็นลูกของพ่อ ไม่ได้หายไป กับทรัพย์สินที่ลูกเอาไปผลาญ และกลับมาอย่างหมดสภาพ ความเป็นลูกยังคงอยู่ พ่อในคำอุปมาของพระเยซู คือภาพความเมตตาและความรักของพระเจ้าพระบิดาที่มีต่อมนุษย์ทุกคนที่กลับใจใหม่ หันกลับมาหาพระเจ้าด้วยการสำนึกว่าตนเองไม่สมควรได้รับ…นั่นคือ การตอบรับพระคุณของพระเจ้า ที่ทรงหยิบยื่นให้ฟรีๆ ไม่ต้องเอาความดีมาแลก ไม่ต้องพยายาม แต่ให้มาด้วยใจสำนึกผิด แค่นั้นแหล่ะที่พระเจ้าทรงรอคอย และนั่นคือจังหวะของการได้กลับบ้าน ที่พระเยซูทรงตรัสว่า พระองค์กำลังเตรียมที่สำหรับสาวกผู้เชื่อที่ดำเนินชีวิตแห่งการรอคอยการเสด็จมาของพระองค์อีกครั้ง
ยอห์น 14:1-3 1 “อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย2 ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน3 เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย
…..เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน3 เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว…..
น่าสนใจว่า การจัดเตรียมที่ของพระเยซูสำหรับเรา ทำไมต้องกล่าวถึงสองครั้งในตอนนี้ มีนัยยะ ที่ทำให้เข้าใจว่า ยังมีคนมากมายที่ต้องการกลับบ้านที่พระเยซูทรงจัดเตรียมให้ ทำของคนนี้เสร็จ อีกคนก็แนะนำให้อีกคนกลับบ้าน มีออร์เดอร์บ้านของพระเยซูอย่างต่อเนื่อง…. บ้านของพระเยซูขายดี…..อย่างชนิด จำนวนไม่จำกัด พระเยซูได้ตรัสคำพยากรณ์เกี่ยวกับการเสด็จกลับมาอีกของพระองค์ ไม่มีใครรู้ แม้แต่พระองค์ก็ไม่รู้
มัทธิว 24:36,44 36 “แต่ไม่มีใครรู้เรื่องวันหรือเวลาแม้แต่บรรดาทูตแห่งฟ้าสวรรค์หรือพระบุตร มีแต่พระบิดาองค์เดียว…. 44 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเตรียมพร้อมไว้ เพราะในโมงที่ท่านไม่คิดไม่ฝันนั้น บุตรมนุษย์จะเสด็จมา
ข้าพเจ้าเชื่อว่า การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์น่าจะเกี่ยวข้องกับการจัดเตรียมที่สำหรับผู้ที่จะได้รับความรอด ที่มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
2เปโตร 3:9 9 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่
พระเจ้าพระบิดา ทรงรอคอยคนที่หลงหายไป อีกหลายคนที่จะสำนึกและอยากกลับบ้าน คริสตจักรคือบ้านจำลองที่คนจะกลับมา เพื่อสำแดงการการรอคอย และร่วมกันทำสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้ นอกจากคริสตจักรเท่านั้น คือ การนำคนให้กลับบ้านของพระเจ้า ผ่านทางพระเยซูคริสต์
ยอห์น14:6 6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
บ้านหลังนี้ คือคริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 เป็นหนึ่งในบ้านมากมายของพระเจ้าที่เปิดรับคนให้กลับบ้าน เพื่อมาให้ถึงพระบิดา และรับการสวมกอดจากพระองค์ รับการสวมเสื้อใหม่ สวมแหวนของการเป็นทายาท เพื่อรับมรดก รับสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาให้
