“พระเยซูคริสต์เจ้า…ผู้ทรงเลี้ยงดู”

https://www.youtube.com/watch?v=3saPwsSrFzg

นี่เป็นครั้งแรกที่เปโตร อัครสาวก ได้พบกับพระเยซูคริสต์ และพระองค์ทรงเรียกท่านให้ติดตามพระองค์ จนพระเยซูคริสต์ถูกจับ ถูกนำไปไต่สวน เปโตรติดตามพระเยซูคริสต์ไปห่างๆ และมีคนจำเปโตรได้ ว่าเคยอยู่กับพระเยซูคริสต์มาก่อน แต่เปโตรได้ปฏิเสธถึงสามครั้ง ก่อนไก่ขัน ว่าเขาไม่เคยรู้จักพระเยซู  เป็นไปตามคำทำนายไว้ล่วงหน้าว่า เปโตรที่ตั้งใจจะติดตามพระเยซูจนถึงที่สุด คือ แม้พระองค์ตาม เขาก็จะตายตามด้วย  เปโตรเสียใจที่เขาไม่สามารถทำได้อย่างที่พูดไว้ อย่างที่ตั้งใจไว้ และเมื่อพระเยซูถูกตรึงที่กางเขน  ถูกฝ้งในอุโมงค์สามวัน เมื่อพระองค์ฟื้นขึ้นมาจากความตาย พระองค์เพียงแค่ปรากฏตัวให้สาวกได้พบกับพระองค์เป็นครั้งๆ   และนี่คือบันทึกของหนังสือยอห์น

ยอห์น 21:1-14 1 ต่อมา​พระ​เยซู​ได้​ทรง​สำแดง​พระ​องค์​แก่​เหล่า​สาวก​อีก​ครั้ง​หนึ่ง ที่​ทะเล​ทิเบ​เรียส ​พระ​องค์​ทรง​สำแดง​พระ​องค์​อย่าง​นี้​2 คือ ซีโมน​เปโตร โธมัส​ที่​เรียก​ว่า​แฝด ​นาธานาเอล​ชาว​บ้าน​คา​นา​แคว้น​กาลิลี บุตร​ทั้ง​สอง​ของ​เศเบ​ดี และ​สาวก​ของ​พระ​องค์​อีก​สอง​คน​กำลัง​อยู่​ด้วย​กัน​3 ซีโมน​เปโตร​บ​อก​เขา​ว่า “ข้า​จะ​ไป​จับ​ปลา” เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “เรา​จะ​ไป​ด้วย” แล้ว​พวก​เขา​ก็​ออกไป​ลง​เรือ แต่​คืน​นั้น​เขา​จับ​ปลา​ไม่ได้​เลย 4 ครั้น​รุ่ง​เช้า ​พระ​เยซู​ประทับ​ยืน​อยู่​ที่​ฝั่ง แต่​เหล่า​สาวก​ไม่​รู้​ว่า​เป็น​พระ​เยซู​5 ​พระ​เยซู​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “ลูก​เอ๋ย มี​ปลา​บ้าง​หรือ​เปล่า” เขา​ตอบ​ว่า “ไม่​มี”6 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “จง​ทอด​อวน​ลง​ทาง​ด้านขวา​เรือ​เถิด​แล้ว​จะ​ได้​ปลา​บ้าง” เขา​จึง​ทอด​อวน​ลง​และ​ได้​ปลา​เป็น​อัน​มาก จน​ลาก​อวน​ขึ้น​ไม่ได้​7 สาวก​คน​ที่​พระ​เยซู​ทรง​รัก​บอก​เปโตร​ว่า “เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า” เมื่อ​เปโตร​ได้​ยิน​ว่า เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เขา​ก็​หยิบ​เสื้อ​มา​สวม​เพราะ​ตัว​เปล่า​อยู่ แล้ว​ก็​กระโดด​ลง​ทะเล​8 แต่​สาวก​คน​อื่นๆ นั้น นั่ง​เรือ​มา และ​ลาก​อวน​ที่​ติด​ปลา​เต็ม​นั้น​มา​ด้วย เพราะ​เขา​อยู่​ไม่​ห่าง​จาก​ฝั่ง​นัก ไกล​ประมาณ​หนึ่ง​ร้อย​เมตร​เท่านั้น 9 เมื่อ​เขา​ขึ้น​มา​บน​ฝั่ง​เขา​ก็​เห็น​ถ่าน​ติด​ไฟ​อยู่ มี​ปลา​วาง​อยู่​ข้างบน และ​มี​ขนม​ปัง​10 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “เอา​ปลา​ที่​ได้​เมื่อ​กี้​นี้​มา​บ้าง”11 ซีโมน​เปโตร​จึง​ลง​ไป​ใน​เรือ​แล้ว​ลาก​อวน​ขึ้น​ฝั่ง อวน​ติด​ปลา​ใหญ่​เต็ม มี​หนึ่ง​ร้อย​ห้า​สิบ​สาม​ตัว ถึง​มาก​อย่าง​นั้น​อวน​ก็​ไม่​ขาด​12 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “มา​รับประทาน​อาหาร​กัน​เถิด” พวก​สาวก​ไม่​มี​ใคร​กล้า​ถาม​พระ​องค์​ว่า “ท่าน​คือ​ใคร” เพราะ​เขา​รู้อยู่​ว่า​เป็น​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า​13 ​พระ​เยซู​ทรง​เข้า​มา​หยิบ​ขนม​ปัง​แจก​ให้​เขา และ​ทรง​หยิบ​ปลา​แจก​ด้วย​14 นี่​เป็น​ครั้ง​ที่​สาม ที่​พระ​เยซู​ทรง​สำแดง​พระ​องค์​แก่​พวก​สาวก หลังจาก​ที่​ทรง​ให้​พระ​องค์​คืน​พระ​ชนม์​แล้ว​

