“พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด”
เพลงพระคุณพระเจ้า Amazing grace เป็นเพลงที่ร้องไปทั่วโลกมากมายหลายภาษา มีความหมายถึง การช่วยกู้ของพระเจ้ามาในยามที่มนุษย์อ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้ และไม่ได้อยู่ในสถานะที่สมควรจะได้รับการช่วยเหลือ แต่พระเจ้ายังทรงช่วย โดยประทานพระเยซูคริสต์เจ้าเสด็จมาเป็นพระผู้ช่วย…..ในตอนท้ายหลังจากจบเพลงในวิดีโอนี้ ได้กล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของโลกนี้ เราคงไม่ต้องพูดถึงว่าอะไรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ได้ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตผู้คนมากมาย และดูเหมือนว่า การสูญเสียนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ ทำให้ผู้คนเริ่มตระหนักว่า ชีวิตของคนเรานั้นช่างเปราะบางเหลือเกิน แต่พระคุณและความรักของพระเยซูคริสต์นั้น แข็งแกร่งเหนือชีวิตและความตาย ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใด จงร้องออกพระนามของพระเยซูคริสต์ พระนามของพระเยซูคริสต์ถูกร้องเรียกเป็นภาษาต่างๆมากมาย จากปากของคนหลายชาติหลายภาษา จากประสบการณ์ของคนเหล่านี้ เขาพบว่า พระนามของพระเยซูคริสต์ นำการปกป้อง และการช่วยให้รอดมาถึงพวกเขา
กิจการ 4:12 12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”
ฟิลิปปี 2:9 9 เหตุฉะนั้นพระเจ้าจึงได้ทรงยกพระองค์ขึ้นอย่างสูง และได้ประทานพระนามเหนือนามทั้งปวงให้แก่พระองค์
มัทธิว 18:20 20 ด้วยว่ามีสองสามคนประชุมกันที่ไหนๆ ในนามของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางเขาที่นั่น”
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด ทรงให้พระมหาบัญชา การช่วยมนุษย์ให้รอด
มัทธิว 28:19-20 19 เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์20 สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้ นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”
คำสัญญาของพระเยซูคริสต์เจ้าในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอด คือการอยู่ด้วย อยู่ตลอดเวลา อยู่ให้ถึงที่สุด อยู่จนกว่าทุกอย่างจะจบลง บางครั้งที่เราอยากจะให้ใครสักคนอยู่กับเรา ช่วยเหลือ ช่วยอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้จบ ไม่ใช่ครี่งๆกลางๆ แต่เรามักจะพบกับความผิดหวังบ่อยๆ บางคนสัญญาไว้อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่ก็ทำไม่ได้ (ทั้งๆที่คำสัญญานั้นจริงใจ ตั้งใจ) แต่เพราะความจำกัดในความเป็นมนุษย์ ทำให้คนบางคนที่ดูเหมือนเข้มแข็ง แต่กลับพบว่า อ่อนแอ คนบางคนที่เก่งกาจสามารถ แต่ก็จนปัญญา เมื่อต้องเจอกับความจำกัดของตนเอง กับสถานการณ์ที่เกินการควบคุม
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด กับคำสัญญาที่เป็นจริง ทรงสามารถ และทรงรักษาสัญญา ทรงทำได้อย่างที่ทรงสัญญา การทำบทบาทพระผู้ช่วยให้รอดของพระเยซูคริสต์ ไม่ได้จบลงเมื่อพระองค์ถูกตรึงที่กางเขน และถูกฝังอยู่ในอุโมงค์ แต่พระองค์ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ต้องตายเพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดจากการต้องรับการพิพากษาบาป เป็นเรื่องชีวิตหลังความตาย ไม่ใช่แค่อนาคตเท่านั้น แต่….