บ้านหลังนี้ คือที่ที่เราได้มารวมกัน เพื่อสำแดงความเป็นครอบครัวเดียวกันกับพระเยซูคริสต์เจ้า ผุ้ทรงเป็นบุตรหัวปี และนำร่องให้เดินในความสัมมพันธ์กับพระบิดาอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่อย่างที่โลกนี้ควบคุม บังคับให้เราเป็น แต่เราก็ไม่ได้ฝ่าฝืนกฏระเบียบของการอยู่ร่วมกันกับชาวโลกอย่างสงบสุข ปลอดภัย นั่นคือ เราต้องใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อย รับการคัดกรอง เชื่อฟัง ทางการ ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
คริสตจักรคือบ้านของพระเจ้าที่พระเยซูคริสต์ทรงสถาปนาไว้เพื่อให้เราจะเป็นภาชนะที่พระองค์จะใช้การได้ในโลกนี้ มีคำหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า One thing you cannot do in Heaven แปลว่า สิ่งหนึ่งที่คุณไม่สามารถทำได้ในสวรรค์ สาระสำคัญที่สุดของหนังสือเล่มนี้ก็คือ ขณะที่เราอยู่บนโลกนี้ที่เป็นที่อาศัยชั่วคราว เราอยู่เพื่ออะไร และคำตอบคือ ทำให้น้ำพระทัยของพระเจ้าพระบิดา สำเร็จ นั่นคือ นำคนให้กลับบ้าน กลับมาหาพ่อ แต่ก่อนจะพาคนอื่นกลับบ้าน พาตัวเองกลับบ้านให้ถูกทิศทางก่อน…. และอ.เปาโลได้กล่าวเกี่ยวกับการเตรียมตัวกลับบ้าน…..
2ทิโมธี 2:20-23 20 ในบ้านหลังใหญ่ไม่ได้มีแต่ภาชนะทองและภาชนะเงินเท่านั้น แต่มีภาชนะไม้และภาชนะดินด้วย บางอย่างนั้นเป็นภาชนะพิเศษ บางอย่างก็เป็นภาชนะธรรมดา21 ถ้าใครชำระตัวเองให้พ้นจากความชั่วเหล่านี้ เขาก็จะเป็นภาชนะพิเศษ ซึ่งชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เหมาะที่เจ้าของจะใช้เป็นประโยชน์ และพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง22 เพราะฉะนั้นท่านจงหลีกหนีจากตัณหาของคนหนุ่ม และจงมุ่งมั่นในความชอบธรรม ความเชื่อ ความรัก และสันติสุขร่วมกับพวกที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์23 อย่ายุ่งเกี่ยวกับการทุ่มเถียงที่โง่เขลาและไม่เป็นสาระ ท่านก็รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้เกิดการทะเลาะกัน…..
อย่าเสียเวลากับการขัดแย้ง การทะเลาะ กับเรื่องบ้าบอคอแตกทั้งหลาย แต่ให้เราทำอย่างที่อ.เปาโลแนะนำในพระคัมภีร์สองทิโมธีนี้อีกว่า..
21 ถ้าใครชำระตัวเองให้พ้นจากความชั่วเหล่านี้ เขาก็จะเป็นภาชนะพิเศษ ซึ่งชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เหมาะที่เจ้าของจะใช้เป็นประโยชน์ และพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง
บ้านหลังนี้ คือที่ที่เราจะเตรียมตัวเรา สำรวจตัวเรา เพื่อจะชำระตนเองให้เป็นภาชนะพิเศษ ที่เจ้าของบ้านจะใช้ประโยชน์และพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง ดังนั้น การมารวมตัวกันอีกครั้งของเราในบ้านหลังนี้ นอกจากความเป็นครอบครัวของพระเจ้าแล้ว ยังเป็นสัญญาณของการกลับมาร่วมกันรับใช้พระเจ้า ในการนำคนให้กลับบ้านด้วยกันกับเรา มีคนมากมายกลับใจใหม่ในข้างนอก และพระเยซูกำลังเร่งรีบจัดเตรียมที่สำหรับคนเหล่านั้น
โลกนี้ จำกัดที่สำหรับคนจน เราได้เห็นคนไร้บ้านมากมาย คนที่ไม่มีบ้านจะกลับ แต่ที่ของพระเยซูยังมีอีกมากมาย แต่เวลานั้นจำกัดคนมากมายพลาดโอกาสที่จะได้กลับบ้านของพระบิดา ให้เราคิดถึงคนที่เรารัก เพื่อนบ้านของเรา ที่จะได้กลับบ้านเหมือนอย่างเราไม๊?
“กลับบ้าน”