“ลูก​เอ๋ย มี​ปลา​บ้าง​หรือ​เปล่า”   สำนวนนี้  พูดตามภาษาชาวบ้าน ก็คือการถามว่า   มีอะไรกินบ้างหรือยัง?  พวกเขาก็ตอบกลับมาว่า ยังไม่มีอะไรจะกินเลย….  เปโตรและสาวกของพระเยซูคนอื่นๆ ทั้งหมดเจ็ดคน ต่างเคยมีอาชีพเป็นชาวประมง คือจับปลา และโดยประสบการณ์ของการเคยเป็นชาวประมง ย่อมรู้ว่า การจับปลา มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ตนเอง แต่อยู่ที่ปลา ว่า มันจะมา หรือมันจะไป  ชาวประมงไทย จะใช้คำว่า วันไหนโชคดี ก้จับปลาได้ วันไหนโชคไม่ดี ก็จับไม่ได้เลย   ชาวประมงยิวอาจจะไม่ใช้คำแบบเดียวกัน แต่ก็คงจะรู้สึกอย่างเดียวกัน ก็คือ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ไมใช่ได้ตลอด และสำหรับเปโตรกับสาวกอีกหกคน ในเวลานั้น ต่างก็ยอมรับสภาพว่า อดแน่  ไม่มีอะไรจะกินแน่ในวันถัดไป  แต่….

พระเยซูทรงปรากฏที่ชายฝั่ง พระคัมภีร์ตอนนี้ บันทึกว่า เรือของพวกเขาห่างจากฝั่งประมาณร้อยเมตร  น่าสนใจว่า ในระยะห่างนั้น เสียงของพระเยซูมาถึงพวกสาวกที่อยู่บนเรือได้อย่างไร นี่คือลักษณะพิเศษหลังจากพระเยซูฟื้นขึ้นมาจากความตาย  กายใหม่ของพระเยซูคริสต์สามารถผ่านประตูที่ปิดไปได้ และระยะทางหรือการรบกวนจากเสียงอื่นๆ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการได้ยิน การสื่อสาร จากพระเยซูมาถึงเหล่าวสาวกขณะอยู่บนเรือและลักษณะพิเศษอีกอย่างก็คือ พระองค์พูด ทุกคนได้ยินพร้อมกัน สาวกเจ็ดคน ในเวลานั้น จำไม่ได้ว่า คือพระเยซูคริสต์ พระอาจารย์ของตนเองที่เคยติดตามพระองค์มาถึงสามปีครึ่ง  แม้แต่เสียงก็จำไม่ได้…. เป็นไปได้ว่า สาวกในเวลานั้น จดจ่ออยู่กับเรื่องปัญหาความกังวล เรื่องปากท้อง  ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรกิน ในอนาคตที่ใกล้มาก คือมื้อถัดไป….มื้อเช้านี้?

