“ผู้นมัสการแท้”
การดิ้นรน ปรับตัวของผู้คนมากมายทั่วโลก ทั้งธุรกิจ กิจการต่างๆ เพื่อความอยู่รอด เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในทางที่เลวร้าย แย่ลง กิจการใหญ่ๆ หดตัวลง และที่เล็กอยู่แล้ว ก็ยิ่งเล็กลงไปอีก และบางอย่างก็สลายตัวเอง ปิดกิจการ ล้มหายตายจากไปอย่างถาวรก็มี คริสตจักรก็เช่นกัน จะต้องมีการปรับตัว เพื่อจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แน่นอนว่า การเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อคริสตจักรอย่างมาก การปรับตัวของคริสตจักร ต่อไปจะเป็นอย่างไร ความจริงพระเยซูได้ตรัสคำพยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า จะมีสิ่งที่เกิดขึ้น และส่งผลกระทบทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ๆ และการรับมือ กับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้น จะต้องทำอย่างไร?
มัทธิว 24:3-8 3 เมื่อพระเยซูประทับบนภูเขามะกอกเทศ พวกสาวกมาเฝ้าส่วนตัวกราบทูลว่า “ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และยุคเก่าจะสิ้นสุดลง”4 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง5 ด้วยว่าจะมีหลายคนมา ต่างอ้างนามของเราว่าตัวเขาเป็นพระคริสต์ เขาจะให้คนเป็นอันมากหลงไป6 ท่านทั้งหลายจะได้ยินเสียงสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยุคยังไม่มาถึง7 เพราะ ประชาชาติต่อประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อราชอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดกันดารอาหารและแผ่นดินไหวในที่ต่างๆ 8 เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก ซึ่งต้องมีมาก่อนกำเนิดยุคใหม่….
นี่คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเวลานี้ เรากำลังอยู่ที่ขอบของปลายยุคสุดท้าย สิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงเตือนไว้ล่วงหน้าได้เกิดขึ้นแล้ว ในมัทธิวตอนนี้ พระเยซูยังกล่าวถึงวิธีรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้ว่า…
ข้อ15 –18 15 “เพราะฉะนั้นเมื่อท่านเห็นสิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งก่อให้เกิดความหายนะตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์ ตามพระวจนะที่กล่าวโดยดาเนียลผู้เผยพระวจนะ (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเถิด)16 เวลานั้นให้ผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปยังภูเขา17 ผู้ที่อยู่บนดาดฟ้าหลังคาตึก อย่าให้ลงมาเก็บข้าวของออกจากตึกของตน18 ผู้ที่อยู่ตามทุ่งนา อย่าให้กลับไปเอาเสื้อผ้าของตน
นี่คือคำแนะนำให้ปรับตัวปรับทิศทางที่จะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ในยุคสุดท้าย ตีความตอนนี้ สังเกตคำว่า ภูเขา บนหลังคาตึก ซึ่งหมายถึงการอยู่ที่สูง อย่าลงที่ต่ำ และคำว่า ทุ่งนา หมายถึงที่ไกล อย่ากลับไปที่ใกล้ พระเยซูคริสต์กำลังแนะนำวิธีเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ที่กำลังจะนำความเสียหาย(หายนะ) อย่างที่ดาเนียลได้พยากรณ์ไว้ก่อนหน้านั้น…
….สิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งก่อให้เกิดความหายนะตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์….