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เป็นปัจจุบัน ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ พระองค์ดำรงอยู่เพื่อทำหน้าที่พระผู้ช่วยให้รอดของเรา เพื่อให้เราสามารถเผชิญอยู่กับโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่พระองค์ยังทรงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามโลก
ฮีบรู 13:8 8 พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และต่อๆ ไปเป็นนิจกาล
ครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทันที โทรหาใครก็ไม่มีใครรับสาย ส่งไลน์ไป ก็ไม่อ่าน จนปัญหาของข้าพเจ้ารับการแก้ไขไปแล้ว คนเหล่านนั้นถึงจะอ่านไลน์ โทรฯกลับมา ข้าพเจ้าบอกบางคนที่สนิทๆกันว่า ฉันคงตายไปนานแล้ว เพิ่งจะอ่านไลน์ หรือโทรฯกลับมา และคุณรู้ไม๊ว่า ปัญหาของข้าพเจ้าในยามที่ติดต่อใครไมได้เลย ได้รับการช่วยเหลือ ทั้งหมดมาจากการร้องเรียกหาพระเยซูคริสตส์ พระผู้ช่วยให้รอด
มีการเก็บสถิติคนฆ่าตัวตายสำเร็จ เพราะไม่มีใครรับสาย ไม่มีใครอ่านไลน์ (จำนวนครั้ง 30 ครั้ง) จงตระหนักว่า ถ้ามีใครโทรหาคุณถี่ขนาดนั้น แสดงว่า เขากำลังไม่มีใครช่วยเขาได้จริงๆแล้ว และเสี่ยงมากที่จะกำลังคิดฆ่าตัวตาย
ในยามที่คนเราจนหนทางที่สุด ไม่มีใครเลย ตอนนั้นแหล่ะ เรามักจะคิดถึงพระคิดถึงเจ้า เรามักจะคิดถึงคนก่อน แต่ตอนคับขันที่สุด ที่รู้แน่แก่ใจว่า ใครก็ช่วยไม่ได้ ตอนนั้นแหล่ะ พระเจ้าเท่านั้นที่ช่วยได้
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด มาทันเวลาเสมอ
สาวกของพระเยซูคริสต์ขณะนั่งเรือเจอกับพายุ มีสองตอน ตอนที่พระเยซูอยู่ในเรือ และตอนที่พระเยซูอยู่นอกเรือ
เมื่อพระเยซูอยู่ในเรือ…..
ลูกา 5:22-25 22 อยู่มาวันหนึ่งพระองค์เสด็จลงเรือกับเหล่าสาวกของพระองค์ แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า “ให้เราข้ามทะเลสาบไปฟากข้างโน้น” เขาก็ถอยเรือออกไป23 เมื่อกำลังแล่นไปพระองค์บรรทมหลับ และบังเกิดพายุกล้ากลางทะเล น้ำเข้าเรืออยู่น่ากลัวจะมีอันตราย24 เขาจึงมาปลุกพระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า อาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้ากำลังจะจมอยู่แล้ว” พระองค์จึงทรงตื่นขึ้นห้ามลมและคลื่น แล้วคลื่นลมก็หยุดเงียบสงบทีเดียว25 พระองค์จึงตรัสแก่เขาว่า “ความเชื่อของเจ้าอยู่ที่ไหน” เขาเหล่านั้นกลัวและประหลาดใจพูดกันว่า “ท่านนี้เป็นผู้ใดจึงสั่งบังคับลมและน้ำได้ ลมกับน้ำนั้นก็เชื่อฟังท่าน”
ข้าพเจ้ากำลังจะจมอยู่แล้ว” พระเยซูทรงตื่นทันที และจัดการกับพายุที่พัดโถม เอาน้ำเข้าเรือ ที่สาวกกลัวเรือจะจม
วันนี้ เรากำลังมีความรู้สึกเหมือนน้ำเข้าเรือ และกำลังจมอยู่แล้วหรือไม่? และเรากำลังร้องเรียกหาใครช่วย?
ยังมีคำถามอีกว่า เรากำลังเดินในเส้นทางเดียกวันกับพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด? หรือเรากำลังเดินในทางของตัวเราเอง เรากำลังตามใคร มีใครเป็นผู้ชี้นำทางให้กับเรา…..
มัทธิว 16:24 24 ขณะนั้นพระเยซูจึงตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าผู้ใดใคร่ตามเรามาให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง และรับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
เมื่อพระเยซูอยู่นอกเรือ….