ความหิวของคน อาจทำให้การจดจ่ออยู่ที่อาหารมากกว่าคน คนไทยมีเรื่องกุกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ เพราะความหิว แม้แต่คนสำคัญที่ควรจดจำยังลืมตัว ทำร้ายผู้มีพระคุณได้  พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง กระเพาะของคนได้กลายเป็นพระ (รูปเคารพ) คือมีความสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด คำว่า รูปเคารพ ไม่ได้หมายถึงแต่รูปปั้น สิ่งที่คนสร้างขึ้นมาเพื่อกราบไหว้บูชาเท่านั้น แต่ประเด็นหลักของการเป็นรูปเคารพ คือ การเรียงลำดับความสำคัญให้สำคัญที่สุด สำคัญมากยิ่งกว่าพระเจ้า สิ่งนั้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ เงินทอง ค่านิยม อุดมการณ์ หรือบุคคล ได้กลายเป็นรูปเคารพไปแล้ว  เมื่อใดก็ตามที่เรามีรูปเคารพสำหรับตนเอง นั่นคือ เราจะจำไม่ได้ แม้กระทั่งผู้มีพระคุณของเรา

วันนี้ เรากำลังเห็นปรากฏการณ์ของม็อบเด็กนักเรียนออกมาแสดงสัญญลักษณ์ชูนิ้ว พร้อมกับข้อเรียกร้องต่างๆ โดยอ้างคำว่า ประชาธิปไตย แม้แต่พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ก็ถูกก้าวล่วง ข้ามหัวไม่มีความสำคัญอีกต่อไป นี่คือรูปเคารพหรือไม่? คำว่า รูปเคารพ ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า Idol ซึ่งในยุคปัจจุบันนำคำนี้ มาแปลแบบให้ดูสวยหรู  และใช้ในทางที่คิดว่า เป็นบวก  ดูเท่ห์นะ มีไอดอลของตัวเอง…..

พระเยซูคริสต์เจ้า….ผู้ทรงเลี้ยงดู ได้แสดงความห่วงใยว่า สาวกของพระองคืจะมีอะไรกินไม๊?  ในคำสอนของพระองค์  ได้แสดงความห่วงใยด้วยคำว่า อย่ากระวนกระวาย ว่าจะเอาอะไรกิน เอาอะไรดื่ม

มัทธิว 6:31-32  31 เหตุ​ฉะนั้น​อย่า​กระวน​กระวาย​ว่า จะ​เอา​อะไร​กิน หรือ​จะ​เอา​อะไร​ดื่ม หรือ​จะ​เอา​อะไร​นุ่ง​ห่ม​32 เพราะ​ว่า​พวก​ต่างชาติ​แสวงหา​สิ่งของ​ทั้ง​ปวง​นี้ แต่​ว่า​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​ทราบ​แล้ว​ว่า ท่าน​ต้อง​การ​สิ่ง​ทั้ง​ปวง​เหล่า​นี้​

พระเจ้าไม่ได้แค่รับรู้ว่าเราต้องการอะไร แต่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้สำหรับเราแล้ว พระเยซูคริสต์ทรงสาธิตต่ออีกในเรื่องนี้

1.พระเยซูคริสต์เจ้า….ผู้ทรงเลี้ยงดู ด้วยความสดใหม่

ยอห์น 21:9,12-14 9 เมื่อ​เขา​ขึ้น​มา​บน​ฝั่ง​เขา​ก็​เห็น​ถ่าน​ติด​ไฟ​อยู่ มี​ปลา​วาง​อยู่​ข้างบน และ​มี​ขนม​ปัง…..12 พระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “มารับประทานอาหารกันเถิด” พวกสาวกไม่มีใครกล้าถามพระองค์ว่า “ท่านคือใคร” เพราะเขารู้อยู่ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า13 พระเยซูทรงเข้ามาหยิบขนมปังแจกให้เขา และทรงหยิบปลาแจกด้วย14 นี่เป็นครั้งที่สาม ที่พระเยซูทรงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวก หลังจากที่ทรงให้พระองค์คืนพระชนม์แล้ว

ยอห์น 21:4  4 นี่เป็นครั้งที่สาม ที่พระเยซูทรงสำแดงพระองค์แก่พวกสาวก หลังจากที่ทรงให้พระองค์คืนพระชนม์แล้ว

การทรงปรากฏของพระเยซูคริสต์ คือความสดใหม่ ด้วยชีวิตใหม่ กายใหม่ สิ่งใหม่ๆ พระองค์ไม่ใช่ซากศพ ไม่ใช่ของที่ตายแล้ว  แต่พระองค์ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับชีวิต และให้สิ่งที่สดใหม่แก่สาวกของพระองค์