สำหรับคนยิวโบราณในยุคของดาเนียล คำว่า สถานบริสุทธิ์ หมายถึง พระวิหาร (ที่ถูกสร้างขึ้น โดยกษัตริย์ซาโลมอน ดาเนียลเห็นนิมิตอนาคต ตามการสื่อสารที่พระเจ้าทรงเปิดเผยในสิ่งที่ดาเนียลจะเข้าใจ และมีประสบการณ์ คือพระวิหารถูกทำลายโดยกษัตริย์ของบาบิโลน คนต่างชาติเข้ามาเหยียบย่ำ เผาทำลาย ฆ่าปุโรหิต และคนเลวี ผู้ปรนนิบัติในพระวิหาร และคัดแต่คนที่เชื้อสายดีๆ มีความสามารถ ฉลาด กวาดต้อนคนยิวไปเป็นเชลยรับใช้ให้กับบาบิโลน
ในการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์หลังจากยุคของอิสราเอลเป็นเชลยในบาบิโลน และได้กลับมายังเยรูซาเล็ม ผ่านกาลเวลามานานหลายร้อยปี พระเจ้าเงียบ ไม่มีเสียงตรัส ไมมีผู้เผยพระวจนะจนมาถึงยอห์น บัพติศโต ผู้ประกาศให้ยิวกลับใจ และแสดงการกลับใจใหม่ ด้วยการรับบัพติศมาในน้ำ รับการชำระให้สะอาดใหม่จากสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของการดำเนินชีวิตเป็นเชลยของอาณาจักรโรม พระวิหารกลายเป็นที่ค้าขาย สัตว์สำหรับเป็นเครื่องบูชา ที่ต้องลงทุนเลี้ยงด้วยตัวเอง กลับใช้บริการด้วยการซื้อขาย เหมือนกับ ซื้อมาเพื่อถวาย พอถวายเสร็จ คนที่จะเอาไปถวายเป็นเครื่องบูชา ก็น่าจะเอากลับมาวนขายต่อ มีโต๊ะแลกเงิน การมาพระวิหารของคนยิว และนี่คือที่มาที่พระเยซูทรงชำระพระวิหารด้วยการ ล้มโต๊ะแลกเงิน ปล่อยสัตว์ที่ถูกขังไว้เพื่อการค้าออกไปจากคอกกัก และทรงตรัสว่า….
มัทธิว 21:12-13 12 พระเยซูเสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหารของพระเจ้า ทรงขับไล่พวกซื้อขายในบริเวณพระวิหารนั้น ทรงคว่ำโต๊ะคนรับแลกเงิน และทรงคว่ำม้านั่งของคนขายนกพิราบ13 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “มีพระวจนะเขียนไว้ว่า ‘นิเวศของเรา เขาจะเรียกว่าเป็นนิเวศอธิษฐาน แต่พวกท่านมาทำให้เป็นถ้ำของพวกโจร’ ”
สิ่งที่น่ารังเกียจ (สำหรับพระเจ้า ก็คือ นิเวศอธิษฐานถูกทำให้เป็นถ้ำของโจร และนี่คือสิ่งที่ดาเนียลเคยเห็น และเอามาบรรยายในคำพยากรณ์ที่พระเจ้าทรงเปิดเผยถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้น….สิ่งที่น่ารังเกียจซึ่งก่อให้เกิดความหายนะตั้งอยู่ในสถานบริสุทธิ์….
วันนี้ พระวิหารที่ถูกสร้างขึ้น และถูกทำลาย และถูกฟื้นฟู สร้างใหม่ และถูกทำลาย ชณะนี้ ไม่เหลือซาก ไม่มีพระวิหารที่ถูกสร้างด้วยมือของมนุษย์อีกแล้ว แต่การเสด็จมาของพระเยซูคริสต์ การสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขน และทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย คือการเกิดขึ้นใหม่ของพระวิหารรูปแบบใหม่ที่จะไม่มีสิ่งมาทำลายได้อีก พระเยซูคริสต์ทรงตรัสคำพยากรณ์นี้ไว้ว่า….
มัทธิว 24:1-2 1 ฝ่ายพระเยซูทรงออกจากบริเวณพระวิหาร แล้วขณะเสด็จไป พวกสาวกของพระองค์มาชี้ตึกทั้งหลาย ในบริเวณพระวิหารให้พระองค์ทอดพระเนตร:2 พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็ไม่มี”
ยอห์น 2:19-20 19 พระเยซูจึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า “ถ้าทำลายวิหารนี้เสีย เราจะยกขึ้นในสามวัน”20 พวกยิวจึงทูลว่า “พระวิหารนี้เขาสร้างถึงสี่สิบหกปีจึงสำเร็จ และท่านจะยกขึ้นใหม่ในสามวันหรือ”21 แต่พระวิหารที่พระองค์ตรัสถึงนั้นคือพระกายของพระองค์
หนังสือยอห์นตอนนี้ บันทึกในบริบทเดียวกัน คือพระเยซูทงชำระพระวิหาร และทรงตรัสถึงพระวิหารใหม่ คือพระกายของพระองค์ วันนี้ คริสตจักรคือพระกายของพระคริสต์ คือผู้เชื่อที่เชื่อในพระเยซูคริสต์ ชีวิตของคนๆนั้น เป็นที่สถิตของพระเจ้า เป็นผู้นมัสการพระเจ้า
ยอห์น 4:23-24 23 แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์24 พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”