มาระโก 6:45-52 45 ครั้นแล้วพระองค์ได้ตรัสให้เหล่าสาวกของพระองค์ ลงเรือข้ามไปยังเมืองเบธไซดาก่อน ส่วนพระองค์ทรงรอส่งประชาชนกลับบ้าน46 เมื่อพระองค์ทรงลาเขาทั้งหลายแล้ว ก็เสด็จขึ้นภูเขาเพื่ออธิษฐานที่นั่น47 เมื่อค่ำลงแล้ว เรือของเหล่าสาวกอยู่กลางทะเล ส่วนพระองค์อยู่บนฝั่งแต่ผู้เดียว48 แล้วพระองค์ทอดพระเนตรเห็นเหล่าสาวกตีกรรเชียงลำบากเพราะทวนลมอยู่ ครั้นเวลาสามยามเศษ พระองค์จึงทรงดำเนินบนน้ำทะเลไปยังเหล่าสาวก และพระองค์ทรงดำเนินดังจะเลยเขาไป49 เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินบนทะเล เขาสำคัญว่าผี แล้วพากันร้องอึงไป50 เพราะว่าทุกคนเห็นแล้วก็กลัว แต่ในทันใดนั้นพระองค์ทรงออกพระโอษฐ์ตรัสแก่เขาว่า “ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย”51 พระองค์จึงเสด็จขึ้นไปหาเขาบนเรือแล้วลมก็เงียบลง52 เหล่าสาวกก็ประหลาดอัศจรรย์ใจเหลือประมาณ เพราะว่าเรื่องขนมปังนั้นเขายังไม่เข้าใจ แต่ใจเขายังมืดมัวอยู่
เมื่อสาวกอยู่นอกเรือ แต่พระเยซูอยู่ด้วย (เปโตรเดินบนน้ำได้สองก้าว และจมลง) พระเยซูฉุดเปโตรขึ้นจากน้ำ และให้ลงเรือเหมือนเดิม
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด ลงเรือลำเดียวกันกับเรา
ผลลัพธ์คือ เวลาข้ามฝาก ใช้เวลาข้ามคืน เพราะความจำกัดของเรือ ที่พาไป ในขณะที่พระเยซูทรงสามารถไปได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการเดินบนน้ำ แต่พระองค์ก็ทรงทำหน้าที่ของพระผู้ช่วย คือ ลงเรือลำเดียวกันกับสาวก เพราะสาวก อย่างเปโตร คนแรก ที่ล้มเหลวในการเดินบนน้ำไปกับพระเยซู เราลองคิดดูอีกแบบว่า ถ้าเปโตรประสบความสำเร็จ สาวกคนอื่นๆก็จะเดินออกจากเรือ และเดินบนน้ำเหมือนเปโตร
มัทธิว 14:27-32 27 ในทันใดนั้นพระเยซูตรัสกับเขาว่า “ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย”28 ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์”29 พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู30 แต่เมื่อเขาเห็นลมพัดแรงก็กลัว และเมื่อกำลังจะจมก็ร้องว่า “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย”31 ในทันใดนั้นพระเยซูทรงเอื้อมพระหัตถ์จับเขาไว้ แล้วตรัสว่า “ท่านสงสัยทำไม ท่านช่างมีความเชื่อน้อยเสียจริง” 32 เมื่อพระองค์กับเปโตรขึ้นเรือแล้ว ลมก็เงียบลง
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด ทรงเข้าใจความกลัวที่อยู่ในมนุษย์ เมื่อความกลัวของเราได้ควบคุมเราไว้ แต่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่เข้าใจความจำกัดของเรา ความจำกัดของเรา ทำให้พระองค์ต้องเปลี่ยนแผนของพระองค์ ที่จะไปได้เร็วกว่าเรือ พระองค์จำต้องลงเรือกับเปโตรไปด้วย บ่อยครั้ง ความล่าช้า ที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจากพระเจ้าแต่มาจากความจำกัดของมนุษย์เอง
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด เพื่อช่วยให้เราสามารถเดินได้ด้วยตัวเอง แต่หากเราล้มเหลว พระองค์ก็ทรงพร้อมที่จะฉุดเราขึ้นมา และชี้จุดบกพร่องของเราให้เรารู้ว่า อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราล้มเหลว
ยากอบ 1:5 5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา ก็ให้ผู้นั้นทูลขอจากพระเจ้า ผู้ทรงโปรดประทานให้แก่คนทั้งปวงด้วยพระกรุณาและมิได้ทรงตำหนิ แล้วผู้นั้นก็จะได้รับสิ่งที่ทูลขอ