มัทธิว 18:19-20 19 เรา​กล่าว​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​อีก​ว่า ถ้า​ใน​พวก​ท่าน​ที่​อยู่​ใน​โลก​สอง​คน​จะ​ร่วม​ใจ​กัน​ขอ​สิ่ง​หนึ่ง​สิ่ง​ใด ​พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์​ก็​จะ​ทรง​กระทำ​ให้​20 ด้วย​ว่า​มี​สอง​สาม​คน​ประชุม​กัน​ที่​ไหนๆ ใน​นาม​ของ​เรา เรา​จะ​อยู่​ท่ามกลาง​เขา​ที่​นั่น”

หากย้อนขึ้นไปในบทเดียวกันนี้ พระเยซูได้กล่าวถึง สิทธิ์อำนาจของสวรรค์บนแผ่นดินโลก

มัทธิว 18:18 18 เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า สิ่ง​สารพัด​ซึ่ง​ท่าน​จะ​กล่าว​ห้าม​ใน​โลก ​ก็​จะ​ถูก​กล่าว​ห้าม​ใน​สวรรค์ และ​สิ่ง​ซึ่ง​ท่าน​จะ​กล่าว​อนุญาต​ใน​โลก ​ก็​จะ​ได้รับ​อนุญาต​ใน​สวรรค์​เหมือน​กัน

นี่คือภาพของคริสตจักรที่เป็นชุมชุนของพระเยซูคริสต์เจ้า เปิดใจ มีใจร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว รวมตัวกัน สามัคคีธรรมด้วยกัน พระเยซูคริสต์จะทรงอยู่ท่ามกลางพวกเขาในบทบาทของพระคริสต์ พระผู้ช่วย และหนึ่งในบทบาทนั้น คือ ผู้ทรงเลี้ยงดุ  สิ่งที่แผ่นดินโลกไม่เคยเกิด ไม่เคยมี แผ่นดินสวรรค์จะกล่าวอนุญาตให้เกิดและมีขึ้น  หรืแม้แต่สิ่งใดบนแผ่นดินโลกที่ห้ามไม่ได้ หยุดยั้งไม่ได้  แผ่นดินสวรรค์จะแทรกแซง กล่าวห้ามและหยุดยั้งให้

อุปสรรค ที่ยากที่สุด ที่ทำให้ความหวังตายไป  ถูกเปลี่ยนให้มีความหวัง  มีชีวิต   การเลี้ยงดูของพระเยซูคริสต์ สดใหม่ เป็นการสำแดงใหม่ เป็นวิถีใหม่ สติปัญญาใหม่ ความคิดใหม่ ทำแบบใหม่ ซึ่งเกินจากที่คาดคิด อย่าคิดถึงอดีตที่ล้มเหลว และจมอยู่กับความสิ้นหวัง จงพบกับความสดใหม่ของพระองค์เสมอ  ในคำสอนเรื่องการอธิษฐาน มีคำว่า ขอประทานอาหารประจำวัน คือความสดใหม่

2.พระเยซูคริสต์…ผู้ทรงเลี้ยงดู เริ่มต้นด้วยความพอเพียง (ไม่โลภ)

ยอห์น 21:3,6  3 ซีโมน​เปโตร​บ​อก​เขา​ว่า “ข้า​จะ​ไป​จับ​ปลา” เขา​ทั้ง​หลาย​จึง​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “เรา​จะ​ไป​ด้วย” แล้ว​พวก​เขา​ก็​ออกไป​ลง​เรือ แต่​คืน​นั้น​เขา​จับ​ปลา​ไม่ได้​เลย….6 พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงทอดอวนลงทางด้านขวาเรือเถิดแล้วจะได้ปลาบ้าง”

พระเยซูคริสต์ทรงสอนสาวกให้มีความคาดหวัง ในเรื่องปากท้อง  ด้วยการเริ่มต้นแค่พอเพียง

มัทธิว 6:26 26 จง​ดู​นก​ใน​อากาศ มัน​มิได้​หว่าน มิได้​เกี่ยว มิได้​ส่ำ​สม​ไว้​ใน​ยุ้ง​ฉาง แต่​พระ​บิดา​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​เลี้ยง​นก​ไว้ ท่าน​ทั้ง​หลาย​มิ​ประเสริฐ​กว่า​นก​หรือ​

ข้าพเจ้าเลี้ยงนกแก้วไว้ตัวหนึ่ง ตอนนี้ มีนกเขามาสามคู่ หกตัว มาให้เลี้ยงดูด้วย ข้าพเจ้าสังเกตการหาอาหารของมัน และเริ่มเห็นมันทำรังบนต้นไม้หน้าบ้าน เป็นรังใหญ่ มันน่ารัก และสุภาพมาก และเมื่อข้าพเจ้าเปิดประตูบ้านออกมา นกเขาจะเดินมาที่ประตูรั้ว และมาเดินรอบๆข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าคงต้องซื้ออาหารเพิ่มเป็นสองเท่า คือสำหรับเลี้ยงนกแก้วในบ้าน แล้วยังมีนกเขานอกบ้านอีก มันเริ่มเชื่อง และเชื่อในการเลี้ยงดูของข้าพเจ้า  ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงคำสอนของพระเยซูคริสต์ตอนนี้ ให้ดูนกในอากาศ เทียบกับการเลี้ยงดูของพระเจ้า พระเยซูสอนเรื่องความเชื่อ ความไว้วางใจในการเลี้ยงดูของพระเจ้า จงทำรังใกล้ๆกับบ้านของพระเจ้า  ที่ไหนคือบ้านของพระเจ้า การเลี้ยงดูก็จะอยู่ที่นั่น  จงอยู่กับการทรงสถิตของพระเจ้า ทำให้บ้านเป็นที่ที่พระเจ้าอวยพร คริสตจักร สังคม และแผ่นดินไทยของเรา เป็นที่เราจะยึดพระองค์ไว้ โอบกอดพระเจ้า ไม่ยอมปล่อยจนกว่าพระเจ้าจะอวยพร และอวยพร คำอวยพรจะทำลายคำแช่งสาปออกไป

มีบุคคลในพระคัมภีร์ที่ข้าพเจ้าจะยกตัวอย่างเรื่องนี้…..

ยาโคบ ได้พบกับพระเจ้า และได้ปล้ำสู้ คือไม่ยอมปล่อยทูตของพระเจ้า The Angel of the Lord ซึ่งหมายถึง ตัวแทนของพระเจ้า  ยาโคบไม่ยอมปล่อย กอดรัดไว้ (ที่เรียกว่า ปล้ำสู้) จนกว่า พระองค์จะอวยพรเขา

ปฐมกาล 32:24-30 24 ยาโคบอ​ยู่​ที่​นั่น​แต่​ผู้​เดียว มี​บุรุษ​ผู้​หนึ่ง​มา​ปล้ำ​กับ​เขา​จน​เวลา​รุ่ง​สาง​25 เมื่อ​บุรุษ​ผู้​นั้น​เห็น​ว่า​จะ​เอาชนะ​ยาโคบ​ไม่ได้ ​ก็​ถูกต้อง​ที่​ข้อ​ต่อ​ตะโพก​ของ​ยาโคบ​ขณะที่​ปล้ำ​สู้​กัน ข้อ​ต่อ​ตะโพก​ของ​ยาโคบ​ก็​เคล็ด​26 บุรุษ​นั้น​จึง​ว่า “ปล่อย​ให้​เรา​ไป​เถิด​เพราะ​ใกล้​สว่าง​แล้ว” แต่​ยาโคบ​ตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​ไม่​ยอม​ให้​ท่าน​ไป นอก​จาก​ท่าน​จะ​อวย​พร​แก่​ข้าพเจ้า”27 บุรุษ​ผู้​นั้น​จึง​ถาม​ยาโคบ​ว่า “เจ้า​ชื่อ​อะไร” ยาโคบตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​ชื่อ​ยาโคบ”28 บุรุษ​นั้น​จึง​ว่า “เขา​จะ​ไม่​เรียก​เจ้า​ว่า​ยาโคบ​ต่อไป แต่​จะ​เรียก​ว่า อิสราเอล​เพราะ​เจ้า​สู้​กับ​พระ​เจ้า​และ​มนุษย์ และ​ได้​ชัย​ชนะ”29 ยาโคบจึง​ถาม​บุรุษ​ผู้​นั้น​ว่า “ขอ​ท่าน​บอก​ข้าพเจ้า​ว่า​ท่าน​ชื่อ​อะไร” แต่​บุรุษ​นั้น​กล่าว​ว่า “เหตุ​ไฉน​เจ้า​จึง​ถาม​ชื่อ​เรา” แล้ว​ก็​อวย​พร​ยาโคบ​ที่​นั่น​30 ยาโคบจึง​เรียก​สถานที่​นั้น​ว่า เปนี​เอล​ กล่าว​ว่า “เพราะ​ข้าพเจ้า​ได้​เห็น​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า แล้ว​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่”

ยาโคบขอแค่พระเจ้าอวยพร  เพราะหนทางข้างหน้า เขารู้ว่า เขากำลังจะพบกับความเสี่ยงว่า พี่ชายคือเอซาว จะไว้ชีวิตเขาหรือไม่ จากการที่ยาโคบหลอกลวงจนพี่ชายโกรธชนิดไม่ให้อภัยและลั่นวาจาว่า เจอหน้าวันใด จะฆ่ายาโคบ เขาต้องการแค่คำอวยพรจากพระเจ้า เพราะนั่นคือ ความหวังเดียวที่เขาจะมีชีวิตอยู่รอดพ้นจากผลลัพธ์ความบาปที่ตนเองทำไว้กับคนอื่น  และพระเจ้าได้พิสูจน์ว่า คำอวยพรของพระองค์ นอกจากยาโคบจะรอดชีวิต เพราะพี่ชายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คือรักน้องชาย แทนเกลียดชัง ยาโคบยังไปต่อพร้อมกับพระพร ที่มากเกินคาด

3.พระเยซูคริสต์…ผู้ทรงเลี้ยงดู  มีมากเพียงพอและให้เราอยู่ได้นาน

ยอห์น 21: 6,10-11 6 ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “จง​ทอด​อวน​ลง​ทาง​ด้านขวา​เรือ​เถิด​แล้ว​จะ​ได้​ปลา​บ้าง” เขา​จึง​ทอด​อวน​ลง​และ​ได้​ปลา​เป็น​อัน​มาก จน​ลาก​อวน​ขึ้น​ไม่ได้… ​10 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง​หลาย​ว่า “เอา​ปลา​ที่​ได้​เมื่อ​กี้​นี้​มา​บ้าง”11 ซีโมน​เปโตร​จึง​ลง​ไป​ใน​เรือ​แล้ว​ลาก​อวน​ขึ้น​ฝั่ง อวน​ติด​ปลา​ใหญ่​เต็ม มี​หนึ่ง​ร้อย​ห้า​สิบ​สาม​ตัว ถึง​มาก​อย่าง​นั้น​อวน​ก็​ไม่​ขาด​

นอกจากจะได้อิ่มในมื้อนั้นแล้ว พระองค์ยังทรงให้เรามีมากกว่า มากเกิน มากล้น บันทึกการนับปลาได้จำนวน 153 ตัว สำหรับการจับปลาครั้งเดียวด้วยการทอดอวน ไม่ธรรมดา อวนที่ไม่สามารถรองรับจำนวนปลาได้ขนาดนี้ แล้วยังไม่ขาด  นี่คือการอัศจรรย์ในการเลี้ยงดูของพระเยซูคริสต์   เพื่อให้สาวกได้มีความเชื่อ มั่นในการเลี้ยงดูของพระองค์

นกแต่ละชนิด กินอาหารไม่เหมือนกัน สังเกตที่ปากของนก อาหารที่เป็นเมล็ด และขนาดของเมล็ด หรือนกกินเนื้อ   นกเขากับนกแก้วที่ข้าพเจ้าเลี้ยง เป็นนกชนิดเล็ก ปากเล็ก กินแต่เมล็ดเล็กๆ ทำให้นกใหญ่ไม่มาแย่งกิน และนกบางชนิดที่น่ารำคาญ เช่นนกกางเขนก็ไม่มารบกวน นกพิราบก็ไม่มา ข้าพเจ้าจึงเลือกชนิดอาหารให้กับนกที่ข้าพเจ้าต้องการจะเลี้ยง  ได้ผล แม้อาหารจะเล็ก แต่ข้าพเจ้าให้จำนวนมาก ให้ได้นาน หมดช้า

ทำนองเดียวกัน บางครั้ง พระเจ้าทรงเลี้ยงดูเรา อย่างนกชนิดเล็ก กินคำเล็กๆ แต่มีมาก มีให้กินได้นานๆ และหมดช้า หรือไม่มีวันหมด อาเมน

4.ผู้ทรงเลี้ยงดู ทรงเลี้ยงเราอย่างชาญฉลาด

พระเยซูคริสต์เจ้า…ผู้ทรงเลี้ยงดู

By admin