พระเยซูตรัสคำนี้ กับหญิงสะมาเรียที่บ่อน้ำ ในขณะสนทนากับพระองค์ เรื่องสถานที่นมัสการพระเจ้า และผู้นมัสการพระเจ้า อย่างคนยิว และคนไม่ใช่ยิว ที่ปรารถนาจะนมัสการพระเจ้า เมื่อไปไม่ได้ ก็มีของตัวเอง สร้างขึ้นเอง อุปโลกเอง แต่พระเยซูทรงตรัสว่า ไม่ว่าจะเป็นยิวที่เรียกว่าตนเองรู้จักพระเจ้า และกีดกันคนไม่ให้มานมัสการที่ของตนเอง ทั้งหมด ไม่ต่างกัน คือ ติดอยู่กับแค่สถานที่เท่านั้น การเสด็จมาของพระเยซูได้นำการเปลี่ยนแปลงมาใหม่ คือ การนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง ไม่ได้อยู่ที่ตัวอาคาร แต่อยู่ที่ตัวของคนๆนั้นที่จะมีจิตนมัสการพระเจ้าภายในชีวิตของตนเอง
เหตุที่พระเยซูทรงชำระพระวิหาร เพราะพระวิหาร กลายเป็นที่ค้าขาย(ยอห์น) มัทธิวบันทึกว่า พระเยซูใช้คำว่า เป็นถ้ำโจร สองคำนี้ บ่งบอกถึงจิตของผู้ที่มาพระวิหาร จดจ่อกับเรื่องของเงินทอง และทรัพย์สมบัติ และพระเยซูคริสต์ทรงสอนเรื่องจิตจดจ่อ คือการรักและชังในเวลาเดียวกัน
มัทธิว 6:24 24 “ไม่มีใครเป็นข้าสองเจ้า บ่าวสองนายได้ เพราะว่าเขาจะชังนายข้างหนึ่ง และรักนายอีกข้างหนึ่ง หรือเขาจะนับถือนายฝ่ายหนึ่ง และดูหมิ่นนายอีกฝ่ายหนึ่ง ท่านทั้งหลายจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้
น่าสนใจว่า พระเยซูทรงใช้คำว่า รัก อากาเป้ คำกรีก ที่แปลว่า รักหมดใจ รักสุดใจ กับคำว่า เกลียด คำกรีกเช่นกัน ที่แปลว่า ไม่มีรัก ไม่มีใจ
วันนี้ คริสตจักรจะต้องปรับตัวกับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลก และทุกคน ทุกกิจการในโลกกำลังเปลี่ยนไปตามกระแสนั้น คุณว่า กระแสของอะไร คำตอบคือเงินทอง แล้วคริสตจักรคือตัวคุณ ผู้เชื่อในพระเจ้า กำลังเปลี่ยนไปตามกระแสของโลก หรือยังคงดำรงอยู่เพื่อเป็นผู้นมัสการแท้ คือรับใช้พระเจ้า….
เรากำลังเห็นคนในโลกโซเชียลตามถล่มคนอย่างไร้เมตตาปรานี นี่คือกระแสที่เรากำลังอยู่ หรือเราอยู่ห่างไกล อยู่ที่สูง ไม่ลงต่ำ ไม่ไปเกี่ยวข้องด้วย
ที่สูงที่พระเยซูใช้คำว่า ภูเขา ตัวตึก และทุ่งนา ที่ไกล (จากความเสียหาย) ที่สูงเป็นที่ไกลแนวตั้ง และที่ไกลแนวราบ เป็นที่ห่างไกลจากค่านิยม คุณคิดว่า คือที่ไหน ที่ที่มีการทรงสถิตของพระเจ้า พระเจ้าทรงสถิตในที่สูง พระคัมภีร์จึงกล่าวถึง ภูเขาของพระเจ้า ที่ลี้ลับ ที่ที่จะต้องแสวงหา จึงจะพบพระเจ้า
ยอห์น 4:23-24 23 แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์ยน 24 พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”
พระเจ้าทรงแสวงหาผู้ที่จะนมัสการพระองค์ ผู้นมัสการแท้
…ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”
จิตวิญญาณ แปลว่า ลมหายใจ ๆคือชีวิต และความจริง คือ การไม่การโกหกหลอกลวงอยู่ในชีวิตของคนๆนั้น
การนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง คือ การมีชีวิตและหลุดจากการโกหกหลอกลวงทุกอย่าง ทุกอย่าง ไม่ใช่มีจริงบ้าง โกหกบ้าง นั่นไม่ใช่ผู้นมัสการแท้ หรือมีชีวิตบ้าง ดำเนินชีวิตอย่าซังกะตาย ไม่ได้มีชีวิตชีวา ไม่มีจิตวิญญาณเกี่ยวข้อง มีแต่เปลือกนอก แต่ขาดแก่แท้ของศาสนา นั่นไม่ใช่ผุ้นมัสการแท้
เรากำลังนับถือศาสนาคริสต์แบบมีพระเพิ่มขึ้นอีกองค์อยู่หรือไม่ เรากล้าที่จะทิ้งพระเดิม เพื่อจะนมัสการพระเจ้าแต่องค์เดียวหรือไม่ ผู้นมัสการแท้ จะนมัสการพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียว คนมากมายในโลกนี้กำลังมุ่งปรับตัว เพื่อจะนมัสการของตนเอง คือกระเพาะ และนมัสการเงินทอง (ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินทองมาเลี้ยงกระเพาะ) เรากำลังกลัวเรื่องนี้กันอยู่หรือเปล่า แม้แต่คริสตจักร ก็กำลังปรับตัวด้วยแรงจูงใจนี้อยู่หรือไม่….
ข้าพเจ้าอยากจะบอกกับเราว่า แม้สถานการณ์จะเลวร้ายขนาดไหน การปรับตัวของคริสตจักร มีหลักอยู่เรื่องเดียว คือ นมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง ด้วยลมหายใจ ด้วยการหนีให้ห่างไกลจากการโกหกหลอกลวง การโกหกหลอกลวงไม่ใช่วิธีการของพระเจ้า และถ้าเราเจอการโกหกหลอกลวง การสอนเทียมเท็จทั้งหลาย นั่นคือการปรับตัว ของโลกเพื่อความอยู่รอด แต่เราทั้งหลายคือผู้นมัสการพระเจ้า ที่เชื่อในการเลี้ยงดูของพระเจ้า และการทรงสถิตของพระองค์ ตัวอย่างที่เราได้เห็นบุคคลในพระคัมภีร์ อย่างโยเซฟที่ถูกขายไปเป็นทาสในอียิปต์ เจอการให้ร้าย ถูกลืม แต่ท่านก็ยังสำแดงชีวิตที่มีการทรงสถิตของพระเจ้าจนขึ้นถึงที่สูงสุดของอาณาจักร ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนและเศรษฐกิจตกต่ำที่สุด
ดาเนียล เป็นผู้นมัสการแท้ ที่แม้ตัวท่านจะอยู่ห่างไกลจากพระวิหาร (ที่ถูกทำลายด้วยมือของมนุษย์) แต่ท่านยังนมัสการพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ และเสมอต้นเสมอปลาย จนท่านได้ขึ้นถึงจุดสูงสุดของข้าราชการในอาณาจักรมีเดียนเปอร์เชียที่มาแทนอาณาจักรบาบิโลน
วันนี้ โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาณาจักรกำลังเปลี่ยนไป มหาอำนาจที่เคยเป็น กำลังสูญเสียความเป็นมหาอำนาจ และกำลังจะถูกแทนที่ กิจการใหญ่หดตัวลง กิจการเล็กยิ่งเล็ก และบางกิจการจะหายไปจากวงจรธุรกิจ
แต่ผู้นมัสการแท้ จะดำรงอยู่ และขึ้นสูงไปเรื่อยๆ ในทุกที่ที่เขาไป เพราะเขาอยู่ในที่สูงอยู่แล้ว และข้าพเจ้าเชื่อแน่ว่า การอยู่ที่สูง และไกลจากหายนะที่กำลังเกิดขึ้น (ด้วยการซ่อนตัวของเราในการทรงสถิตของพระเจ้า) เราจะไม่เพียงอยู่รอดได้ แต่เราจะขึ้นสู่จุดสูงสุด อาเมน
อิสยาห์ 20:20-21 20 มาเถิด ชนชาติของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้าในห้องของเจ้า และปิดประตูเสีย จงซ่อนตัวเจ้าอยู่สักพักหนึ่ง จนกว่าพระพิโรธจะผ่านไป 21 เพราะ ดูเถิด พระเจ้ากำลังเสด็จออกมาจากสถานที่ของพระองค์ เพื่อลงโทษชาวแผ่นดินโลก เพราะความบาปผิดของเขาทั้งหลาย และแผ่นดินโลกจะเปิดเผยโลหิต ซึ่งหลั่งอยู่บนมัน และจะไม่ปิดบังผู้ถูกฆ่าของมันไว้อีก