มีคำเปรียบเทียบเรื่องการพึ่งพาตนเอง ด้วยเรื่องการจบน้ำ และมีคนมายืนอยู่ที่ชายฝั่งตะโกนสอนเราว่า ทำท่าว่ายน้ำสิ ยกมือขึ้น ตีขา และก็ว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง คุณว่า คนที่ว่ายน้ำไม่เป็น และกำลังจะจมน้ำ จะช่วยตัวเองได้ไม๊? สถานการณ์ของคนๆนี้คือต้องการคนช่วย
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด มาในขณะที่เราช่วยตัวเราเองไม่ได้
โรม 5:8 8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา
การช่วยเหลือของพระเยซูคริสต์ไม่ได้อยู่ที่เราต้องทำตัวให้ดีก่อน แล้วพระองค์จึงจะช่วย
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด ช่วยคนให้ได้มากที่สุด อย่างเพลงพระคุณพระเจ้า ที่มีตอนหนึ่ง กล่าวถึง การช่วยคนบาป คนชั่ว พระเยซูคริสต์ได้ทำหน้าที่พระผู้ช่วยให้รอดที่ช่วยคนทุกคน ไม่เลือกว่า คนๆนั้นจะบาปหรือชั่วเพียงใด แต่หากตกอยู่ในอันตราย และกำลังจะพินาศ นั่นคือคนที่พระเยซูคริสต์ ทรงทำหน้าที่พระผู้ช่วยให้รอด สปิริตนี้ อยู่ในหมอที่มีคุณธรรมทุกคน จะไม่เลือกว่า คนป่วย เป็นใคร คนละสี คนละพวก คนฝ่าย หรือเป็นศัตรู
มีคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำร้ายหมอ พยาบาลในโรงพยาบาล เมื่อไม่นานมานี้ว่า ตามหลักสากล โดยเฉพาะในยามสงคราม รพ. หน่วยแพทย์พยาบาล จะเป็นสถานที่และบุคลลที่รับการปกป้อง และหลีกเลี่ยงการโยนระเบิดใส่ หรือทำร้ายคนในโรงพยาบาล
พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง สงครามฝ่ายวิญญาณ ที่มีมิติที่มองไม่เห็น เป็นสงครามระหว่างความสว่างกับความมืด พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์เป็นดังแสงสว่างเข้ามาในโลกแห่งความมืด มีศัตรูแห่งความมืด ครอบคลุมโลกนี้ด้วยความมืด สงครามนี้ดุเดือด ไม่มีเมตตาจากศัตรูแห่งความมืดเลย แต่มีกฏฝ่ายวิญญาณในขณะมีสงครามด้วยเช่นกัน ก็คือ ที่ใดที่มีแพทย์ผู้ประเสริฐ คือพระเยซูคริสต์ อยู่ที่นั่น วิญญาณชั่วจะต้องรีบปล่อยคนที่มันกำลังทำร้ายทันที
ลูกา 4:31-36 31 แล้วพระองค์เสด็จไปถึงเมืองคาเปอรนาอุมแคว้นกาลิลี และทรงสั่งสอนพวกเขาในวันสะบาโต32 เขาก็อัศจรรย์ใจด้วยคำสอนของพระองค์ เพราะพระดำรัสของพระองค์ประกอบด้วยสิทธิอำนาจ 33 มีคนหนึ่งในธรรมศาลาที่มีผีโสโครกเข้าสิง ร้องเสียงดังว่า34 “พระเยซูชาวนาซาเร็ธ พระองค์มายุ่งกับเราทำไม? พระองค์มาทำลายเราหรือ? ข้ารู้ว่าพระองค์เป็นใคร พระองค์คือองค์บริสุทธิ์ของพระเจ้า”35 พระเยซูจึงตรัสห้ามมันว่า “นิ่งเสีย จงออกมาจากตัวเขา” ผีนั้นก็ทำให้เขาล้มลงท่ามกลางฝูงชน แล้วก็ออกจากตัวเขา แต่ไม่ได้ทำอันตรายเขาเลย36 ทุกคนก็ประหลาดใจพูดกันว่า “ถ้อยคำของคนนี้มีอะไรพิเศษนะ เพราะท่านสั่งผีโสโครกด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดช และพวกมันก็ออก”
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด อยู่ที่ไหน สงครามต้องละเว้น สันติสุข ความสงบสุขบังเกิดขึ้น จิตใจได้พัก แม้ในสนามรบ ก็ต้องหยุดยิง ที่อื่นจะรบกันได้ แต่ที่นี่ต้องสงบ เพราะพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงอยู่ท่ามกลางที่นั่น
ยอห์น 14:27 27 เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านทั้งหลาย สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย
พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอด